"อาทิตย์ อุไรรัตน์" หวนคืนธุรกิจโรงพยาบาล ทุ่ม 6 พันล้าน เปิด "อาร์เอสยู อินเตอร์เนชั่นแนล ฮอสพิทัล" ดึงไทย-เทศร่วมทุน ปักธงยึดทำเลทองถนนเพชรบุรีตัดใหม่ คาดเปิดภายใน 3 ปี
หลังจากสูญเสียโรงพยาบาลพญาไท ในนามของบริษัท ประสิทธิ์พัฒนา จำกัด (มหาชน) ให้กับ "วิชัย ทองแตง" ทนายความชื่อดัง เมื่อปีปลาย 2548 ซึ่งเป็นผลพวงจากปัญหาขาดทุนสะสมที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ล่าสุด "ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์" กำลังจะหวนกลับเข้าสู่ธุรกิจโรงพยาบาลอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง จากก่อนหน้านี้ที่ได้เปิดศูนย์สุขภาพรักษาโรคเฉพาะทาง "อาร์เอสยู เฮลท์แคร์" เมื่อช่วงปลายปี 2549
ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า มีแผนเปิดโรงพยาบาลบนพื้นที่ 6 ไร่ บริเวณถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งได้ผู้ร่วมทุนเป็นคนไทยแล้วครึ่งหนึ่ง และกำลังอยู่ระหว่างการหาผู้ร่วมทุนเพิ่มจากทั้งคนไทยและต่างประเทศ และที่ได้มาแล้วคือนักลงทุนจากทางอาหรับ งบประมาณที่ใช้ทั้งหมดประมาณ 6,000 ล้านบาท ตอนนี้ได้เริ่มดำเนินการไปแล้วในส่วนของการออกแบบซึ่งต้องใช้เวลา 1 ปี และก่อสร้างอีกประมาณ 2 ปีครึ่ง คาดว่าน่าจะเปิดให้บริการได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า
"การก่อตั้งโรงพยาบาลมีเป้าหมายในการเป็น Teaching Hospital และต้องการสร้างต้นแบบโรงพยาบาลที่เป็นฮับในด้านต่าง ๆ เพราะมหาวิทยาลัยรังสิตมีการสอนแพทย์ในหลายศาสตร์ ทั้งแพทย์แผนตะวันออก หรือตะวันตก ก็จะนำองค์ความรู้เหล่านี้มาบูรณาการ หากเป็นเรื่องการรักษาพยาบาล ต่างชาติก็ยังมองมาที่ไทยอยู่เพราะมีศักยภาพ และประเทศไทยยังมีโอกาสอีกมากสำหรับการเติมเต็มเพื่อให้ไทยกลายเป็นฮับด้านการแพทย์"
ดร.อาทิตย์กล่าวว่านอกจากนั้น มหาวิทยาลัยรังสิตกำลังเดินหน้าผลิตนักศึกษาแพทย์เพิ่ม จากปัจจุบันที่ร่วมมือกับโรงพยาบาลราชวิถี, สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี และโรงพยาบาลเลิดสิน ซึ่งสามารถผลิตแพทย์ได้ 130 คนต่อปี ส่วนปีนี้จะทำความร่วมมือเพิ่มเติมกับโรงพยาบาลนพรัตน์ คาดว่าจะสามารถผลิตนักศึกษาแพทย์ได้อีก 30 คน และอยู่ระหว่างการศึกษาเรื่องการเปิดหลักสูตรอินเตอร์ฯ โดยได้ ศ.น.พ.นิธิ มหานนท์ รองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และ รศ.น.พ.กัมมาล กุมาร ปาวา อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาร่วมเป็นคณะกรรมการในการจัดตั้งหลักสูตร
ขณะที่นายอภิวัฒิ อุไรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เอสยู เฮลแคร์ จำกัด ผู้ให้บริการศูนย์สุขภาพ "อาร์เอสยู เฮลท์แคร์" และศูนย์ทันตกรรม "อาร์เอสยู" กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้ซื้อที่ดิน 6 ไร่ อยู่ด้านหน้าโรงแรมอมารี เอเทรียม เพื่อก่อสร้างโรงพยาบาลขนาด 300 เตียง ชื่อ "อาร์เอสยู อินเตอร์เนชั่นแนล ฮอสพิทัล" จับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับบีบวกขึ้นไป รวมทั้งผู้ที่อาศัยบริเวณดังกล่าวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวอาหรับและญี่ปุ่น วางโพซิชันนิ่งเป็นโรงพยาบาลระดับ Excellence Center คือแต่ละศูนย์มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดูแล และมีความร่วมมือด้านบุคลากรการแพทย์กับทางมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่จะใช้เป็นโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อรองรับการเรียนการสอนด้วย
