สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้ที่ 2 ที่ตั้งขึ้นในพันทิพ เหตุผลคือ ก่อนหน้าที่จะไปสอบ PTE Academic เมื่อประมาณสองอาทิตย์ที่แล้ว เรามาค้นดูรีวิว แต่ ไม่เจอข้อมูลอะไรเลยค่ะ รู้สึก หัวเดียวกระเทียมลีบ มาก 555 เลยมีความตั้งใจตั้วแต่ตอนนั้นแล้วค่ะ ว่า ถ้าชั้นสอบเสร็จ จะผ่านหรือไม่ผ่าน ชั้นตะมาตั้งกระทู้นี้ เพื่อเป็นประโยชน์ วิทยาทาน แก่ผู้สนใจการสอบ PTE Academic คนอื่นๆ ต่อไป
กระทู้แรกที่เราตั้งในนี้ คือกระทู้คำถาม เรื่อง ทำนม มากระทู้นี้ ว่าด้วยเรื่อง สอบ PTE Academic นี่คือ อีกมุมนึงของหนู 555
จริงๆเรียก "ป้า" น่าจะเหมาะกว่า เพราะเราอายุ 31 ปีนี้แล้วค่ะ (สดๆร้อนๆ) เรียนจบ คณะศึกษาศาตร์ วิชาเอก คณิตศาสตร์ วิชาโท ภาษาอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง ชื่อเชียงใหม่(แล้วจะแห่งหนึ่งทำไมเนียะ!ฮ่ะๆ) เคยทำงานเป็นครูอยู่พักนึง ทำงานโรงแรมอยู่พักใหญ่ เพราะฝักใฝ่ ในการ สปีคอิงลิช ชอบคุยกับ ชาวต่างชาติ(อย่างแรกคือ
อย่างหลังคือเหตุผลหลัก) 55 ;) ชอบไปชอบมา ปี 2011 ย้ายจากไทยมา กลายเป็นคุณแม่ ลูกหนึ่ง อยู่ที่ประเทศฟินแลนด์ แดนฮีมะ นี่เกือบจะสี่ปีแล้วค่ะ ^^
ต้องบอกก่อนว่า เราเรียนวิชาโทอังกฤษก็จริง ทำงานโรงแรมก็จริง มีสามีและแฟนๆ(สวยมากต้องแฟนมากเป็นธรรมดา ฮ่ะๆๆๆ) ต่างชาติก็จริง แต่เราไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษอะไรนักหนาเลยค่ะ อันนี้สาบานเลย ว่าไม่ได้ถ่อมตัว(จะถ่อมทำไม ก็ไม่เก่งจริงๆ) ภาษาอังกฤษของเรานั้นอยู่ ระดับกลางถึงเกือบล่าง วัดจากเว็ปนี้ก่อนไปสอบ 5 วันค่ะ ใครอยากรู้ว่าตัวเองภาษาอังกฤษอยู่ระดับไหน เชิญค่ะ ;)
http://www.ef.co.th/test/#/
และอีกอย่างคือ ตอนสมัยเรียน มหาลัย บ้าสมัครแอร์ ไปสอบ TOEIC ทั้งหมด ห้าครั้ง กว่าจะได้คะแนนสุดท้ายที่พอใจ 770 คะแนน(ก็น้อยอยู่ดีสำหรับคนที่เค้าเทพอังกฤษจริงๆ) ก็เข้าถึงรอบตรวจร่างกาย แอร์กาตาร์ แต่สุดท้ายก็ไม่ผ่าน เพราะเป็นพาหะไวรัสบี ความฝัน เรื่องแอร์ ก็เป็นอันพับไป เก็บไว้ในซอกในหลืบตลอดกาล เพราะโรคนี้เป็นโรคต้องห้ามของแอร์ ก็กลับไปทำงาน โรงแรมต่อ ไปเป็นครูอยู่บนดอยปีนึง ก็มีผู้ชายตาน้ำข้าวมาขอแต่งงาน เลยหอบผ้าเช็ดตัว หัวใจ หนีตามเค้าข้ามโลกมาค่ะ ;)
พอย้ายมาอยู่ที่นี่ เรียนภาษาฟินน์มาสามปีแล้ว นี่ก็จะจบเดือนพฤษภานี้แล้ว แต่ทำไมยังพูดได้ไม่ดีเท่าที่ควร(ก็จะพูดได้ยังไง ในเมื่อที่บ้านใช้ภาษาอังกฤษกับทุกคน ยกเว้นกับลูกสาว จะปั๊ดกำเมืองใส่นาง ตั้งแต่อยู่ในท้อง
ดูทีวี ฟังเพลง ทุกอย่าง ใช้ภาษาอังกฤษหมด)ที่นี่ คือเรียนฟรี มีเงินให้ด้วยค่ะ แต่เค้าให้แค่สามปี หลังจากนั้นถ้าจะเรียนต่อ เค้าก็ให้ แต่ให้น้อยลง แต่ถ้าไม่เรียนเลย อยู่บ้านเฉยๆ ก็ได้เงินคนว่างงานอยู่นะคะ แต่ก็น้อยนิดมากๆ ประมาณ สามร้อยยูโร ต่อเดือนที่สำคัญคือ เราก็จะเสียเวลาในชีวิต อายุอานามก็ป่านฉะนี้แล้ว ถ้าไม่รีบเรียนต่อตอนนี้ ต่อไปกลัวไฟจะมอด จะหยุดตอดไป(เอ๊ะ ยังไง อะไร ตอด??!! 55) ... แต่ปัญหาคือ จะเรียนอะไรดีล่ะ ทีนี้??
