แต่ก่อนไม่ได้คิดไม่ได้ปรุงอยู่ไม่ได้ มันดีดมันดิ้นอยากคิดอยากปรุง
พอสมาธิทับหัวมันเหมือนหินทับหญ้ามันก็ไม่คิด มันไม่อยากคิดแหละ แย็บออกมานี้เหมือนว่ากวนใจ
อยู่ที่ไหนอยู่ได้หมดในป่าในเขา นั่งอยู่ร่มไม้ร่มไหนเหมือนหัวตอ นอนก็เป็นอยู่อย่างนั้นตลอด
นี่จิตเป็นสมาธิ จนติด ว่างั้นเลย ติดสมาธิ จนกระทั่งชี้ลงในนี้แหละ นี่ละนิพพานอยู่ตรงนี้ละ
คือจิตมันแน่วของมันไม่มีอะไรกวน เหลือแต่ความรู้ล้วนๆ ความรู้ล้วนๆ คือ
ความรู้ที่มีกิเลสอยู่นะ
เป็นความรู้ในขั้นสมาธิที่มันสงบตัวเต็มที่ ไม่อยากคิดอยากปรุงอะไรเลย คิดปรุงออกมานี้มันกวนใจ
ท่านก็ถามเรื่อยนะ พอจิตเราเป็นสมาธิ เป็นยังไงท่านมหา จิตสงบดีอยู่เหรอ เราก็กราบเรียนท่านว่า สงบดีอยู่ สงบดีอยู่เรื่อยๆ
พอนานเข้าๆ บทเวลาท่านจะเอา มันถึงกาลเวลาแล้วที่นี่จะเอาละ ทางนี้ไม่รู้นะ เป็นยังไงท่านมหาจิตสบายดีเหรอ สบายดีอยู่ สงบดีอยู่
.....
.ท่านเปรี้ยงออกมาเลย ท่านจะนอนตายอยู่นั้นเหรอ ขึ้นเลย นั่นเห็นไหม ท่านรู้ไหมสมาธินี่สมาธิหมูขึ้นเขียง
ขึ้นเปรี้ยงๆ เลย แต่ก่อนท่านไม่พูด เฉย เมื่อถึงกาลเวลาที่ควรจะเอา ทีนี้ซัดละ เปลี่ยนหมดนะกิริยาท่าทางทุกอย่าง
สุ้มเสียงนี้เป็นฟ้าผ่าลงมาเลยเทียว เปรี้ยงๆ
ท่านจะนอนตายอยู่ในสมาธินั่นเหรอ สมาธิหมูขึ้นเขียง ท่านรู้ไหม
นี่เวลาที่จะเถียงท่านนะ สมาธิทั้งแท่งคือสมุทัยทั้งแท่ง ท่านรู้ไหม นี่ละที่มันเถียงท่านตรงนี้
ถ้าว่าสมาธิเป็นสมุทัยแล้ว สัมมาสมาธิจะให้เดินที่ไหน นั่นมันเอาอย่างนั้นนะ คือมันมีอยู่นี่ในมรรค ๘
สัมมาสมาธิ สัมมาสมาธิจะให้เดินที่ไหน ถ้าสมาธิเป็นหมูขึ้นเขียงแล้ว สัมมาสมาธิจะให้เดินที่ไหน
สัมมาสมาธิของพระพุทธเจ้ามีกาลมีเวล่ำเวลา มีสติมีปัญญาครอบ สมาธิอันนี้สมาธิหมูขึ้นเขียงใส่เข้าแล้ว เปรี้ยงๆ ซัดกันอยู่กับท่าน
จนพระแตกวัดมา ซัดกัน อย่างนั้นละจะลงทีไรต้องฟัดกันเต็มเหนี่ยว อันนี้ไม่ใช่ทิฐิมานะจะถกจะเถียงท่านอย่างอื่นอย่างใดนะ
คือหาความจริง ถ้ายังไม่ลงมันก็ไม่ลง อันนี้มันก็ซัดกัน จนกระทั่งลง ลงมาแล้วยังมาวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองอีก
เอ๊อ นี่เราก็มาหาท่านมามอบกายถวายตัวตั้งแต่วันมาถึงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างให้ท่านแนะนำสั่งสอน
