เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเมื่อประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ของเกาหลีใต้
ประกาศกฎอัยการศึกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เกาหลีในรอบเกือบ 50 ปี ตามมาด้วยความวุ่นวายต่างๆ
ยังดีที่กลไกทางการเมืองของเค้าเข้มแข็งมากพอ ทำให้ทุกอย่างจบภายในระยะเวลาไม่ถึง 5 ชั่วโมง
แต่นับจากนี้ถือได้ว่าเดิมพันการเมืองของประธานาธิบดียุนจบสิ้นแล้ว เขาต้องรับมือกับสิ่งที่เขาก่อไว้
เดินหมากพลาด ก็คือจบทั้งกระดานจริงๆ.. และผมมั่นใจว่าอีกสัก 10 ปีข้างหน้า
ผมคงได้เห็นประวัติศาสตร์การเมืองในค่ำคืนวันนั้น ออกมาในรูปแบบของภาพยนตร์อย่างแน่นอน..
เพราะพล็อตแบบนี้มันสร้างได้ชัวร์ อ่ะ กลับเข้าเรื่องของเรา เพราะเรื่องราวในหนังที่ผมจะรีวิวในวันนี้ก็คล้ายคลึงกัน
เหตุการณ์เริ่มและจบลงในคืนเดียว....อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น... กับ 12.12: The Day วันยึดกรุงโซล....
หลังวันสังหารประธานาธิบดีพัค จอง-ฮี..ได้มีการสอบสวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ
ในกระบวนการตามรัฐธรรมนูญเรื่องผู้สืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี เช กิวฮา จะขึ้นรักษาการ
ไม่นานหลังจากนั้น นายพลจอง ซึงฮวา เสนาธิการกองทัพได้มอบหมายให้พลตรีชอนเป็นผู้บัญชาการของหน่วยสืบสวนร่วมในครั้งนี้
แต่ด้วยบุคลิกที่โดดเด่น ความทะเยอทะยานและการดึงใจของผู้คนที่อยู่รอบตัวได้ดี
ทำให้อำนาจเด็ดขาดที่ชอนมีในการสืบสวนนั้นได้ควบรวมไปถึงอำนาจควบคุมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
หน่วยตำรวจลับ หน่วยรักษาความมั่นคง การที่เขามีอำนาจเหนือหน่วยทั้ง 3 หน่วยนั้น
ทำให้ทางพฤตินัยเขาเป็นคนที่มีอำนาจแทบจะสูงสุดในกองทัพทันที
นายพลจอง ซึงฮวา รู้ดีว่าเขาทำพลาดอย่างมหันต์ที่ได้ปล่อยเสือร้ายเข้าป่าไปแล้ว
และคิดถึงหนทางที่จะหยุดยั้งไม่ให้พลตรีชอนมีอำนาจจนแทรกแซงทางการเมืองมากไปกว่านี้...
นายพลจองแต่งตั้งให้พลตรีอี แตชิน รับหน้าที่ผู้บัญชาการกองทัพรักษาเมืองหลวงซึ่งถือเป็นหน้าที่ใหญ่
เรื่องดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับพลตรีชอนที่อยากให้คนสนิทของตนพลตรีโนรับหน้าที่นี้มากกว่า
ก่อนที่พลตรีชอนจะมีอำนาจมากไปกว่านี้ นายพลจองจึงสั่งให้ย้ายพลตรีจอนไปอยู่ในพื้นที่ห่างไกลแถบชายฝั่งตะวันออก
แน่นอนว่าพลตรีชอนรู้ถึงแผนการนี้และเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว จึงจัดการขั้นเด็ดขาดที่จะยึดอำนาจทหารทั้งหมดจากนายพลจอง
ในวันที่ 12 ธันวาคม 1979 (12.12) แน่นอนว่าการจะทำเช่นนั้นได้พลตรีชอนต้องยึดกรุงโซล ที่มีพลตรีอี แตชินคอยรักษาเมืองไว้อยู่!!