"ย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่แม้จะมีโรงพยาบาลใกล้เคียงเปิดให้บริการ ทั้งกรุงเทพและบำรุงราษฎร์ แต่เราก็มีความมั่นใจว่าจะแข่งขันได้ ด้วยประสบการณ์การทำธุรกิจโรงพยาบาลมาก่อน รวมทั้งมีบุคลากรที่มีความสามารถ และมีความพร้อมด้านบุคลากรการแพทย์ ในอนาคตอาจจะมีสาขาใหม่ก็ได้"
นายอภิวัฒิกล่าวว่า เหตุผลสำคัญที่สนใจลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาล นอกจากเรื่องของศักยภาพทางธุรกิจของโรงพยาบาลที่มีโอกาสเติบโตอีกมากแล้ว ยังถือเป็นการต่อยอดธุรกิจเฮลท์แคร์ของบริษัทที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว ทั้งศูนย์สุขภาพอาร์เอสยู เฮลท์แคร์ (อาคารอาร์เอสยู ทาวเวอร์ สุขุมวิท 31) และศูนย์ทันตกรรมอาร์เอสยู (อาคารวานิช 2) และจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการได้ดียิ่งขึ้น ทั้งด้านการแพทย์และเครื่องมือแพทย์ หากโรงพยาบาลแล้วเสร็จมีความเป็นไปได้ว่าจะนำไปรวมด้วยกัน อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างการตัดสินใจ
ที่มา :
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1422628423 30 ม.ค. 2558 เวลา 21:32:34 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
"อาทิตย์ อุไรรัตน์" หวนคืนธุรกิจโรงพยาบาล ทุ่ม6พันล. ปักธง"เพชรบุรีตัดใหม่" <= หนึ่งในโรงพยาบาลของ XXXX
หลังจากสูญเสียโรงพยาบาลพญาไท ในนามของบริษัท ประสิทธิ์พัฒนา จำกัด (มหาชน) ให้กับ "วิชัย ทองแตง" ทนายความชื่อดัง เมื่อปีปลาย 2548 ซึ่งเป็นผลพวงจากปัญหาขาดทุนสะสมที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ล่าสุด "ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์" กำลังจะหวนกลับเข้าสู่ธุรกิจโรงพยาบาลอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง จากก่อนหน้านี้ที่ได้เปิดศูนย์สุขภาพรักษาโรคเฉพาะทาง "อาร์เอสยู เฮลท์แคร์" เมื่อช่วงปลายปี 2549
ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า มีแผนเปิดโรงพยาบาลบนพื้นที่ 6 ไร่ บริเวณถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งได้ผู้ร่วมทุนเป็นคนไทยแล้วครึ่งหนึ่ง และกำลังอยู่ระหว่างการหาผู้ร่วมทุนเพิ่มจากทั้งคนไทยและต่างประเทศ และที่ได้มาแล้วคือนักลงทุนจากทางอาหรับ งบประมาณที่ใช้ทั้งหมดประมาณ 6,000 ล้านบาท ตอนนี้ได้เริ่มดำเนินการไปแล้วในส่วนของการออกแบบซึ่งต้องใช้เวลา 1 ปี และก่อสร้างอีกประมาณ 2 ปีครึ่ง คาดว่าน่าจะเปิดให้บริการได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า
"การก่อตั้งโรงพยาบาลมีเป้าหมายในการเป็น Teaching Hospital และต้องการสร้างต้นแบบโรงพยาบาลที่เป็นฮับในด้านต่าง ๆ เพราะมหาวิทยาลัยรังสิตมีการสอนแพทย์ในหลายศาสตร์ ทั้งแพทย์แผนตะวันออก หรือตะวันตก ก็จะนำองค์ความรู้เหล่านี้มาบูรณาการ หากเป็นเรื่องการรักษาพยาบาล ต่างชาติก็ยังมองมาที่ไทยอยู่เพราะมีศักยภาพ และประเทศไทยยังมีโอกาสอีกมากสำหรับการเติมเต็มเพื่อให้ไทยกลายเป็นฮับด้านการแพทย์"