แต่เวลานี้เป็นมวยแชมเปี้ยนต่อสู้ท่านได้ยังไง เพราะเหตุไรมันถึงต่อสู้ ถ้าว่าเราดีเราเก่งแล้วมาหาท่านทำไม
จะมาถือท่านเป็นอาจารย์ทำไม ซัดเจ้าของนะที่นี่
ท่านพูดเหล่านั้นเอาไปพิจารณาซิ เราจะเอาแต่ทิฐิมานะของเรามาขวางท่านนี้ ขวางวันยังค่ำจมไปเลยนะ
มาศึกษากับครูอาจารย์ ความรู้ของท่านกับความรู้ของเราต่างกันยังไงที่นี่ซัดเจ้าของนะ ท่านว่าอย่างงั้นๆ
ผิดตรงไหน เอ้าตามให้ทันซิ ตามท่านซิ ปล่อยสมาธิ ท่านว่าสมาธิหมูขึ้นเขียง สมาธิทั้งแท่งเป็นสมุทัยทั้งแท่ง
ปลดออกหมดเลย ปล่อย ที่เถียงท่าน เอ้า ตามท่านท่านบอกให้ออกทางด้านปัญญา ยอม.มาเอาตัวเองแหลกนะ
ว่าไปเถียงท่านเหมือนมวยแชมป้งแชมเปี้ยน มันไปยังไงนี่ เราก็หาความจริงนั้นแหละ แต่เวลาจะตีเราหากไม่ให้มีอย่างนั้น
เอาตั้งแต่อันใดที่มันจะลงละตีเจ้าของ เข้าใจไหม มันก็ลง เอ้า ท่านว่าให้พิจารณาทางด้านปัญญา ออกซิ พิจารณาซิ
พอออกทางด้านปัญญา ก็มันพร้อมแล้วนี่สมาธิ เป็นอยู่ ๕ ปีเต็มๆ
พอออกทางด้านปัญญามันก็พุ่งเลยทีเดียว
รวดเร็วนะเราทางด้านปัญญา เพราะสมาธิเต็มที่แล้ว พอท่านเปิดทางทางด้านปัญญา ไล่หมูลงจากเขียงแล้ว
ไล่เข้าทางปัญญามันก็พุ่งๆ เลย พอออกนี่ โอ้ ชอบกลๆ เปิดออกเรื่อยชอบกลๆ ฟาดกันไม่มีวันมีคืน มันรวดเร็วนะปัญญาของเรา
พอออกจากสมาธิตามที่ท่านไล่ลงเขียงแล้วนะพุ่งๆ เลย ไม่หลับไม่นอน เอาละที่นี่ กลางคืนตลอดรุ่งนอนไม่หลับ
มันพุ่งๆ ของมันปัญญา กลางวันก็ไม่หลับอีก อ้าว มันจะตายจริงๆ
แล้วกลับไปหาท่านอีก นี่ที่พ่อแม่ครูจารย์ว่าให้ออกทางด้านปัญญาเวลานี้มันออกแล้วนะ
“มันออกยังไง”
ก็มันไม่ได้นอนทั้งวันทั้งคืนนั่นแล้ว กลางคืนก็นอนไม่หลับ มันพุ่งๆ ของมันตลอดเวลา กลางวันยังนอนไม่หลับอีก
“นั่นละมันหลงสังขาร” นั่นเอาละนะ
“มันหลงสังขาร” ถ้าไม่พิจารณามันก็ไม่รู้
“นั่นละบ้าหลงสังขาร” ซัดเข้าอีกตรงนี้
----------------------
ครูบาอาจารย์บนหัวใจ - พระธรรมเทศนาโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
อ่านเนื้อหาเต็มได้จาก
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=3307&CatID=-1
