สวัสดีค่ะ สำหรับกระทู้นี้เราจะมารีวิวการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
ณ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญนะจ๊ะบุรี เอ้ย กาญจนบุรี ค่ะ
ก่อนอื่นต้องขอเล่ารายละเอียดก่อนนะคะ
ทริปนี้เรามีโอกาสได้ไปเที่ยวกับบริษัทฯ ค่ะ
ถือว่าเป็น company trip เลยค่ะ
เราเดินทางท่องเที่ยวจากจังหวัดแถบภาคอีสานค่ะ วันแรกแวะเที่ยววัด เมืองเก่า อยุธยาและพักที่อัมพวา สมุทรสาครค่ะ
จากนั้นก็เดินทางยัง จ.กาญจนบุรี ผ่านเดินทางอันทรหดพอสมควรค่ะ ทางโค้ง ขึ้นเขา ลงเขา โหดมากๆพอสมควรเลยค่ะ แต่วิวข้างทางคือคุ้มค่ามากๆ
จำเส้นทางไม่ได้ว่าชื่อว่าอะไร แต่เป็นถนนที่ยังคงตามเป็นธรรมชาติอยู่มากๆค่ะ เส้นทางทองผาภูมิ สังขละบุรี (ไม่มั่นใจนะคะ ตรงนี้น่าจะแอบหลับบ้าง)
ก่อนที่จะถึง อ.สังขละบุรี เราแวะเที่ยวที่น้ำตกน้ำตกเกริงกระเวีย ค่ะ เป็นทางผ่านก่อนจะถึงตัวอำเภอสังขละบุรีค่ะ อยู่ติดถนนเลยค่ะ เดินเข้าไปนิดหน่อยก็ถึงน้ำตกเลยค่ะ เป็นน้ำตกเล็กๆ ที่มีคนเล่นเยอะพอสมควรเลยค่ะ ในวันที่เราไปเยือน
แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลยค่ะ เพราะตั้งใจว่าจะไปเล่นน้ำตก (ภาพที่เพื่อนถ่ายไว้ก็หาไม่เจอ)
ขอแก้มือครั้งที่ 2 นะคะ เพราะเราอยากไปเที่ยวอีกครั้ง
สถานที่คือ วัดวังก์วิเวการาม หรือ วัดหลวงพ่ออุตตมะ เรามาถึงช่วงบ่ายๆ ค่อยเกือบๆ เย็นเลยนะคะ
ที่วัดมีเจดีย์พุทธคยาจำลอง
เราได้ทำบุญไหว้พระและขอพรจากหลวงพ่อทันใจค่ะ
(เจดีย์พุทธคยาจำลอง สีสีทองอร่ามเลยค่ะ ถ่ายจากตอนนั่งเรือจำแม่น้ำนะคะ)
แต่ก่อนที่จะมาจุดนี้ พี่คนขับรถตู้จะพาไปศาลาที่มีหลวงพ่อท่านจะโยนสร้อยลูกประคำให้นะคะ เวลาที่เรากราบท่าน ท่านจะโยนสร้อยลูกประคำคล้องคอให้เราค่ะ ซึ่งเราก็แอบกังวลว่าเราจะได้รึป่าว ปรากฎว่าเราได้สร้อยลูกประคำค่ะ เราก็ไม่ได้ถามว่ามีใครเคยไม่ได้รึป่าว หลวงพ่อท่านน่าจะโยนแม่นด้วยค่ะ เพราะพี่ๆที่ไปคือได้สร้อยลูกประคำทุกคนจ้า
เช้าวันถัดมาเราก็เดินทางมาที่สะพานมอญ หรือ สะพานอุตตมานุสรณ์ ค่ะ
ซึ่งถือว่าเป็นจุดไฮไลค์ เป็นแลนค์มาร์ก เป็นจุดเช็คอินของ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เลยค่ะ
สะพานมอญเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
เป็นสะพานที่ชาวบ้านใช้ในการเดินทางข้ามแม่น้ำซองกาเลียไปยังหมู่บ้านมอญ
เราชอบมาก เป็นสะพานที่คลาสสิกสุด ไม่คิดว่าจะได้มาเห็นสะพานไม้ ที่ใหญ่โต สวยงาม และยาวมากๆ แบบนี้ค่ะ มันบรรยายไม่ได้เลยจริง
คือต้องมาเห็นด้วยตาของเราจริงๆค่ะ แล้วที่เสียดายในเสียดาย คือเราถือ ipad ไว้ในรถตู้จ้า ภาพที่ได้คือมาจากเพื่อนๆ ล้วนๆ
ฉันต้องมาอีกครั้งจริงๆจ้า
กิจกรรมแรก เป็นกิจกรรมยอดฮิตเลยค่ะ
เราแปลงโฉมเป็นหนุ่ม-สาวมอญ และรอตักบาตรค่ะ
บริเวณทางเดินจะมีร้านค้าที่ให้บริการเช่าชุดพร้อมชุดเซทในการตักบาตรนะคะ เลือกร้านได้ตามอัธยาสัยเลยค่ะ
(เรากันตั้งแต่เช้ามืดเลย แกงอันเองสุดๆ รอพระเกือบ 3 ชั่วโมงได้)
ความสามารถในการเทินของที่ต้องการจะยกด้วยศีรษะมีให้เห็นเป็นปกติเลยค่ะ วิถีนี้คือสุดยอดเก่งมากๆ เลยค่ะ
หลังจากทำบุญตักบาตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ใส่ชุดที่เช่ามาเดินเล่นชมวิวที่สะพานมอญได้เลยค่ะ
เด็กที่คอยแปะแป้งทานาคาที่แก้มของเราค่ะ สามารถเลือกลายให้น้องๆ ปั้มทานาคาที่แก้มได้เลยนะคะ น้องๆ น่ารักมาก
ส่วนค่าใช้จ่ายก็ (แล้วแต่จะให้) เลยค่ะ
จากนั้นก็เป็นกิจกรรมการนั่งเรือชมแม่น้ำซองกาเลียค่ะ
กิจกรรมนี้ต้องห้ามพลาดเลยนะคะ บนเรือจะมีไกด์คอยแนะนำและบอกเล่าประวัติความเป็นมาของสถานที่
เพราะนอกจากเราจะได้นั่งเรือชมวิวแล้ว เราจะไปชมวัดวังก์วิเวการาม หรือ วัดใต้น้ำ สังขละบุรี
บรรยายถึงบรรยากาศและความสวยงามอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ มีความสวยงาม ความเก่าแก่ของวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันไปหมด
แต่ทุกอย่างคือลงตัวมากๆ ปัจจุบันเก่าจมน้ำนะคะเนื่องจากมีการสร้างเขือน จึงได้มีการสร้างวัดใหม่มาทดแทนค่ะ
จากนั้นเรือจะแวะมาจอดเทียบฝั่งเพื่อให้เราได้เดินขึ้นเนินเพื่อไปที่ วัดสมเด็จ (เก่า)
ต้องเดินขึ้นเนินนิดหน่อยค่ะ เป็นวัดที่ไม่ได้จมน้ำเหมือนวัดวังก์วิเวการามเก่า
แต่ถูกทิ้งร้างไปค่ะ น่าจะมีสาเหตุมาจากการสร้างเขื่อน ซึ่งทำให้พื้นที่ตรงนี้ไม่สามารถเดินทางสัญจรได้ตามปกติ
เมื่อเรามาถึงจะมีไกด์ตัวน้อยๆ เข้ามาอธิบาย บรรยาย ประวัติความเป็นมาให้เราฟังค่ะ
ภายในโบสถ์เก่ามีพระประธานที่ยังคงมีความสมบูรณ์ และสวยงามมากๆเลยค่ะ
หลังจากจุดเทียน ธูป ถวายดอกไม้ ไหว้พระแล้ว เราก็เดินสำรวจบริเวณรอบๆโบสถ์ได้ค่ะ
รอบๆโบสถ์มีรากของต้นไทรปกคลุมเข้ามาภายในโบสถ์ ทำให้มีความสวยงามแบบธรรมชาติจริงๆค่ะ
ตัวโบสถ์มีความสวยงาม เก่าแก่ มีความขลังอีกแล้วค่าาา ประทับใจมากเลยค่ะ
จากนั้นเราก็ขึ้นเรือกลับไปยังท่าเทียบเรือสะพานมอญกันค่ะ ส่งคืนชุดที่เช่ามาให้เรียบร้อยนะคะ
ทริปนี้ไม่ได้ชิมอาหารมอญ หรือแวะทานโจ๊กที่สะพานมอญเลยค่ะ เสียดายมากๆ เพราะเวลาที่มีจำกัด รอบหน้าต้องได้ทานค่ะ
แต่เรากับมาทานอาหารเช้าที่ที่เราพักเมื่อคืนนี้แทนนะคะ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเราก็ต้องเก็บสัมภาระแล้วเดินทางไปยัง ด่านเจดีย์สามองค์ ค่ะ
ระหว่างทางก็จะมีด่านตรวจโดยทหารเป็นพักๆ นะคะ เส้นทางสวยงาม ธรรมชาติสุดๆค่ะ
จะมี เจดีย์สีขาว 3 องค์ที่ตั้งอยู่ค่ะ แล้วก็มีตลาดชายแดนให้เราได้เลือกซื้อเป็นของฝาก
มีทั้งของไทยและของพม่าเลยค่ะ
ได้ของฝากติดไม้ติดมือกันแล้ว ก็เดินทางกลับจ้า เราไม่ได้ข้ามไปฝั่งพม่านะคะ
เราเดินทางต่อไปยัง อ.ไทรโยค เพื่อไปเที่ยวชมทางรถไฟสายมรณะและล่องแพรอีก 1 คืนค่ะ
สรุปเลยนะคะ สังขละบุรี เป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ไทย มอญ พม่า ที่เราต้องไปซ้ำอีกครั้งค่ะ
เป็นเมืองที่มีธรรมชาติที่สวยงาม มีเสน่ห์ มีมนต์ขลัง มีวัฒนธรรมที่น่าศึกษา
เป็นเมืองน่ารักอีกเมืองนึงที่น่าเที่ยวค่ะ อยากให้ทุกท่านมาสัมผัสสังขละบุรีนะคะ
เพราะมาแล้วจะหลงรักและต้องอยากมาเที่ยวอีกครั้งแน่ๆ เหมือนเราเลยค่ะ
[CR] เที่ยวสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น