ปรึกษากับสามี ฮีบอกภาษาฟินน์คุณต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก ผมว่า เรียน English Programme ดีกว่า มีความเป็นไปได้มากกว่า ฮีว่างั้น เลยตกลงใจว่า จะเรียนต่อปริญญาโท Master Degree of Sciences(Mathematics and Applied Maths) ต่อยอดจาก ป.ตรี ที่จบมาจากไทย ... อืมมมม ฟังดูดีเน๊าะ ศึกษาข้อมูล ว่าเราสมัครได้ไหม เค้าต้องเอาอะไรยื่นบ้าง ... เตรียมการหมด มีหมดทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียว คือ English Test ...
University of Helsinki คือ มหาลัยที่แพลนไว้ English test มีอยู่เกือบสิบอย่างที่เค้ายอมรับ ที่ฮิตๆ ได้ยินบ่อยๆกัน ก็คือ IELTS กับ TOEFL ค้นอากู๋ อ่านดูพันทิพแล้ว ตัดสินใจแน่วแน่ ว่า เอาวะ!! สอบอิ ไอเอล นี่แหละ(เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าง่ายที่สุดในบรรดา Eng Test ทั้งหลาย) สามีสั่งซื้อหนังสือจาก Amazon คือ Cambridge 9, Writing และอื่นๆอีกสามเล่ม(จำไม่ได้) เราก็เริ่มอ่าน ตั้งใจมาก นอนตีสองตีสามทุกคืน มหาลัยเปิดรับสมัคร 1.12.14-30.1.15 เปิดเข้าเว็ปไอเอลฟินแลนด์ ไปเรื่อยๆ กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะสอบซักต้นเดือนธันวา แต่พอ อีกสามวันให้หลัง เปิดค้นดูอีกที ไม่มีค่ะ!!! เต็ม(
) ทุกรอบ ยาวไปถึงเดือนมีนา ถึงจะว่าง(รอสอบก็ไม่ทันสมัครน่ะสิ) .... สรุป คือ เฟลลลลล แบบน่าเจ็บใจตัวเองมาก
ทำไงทีนี้ เปลี่ยนเป้าหมาย ดูเว็ป Toefl ก็ดันเต็มอี๊ก เลยปลงเลยค่ะทีนี้ ไม่ทรงไม่สอบอะไรละ หยุดอ่านหนังสือต้นเดือนพฤศจิกา แต่กลางคืนทำไมมันนอนไม่หลับ ทำไมหงุดหงิดง่าย ทำไมกินเยอะแต่น้ำหนักไม่ขึ้น(มโน ว่าร่างกายคงกำลังปรับตัว ให้นอนเร็วขึ้น หลังจากอ่านหนังสือดึกมาก มานาน) แต่คือมันไม่ใช่!! เราไปตรวจกับคุณหมอ สรุปคือ เราป่วยค่ะ เป็นโรคคอพอกเป็นพิษ ... คืออะไร ชีวิตมีแต่เรื่องแต่ราว ตอนปลายปีที่แล้วนี่คือ ช่วงชีวิตที่
มากจริงๆ ... เจอเรื่องนี้ไปก็ยิ่งเฟล ยิ่งนอยด์ ไม่มีกะจิตกะใจจะกระตือรือร้น ทำอะไรอีกแล้ว ...
จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 17 มกรา ที่ผ่านมา อยู่ๆ สามีก็ส่งลิ้งค์มหาลัยนึงให้ คือ Haaga-Helia University of Applied Science สาขา Hospitality, Tourism and Experience Management ที่สามารถสมัครได้ถึง 13 กุมภา .... เอ้ยยยยย คือดี คือน่าสนใจสิ พอตกเย็นก็สมัครออนไลน์ อย่างใจง่าย ใจเร็ว ไม่คิดถึงอะไรเลย ว่าตัวเองพร้อมแค่ไหน มโนว่าภาษาอังกฤษตัวเอง ก็พอไฟท์ได้น่ะ เอาวะ!!! ไม่ลอง ไม่รู้!!!...
