สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
การรบครั้งที่ 5 แม่ทัพ คือ แยจออากา กำลังพล 1,000 นาย
= หลังจากตระเตรียมคนพร้อมแล้ว บ้านป่าโมก(นายขนมต้ม)ก็เริ่มลงมือ หลังจากรู้เรื่องทหารพม่ากองใหม่ แม้จะขลุกขลักไปบ้าง แต่บ้านป่าโมกจัดคนบุกไปฆ่าหมวดย่อย(49 นาย)ของแยจออากา ที่ปล่อยอิสระออกไปปล้นชาวบ้านตายเรียบ
แยจออากาก็นำกองพันทหารที่ไม่ครบจำนวนไปบุกบ้านระจันและก็พ่ายแพ้อีก ใน=นายขนมต้ม= แยจออากาก็ถูกวีรชนระจันฆ่าตายไปอีกศพ แน่นอนเหล่า"พระเอก"ทั้งหลาย ยังคงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่
การรบครั้งที่ 6นายทัพพม่าครั้งที่ 6 นี้คือ จิกแก ปลัดเมืองทวาย คุมพล 1000 เศษ ฝ่ายไทยมีชัยชนะอีกเช่นเคย
= ครั้งนี้ ระหว่างเคลื่อนทัพผ่านคลองฉมาก กองพันของจิกแก ก็โดนคนบ้านป่าโมกโจมตีตัดกองหลัง เสียทหารไปนับร้อยนาย ก่อนจะไปพ่ายที่บางระจันอีก
จบศึกนี้ ฉบับนิยาย ทัพจะได้ม้าตัวใหม่มาแทนเจ้าเลา และ ม้าอื่นที่ยึดได้อีก 6-7 ตัว และเริ่มจะทำกองม้าคำหยาดใหม่ พระเอกคนอื่นยังไม่ได้ทำอะไรมากกว่างานทั่วไป
เมืองใจปรากฎตัวกลับมาที่ค่ายระจันอีกครั้ง พร้อมชายแปลกหน้านาม ศิโรต์ที่บอกว่าตัวเองมาจากกรุงเทพ มีทหารพม่ารอดกลับไปได้เล่าถึง "ปืนวิเศษ"ที่ยิงได้หลายนัด ไม่ต้องตอกดินบรรจุ..
ขุนไกร(สายโลหิต) หลวงแสน(กรุงแตก ) คงยังตั้งหน้ากับงานสอนอาวุธเรื่อยไป เนื่องจากมีศรีภรรยาเป็นตัวเป็นตนทั้งคู่
การรบครั้งที่ 7 แม่ทัพ คือ อากาปันคยี กำลังพล 1,000 นาย ข้อมูลบางแหล่งอ้างว่า มีกองม้ามาด้วยนับร้อยนาย(ไม่รู้เอามาจากไหน)ครั้งนี้ก็เป็นอีกรอบที่มีการบรรยายต่อสู้ยาวพอสมควร แต่โดยสรุปคือ แม่ทัพถูกปืนยิงตาย ส่วนทหารตายละลายยกกองพัน มีพูดถึงฝั่งบ้านระจันที่ให้มือปืนจำนวนมากๆรับทหารม้าพม่า
= ตำบลป่าโมกเริ่มมีแววแตกแยกหนักข้อเรื่อยๆ การส่งคนไปโจมตีตัดกำลังทัพพม่ายังคงดำเนินไป กองพันของอากาปันคยีโดนตลบท้ายขบวน เสียทหารไป เกือบๆ 200 นาย แต่ก็สวนกลับคนป่าโมกตายไปหลายสิบ
ขนมต้ม เข้าร่วมรบอย่างเต็มตัวในการปะทะนี้