12.12: The Day เป็นภาพยนตร์ดราม่าประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ กำกับโดย Kim Sung-su
เรื่องราวบันทึกบทนึงของการเมืองเกาหลีใต้ช่วงปลายทศวรรษ 1970 ถึงต้นทศวรรษ 1980
ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ทั่วโลกไปแล้วราว 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับต้นทุนที่ 17 ล้านเหรียญฯ
เป็นภาพยนตร์เกาหลีที่ทำรายได้สูงสุดในปี 2023 และเป็นภาพยนตร์เกาหลีที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับสี่ตลอดกาล
(มีโอกาสสูงมากที่จะแซงอันดับ 3 อย่าง The Roundup) นอกจากนี้ยังได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของเกาหลีใต้
ในสาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 97 อีกด้วย
สร้างจากเรื่องจริงแต่เพื่อสะดวกต่อการนำเสนอในรูปแบบของภาพยนตร์เพื่อความบันเทิง
ชื่อของบุคคลต่างๆในเรื่องจึงถูกตั้งชื่อใหม่ทั้งหมด แต่กระนั้นคนดูก็จะรู้กันดีอยู่กลายๆว่า แต่ละคนนั้นหมายถึงใครในเหตุการณ์จริง
เริ่มที่ตัวของ ฮวัง จ็อง-มิน 1 ในนักแสดงชายที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในวงการบันเทิงเกาหลีใต้
กับบทบาทนายพลตรีชอน ดู-กวัง หัวหน้ากองบัญชาการการสืบสวนร่วมคดีลอบสังหารประธานาธิบดีพัค
ซึ่งเทียบกับเหตุการณ์จริงก็คือ ช็อน ดู-ฮวัน บุคคลที่จะกลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 5 ของเกาหลีใต้ในเวลาต่อมา
ฮวัง จ็อง-มิน เป็นนักแสดงที่เก่งมาก เล่นเรื่องไหนก็โกยเงินทั้งนั้น รับบทได้หลากหลายเล่นเป็นใครก็น่าเชื่อไปหมด
ในบทของช็อน ดู-ฮวัน เช่นกัน เขาได้ศึกษารายละเอียดทุกอย่างทั้งการวางตัว ท่าทางการเดิน การพูดจา
เหมือนตัวจริงอย่างมาก ลองหาดูฟุตเทจเก่าๆของช็อน ดู-ฮวัน แล้วมาเทียบกับฮวัง จ็อง-มินได้เลย เรียกได้ว่าอัจฉริยะจริงๆ
ต้องขออธิบายเบื้องหลังของกลุ่มอำนาจมืดในกองทัพเกาหลีช่วงเวลานั้นสักนิดครับ
กลุ่มดังกล่าวมีชื่อว่า ฮานาฮเว Hanahoe (하나회) เป็นกลุ่มลับของบรรดาเหล่านายทหารที่จบจากโรงเรียนกองทัพรุ่นที่ 11
เริ่มมาตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีพัค จอง-ฮี ซึ่งจะทำการตั้งนายทหารจากกลุ่มนี้ไปดำรงตำแหน่งสำคัญๆในกองทัพ
ทุกอย่างนี้ก็เพื่อที่จะรักษาฐานอำนาจของตัวเองไม่ให้สั่นคลอน
และแน่นอนว่าผู้ที่สืบทอดเจตนารมณ์นี้ของพัคก็คือนายพลชอนนั่นเอง
(มีแบบนี้หลายประเทศครับ เหตุผลก็เพื่อรักษาอำนาจของพวกพ้องทั้งนั้นล่ะ)
เหมือนอย่างใน The President's Last Bang หรือวันสังหารประธานาธิบดีที่ผมได้รีวิวไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
เราจะได้เห็นการหักเหลี่ยมเฉือนคมแทบจะทุกขั้นตอนของการโค่นล้มอำนาจ
แต่กับ 12.12 : The Day นั้น ขอบเขตของแผนการจะยิ่งใหญ่กว่ามาก เพราะมันคือการเคลื่อนไหวของกองทัพทั้งหมด
ทุกเหล่าทุกฝ่ายต่างถูกดึงเข้าหาเพื่อเป็นพวกในปฏิบัติการครั้งนี้ และหน่วยไหนที่เป็นมีหัวหน้าอยู่ในกลุ่มฮานาฮเว
แน่นอนว่านั่นคือพวกของพลตรีชอน...