ทำไงล่ะ ก็เปิดไล่ดู ว่าเค้ารับผลสอบอังกฤษ ของอะไรบ้าง โทเฟล ไอเอลส์ ผ่าน ไม่ทันค่ะ ปร๊าดดด มาสะดุดตาตรงที่ข้อสุดท้าย PTE(Pearson test of English) Academic Test ... เอ้อออ ชื่อสวยดีเน๊าะ 555 ไม่ได้รู้เล้ยยยยยย ว่ามันคืออะไร รู้อย่างเดียวตอนนั้น ว่ามันได้ผลสอบเร็ว สอบวันนี้ สองวันได้รู้กัน คือ ไม่ค่อยคิดอะไรมาก สมัครเลย จัดเลย 555
เค้าขอที่ score 51(จากเต็ม 90 คะแนนค่ะ) ก็น่าลุ้นมากกว่า IELTS 6.5 Writing 5.5 มหาลัยเฮลซิงกิแหละว้าาาา(ยังเข้าข้างตัวเองไม่เลิก)
สมัครสอบ จ่ายเงินหมดละ 295€ ก็ลองค้นอ่านดูในพันทิพ เชื่อว่ามันต้องมีรีวิว PTE Academic ซักกระทู้สิน่า ... แต่เชื่อป่ะ ว่า มัน-ไม่-มี!!! หอยหลอดดดดดดด ค้นแล้วค้นอีก ก็ไม่มีประชาชนคนไทยที่ไหน แสดงความเห็นไว้เลย ว่า ข้อสอบเป็นอย่างไรกันบ้าง ยากง่าย หรือยังไง ... กรรม กรรม กรรม!!!... คนเก่งๆคนอื่นเค้ายังไม่ค่อยสอบกัน แล้วหล่อนเป็นใครฮะ?? นังชะนีลูกคนเมือง เรียน รร. รัฐบาล ภาษาพื้นเมือง 100% ภาษาอังกฤษ ระดับกลางเกือบล่างอย่างหล่อน จะสอบได้เหร๊อออออ จะผ่านหร๊ออออ??
แต่สวรรค์มีตา(พอสอบเสร็จ ก็กลายเป็นนรกชัง เหอๆ) เราก็ได้อ่านเจอ คอมเม้นท์เล็กๆ ยาวหนึ่งบรรทัด ของป้าคนนึง ในเว็ปอะไรก็จำไม่ได้แล้ว 555 นางกล่าวว่า "ถ้าจะสอบ IELTS สอบ PTE Academic ดีกว่า ง่ายกว่ามากกกกกก practical กว่ามากกกกกกก" ... ง่ายกว่ามากกกก ง่ายกว่ามากกกกก ง่ายกว่ามากกกกก ... ประโยคเด็ดของป้า รีเพลย์ ซ้ำๆ ในหัว จนกลายเป็น การสะกดจิต ให้มีแรงกระตุ้นอ่านหนังสืออีกครั้ง จนถึงวันสอบ วันที่ 29.1.15 เมื่อวานนี้ค่ะ
สมัครสอบ และอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่เว็ปนี้ค่ะะ
http://pearsonpte.com/ create account เพื่อใช้สมัครสอบก่อน แต่ถ้าใครยังไม่สอบ อยากดูแนวข้อสอบเฉยๆก็ทำได้ค่ะ
ค่ะ สมัคร 17 สอบ 29 มกรา มีเวลาเตรียมตัวทั้งหมด 12 วัน หักเสาร์อาทิตย์ออกไป(ลูกสาวไม่ไปเดย์แคร์ คือ ห้ามสนใจสิ่งอื่น มิเช่นนั้น บ้านจะแตกเป็นเสี่ยงๆ) เหลือ 10 วัน ที่อ่านแบบจริงจัง คือหยุดไปเรียนภาษาฟินน์เลยอ่ะ ยอมโดยครูมองว่าไม่ตั้งใจเรียน ทั้งที่ผ่านมา ไม่เคยขาดเรียนเลย(หราาาาา 555) อ่าน ฝึกทุกทักษะ เฉลี่ยวันละ 3-6 ชั่วโมง นอน ตีสาม-สี่ ทุกคืน ทุ่มเทแค่ไหน คิดดู๊
มะ!!! อันดับแรก ก็ต้องศึกษา test format ก่อนสิ ว่าเราต้องรับมือกับอะไรบ้าง ต้องไฟท์กับสิ่งใด รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง .. ก็คล้ายๆกับข้อสอบวัดภาษาอังกฤษ โดยทั่วไปค่ะ วัดสี่ทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน แต่ PTE มีลักษณะพิเศษกว่ามาก ตรงที่ มี task ย่อยๆแตกต่างกัน ให้ทำในแต่ละ part ถึง 20 tasks เรียงลำดับ เท่าที่จำได้ ตามนี้เลยค่ะ
PART 1 Speaking and Writing (รวมกัน)
- Read aloud
- Repeat sentence
- Describe image
- Re-tell lecture
- Answer short questions
- Summarize written text
- Write essay
PART 2 Reading
- Multiple choices(ให้เลือก2-3 คำตอบ)
- Fill in the blanks(มี 2 แบบ)