ในนิยาย ทัพแสดงฝีมือกองม้าใหม่ จัดการกองหน้าของอากาปันคยี เปิดทางให้พวกอื่นเข้ากวาดทหารพม่าเรียบ
ศิโรตน์ ทำปืนพกหาย เลยต้องไปหัดดาบกับเมืองใจ และ ต่อสู้ด้วยดาบจริงๆแบบโบราณครั้งแรกในรอบนี้
การรบครั้งที่ 8 แม่ทัพ คือ สุคยี(สุกี้พระนายกอง) กำลังพล 2,000 คน ปืนใหญ่จำนวนหนึ่ง ด้วยกลยุทธ"บังตัว ยิงปืน"ที่สุคยีคิดขึ้นมา ทำให้ชาวค่ายระจันไม่สามารถใช้ความได้เปรียบเรื่องชำนาญพื้นที่เข้าต่อสู้ได้อีก ชาวค่ายจำนวนมาก รวมถึงวีรชนบางคนถูกพม่าฆ่าตายเสียเอง ทำให้ต้องคิดเรื่องปืนใหญ่อีกครั้ง
=ขนมต้มถูกคู่อริในป่าโมกลอบทำร้าย การส่งข่าวเลยล่าช้า ทำให้ตำบลป่าโมกไม่สามารถเตรียมคนและแผนไปตัดกำลังพม่าทันเวลา
พี่ชายของเฟื่องเสียชีวิตช่วงนี้(นิยาย)
คณะนำสาร ได้แก่ ขุนไกร,หลวงแสน,เมืองใจ,ศิโรตน์ เข้าไปในอยุธยาเพื่อขอปืนใหญอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ อยุธยาให้ส่งพระยารัตนาธิเบศน์ไปหล่อปืนใหญ่แทน ส่วนทัพยังค้างในค่าย
คณะวงแหวน เอ๊ย คณะหล่อปืนจากพระนครฯประกอบด้วย พระยารัตนาธิเบศน์(สายโลหิต),หมื่นทิพย์(สายโลหิต),หลวงแสน(กรุงแตก),คุณชายแสน(ฟ้าใหม่) ได้เดินทางไปบางระจัน ต่างคนต่างจุดประสงค์....
ขุนไกรถูกหมายสั่งให้ไปคุมกำลังเฝ้าพระนครที่ป้อมเพชร ไม่ได้ไปที่ค่ายระจันอีก
ผลงานพระยารัตนาธิเบศน์+หมื่นทิพย์ ได้ปืนใหญ่ร้าวรอยยาวมา 2 กระบอก คุณชายแสน(ฟ้าใหม่)หน้าเครียด มีคนแอบเห็น 1 พระยา อีก 1 ทหารขายชาติแอบยิ้มหัวมีปริศนา
หลวงแสน(กรุงแตก)กะคิดบัญชีพระยารัตนาธิเบศน์ แต่พบว่าขุนนางใหญ่ขายชาติหนีออกจากค่ายไปพร้อมกับหมื่นทิพย์ ตัวพระยาฯหนีไปสมทบกับกรมหมื่นเทพพิพิธ ส่วนหมื่นทิพย์กลับไปดำเนินงานไส้ศึกบ่อนทำลายในกรุงต่อ
คุณชายแสน(ฟ้าใหม่)เลือกขออยู่สู้ต่อในค่ายระจัน
เมื่อค่ายระจันอ่อนกำลังลงมาก สุคยีจึงระดมกำลังโจมตีค่ายเต้มอัตรา ผล ค่ายแตก ทัพ สังข์ แแฟง และ คนจากคำหยาดเสียชีวิตหมด หลวงแสน(กรุงแตก)ตายในการต่อสู้ ส่วนเมืองใจ คุณชายแสน ศิโรตน์เจ็บสาหัสรอดมาได้หวุดหวิด