แล้วพระเอกของเราอย่างนายพลอี แตชิน ที่รับบทโดยช็อง อู-ซ็อง จะทำอย่างไร
แม้ว่าตัวเองจะเป็นผู้บัญชาการรักษาเมืองหลวงก็ตามที แต่ฝั่งของกองทัพแตกเป็นเสี่ยงๆไปแล้วเช่นนี้
มันระทึกใจตรงนี้ล่ะครับ เพราะเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นเหมือนเอากรุงโซลมาเป็นกระดานหมากรุก
และเหล่าทหารก็เดินเกมวางหมากของตนในทุกก้าวย่างที่ตัวหมากเดิน
ก็หมายถึงการเคลื่อนพลของกองทัพ 1 ตาที่เดิน หมายถึงชีวิตและทุกอย่างอาจจะพลิกผันได้ในทันที
ตลอดช่วงเวลา 2 ชั่วโมง 22 นาที หลังผ่านแค่ครึ่งชั่วโมงแรกของหนัง
หลังจากนั้นคุณจะแทบไม่มีจังหวะได้หยุดพักหายใจหายคอเลย
เพราะหนังจะพาเราให้ลุ้นตามกับเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้
และที่สำคัญมันคือเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ชาติเกาหลี ทุกคนล้วนมีเหตุผลของการกระทำทั้งนั้น
แต่จะเพียงเพื่อตัวเองหรือประเทศชาติอันนั้นก็สุดแท้แต่จะสรรหาข้ออ้างไว้เพื่อรองรับการกระทำของตนเอง
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นตายเราจะได้เห็น..คนที่ยอมให้อำนาจเหนือกว่าเข้ามาครอบงำเพียงเพื่อแค่ให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัย..
คนที่ยอมหักหลังพวกพ้องเพื่อหวังถึงอนาคตที่ตัวเองจะได้เป็นใหญ่ ...
และคนที่ตายเพื่อรักษาเกียรติของตน คนอ่อนแอ ขี้ขลาด กล้าหาญ ทั้งหมดที่ว่ามานั้นคือเหล่าชายชาตินักรบด้วยกันทั้งสิ้น
อำนาจเป็นสิ่งหอมหวาน แต่การได้มาซึ่งอำนาจนั้นย่อมต้องมีการเสียสละซึ่งบางสิ่งเพื่อให้ได้สิ่งที่เหนือกว่ามา..
พี่ฆ่าน้อง.. ผู้ใต้บังคับบัญชาหักหลักเจ้านายที่เคยอุ้มชู.. เพื่อนฆ่ากันเอง รับประกันได้เลยถึงความโหดระทึก..
และความดราม่าสะเทือนใจอย่างถึงที่สุดที่จะเขม็งเกลียวจนถึงซีนสุดท้าย
ซึ่งเป็นงานถนัดของหนังบ้านเค้าอยู่แล้ว สมแล้วที่เป็นหนังเกาหลีทำเงินสูงสุดของปี 2023 อย่างไร้คู่ต่อกร
และนี่คือหนังที่แสดงให้เห็นถึงความอดสูครั้งใหญ่ครั้งนึงของการเมืองเกาหลี
เหล่าทหารหาญที่ควรจะป้องกันประเทศชาติกลับมาแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายและเข่นฆ่ากันเอง
หากนั่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น..เพราะอีกครึ่งปีต่อมาในเดือนพฤษภาคมวันที่ 18 ที่เมืองควังจู
โศกนาฎกรรมที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติเกาหลีก็ได้ถูกจารึกไว้......