- Multiple choices(เลือกคำตอบเดียว)
- Re-order paragraphs(เรียงประโยคใหม่)
--- break 10 mins optional----
PART 3 Listening
- Fill in the blanks
- Hilight correct summary
- Hilight incorrect words
- Multiple choices(ฟังแล้วเลือก คำตอบอาจมีอันเดียว หรือหลายอัน ต้องดู คำสั่งให้ดีๆ)
- Select missing word
- Summarize spoken text
- Write from dictation
ดูน่าสนใจ ท้าทาย ดีมั๊ยคะ? ... เราก็คิดเหมือนกัน ... แต่ลำพังสมองน้อยๆ กับหนังสือ(ไอเอลส์) สี่ห้าเล่มมันคงไม่พอ อยากได้ online/offline materials ของ PTE โดยตรงเลยต้องทำยังไง มันมีให้โหลดมาอ่านฟรีไหม? ตอบเลยว่า ไม่มี ค่ะ
อันนี้ต้องเสียเงินเพิ่ม ซื้อเองถ้าคุณสนใจจะฝึกทำกับแนวข้อสอบจริง จับเวลาจริง และประเมิน คะแนน ตามหลักของเค้าเลย จริงๆ
การศึกษา คือ การลงทุน (สามี)เราก็เปย์สิคะ 555 จะเหลือเร๊อะ ซื้อไปทีแรก Scored practice test(แบบจำลองข้อสอบเสมือนจริง ทำจริง จับเวลา ประเมินคะแนนจริงทุกอย่าง) 35$ จ่ายไป ต่อมา ก็อยากฝึกเขียนอีก เพราะไอ่ตัวเรานั้น มันจัดว่าแย่ ในทุกๆทักษะ ก็ต้องลงทุนมากกว่าคนอื่นเค้าหน่อย เลยซื้อแพ็คเกจฝึกเขียนจากในเว็ปนี้ค่ะ
http://www.ielts-blog.com/check-your-ielts-writing/
มีประโยชน์มากกกก ดีมากๆๆๆๆๆๆ พูดเลย และอยากบอกต่อค่ะ!!! 22$ 4 tasks express ตรวจคืน คอมเม้นท์ ฟีดแบ็คภายในวันเดียว แล้วก็ส่งผลให้ Part Writing เราทำคะแนนได้ ดีที่สุด ณ จุดนี้ ภูมิใจมาก เพราะไม่เคยคิดว่า ตัวเองจะทำได้ คะแนนนั้น คิดมาตลอดว่า ได้ 55 คะแนน ก็หรูแล้ว 55
ส่วนทักษะการฟัง กับ พูด ก็คงไม่ต้องฝึกมาก ก็ทำอยู่ทุกวัน และค่อนข้างมั่นใจว่า จะทำได้ดี เกิน 50 คะแนน(ไม่หวังมาก เอาแค่ผ่าน เพราะเราไม่เก่ง)
Reading ก็ฝึกไปแบบแกนๆ ผ่านๆ ท่องศัพท์แบบจำบ้าง ลืมบ้าง ขี้เกียจบ้าง เพราะรู้จักตัวเองดี ว่าเป็นคนไม่ชอบอ่าน แพสเสจ อังกฤษยาวๆ เห็นแล้วตาลาย ไม่ชอบเลยไม่อยากฝืนตัวเอง ทำได้แค่ไหนแค่นั้น ให้เกิน 50 เป็นพอ
"วันสอบ"
เริ่มสอบ บ่ายโมง ไปถึงตั้งแต่ 11.30 ข้าวก็ไม่ได้กิน เพราะเครียดมาก ตั้งแต่เช้า ตื่นเต้นมากเกินไป กินอะไรก็อ้วก แสบท้องมาก แต่ก็ยังไปสอบ(ก็เสียเงินไปตั้งเกือบหมื่น ไม่ไปก็เสียดายเงินสิ) คือ คิดน้อยไง ว่ามันสอบจนถึง 4 โมง กระเพาะคนบ้าที่ไหนมันจะทนได้ ทำด้วยเลือดด้วยเนื้อ ไม่ใช่ไอรอนแมนเสียเมื่อไหร่
คนสอบรอบเดียวกันมีประมาณ 10 คน ก็ลงทะเบียน ถ่ายรูปกับกล้องดิจิตอล(ตื่นตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า บล็อคตาสโมคกี้ กรีดอายส์ คือ เนรมิตหน้างาม แน่นฉ่ำ เมื่อวาน เพื่อการนี้อ่ะ พูดเลย 55) จากนั้นก็
สแกนฝ่ามือ แล้วก็รอ จนถึงเวลาสอบ เค้าก็เรียกเข้าไปในห้องสอบ ทีละคน เราเลือกไม่ได้นะ ว่าชั้นอยากนั่งชมวิวข้างหน้าต่าง ชั้นอยากนั่งใกล้ ผู้ชายเกาหลีคนนี้ ยังงี้ ทำไม่ได้ค่ะ
แล้วข้อผิดพลาด ข้อที่ 1 ก็เกิดขึ้น ...
ซ้ายมือคือกำแพง โอเค satisfied
แต่ขวามือ คือร่ะ!? ชายวัยเดียวกันสัญชาติ อินเดีย พูดภาษาอังกฤษ สำเนียง อินเดียน ที่เรา ไม่ค่อยจะโอเค โนวววววววว Dissatisfied!!!
