พิภพจอมนาง (ตุ๊ดทะลุมิติ) ตอนที่ ๒ สัตว์พันปี : บทที่ ๕ ทุกขลาภ

กระทู้สนทนา
สัตว์พันปี : บทที่ ๕ ทุกขลาภ

แว่นหลับตาแน่นขณะกระโดดหนีตายลงไปในบ่อน้ำร้อน ความลึกของจุดที่ตกลงไปอยู่ประมาณอก จึงต้องย่อตัวลงเพื่อให้ร่างกายจมลงไปทั้งหมด เขาเอาตัวรอดได้อย่างหวุดหวิดโดยไม่ถูกต่อทำร้าย ทว่าก็เบาใจไม่ได้ กุ้ยฮวากลั้นหายใจได้ไม่นาน จำเป็นต้องรีบขึ้นไปหาอากาศมาเติมให้ร่างกาย

แว่นไม่ได้ยินเสียงกระพือปีกของฝูงต่อเมื่ออยู่ใต้น้ำ ครั้นจะลืมตามองก็ไม่กล้า น้ำในบ่อมีอุณหภูมิสูง แม้ผิวหนังจะทนได้แต่ก็อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อดวงตา แว่นจึงถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก ปล่อยให้มันลอยขึ้นไปบนผิวน้ำ รอจนกลั้นหายใจไม่ไหวแล้ว จึงค่อยขึ้นไปสูดอากาศใต้เสื้อ

“ท่านหญิงอย่าเพิ่งโผล่หน้าออกมาเจ้าค่ะ ต่อมันยังไม่ไป” นางกำนัลคนหนึ่งตะโกนบอก

ขาดคำเสียงกระพือปีกของฝูงต่อรอบตัวแว่นก็หายไป พวกมันบินไปทางนางกำนัลที่หวังดีแทน เสื้อตัวนอกหนาเกินกว่าจะมองทะลุ แว่นจึงประเมินสถานการณ์จากเสียงเอา เขาได้ยินนางกำนัลหวีดร้องอย่างเจ็บปวด แสดงว่าคงถูกต่อยเพราะช่วยแว่น

“ทุกคนดำลงไปใต้น้ำก่อน อยู่เงียบๆ ห้ามใช้เสียงเด็ดขาด” แว่นสั่ง

เขาลงไปอยู่ใต้น้ำอีกครั้งแล้วค่อยๆ เคลื่อนตัวไปรวมกลุ่มกับคนอื่น เพื่อรอให้ฝูงต่อสงบไม่ก็มีคนมาช่วย

นางกำนัลที่แช่น้ำร่วมชะตากรรมกันกับแว่นมีทั้งหมดสามคน แม้ไม่ได้โผล่หน้าพ้นผ้าออกมาให้เห็น แว่นก็รู้ว่าพวกนางหวาดกลัวมาก จึงเอื้อมมือไปแตะแขน แล้ววาดนิ้วเป็นตัวอักษรบอกว่า ‘ไม่ต้องกลัว อยู่นิ่งๆ เอาไว้’

เขาทำอย่างนี้กับทุกคนจนครบ สักพักก็มีนางกำนัลคนหนึ่ง มาเขียนที่แขนของกุ้ยฮวาบ้าง

‘ข้าปวดเหลือเกิน ข้าจะตายไหม’

แว่นจึงตอบกลับไปว่า

‘เจ้าต้องไม่เป็นไร เชื่อข้าสิ’

แว่นสงสารนางกำนัลที่บาดเจ็บมาก หากถูกผึ้งหรือต่อยต้องรีบปฐมพยาบาลด้วยการเอาเหล็กไนออก แล้วประคบด้วยน้ำแข็ง ต้องมาทนแช่น้ำร้อนอย่างนี้ แผลยิ่งอักเสบไปกันใหญ่

‘อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวพวกมันก็ไปแล้ว’ แว่นเขียนข้อความให้กำลังใจเพิ่ม ทั้งที่สภาพตัวเองตอนนี้เริ่มแย่