หลังค่ายระจันแแตก จากเหตุการณ์ทำร้ายคนสอดแนม(ขนมต้ม) บ้านป่าโมกแตกเป็น 2 พวก โจมตีกันเอง ในป่าโมกก็เปิดศึกในกับข้างที่ทำร้ายขนมต้ม สุดท้ายฝ่ายหลังหนีออกจากตำบลไปเรียกทหารพม่ามากวาดล้างป่าโมกวายวอด
สรุปส่งท้าย
ทัพ = เสียชีวิตในค่ายระจัน
ขุนไกร = อยู่รักษาป้อมเพชรจนกรุงแตก ภายหลังได้เข้าร่วมกับกำลังของพระเจ้ากรุงธนฯกลับมาแก้แค้น ฆ่าสุคยีที่ค่ายโพธฺ์สามต้นสำเร็จ ได้รับราชการในสมัยธนบุรีต่อ จนเสียชีวิตในปี 2318 ระหว่างรบกับพม่าที่พิษณุโลก
ขนมต้ม = รอดชีวิตเนื่องจากไม่ได้ร่วมกับบ้านระจัน หรือ อยู่ป่าโมกตอนถูกพม่าบุก แต่ก็ถูกพม่ากุมตัวเป็นเชลยตอนเสียกรุงฯ ภายหลังถูกจัดไปเปรียบมวยกับพม่า จนเป็นเรื่องเล่า
หลวงแสน = เสียชีวิตในค่ายระจัน
เมืองใจ = เจ็บสาหัสจากค่ายระจัน กลับไปพระนคร ก็เสียชีวิตในการต่อสู้กับทหารพม่าตอนเสียกรุงฯ
คุณชายแสน = รอดชีวิตจากค่ายระจัน กลับมาอยุธยาได้ระยะนึงก่อน ตามพระยาตากไปทาง ภ.ตะวันออก ได้รับราชการต่อมาในสมัยธนบุรี-รัตนโกสินทร์
= หลังจากตระเตรียมคนพร้อมแล้ว บ้านป่าโมก(นายขนมต้ม)ก็เริ่มลงมือ หลังจากรู้เรื่องทหารพม่ากองใหม่ แม้จะขลุกขลักไปบ้าง แต่บ้านป่าโมกจัดคนบุกไปฆ่าหมวดย่อย(49 นาย)ของแยจออากา ที่ปล่อยอิสระออกไปปล้นชาวบ้านตายเรียบ
แยจออากาก็นำกองพันทหารที่ไม่ครบจำนวนไปบุกบ้านระจันและก็พ่ายแพ้อีก ใน=นายขนมต้ม= แยจออากาก็ถูกวีรชนระจันฆ่าตายไปอีกศพ แน่นอนเหล่า"พระเอก"ทั้งหลาย ยังคงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่
การรบครั้งที่ 6นายทัพพม่าครั้งที่ 6 นี้คือ จิกแก ปลัดเมืองทวาย คุมพล 1000 เศษ ฝ่ายไทยมีชัยชนะอีกเช่นเคย
= ครั้งนี้ ระหว่างเคลื่อนทัพผ่านคลองฉมาก กองพันของจิกแก ก็โดนคนบ้านป่าโมกโจมตีตัดกองหลัง เสียทหารไปนับร้อยนาย ก่อนจะไปพ่ายที่บางระจันอีก
จบศึกนี้ ฉบับนิยาย ทัพจะได้ม้าตัวใหม่มาแทนเจ้าเลา และ ม้าอื่นที่ยึดได้อีก 6-7 ตัว และเริ่มจะทำกองม้าคำหยาดใหม่ พระเอกคนอื่นยังไม่ได้ทำอะไรมากกว่างานทั่วไป
เมืองใจปรากฎตัวกลับมาที่ค่ายระจันอีกครั้ง พร้อมชายแปลกหน้านาม ศิโรต์ที่บอกว่าตัวเองมาจากกรุงเทพ มีทหารพม่ารอดกลับไปได้เล่าถึง "ปืนวิเศษ"ที่ยิงได้หลายนัด ไม่ต้องตอกดินบรรจุ..