หายใจเข้าลึกๆ สลับโหมด นางเอก โอเค๊ ไหนๆก็ไหนๆ ในเมื่อมันจำเป็น ก็ต้องทำใจ ,,, เริ่มสอบ!!
แนะนำตัวเอง 1 นาที และ ปรับเสียง ไมค์ อื่นๆ
Speaking อันดับแรก คือ Read aloud โอ้ยยยย คุณชายอินเดียน่าข้างๆ แกอ่านเสียงดังมากกกก คือ เราแทบไม่ได้ยินเสียงตัวเองเลยค่ะ บวกกับเสียงอ่านของคนอื่นๆ และอื่นๆ ก็ดังตามมา เหมือนอยู่ในรถไฟฟ้า เมืองเซี่ยงไฮ้ ก็ไม่ปาน สมาธิหลุดลอยสิคะ อ่านผิดอ่านถูก fluency หายหม๊ด!! หยุดอ่านก็ไม่ได้ เกินสามวินาที เงียบไป คือ ไมค์ตัด พัง!!! หายนะ ในการสอบครั้งนี้เริ่ม
PTE Academic Test สมาธิไม่เจ๋งจริง พูดไม่ลื่นไหลจริง อย่าไป!
กระทู้แรกที่เราตั้งในนี้ คือกระทู้คำถาม เรื่อง ทำนม มากระทู้นี้ ว่าด้วยเรื่อง สอบ PTE Academic นี่คือ อีกมุมนึงของหนู 555
จริงๆเรียก "ป้า" น่าจะเหมาะกว่า เพราะเราอายุ 31 ปีนี้แล้วค่ะ (สดๆร้อนๆ) เรียนจบ คณะศึกษาศาตร์ วิชาเอก คณิตศาสตร์ วิชาโท ภาษาอังกฤษ จากมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง ชื่อเชียงใหม่(แล้วจะแห่งหนึ่งทำไมเนียะ!ฮ่ะๆ) เคยทำงานเป็นครูอยู่พักนึง ทำงานโรงแรมอยู่พักใหญ่ เพราะฝักใฝ่ ในการ สปีคอิงลิช ชอบคุยกับ ชาวต่างชาติ(อย่างแรกคือ อย่างหลังคือเหตุผลหลัก) 55 ;) ชอบไปชอบมา ปี 2011 ย้ายจากไทยมา กลายเป็นคุณแม่ ลูกหนึ่ง อยู่ที่ประเทศฟินแลนด์ แดนฮีมะ นี่เกือบจะสี่ปีแล้วค่ะ ^^
ต้องบอกก่อนว่า เราเรียนวิชาโทอังกฤษก็จริง ทำงานโรงแรมก็จริง มีสามีและแฟนๆ(สวยมากต้องแฟนมากเป็นธรรมดา ฮ่ะๆๆๆ) ต่างชาติก็จริง แต่เราไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษอะไรนักหนาเลยค่ะ อันนี้สาบานเลย ว่าไม่ได้ถ่อมตัว(จะถ่อมทำไม ก็ไม่เก่งจริงๆ) ภาษาอังกฤษของเรานั้นอยู่ ระดับกลางถึงเกือบล่าง วัดจากเว็ปนี้ก่อนไปสอบ 5 วันค่ะ ใครอยากรู้ว่าตัวเองภาษาอังกฤษอยู่ระดับไหน เชิญค่ะ ;)
http://www.ef.co.th/test/#/
และอีกอย่างคือ ตอนสมัยเรียน มหาลัย บ้าสมัครแอร์ ไปสอบ TOEIC ทั้งหมด ห้าครั้ง กว่าจะได้คะแนนสุดท้ายที่พอใจ 770 คะแนน(ก็น้อยอยู่ดีสำหรับคนที่เค้าเทพอังกฤษจริงๆ) ก็เข้าถึงรอบตรวจร่างกาย แอร์กาตาร์ แต่สุดท้ายก็ไม่ผ่าน เพราะเป็นพาหะไวรัสบี ความฝัน เรื่องแอร์ ก็เป็นอันพับไป เก็บไว้ในซอกในหลืบตลอดกาล เพราะโรคนี้เป็นโรคต้องห้ามของแอร์ ก็กลับไปทำงาน โรงแรมต่อ ไปเป็นครูอยู่บนดอยปีนึง ก็มีผู้ชายตาน้ำข้าวมาขอแต่งงาน เลยหอบผ้าเช็ดตัว หัวใจ หนีตามเค้าข้ามโลกมาค่ะ ;)
พอย้ายมาอยู่ที่นี่ เรียนภาษาฟินน์มาสามปีแล้ว นี่ก็จะจบเดือนพฤษภานี้แล้ว แต่ทำไมยังพูดได้ไม่ดีเท่าที่ควร(ก็จะพูดได้ยังไง ในเมื่อที่บ้านใช้ภาษาอังกฤษกับทุกคน ยกเว้นกับลูกสาว จะปั๊ดกำเมืองใส่นาง ตั้งแต่อยู่ในท้อง ดูทีวี ฟังเพลง ทุกอย่าง ใช้ภาษาอังกฤษหมด)ที่นี่ คือเรียนฟรี มีเงินให้ด้วยค่ะ แต่เค้าให้แค่สามปี หลังจากนั้นถ้าจะเรียนต่อ เค้าก็ให้ แต่ให้น้อยลง แต่ถ้าไม่เรียนเลย อยู่บ้านเฉยๆ ก็ได้เงินคนว่างงานอยู่นะคะ แต่ก็น้อยนิดมากๆ ประมาณ สามร้อยยูโร ต่อเดือนที่สำคัญคือ เราก็จะเสียเวลาในชีวิต อายุอานามก็ป่านฉะนี้แล้ว ถ้าไม่รีบเรียนต่อตอนนี้ ต่อไปกลัวไฟจะมอด จะหยุดตอดไป(เอ๊ะ ยังไง อะไร ตอด??!! 55) ... แต่ปัญหาคือ จะเรียนอะไรดีล่ะ ทีนี้??