พอสมาธิทับหัวมันเหมือนหินทับหญ้ามันก็ไม่คิด มันไม่อยากคิดแหละ
แต่ก่อนไม่ได้คิดไม่ได้ปรุงอยู่ไม่ได้ มันดีดมันดิ้นอยากคิดอยากปรุง
พอสมาธิทับหัวมันเหมือนหินทับหญ้ามันก็ไม่คิด มันไม่อยากคิดแหละ แย็บออกมานี้เหมือนว่ากวนใจ
อยู่ที่ไหนอยู่ได้หมดในป่าในเขา นั่งอยู่ร่มไม้ร่มไหนเหมือนหัวตอ นอนก็เป็นอยู่อย่างนั้นตลอด
นี่จิตเป็นสมาธิ จนติด ว่างั้นเลย ติดสมาธิ จนกระทั่งชี้ลงในนี้แหละ นี่ละนิพพานอยู่ตรงนี้ละ
คือจิตมันแน่วของมันไม่มีอะไรกวน เหลือแต่ความรู้ล้วนๆ ความรู้ล้วนๆ คือ ความรู้ที่มีกิเลสอยู่นะ
เป็นความรู้ในขั้นสมาธิที่มันสงบตัวเต็มที่ ไม่อยากคิดอยากปรุงอะไรเลย คิดปรุงออกมานี้มันกวนใจ
ท่านก็ถามเรื่อยนะ พอจิตเราเป็นสมาธิ เป็นยังไงท่านมหา จิตสงบดีอยู่เหรอ เราก็กราบเรียนท่านว่า สงบดีอยู่ สงบดีอยู่เรื่อยๆ
พอนานเข้าๆ บทเวลาท่านจะเอา มันถึงกาลเวลาแล้วที่นี่จะเอาละ ทางนี้ไม่รู้นะ เป็นยังไงท่านมหาจิตสบายดีเหรอ สบายดีอยู่ สงบดีอยู่
......ท่านเปรี้ยงออกมาเลย ท่านจะนอนตายอยู่นั้นเหรอ ขึ้นเลย นั่นเห็นไหม ท่านรู้ไหมสมาธินี่สมาธิหมูขึ้นเขียง
ขึ้นเปรี้ยงๆ เลย แต่ก่อนท่านไม่พูด เฉย เมื่อถึงกาลเวลาที่ควรจะเอา ทีนี้ซัดละ เปลี่ยนหมดนะกิริยาท่าทางทุกอย่าง
สุ้มเสียงนี้เป็นฟ้าผ่าลงมาเลยเทียว เปรี้ยงๆ ท่านจะนอนตายอยู่ในสมาธินั่นเหรอ สมาธิหมูขึ้นเขียง ท่านรู้ไหม
นี่เวลาที่จะเถียงท่านนะ สมาธิทั้งแท่งคือสมุทัยทั้งแท่ง ท่านรู้ไหม นี่ละที่มันเถียงท่านตรงนี้
ถ้าว่าสมาธิเป็นสมุทัยแล้ว สัมมาสมาธิจะให้เดินที่ไหน นั่นมันเอาอย่างนั้นนะ คือมันมีอยู่นี่ในมรรค ๘
สัมมาสมาธิ สัมมาสมาธิจะให้เดินที่ไหน ถ้าสมาธิเป็นหมูขึ้นเขียงแล้ว สัมมาสมาธิจะให้เดินที่ไหน
สัมมาสมาธิของพระพุทธเจ้ามีกาลมีเวล่ำเวลา มีสติมีปัญญาครอบ สมาธิอันนี้สมาธิหมูขึ้นเขียงใส่เข้าแล้ว เปรี้ยงๆ ซัดกันอยู่กับท่าน
จนพระแตกวัดมา ซัดกัน อย่างนั้นละจะลงทีไรต้องฟัดกันเต็มเหนี่ยว อันนี้ไม่ใช่ทิฐิมานะจะถกจะเถียงท่านอย่างอื่นอย่างใดนะ
คือหาความจริง ถ้ายังไม่ลงมันก็ไม่ลง อันนี้มันก็ซัดกัน จนกระทั่งลง ลงมาแล้วยังมาวิพากษ์วิจารณ์ตัวเองอีก