รอติดตามกันกับรีวิวหนังเรื่อง May 18 ในกลางเดือนพฤษภาคมปีหน้า
และจะเป็นการปิดฉากซีรี่ย์รีวิวไตรภาคการเมืองเกาหลีของผมล่ะครับ
เพราะหนังมันฝังใจ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
== 12.12: The Day (2023) วันยึดกรุงโซล!!! ==
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเมื่อประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ของเกาหลีใต้
ประกาศกฎอัยการศึกอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เกาหลีในรอบเกือบ 50 ปี ตามมาด้วยความวุ่นวายต่างๆ
ยังดีที่กลไกทางการเมืองของเค้าเข้มแข็งมากพอ ทำให้ทุกอย่างจบภายในระยะเวลาไม่ถึง 5 ชั่วโมง
แต่นับจากนี้ถือได้ว่าเดิมพันการเมืองของประธานาธิบดียุนจบสิ้นแล้ว เขาต้องรับมือกับสิ่งที่เขาก่อไว้
เดินหมากพลาด ก็คือจบทั้งกระดานจริงๆ.. และผมมั่นใจว่าอีกสัก 10 ปีข้างหน้า
ผมคงได้เห็นประวัติศาสตร์การเมืองในค่ำคืนวันนั้น ออกมาในรูปแบบของภาพยนตร์อย่างแน่นอน..
เพราะพล็อตแบบนี้มันสร้างได้ชัวร์ อ่ะ กลับเข้าเรื่องของเรา เพราะเรื่องราวในหนังที่ผมจะรีวิวในวันนี้ก็คล้ายคลึงกัน
เหตุการณ์เริ่มและจบลงในคืนเดียว....อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น... กับ 12.12: The Day วันยึดกรุงโซล....
หลังวันสังหารประธานาธิบดีพัค จอง-ฮี..ได้มีการสอบสวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศ
ในกระบวนการตามรัฐธรรมนูญเรื่องผู้สืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี เช กิวฮา จะขึ้นรักษาการ
ไม่นานหลังจากนั้น นายพลจอง ซึงฮวา เสนาธิการกองทัพได้มอบหมายให้พลตรีชอนเป็นผู้บัญชาการของหน่วยสืบสวนร่วมในครั้งนี้
แต่ด้วยบุคลิกที่โดดเด่น ความทะเยอทะยานและการดึงใจของผู้คนที่อยู่รอบตัวได้ดี
ทำให้อำนาจเด็ดขาดที่ชอนมีในการสืบสวนนั้นได้ควบรวมไปถึงอำนาจควบคุมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
หน่วยตำรวจลับ หน่วยรักษาความมั่นคง การที่เขามีอำนาจเหนือหน่วยทั้ง 3 หน่วยนั้น
ทำให้ทางพฤตินัยเขาเป็นคนที่มีอำนาจแทบจะสูงสุดในกองทัพทันที
นายพลจอง ซึงฮวา รู้ดีว่าเขาทำพลาดอย่างมหันต์ที่ได้ปล่อยเสือร้ายเข้าป่าไปแล้ว
และคิดถึงหนทางที่จะหยุดยั้งไม่ให้พลตรีชอนมีอำนาจจนแทรกแซงทางการเมืองมากไปกว่านี้...
นายพลจองแต่งตั้งให้พลตรีอี แตชิน รับหน้าที่ผู้บัญชาการกองทัพรักษาเมืองหลวงซึ่งถือเป็นหน้าที่ใหญ่
เรื่องดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับพลตรีชอนที่อยากให้คนสนิทของตนพลตรีโนรับหน้าที่นี้มากกว่า
ก่อนที่พลตรีชอนจะมีอำนาจมากไปกว่านี้ นายพลจองจึงสั่งให้ย้ายพลตรีจอนไปอยู่ในพื้นที่ห่างไกลแถบชายฝั่งตะวันออก
แน่นอนว่าพลตรีชอนรู้ถึงแผนการนี้และเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว จึงจัดการขั้นเด็ดขาดที่จะยึดอำนาจทหารทั้งหมดจากนายพลจอง
ในวันที่ 12 ธันวาคม 1979 (12.12) แน่นอนว่าการจะทำเช่นนั้นได้พลตรีชอนต้องยึดกรุงโซล ที่มีพลตรีอี แตชินคอยรักษาเมืองไว้อยู่!!