ปรึกษากับสามี ฮีบอกภาษาฟินน์คุณต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก ผมว่า เรียน English Programme ดีกว่า มีความเป็นไปได้มากกว่า ฮีว่างั้น เลยตกลงใจว่า จะเรียนต่อปริญญาโท Master Degree of Sciences(Mathematics and Applied Maths) ต่อยอดจาก ป.ตรี ที่จบมาจากไทย ... อืมมมม ฟังดูดีเน๊าะ ศึกษาข้อมูล ว่าเราสมัครได้ไหม เค้าต้องเอาอะไรยื่นบ้าง ... เตรียมการหมด มีหมดทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียว คือ English Test ...
University of Helsinki คือ มหาลัยที่แพลนไว้ English test มีอยู่เกือบสิบอย่างที่เค้ายอมรับ ที่ฮิตๆ ได้ยินบ่อยๆกัน ก็คือ IELTS กับ TOEFL ค้นอากู๋ อ่านดูพันทิพแล้ว ตัดสินใจแน่วแน่ ว่า เอาวะ!! สอบอิ ไอเอล นี่แหละ(เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าง่ายที่สุดในบรรดา Eng Test ทั้งหลาย) สามีสั่งซื้อหนังสือจาก Amazon คือ Cambridge 9, Writing และอื่นๆอีกสามเล่ม(จำไม่ได้) เราก็เริ่มอ่าน ตั้งใจมาก นอนตีสองตีสามทุกคืน มหาลัยเปิดรับสมัคร 1.12.14-30.1.15 เปิดเข้าเว็ปไอเอลฟินแลนด์ ไปเรื่อยๆ กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะสอบซักต้นเดือนธันวา แต่พอ อีกสามวันให้หลัง เปิดค้นดูอีกที ไม่มีค่ะ!!! เต็ม() ทุกรอบ ยาวไปถึงเดือนมีนา ถึงจะว่าง(รอสอบก็ไม่ทันสมัครน่ะสิ) .... สรุป คือ เฟลลลลล แบบน่าเจ็บใจตัวเองมาก
ทำไงทีนี้ เปลี่ยนเป้าหมาย ดูเว็ป Toefl ก็ดันเต็มอี๊ก เลยปลงเลยค่ะทีนี้ ไม่ทรงไม่สอบอะไรละ หยุดอ่านหนังสือต้นเดือนพฤศจิกา แต่กลางคืนทำไมมันนอนไม่หลับ ทำไมหงุดหงิดง่าย ทำไมกินเยอะแต่น้ำหนักไม่ขึ้น(มโน ว่าร่างกายคงกำลังปรับตัว ให้นอนเร็วขึ้น หลังจากอ่านหนังสือดึกมาก มานาน) แต่คือมันไม่ใช่!! เราไปตรวจกับคุณหมอ สรุปคือ เราป่วยค่ะ เป็นโรคคอพอกเป็นพิษ ... คืออะไร ชีวิตมีแต่เรื่องแต่ราว ตอนปลายปีที่แล้วนี่คือ ช่วงชีวิตที่มากจริงๆ ... เจอเรื่องนี้ไปก็ยิ่งเฟล ยิ่งนอยด์ ไม่มีกะจิตกะใจจะกระตือรือร้น ทำอะไรอีกแล้ว ...
จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 17 มกรา ที่ผ่านมา อยู่ๆ สามีก็ส่งลิ้งค์มหาลัยนึงให้ คือ Haaga-Helia University of Applied Science สาขา Hospitality, Tourism and Experience Management ที่สามารถสมัครได้ถึง 13 กุมภา .... เอ้ยยยยย คือดี คือน่าสนใจสิ พอตกเย็นก็สมัครออนไลน์ อย่างใจง่าย ใจเร็ว ไม่คิดถึงอะไรเลย ว่าตัวเองพร้อมแค่ไหน มโนว่าภาษาอังกฤษตัวเอง ก็พอไฟท์ได้น่ะ เอาวะ!!! ไม่ลอง ไม่รู้!!!...