ขุนไกร(สายโลหิต) หลวงแสน(กรุงแตก ) คงยังตั้งหน้ากับงานสอนอาวุธเรื่อยไป เนื่องจากมีศรีภรรยาเป็นตัวเป็นตนทั้งคู่
การรบครั้งที่ 7 แม่ทัพ คือ อากาปันคยี กำลังพล 1,000 นาย ข้อมูลบางแหล่งอ้างว่า มีกองม้ามาด้วยนับร้อยนาย(ไม่รู้เอามาจากไหน)ครั้งนี้ก็เป็นอีกรอบที่มีการบรรยายต่อสู้ยาวพอสมควร แต่โดยสรุปคือ แม่ทัพถูกปืนยิงตาย ส่วนทหารตายละลายยกกองพัน มีพูดถึงฝั่งบ้านระจันที่ให้มือปืนจำนวนมากๆรับทหารม้าพม่า
= ตำบลป่าโมกเริ่มมีแววแตกแยกหนักข้อเรื่อยๆ การส่งคนไปโจมตีตัดกำลังทัพพม่ายังคงดำเนินไป กองพันของอากาปันคยีโดนตลบท้ายขบวน เสียทหารไป เกือบๆ 200 นาย แต่ก็สวนกลับคนป่าโมกตายไปหลายสิบ
ขนมต้ม เข้าร่วมรบอย่างเต็มตัวในการปะทะนี้
ในนิยาย ทัพแสดงฝีมือกองม้าใหม่ จัดการกองหน้าของอากาปันคยี เปิดทางให้พวกอื่นเข้ากวาดทหารพม่าเรียบ
ศิโรตน์ ทำปืนพกหาย เลยต้องไปหัดดาบกับเมืองใจ และ ต่อสู้ด้วยดาบจริงๆแบบโบราณครั้งแรกในรอบนี้
การรบครั้งที่ 8 แม่ทัพ คือ สุคยี(สุกี้พระนายกอง) กำลังพล 2,000 คน ปืนใหญ่จำนวนหนึ่ง ด้วยกลยุทธ"บังตัว ยิงปืน"ที่สุคยีคิดขึ้นมา ทำให้ชาวค่ายระจันไม่สามารถใช้ความได้เปรียบเรื่องชำนาญพื้นที่เข้าต่อสู้ได้อีก ชาวค่ายจำนวนมาก รวมถึงวีรชนบางคนถูกพม่าฆ่าตายเสียเอง ทำให้ต้องคิดเรื่องปืนใหญ่อีกครั้ง
=ขนมต้มถูกคู่อริในป่าโมกลอบทำร้าย การส่งข่าวเลยล่าช้า ทำให้ตำบลป่าโมกไม่สามารถเตรียมคนและแผนไปตัดกำลังพม่าทันเวลา
พี่ชายของเฟื่องเสียชีวิตช่วงนี้(นิยาย)
คณะนำสาร ได้แก่ ขุนไกร,หลวงแสน,เมืองใจ,ศิโรตน์ เข้าไปในอยุธยาเพื่อขอปืนใหญอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ อยุธยาให้ส่งพระยารัตนาธิเบศน์ไปหล่อปืนใหญ่แทน ส่วนทัพยังค้างในค่าย
คณะวงแหวน เอ๊ย คณะหล่อปืนจากพระนครฯประกอบด้วย พระยารัตนาธิเบศน์(สายโลหิต),หมื่นทิพย์(สายโลหิต),หลวงแสน(กรุงแตก),คุณชายแสน(ฟ้าใหม่) ได้เดินทางไปบางระจัน ต่างคนต่างจุดประสงค์....