ก่อนกุ้ยฮวาจะออกเดินทาง หลิ่งปินได้กล่าวเอาไว้ว่าอย่าได้แช่น้ำร้อนเกินครึ่งชั่วโมงเป็นอันขาด คำเตือนนี้ไม่ได้มีเอาไว้ให้แว่นปฏิบัติตามเท่านั้น แต่ยังเหมารวมคนสุขภาพแข็งแรงทุกคนด้วย การแช่น้ำร้อนมีผลดีต่อการไหลเวียนโลหิต แต่ถ้าแช่นานเกินไปเลือดจะมาสะสมที่ผิวหนัง เป็นเหตุให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ผลที่ตามมาคืออาการอ่อนเพลีย วิงเวียน ไม่ก็หมดสติ

ขณะนี้แว่นเริ่มมีอาการเวียนศีรษะมากขึ้นเป็นลำดับ

‘ไม่เกินห้านาทีได้เดี้ยงตายคาอ่างแน่ เมื่อไรพวกต่อจะไปสักที’

ฝืนทนแช่จนจวนเจียนจะเป็นลมพวกต่อก็ยังไม่เลิกราวี ดีที่ว่ามีคนมาช่วยเอาไว้ทัน วิธีการคือหาหน่วยกล้าตายมาล่อพวกมันออกไป รวมถึงใช้ไฟไล่ ในที่สุดต่อวายร้ายก็ล่าถอยไปจากบริเวณบ่อน้ำร้อน สบโอกาสให้พวกทหารหญิงที่มาช่วยพาตัวกุ้ยฮวาและบรรดานางกำนัลขึ้นมาจากน้ำ

ตอนพยายามขึ้นมาจากบ่อ แว่นหน้ามืดไปวูบหนึ่งแต่ไม่ถึงกับหมดสติ ดีที่ว่าได้ทหารหญิงร่างกำยำเป็นหลังยึดเลยไม่หงายหลังตกน้ำไป

“ท่านหญิงจะเป็นลม รีบพานางไปพักผ่อนเร็ว” ทหารที่เป็นหัวหน้าสั่ง

“ข้าไม่เป็นไร” แว่นปล่อยมือจากหลักยึดเพื่อไม่ให้แตกตื่น “มีนางกำนัลโดนต่อต่อย พานางไปรักษาก่อน”

แม้จะสั่งเช่นนั้นพวกทหารหญิงก็ยังให้ความสำคัญกุ้ยฮวามากกว่าคนอื่น จากบ่อน้ำพุร้อนต้องเดินขึ้นบันไดสูงชันเพื่อกลับที่พัก ทหารหญิงที่ร่างกายแข็งแรงสูงใหญ่ที่สุดในกลุ่มจึงให้ขี่หลังพาเดินขึ้นมา นางกระโดดขึ้นบันไดได้ทีละสี่ห้าขั้นแสดงว่ามีวรยุทธ์สูงกว่าคนอื่น แว่นจึงขอร้องให้ลงไปช่วยอุ้มพานางกำนัลที่บาดเจ็บขึ้นมาด้วย

“ได้เจ้าค่ะ” ทหารหญิงรับคำแข็งขัน

เมื่อนางผละไปแล้ว หน่อมก็ปราดเข้ามาหา ในมือมีผ้าห่มผืนใหญ่กับเสื้อคลุมอยู่ด้วย

“โดนกัดไหม เป็นอะไรหรือเปล่า”

เขาตกใจแทบแย่ตอนเห็นแว่นหนีตัวต่อลงไปในน้ำ หน่อมเห็นเพื่อนกำลังแย่เลยเร่งกลับขึ้นมาด้านบนเพื่อตามคนไปช่วย ทีแรกเขาจะตามลงไปด้วยแต่ถูกห้ามเอาไว้ จึงได้แต่รออย่างร้อนใจอยู่ตรงนี้

“ข้าปลอดภัยดี ฮองเฮากับองค์หญิงหกล่ะ”

“ปลอดภัยเหมือนกัน กำลังเปลี่ยนชุดกันอยู่”