ทำไงล่ะ ก็เปิดไล่ดู ว่าเค้ารับผลสอบอังกฤษ ของอะไรบ้าง โทเฟล ไอเอลส์ ผ่าน ไม่ทันค่ะ ปร๊าดดด มาสะดุดตาตรงที่ข้อสุดท้าย PTE(Pearson test of English) Academic Test ... เอ้อออ ชื่อสวยดีเน๊าะ 555 ไม่ได้รู้เล้ยยยยยย ว่ามันคืออะไร รู้อย่างเดียวตอนนั้น ว่ามันได้ผลสอบเร็ว สอบวันนี้ สองวันได้รู้กัน คือ ไม่ค่อยคิดอะไรมาก สมัครเลย จัดเลย 555
เค้าขอที่ score 51(จากเต็ม 90 คะแนนค่ะ) ก็น่าลุ้นมากกว่า IELTS 6.5 Writing 5.5 มหาลัยเฮลซิงกิแหละว้าาาา(ยังเข้าข้างตัวเองไม่เลิก)
สมัครสอบ จ่ายเงินหมดละ 295€ ก็ลองค้นอ่านดูในพันทิพ เชื่อว่ามันต้องมีรีวิว PTE Academic ซักกระทู้สิน่า ... แต่เชื่อป่ะ ว่า มัน-ไม่-มี!!! หอยหลอดดดดดดด ค้นแล้วค้นอีก ก็ไม่มีประชาชนคนไทยที่ไหน แสดงความเห็นไว้เลย ว่า ข้อสอบเป็นอย่างไรกันบ้าง ยากง่าย หรือยังไง ... กรรม กรรม กรรม!!!... คนเก่งๆคนอื่นเค้ายังไม่ค่อยสอบกัน แล้วหล่อนเป็นใครฮะ?? นังชะนีลูกคนเมือง เรียน รร. รัฐบาล ภาษาพื้นเมือง 100% ภาษาอังกฤษ ระดับกลางเกือบล่างอย่างหล่อน จะสอบได้เหร๊อออออ จะผ่านหร๊ออออ??
แต่สวรรค์มีตา(พอสอบเสร็จ ก็กลายเป็นนรกชัง เหอๆ) เราก็ได้อ่านเจอ คอมเม้นท์เล็กๆ ยาวหนึ่งบรรทัด ของป้าคนนึง ในเว็ปอะไรก็จำไม่ได้แล้ว 555 นางกล่าวว่า "ถ้าจะสอบ IELTS สอบ PTE Academic ดีกว่า ง่ายกว่ามากกกกกก practical กว่ามากกกกกกก" ... ง่ายกว่ามากกกก ง่ายกว่ามากกกกก ง่ายกว่ามากกกกก ... ประโยคเด็ดของป้า รีเพลย์ ซ้ำๆ ในหัว จนกลายเป็น การสะกดจิต ให้มีแรงกระตุ้นอ่านหนังสืออีกครั้ง จนถึงวันสอบ วันที่ 29.1.15 เมื่อวานนี้ค่ะ
สมัครสอบ และอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่เว็ปนี้ค่ะะ http://pearsonpte.com/ create account เพื่อใช้สมัครสอบก่อน แต่ถ้าใครยังไม่สอบ อยากดูแนวข้อสอบเฉยๆก็ทำได้ค่ะ
ค่ะ สมัคร 17 สอบ 29 มกรา มีเวลาเตรียมตัวทั้งหมด 12 วัน หักเสาร์อาทิตย์ออกไป(ลูกสาวไม่ไปเดย์แคร์ คือ ห้ามสนใจสิ่งอื่น มิเช่นนั้น บ้านจะแตกเป็นเสี่ยงๆ) เหลือ 10 วัน ที่อ่านแบบจริงจัง คือหยุดไปเรียนภาษาฟินน์เลยอ่ะ ยอมโดยครูมองว่าไม่ตั้งใจเรียน ทั้งที่ผ่านมา ไม่เคยขาดเรียนเลย(หราาาาา 555) อ่าน ฝึกทุกทักษะ เฉลี่ยวันละ 3-6 ชั่วโมง นอน ตีสาม-สี่ ทุกคืน ทุ่มเทแค่ไหน คิดดู๊
มะ!!! อันดับแรก ก็ต้องศึกษา test format ก่อนสิ ว่าเราต้องรับมือกับอะไรบ้าง ต้องไฟท์กับสิ่งใด รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง .. ก็คล้ายๆกับข้อสอบวัดภาษาอังกฤษ โดยทั่วไปค่ะ วัดสี่ทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน แต่ PTE มีลักษณะพิเศษกว่ามาก ตรงที่ มี task ย่อยๆแตกต่างกัน ให้ทำในแต่ละ part ถึง 20 tasks เรียงลำดับ เท่าที่จำได้ ตามนี้เลยค่ะ
PART 1 Speaking and Writing (รวมกัน)
- Read aloud
- Repeat sentence
- Describe image
- Re-tell lecture
- Answer short questions
- Summarize written text
- Write essay