เอ๊อ นี่เราก็มาหาท่านมามอบกายถวายตัวตั้งแต่วันมาถึงแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างให้ท่านแนะนำสั่งสอน
แต่เวลานี้เป็นมวยแชมเปี้ยนต่อสู้ท่านได้ยังไง เพราะเหตุไรมันถึงต่อสู้ ถ้าว่าเราดีเราเก่งแล้วมาหาท่านทำไม
จะมาถือท่านเป็นอาจารย์ทำไม ซัดเจ้าของนะที่นี่
ท่านพูดเหล่านั้นเอาไปพิจารณาซิ เราจะเอาแต่ทิฐิมานะของเรามาขวางท่านนี้ ขวางวันยังค่ำจมไปเลยนะ
มาศึกษากับครูอาจารย์ ความรู้ของท่านกับความรู้ของเราต่างกันยังไงที่นี่ซัดเจ้าของนะ ท่านว่าอย่างงั้นๆ
ผิดตรงไหน เอ้าตามให้ทันซิ ตามท่านซิ ปล่อยสมาธิ ท่านว่าสมาธิหมูขึ้นเขียง สมาธิทั้งแท่งเป็นสมุทัยทั้งแท่ง
ปลดออกหมดเลย ปล่อย ที่เถียงท่าน เอ้า ตามท่านท่านบอกให้ออกทางด้านปัญญา ยอม.มาเอาตัวเองแหลกนะ
ว่าไปเถียงท่านเหมือนมวยแชมป้งแชมเปี้ยน มันไปยังไงนี่ เราก็หาความจริงนั้นแหละ แต่เวลาจะตีเราหากไม่ให้มีอย่างนั้น
เอาตั้งแต่อันใดที่มันจะลงละตีเจ้าของ เข้าใจไหม มันก็ลง เอ้า ท่านว่าให้พิจารณาทางด้านปัญญา ออกซิ พิจารณาซิ
พอออกทางด้านปัญญา ก็มันพร้อมแล้วนี่สมาธิ เป็นอยู่ ๕ ปีเต็มๆ
พอออกทางด้านปัญญามันก็พุ่งเลยทีเดียว
รวดเร็วนะเราทางด้านปัญญา เพราะสมาธิเต็มที่แล้ว พอท่านเปิดทางทางด้านปัญญา ไล่หมูลงจากเขียงแล้ว
ไล่เข้าทางปัญญามันก็พุ่งๆ เลย พอออกนี่ โอ้ ชอบกลๆ เปิดออกเรื่อยชอบกลๆ ฟาดกันไม่มีวันมีคืน มันรวดเร็วนะปัญญาของเรา
พอออกจากสมาธิตามที่ท่านไล่ลงเขียงแล้วนะพุ่งๆ เลย ไม่หลับไม่นอน เอาละที่นี่ กลางคืนตลอดรุ่งนอนไม่หลับ
มันพุ่งๆ ของมันปัญญา กลางวันก็ไม่หลับอีก อ้าว มันจะตายจริงๆ
แล้วกลับไปหาท่านอีก นี่ที่พ่อแม่ครูจารย์ว่าให้ออกทางด้านปัญญาเวลานี้มันออกแล้วนะ “มันออกยังไง”
ก็มันไม่ได้นอนทั้งวันทั้งคืนนั่นแล้ว กลางคืนก็นอนไม่หลับ มันพุ่งๆ ของมันตลอดเวลา กลางวันยังนอนไม่หลับอีก
“นั่นละมันหลงสังขาร” นั่นเอาละนะ “มันหลงสังขาร” ถ้าไม่พิจารณามันก็ไม่รู้
“นั่นละบ้าหลงสังขาร” ซัดเข้าอีกตรงนี้
----------------------
ครูบาอาจารย์บนหัวใจ - พระธรรมเทศนาโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๘
อ่านเนื้อหาเต็มได้จาก http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=3307&CatID=-1