12.12: The Day เป็นภาพยนตร์ดราม่าประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ กำกับโดย Kim Sung-su
เรื่องราวบันทึกบทนึงของการเมืองเกาหลีใต้ช่วงปลายทศวรรษ 1970 ถึงต้นทศวรรษ 1980
ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ทั่วโลกไปแล้วราว 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับต้นทุนที่ 17 ล้านเหรียญฯ
เป็นภาพยนตร์เกาหลีที่ทำรายได้สูงสุดในปี 2023 และเป็นภาพยนตร์เกาหลีที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับสี่ตลอดกาล
(มีโอกาสสูงมากที่จะแซงอันดับ 3 อย่าง The Roundup) นอกจากนี้ยังได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของเกาหลีใต้
ในสาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 97 อีกด้วย
สร้างจากเรื่องจริงแต่เพื่อสะดวกต่อการนำเสนอในรูปแบบของภาพยนตร์เพื่อความบันเทิง
ชื่อของบุคคลต่างๆในเรื่องจึงถูกตั้งชื่อใหม่ทั้งหมด แต่กระนั้นคนดูก็จะรู้กันดีอยู่กลายๆว่า แต่ละคนนั้นหมายถึงใครในเหตุการณ์จริง
เริ่มที่ตัวของ ฮวัง จ็อง-มิน 1 ในนักแสดงชายที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในวงการบันเทิงเกาหลีใต้
กับบทบาทนายพลตรีชอน ดู-กวัง หัวหน้ากองบัญชาการการสืบสวนร่วมคดีลอบสังหารประธานาธิบดีพัค
ซึ่งเทียบกับเหตุการณ์จริงก็คือ ช็อน ดู-ฮวัน บุคคลที่จะกลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 5 ของเกาหลีใต้ในเวลาต่อมา
ฮวัง จ็อง-มิน เป็นนักแสดงที่เก่งมาก เล่นเรื่องไหนก็โกยเงินทั้งนั้น รับบทได้หลากหลายเล่นเป็นใครก็น่าเชื่อไปหมด
ในบทของช็อน ดู-ฮวัน เช่นกัน เขาได้ศึกษารายละเอียดทุกอย่างทั้งการวางตัว ท่าทางการเดิน การพูดจา
เหมือนตัวจริงอย่างมาก ลองหาดูฟุตเทจเก่าๆของช็อน ดู-ฮวัน แล้วมาเทียบกับฮวัง จ็อง-มินได้เลย เรียกได้ว่าอัจฉริยะจริงๆ
ต้องขออธิบายเบื้องหลังของกลุ่มอำนาจมืดในกองทัพเกาหลีช่วงเวลานั้นสักนิดครับ
กลุ่มดังกล่าวมีชื่อว่า ฮานาฮเว Hanahoe (하나회) เป็นกลุ่มลับของบรรดาเหล่านายทหารที่จบจากโรงเรียนกองทัพรุ่นที่ 11
เริ่มมาตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีพัค จอง-ฮี ซึ่งจะทำการตั้งนายทหารจากกลุ่มนี้ไปดำรงตำแหน่งสำคัญๆในกองทัพ
ทุกอย่างนี้ก็เพื่อที่จะรักษาฐานอำนาจของตัวเองไม่ให้สั่นคลอน
และแน่นอนว่าผู้ที่สืบทอดเจตนารมณ์นี้ของพัคก็คือนายพลชอนนั่นเอง
(มีแบบนี้หลายประเทศครับ เหตุผลก็เพื่อรักษาอำนาจของพวกพ้องทั้งนั้นล่ะ)
เหมือนอย่างใน The President's Last Bang หรือวันสังหารประธานาธิบดีที่ผมได้รีวิวไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
เราจะได้เห็นการหักเหลี่ยมเฉือนคมแทบจะทุกขั้นตอนของการโค่นล้มอำนาจ
แต่กับ 12.12 : The Day นั้น ขอบเขตของแผนการจะยิ่งใหญ่กว่ามาก เพราะมันคือการเคลื่อนไหวของกองทัพทั้งหมด
ทุกเหล่าทุกฝ่ายต่างถูกดึงเข้าหาเพื่อเป็นพวกในปฏิบัติการครั้งนี้ และหน่วยไหนที่เป็นมีหัวหน้าอยู่ในกลุ่มฮานาฮเว
แน่นอนว่านั่นคือพวกของพลตรีชอน...