ขุนไกรถูกหมายสั่งให้ไปคุมกำลังเฝ้าพระนครที่ป้อมเพชร ไม่ได้ไปที่ค่ายระจันอีก
ผลงานพระยารัตนาธิเบศน์+หมื่นทิพย์ ได้ปืนใหญ่ร้าวรอยยาวมา 2 กระบอก คุณชายแสน(ฟ้าใหม่)หน้าเครียด มีคนแอบเห็น 1 พระยา อีก 1 ทหารขายชาติแอบยิ้มหัวมีปริศนา
หลวงแสน(กรุงแตก)กะคิดบัญชีพระยารัตนาธิเบศน์ แต่พบว่าขุนนางใหญ่ขายชาติหนีออกจากค่ายไปพร้อมกับหมื่นทิพย์ ตัวพระยาฯหนีไปสมทบกับกรมหมื่นเทพพิพิธ ส่วนหมื่นทิพย์กลับไปดำเนินงานไส้ศึกบ่อนทำลายในกรุงต่อ
คุณชายแสน(ฟ้าใหม่)เลือกขออยู่สู้ต่อในค่ายระจัน
เมื่อค่ายระจันอ่อนกำลังลงมาก สุคยีจึงระดมกำลังโจมตีค่ายเต้มอัตรา ผล ค่ายแตก ทัพ สังข์ แแฟง และ คนจากคำหยาดเสียชีวิตหมด หลวงแสน(กรุงแตก)ตายในการต่อสู้ ส่วนเมืองใจ คุณชายแสน ศิโรตน์เจ็บสาหัสรอดมาได้หวุดหวิด
หลังค่ายระจันแแตก จากเหตุการณ์ทำร้ายคนสอดแนม(ขนมต้ม) บ้านป่าโมกแตกเป็น 2 พวก โจมตีกันเอง ในป่าโมกก็เปิดศึกในกับข้างที่ทำร้ายขนมต้ม สุดท้ายฝ่ายหลังหนีออกจากตำบลไปเรียกทหารพม่ามากวาดล้างป่าโมกวายวอด
สรุปส่งท้าย
ทัพ = เสียชีวิตในค่ายระจัน
ขุนไกร = อยู่รักษาป้อมเพชรจนกรุงแตก ภายหลังได้เข้าร่วมกับกำลังของพระเจ้ากรุงธนฯกลับมาแก้แค้น ฆ่าสุคยีที่ค่ายโพธฺ์สามต้นสำเร็จ ได้รับราชการในสมัยธนบุรีต่อ จนเสียชีวิตในปี 2318 ระหว่างรบกับพม่าที่พิษณุโลก
ขนมต้ม = รอดชีวิตเนื่องจากไม่ได้ร่วมกับบ้านระจัน หรือ อยู่ป่าโมกตอนถูกพม่าบุก แต่ก็ถูกพม่ากุมตัวเป็นเชลยตอนเสียกรุงฯ ภายหลังถูกจัดไปเปรียบมวยกับพม่า จนเป็นเรื่องเล่า
หลวงแสน = เสียชีวิตในค่ายระจัน
เมืองใจ = เจ็บสาหัสจากค่ายระจัน กลับไปพระนคร ก็เสียชีวิตในการต่อสู้กับทหารพม่าตอนเสียกรุงฯ
คุณชายแสน = รอดชีวิตจากค่ายระจัน กลับมาอยุธยาได้ระยะนึงก่อน ตามพระยาตากไปทาง ภ.ตะวันออก ได้รับราชการต่อมาในสมัยธนบุรี-รัตนโกสินทร์
แสดงความคิดเห็น
=timeline บางระจัน=
ก็เลยจะลองเรียบเรียงไทม์ไลน์ ว่า วีรชนจากวัฎจักรไหน ทำอะไรอยู่ ในช่วงเวลาของบางระจัน ซึ่งจะนับ เฉพาะ รายที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับบ้านระจันด้วยจริงๆ ไม่คัด รายที่มีชีวิตร่วมสมัย แต่ไม่ได้แวะข้องกับบ้านระจัน แบบ เทียน(นิราศ 2 ภพ) หรือ พระยาตาก(สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช)