“ได้ตามหมอมาไหม มีนางกำนัลบาดเจ็บสองคน”

“ให้ตามมาแล้ว อีกเดี๋ยวคงมาถึง”

พูดจบไม่ทันไร ด้านหลังก็มีใครคนหนึ่งกำลังวิ่งกระหืดกระหอบมา พร้อมแบกกล่องสีดำขนาดใหญ่ติดหลังมาด้วย พอเห็นกุ้ยฮวากับองค์หญิงลี่จูนางก็คุกเข่าทำความเคารพ

“หม่อมฉันเป็นหมอหญิงนามว่า ลู่จื่อถิงเพคะ”

แว่นพิจารณาหญิงสาวด้วยความสนใจ หมอหญิงถือเป็นอาชีพที่พบเห็นได้ยาก เนื่องจากไม่เป็นที่นิยมและไม่ได้รับการเชื่อถือจากคนไข้เท่าหมอชาย กระนั้นก็ยังพอมีหมอหญิงเก่งๆ ในราชสำนักอยู่บ้าง โดยส่วนใหญ่มักมาจากตระกูลแพทย์

“ไม่ทราบว่าท่านหญิงโดนต่อต่อยหรือไม่ แล้วอาการขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง” จื่อถิงถามอย่างนอบน้อม

“ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่มีนางกำนัลโดนต่อต่อย นั่นไง...มากันแล้ว”

ทหารหญิงที่มีวรยุทธ์อุ้มนางกำนัลคนหนึ่งมาพอดี นางกำนัลคนนี้โดนต่อยมากที่สุด ใบหน้านางซีดเผือด จมูกบวมเป่งแดงก่ำ จนเหมือนกำลังใส่หน้ากากตัวตลก

“ช่วยข้าด้วย ข้าปวดแผลเหลือเกิน” นางครวญครางอย่างทรมาน

นางกำนัลคนนี้คือคนที่เขียนมือถามแว่นในน้ำว่าจะตายไหม และเป็นคนเดียวกันกับที่ตะโกนบอกว่าอย่าเพิ่งโผล่หน้าขึ้นมา

“ฝากดูแลนางด้วย” แว่นกำชับหมอหญิง เพื่อที่นางกำนัลผู้เคราะห์ร้ายจะได้รับการรักษาที่ดีขึ้น

สังคมในวังแบ่งชนชั้นกันอย่างเข้มข้น ต่อให้แพทย์หลวงมีมนุษยธรรมดูแลคนไข้อย่างเต็มที่ ก็ไม่สามารถเบิกยาราคาแพงได้ เว้นแต่จะได้รับคำสั่ง

“ท่านหญิงโปรดวางใจเจ้าค่ะ” หมอหญิงตอบรับก่อนเข้าไปดูอาการ

นางสอบถามข้อมูลจากคนป่วยแล้วจับชีพจรเพื่อประเมินอาการ ทักษะของจื่อถิงดูเป็นระบบระเบียบตามตำราดี กระนั้นภาพรวมก็ยังดูเนิบนาบ ตรงข้ามกับหลิ่งปินอย่างสิ้นเชิง ถ้าเป็นท่านอาจารย์คงไม่พูดพลามทำเพลง ยัดยาแก้ปวดใส่ปากมาให้เลย แล้วค่อยเอาเหล็กในออกกับทำแผลให้

“รีบไปเปลี่ยนชุดเถอะ ที่นี่ลมแรงเดี๋ยวจะป่วยเอานะ” หน่อมเตือนเมื่อเห็นเพื่อนยังพะวงกับคนเจ็บ

แว่นพยักหน้ารับแล้วทำตามอย่างว่าง่าย หมอหญิงคนนี้ทำอะไรเชื่องช้า แต่เขาก็ไม่คิดดูถูก นางอายุมากกว่ากุ้ยฮวาไม่ถึงสิบปีแต่ได้ตามเสด็จฮองเฮา แสดงว่ามีความสามารถพอตัว