ดร.อาทิตย์กล่าวว่านอกจากนั้น มหาวิทยาลัยรังสิตกำลังเดินหน้าผลิตนักศึกษาแพทย์เพิ่ม จากปัจจุบันที่ร่วมมือกับโรงพยาบาลราชวิถี, สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี และโรงพยาบาลเลิดสิน ซึ่งสามารถผลิตแพทย์ได้ 130 คนต่อปี ส่วนปีนี้จะทำความร่วมมือเพิ่มเติมกับโรงพยาบาลนพรัตน์ คาดว่าจะสามารถผลิตนักศึกษาแพทย์ได้อีก 30 คน และอยู่ระหว่างการศึกษาเรื่องการเปิดหลักสูตรอินเตอร์ฯ โดยได้ ศ.น.พ.นิธิ มหานนท์ รองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และ รศ.น.พ.กัมมาล กุมาร ปาวา อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาร่วมเป็นคณะกรรมการในการจัดตั้งหลักสูตร
ขณะที่นายอภิวัฒิ อุไรรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เอสยู เฮลแคร์ จำกัด ผู้ให้บริการศูนย์สุขภาพ "อาร์เอสยู เฮลท์แคร์" และศูนย์ทันตกรรม "อาร์เอสยู" กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้ซื้อที่ดิน 6 ไร่ อยู่ด้านหน้าโรงแรมอมารี เอเทรียม เพื่อก่อสร้างโรงพยาบาลขนาด 300 เตียง ชื่อ "อาร์เอสยู อินเตอร์เนชั่นแนล ฮอสพิทัล" จับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับบีบวกขึ้นไป รวมทั้งผู้ที่อาศัยบริเวณดังกล่าวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวอาหรับและญี่ปุ่น วางโพซิชันนิ่งเป็นโรงพยาบาลระดับ Excellence Center คือแต่ละศูนย์มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางดูแล และมีความร่วมมือด้านบุคลากรการแพทย์กับทางมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่จะใช้เป็นโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อรองรับการเรียนการสอนด้วย
"ย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่แม้จะมีโรงพยาบาลใกล้เคียงเปิดให้บริการ ทั้งกรุงเทพและบำรุงราษฎร์ แต่เราก็มีความมั่นใจว่าจะแข่งขันได้ ด้วยประสบการณ์การทำธุรกิจโรงพยาบาลมาก่อน รวมทั้งมีบุคลากรที่มีความสามารถ และมีความพร้อมด้านบุคลากรการแพทย์ ในอนาคตอาจจะมีสาขาใหม่ก็ได้"
นายอภิวัฒิกล่าวว่า เหตุผลสำคัญที่สนใจลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาล นอกจากเรื่องของศักยภาพทางธุรกิจของโรงพยาบาลที่มีโอกาสเติบโตอีกมากแล้ว ยังถือเป็นการต่อยอดธุรกิจเฮลท์แคร์ของบริษัทที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว ทั้งศูนย์สุขภาพอาร์เอสยู เฮลท์แคร์ (อาคารอาร์เอสยู ทาวเวอร์ สุขุมวิท 31) และศูนย์ทันตกรรมอาร์เอสยู (อาคารวานิช 2) และจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการได้ดียิ่งขึ้น ทั้งด้านการแพทย์และเครื่องมือแพทย์ หากโรงพยาบาลแล้วเสร็จมีความเป็นไปได้ว่าจะนำไปรวมด้วยกัน อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างการตัดสินใจ
ที่มา : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1422628423 30 ม.ค. 2558 เวลา 21:32:34 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์