ต้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2308 กองทัพของเนเมียวสีหบดีรุกเข้าสู่อาณาจักรอยุธยา ได้มาหยุดอยู่ที่เมืองวิเศษชัยชาญ และจัดให้ทหารพม่ากองหนึ่งเที่ยวกวาดต้อนทรัพย์สินและผู้คนทางเมืองวิเศษชัยชาญ ราษฎรต่างพากันโกรธแค้นต่อการกดขี่ข่มเหงของทหารพม่า จึงได้หลอกลวงทหารพม่านำไปหาทรัพย์สิ่งของที่ต้องการ ทหารพม่าหลงเชื่อตามไป ก็ถูกนายโชติและพรรคพวกซุ่มอยู่บุกเข้ามาฆ่าฟันพม่าตายประมาณ 20 คน แล้วจึงพากันหนีไปยังบางระจัน
= เมืองใจ(อตีตา) เข้ามาร่วมตั้งแต่ช่วงก่อตั้ง
การรบครั้งที่ 1ทหารพม่าที่เมืองวิเศษชัยชาญยกพลมาประมาณ 100 เศษ มาตามจับพันเรืองเมื่อถึงบ้านบางระจัน ก็หยุดอยู่ ณ ฝั่งลำธารบางระจัน นายแท่นจัดคนให้รักษาค่ายแล้วนำคน 200 ข้ามแม่น้ำไปรบกับพม่า ทหารพม่าล้มตายหมดเหลือแต่ตัวนายสองคนขึ้นม้าหนีไปได้
= ส่วนนี้ อยู่ในฉากแรกของละครตอนที่ 1 เลย แต่ย่อสเกล ที่ควรจะเป็นการจ่อสู้ของคนนับร้อยๆ เหลือแค่ ทหารม้าสิบกว่าคนตามล่าพันเรือง จนถูกวีรชนที่เหลือเข้ามารุมรบจนตายหมด
การรบครั้งที่ 2เนเมียวสีหบดีจึงแต่งให้งาจุนหวุ่น คุมพล 500 มาตีค่ายบางระจัน นายแท่นก็ยกพลออกรบ ตีทัพพม่าแตกพ่ายล้มตายเป็นอันมาก
= ทัพ(บางระจัน) และ กองม้าคำหยาดเข้าร่วมกับคนระจันตั้งแต่ศึกนี้ ฉ.นิยาย จะเปิดสำแดงกลยุทธ์ใช้กองม้าคำหยาดของตัวเอง 30 นาย จัดการกับ ทหารม้าพม่า 50 นาย จนอยู่หมัด
ทัพพม่าได้เกณฑ์ทหารเพิ่มเป็น 700 คน ให้เยกินหวุ่นคุมพลยกมาตีค่ายบางระจัน ทัพพม่าก็ถูกตีแตกพ่ายอีกเป็นครั้งที่ 2
= ฉบับนิยาย ทัพจิตตกเรื่องจึงไม่ได้ออกไปรบในรอบนี้ เพื่อน 2 จึงออกไปคุมกองม้าแทน แต่ครั้งนี้ เนื่องจากขาดหัวหน้าที่มีฝีมือคุมกำลังไป ทำให้กองม้าคำหยาดละลายแลกกันตายไปกับกองม้าพม่า ซึ่งเจ้าเลา(ม้า)ก็ล้มศึกนี้ด้วย สังข์ ไม่ก็ ขาบ(จำคลาดเคลื่อน) เสียชีวิตลงที่ตรงนี้ ส่วนเวอร์ชั่นโทรทัศน์จะยืดอายุคู่นี้ และ พรรคพวกของทัพไปอีกหน่อย
การรบครั้งที่ 3 แม่ทัพพม่า คือ ติงจาโบ กำลังพล 900 นาย บุกมาต่อหมายไม่ให้ ฝ่ายชาวค่ายหยุดพักหายใจ
= หลังจากเสียกองม้าไป หลังจากนี้ ทัพจะแปรสภาพไปเป็นพลรบเดินเท้าแทน แล้วจะแสดงฝีมือการรบแบบกองโจรในศึกนี้