แล้วพระเอกของเราอย่างนายพลอี แตชิน ที่รับบทโดยช็อง อู-ซ็อง จะทำอย่างไร
แม้ว่าตัวเองจะเป็นผู้บัญชาการรักษาเมืองหลวงก็ตามที แต่ฝั่งของกองทัพแตกเป็นเสี่ยงๆไปแล้วเช่นนี้
มันระทึกใจตรงนี้ล่ะครับ เพราะเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นเหมือนเอากรุงโซลมาเป็นกระดานหมากรุก
และเหล่าทหารก็เดินเกมวางหมากของตนในทุกก้าวย่างที่ตัวหมากเดิน
ก็หมายถึงการเคลื่อนพลของกองทัพ 1 ตาที่เดิน หมายถึงชีวิตและทุกอย่างอาจจะพลิกผันได้ในทันที
ตลอดช่วงเวลา 2 ชั่วโมง 22 นาที หลังผ่านแค่ครึ่งชั่วโมงแรกของหนัง
หลังจากนั้นคุณจะแทบไม่มีจังหวะได้หยุดพักหายใจหายคอเลย
เพราะหนังจะพาเราให้ลุ้นตามกับเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้
และที่สำคัญมันคือเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ชาติเกาหลี ทุกคนล้วนมีเหตุผลของการกระทำทั้งนั้น
แต่จะเพียงเพื่อตัวเองหรือประเทศชาติอันนั้นก็สุดแท้แต่จะสรรหาข้ออ้างไว้เพื่อรองรับการกระทำของตนเอง
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นตายเราจะได้เห็น..คนที่ยอมให้อำนาจเหนือกว่าเข้ามาครอบงำเพียงเพื่อแค่ให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัย..
คนที่ยอมหักหลังพวกพ้องเพื่อหวังถึงอนาคตที่ตัวเองจะได้เป็นใหญ่ ...
และคนที่ตายเพื่อรักษาเกียรติของตน คนอ่อนแอ ขี้ขลาด กล้าหาญ ทั้งหมดที่ว่ามานั้นคือเหล่าชายชาตินักรบด้วยกันทั้งสิ้น
อำนาจเป็นสิ่งหอมหวาน แต่การได้มาซึ่งอำนาจนั้นย่อมต้องมีการเสียสละซึ่งบางสิ่งเพื่อให้ได้สิ่งที่เหนือกว่ามา..
พี่ฆ่าน้อง.. ผู้ใต้บังคับบัญชาหักหลักเจ้านายที่เคยอุ้มชู.. เพื่อนฆ่ากันเอง รับประกันได้เลยถึงความโหดระทึก..
และความดราม่าสะเทือนใจอย่างถึงที่สุดที่จะเขม็งเกลียวจนถึงซีนสุดท้าย
ซึ่งเป็นงานถนัดของหนังบ้านเค้าอยู่แล้ว สมแล้วที่เป็นหนังเกาหลีทำเงินสูงสุดของปี 2023 อย่างไร้คู่ต่อกร
และนี่คือหนังที่แสดงให้เห็นถึงความอดสูครั้งใหญ่ครั้งนึงของการเมืองเกาหลี
เหล่าทหารหาญที่ควรจะป้องกันประเทศชาติกลับมาแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายและเข่นฆ่ากันเอง
หากนั่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น..เพราะอีกครึ่งปีต่อมาในเดือนพฤษภาคมวันที่ 18 ที่เมืองควังจู
โศกนาฎกรรมที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติเกาหลีก็ได้ถูกจารึกไว้......
รอติดตามกันกับรีวิวหนังเรื่อง May 18 ในกลางเดือนพฤษภาคมปีหน้า
และจะเป็นการปิดฉากซีรี่ย์รีวิวไตรภาคการเมืองเกาหลีของผมล่ะครับ
เพราะหนังมันฝังใจ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===