สำนักชีที่ฮองเฮาเสด็จมาพำนักอยู่ในขณะนี้ แต่เดิมมีเพียงที่พักของเหล่านักบวชและอารามเล็กๆ ตั้งอยู่เท่านั้น ก่อนพระนางจะเสด็จจึงมีการก่อสร้างเพิ่มเติม ต่อขยายอาคารออกไปจนส่วนที่พักอาศัยใหญ่โตมากขึ้น ทั้งยังตกแต่งอย่างงดงามเพื่อให้สมพระเกียรติ

ช่างหลวงซึ่งเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างได้ออกแบบห้องแปดเหลี่ยม หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เพื่อให้ฮองเฮาทรงใช้เป็นที่ผ่อนคลายอิริยาบถ พระนางชื่นชอบทิวทัศน์ของขุนเขา จึงมักประทับอยู่ที่นี่ในยามบ่ายเสมอ หลังเจอเรื่องไม่ดีมา องค์หญิงเหวินหงจึงจัดแจงให้เสด็จแม่มาพักผ่อนที่ห้องนี้

“ยังไม่มีคนมารายงานอีกหรือ ข้าร้อนใจจริง” ฮองเฮาทรงชะเง้อมองออกไปยังเฉลียงทางเดิน

ตอนที่ถูกต่อโจมตีพระนางกับพระธิดาหนีมาอย่างเร่งรีบ เมื่อพ้นจากเขตอันตรายแล้วจึงพบว่ากุ้ยฮวาหายไป สอบถามก็ได้ความว่านางหนีลงบ่อน้ำร้อน ขณะนี้พวกทหารหญิงกำลังหาทางช่วยไล่ต่อให้อยู่

“เสด็จแม่อย่าห่วงเลยเพคะ กุ้ยฮวาเป็นคนตะโกนเตือนทุกคน คงเอาตัวรอดได้อยู่หรอก” องค์หญิงเหวินหงเอ่ยอย่างมั่นใจ

“กุ้ยฮวาอ่อนแอ เกิดเป็นล้มเป็นแล้งในน้ำขึ้นมาจะทำอย่างไร” ฮองเฮาทรงแย้ง “แล้วองค์หญิงสิบเล่า หายไปไหนเสียแล้ว”

ฮองเต้ทรงฝากฝังให้ดูแลพระธิดาองค์โปรดเป็นพิเศษ ลี่จูเป็นเด็กเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่ก็พร้อมจะเสียสละเพื่อปกป้องคนอื่น คราวก่อนก็หลงป่าไปกับกุ้ยฮวาครั้งหนึ่งแล้ว หนนี้เผลอปล่อยให้คลาดสายตาไม่รู้ว่าจะทำอะไรหุนหันไหม

“น้องสิบคงรอฟังข่าวกุ้ยฮวาอยู่ด้านนอก ถ้าเสด็จแม่เป็นห่วง ลูกจะไปดูให้”

องค์หญิงหกอาสาเพื่อหาเหตุไปยังบ่อน้ำร้อน นางไม่กลัวตัวต่อเพราะมีวรยุทธ์กล้าแข็ง ที่ก่อนหน้านี้ต้องล่าถอยออกมาเพราะห่วงความปลอดภัยของพระมารดา

เสด็จแม่สืบสายเลือดมาจากตระกูลนักรบ แต่กลับไม่ได้รับอนุญาตให้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ เพราะถูกเลือกโดยราชสำนักเจียงเฉียงให้นำตัวมายังเมืองหลวง เพื่อแสดงถึงความภักดี

องค์หญิงม่านฉีหรือก็คือฮองเฮาถูกส่งมาเป็นตัวประกันตั้งแต่อายุสิบขวบ นางถูกอบรมตามขนบของราชสำนัก ให้เป็นกุลสตรีที่ดีพร้อมเหมาะเป็นช้างเท้าหลัง ตรงกันข้ามกับประเพณีนิยมของแคว้นหรงซิ่ง ที่มีคำกล่าวว่า ‘สตรียอดยุทธ์จึงทรงเสน่ห์’
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่