จบศึกนี้นี้เอง ที่ชื่อเสียงบ้านระจันเริ่มกล่าวถึงไปถึงที่ต่างๆ คนจากที่ต่างๆเริ่มมารวมมากขึ้น ซึ่งจากตรงนี้ไป ขุนไกร(สายโลหิต) และ หลวงแสน(กรุงแตก) ซึ่งพ่ายมาจากป้อมวิไชยประสิทธ์ เมืองธนบุรี จะเข้ามาร่วมกับบ้านระจัน และ เริ่มต่อสู้กับพม่าตั้งแต่หลังจากนี้ โดยทั้งคู่(?)มีงานสำรองเวลาว่างคือ สอนอาวุธให้ชาวค่าย
ที่ตำบลป่าโมก(นายขนมต้ม) ก็รู้เรื่องบ้านระจันต่อสู้กับพม่า แต่เนื่องจากอยู่ระหว่างตระเตรียมคนและยังมีปัญหาภายในสุดท้ายก็ไม่ได้นำคนไปรวมกับบ้านระจัน แต่ก็ตัดสินใจจะช่วยเหลือบ้านระจันหนทางอื่น คือ ช่วยตีตัดกำลังพม่าที่จะยกพลไปถล่มค่ายระจัน
ขนมต้ม อาสาเป็นคนสอดแนม ให้ป่าโมก
การรบครั้งที่ 4การที่พม่าแพ้ไทยหลายครั้งเช่นนี้ ทำให้พม่าเริ่มจัดเต็ม โดยส่งทหาร 1,000 คน ทหารม้า 60 สุรินจอข่องเป็นนายทัพ พม่ายกทัพมาตั้งที่บ้านห้วยไผ่ (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง) ในขณะที่บ้านระจันก็ตอบโต้อย่างเต็มเหนี่ยว การสู้รบรอบนี้ถูกบึนทึกโดยละเอียด แต่ขอสรุปผลย่นย่อ คือ พ่อบ้านแท่นโดน=ลูกปืนปักเข่า= ส่วนสุรินจอข่องตายในที่รบ ทัพพม่าถูกโจมตีขณะพักทัพจนแตกพ่าย
= ทัพ กลายเป็นหัวหอกในการต่อสู้ ใน โดยใน=บางระจัน=เป็นคนนำกลุ่มมือดาบที่สอนมาใหม่ บุกฝ่าไปตัดหัวสุรินจอข่องได้( เนื่องจากบันทึกบอกแค่ว่า "พลรบ" ไม่ได้ระบุชื่อ อ.ก้าน จึง วางตัวเป็น ทัพ)
ส่วนขุนไกร,หลวงแสน ก็ได้เข้าร่วมการรบเช่นกัน ถึงจะไม่ได้เป็นคนนำกำลัง แต่ก็น่าจะมือดาบที่มีส่วนในการฆ่าทหารพม่าได้มาก
-จุดจบสุรินจอข่องอื่นๆนั้น ภาพทั่วไปมักจะให้บทเป็นพ่อแท่น บุกไปฆ่าสุรินทจอข่อง( สายโลหิต,ฟ้าใหม่,อตีตา)
- เวอร์ชั่นภาพยนตร์ ตุณธนิตย์(2542) สุรินจอข่อง ถูกขุนสรรค์ยิงปืนเข้าใกล้ปอดอาการสาหัส กลับไปตายที่ค่าย ก่อนจะปิดฉากตามพงศาวดาร คือ ถูก คนระจันตามมาถล่มทัพถึงป่าก่อนจะได้ตั้งหลัก จริงๆแม่ทัพพม่าที่ถูกฆ่ารูทนี้ คือ อากาปันคยี
เมื่อการต่อสู้จบลง ผู้นำค่ายปรึกษากันว่าพม่าเริ่มลงมือโจมตีจริงจังแล้ว สมควรจะมีปืนใหญ่ ด้วยเหตุนี้ วินัย ไกรบุตร(พ่ออิน+เมืองใจ) ก็ได้ควบม้าไปยังพระนครฯ แต่กลับกลายเป็นว่า เมื่อ วินัย/เมืองใจ ไปถึงกรุงศรีฯกลับไม่พบนครหลวงอโยธา กลับไปเจอ ซากหิน,วัง,กำแพง รายรอบไปด้วยคนที่แต่งกายพูดจาสำเนียงที่ไม่คุ้นเคยแทน ส่วนวินัย/อิน ไปถึงกรุงศรีฯสำเร็จ แต่ได้คำตอบปฎิเสธการส่งปืนใหญ่มาในเบื้องต้น
ขนมต้ม กับ เพื่อนสนิท เริ่มงานในการออกสอดแนม