PART 2 Reading
- Multiple choices(ให้เลือก2-3 คำตอบ)
- Fill in the blanks(มี 2 แบบ)
- Multiple choices(เลือกคำตอบเดียว)
- Re-order paragraphs(เรียงประโยคใหม่)
--- break 10 mins optional----
PART 3 Listening
- Fill in the blanks
- Hilight correct summary
- Hilight incorrect words
- Multiple choices(ฟังแล้วเลือก คำตอบอาจมีอันเดียว หรือหลายอัน ต้องดู คำสั่งให้ดีๆ)
- Select missing word
- Summarize spoken text
- Write from dictation
ดูน่าสนใจ ท้าทาย ดีมั๊ยคะ? ... เราก็คิดเหมือนกัน ... แต่ลำพังสมองน้อยๆ กับหนังสือ(ไอเอลส์) สี่ห้าเล่มมันคงไม่พอ อยากได้ online/offline materials ของ PTE โดยตรงเลยต้องทำยังไง มันมีให้โหลดมาอ่านฟรีไหม? ตอบเลยว่า ไม่มี ค่ะ อันนี้ต้องเสียเงินเพิ่ม ซื้อเองถ้าคุณสนใจจะฝึกทำกับแนวข้อสอบจริง จับเวลาจริง และประเมิน คะแนน ตามหลักของเค้าเลย จริงๆ
การศึกษา คือ การลงทุน (สามี)เราก็เปย์สิคะ 555 จะเหลือเร๊อะ ซื้อไปทีแรก Scored practice test(แบบจำลองข้อสอบเสมือนจริง ทำจริง จับเวลา ประเมินคะแนนจริงทุกอย่าง) 35$ จ่ายไป ต่อมา ก็อยากฝึกเขียนอีก เพราะไอ่ตัวเรานั้น มันจัดว่าแย่ ในทุกๆทักษะ ก็ต้องลงทุนมากกว่าคนอื่นเค้าหน่อย เลยซื้อแพ็คเกจฝึกเขียนจากในเว็ปนี้ค่ะ
http://www.ielts-blog.com/check-your-ielts-writing/
มีประโยชน์มากกกก ดีมากๆๆๆๆๆๆ พูดเลย และอยากบอกต่อค่ะ!!! 22$ 4 tasks express ตรวจคืน คอมเม้นท์ ฟีดแบ็คภายในวันเดียว แล้วก็ส่งผลให้ Part Writing เราทำคะแนนได้ ดีที่สุด ณ จุดนี้ ภูมิใจมาก เพราะไม่เคยคิดว่า ตัวเองจะทำได้ คะแนนนั้น คิดมาตลอดว่า ได้ 55 คะแนน ก็หรูแล้ว 55
ส่วนทักษะการฟัง กับ พูด ก็คงไม่ต้องฝึกมาก ก็ทำอยู่ทุกวัน และค่อนข้างมั่นใจว่า จะทำได้ดี เกิน 50 คะแนน(ไม่หวังมาก เอาแค่ผ่าน เพราะเราไม่เก่ง)
Reading ก็ฝึกไปแบบแกนๆ ผ่านๆ ท่องศัพท์แบบจำบ้าง ลืมบ้าง ขี้เกียจบ้าง เพราะรู้จักตัวเองดี ว่าเป็นคนไม่ชอบอ่าน แพสเสจ อังกฤษยาวๆ เห็นแล้วตาลาย ไม่ชอบเลยไม่อยากฝืนตัวเอง ทำได้แค่ไหนแค่นั้น ให้เกิน 50 เป็นพอ
"วันสอบ"
เริ่มสอบ บ่ายโมง ไปถึงตั้งแต่ 11.30 ข้าวก็ไม่ได้กิน เพราะเครียดมาก ตั้งแต่เช้า ตื่นเต้นมากเกินไป กินอะไรก็อ้วก แสบท้องมาก แต่ก็ยังไปสอบ(ก็เสียเงินไปตั้งเกือบหมื่น ไม่ไปก็เสียดายเงินสิ) คือ คิดน้อยไง ว่ามันสอบจนถึง 4 โมง กระเพาะคนบ้าที่ไหนมันจะทนได้ ทำด้วยเลือดด้วยเนื้อ ไม่ใช่ไอรอนแมนเสียเมื่อไหร่
คนสอบรอบเดียวกันมีประมาณ 10 คน ก็ลงทะเบียน ถ่ายรูปกับกล้องดิจิตอล(ตื่นตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า บล็อคตาสโมคกี้ กรีดอายส์ คือ เนรมิตหน้างาม แน่นฉ่ำ เมื่อวาน เพื่อการนี้อ่ะ พูดเลย 55) จากนั้นก็
สแกนฝ่ามือ แล้วก็รอ จนถึงเวลาสอบ เค้าก็เรียกเข้าไปในห้องสอบ ทีละคน เราเลือกไม่ได้นะ ว่าชั้นอยากนั่งชมวิวข้างหน้าต่าง ชั้นอยากนั่งใกล้ ผู้ชายเกาหลีคนนี้ ยังงี้ ทำไม่ได้ค่ะ
แล้วข้อผิดพลาด ข้อที่ 1 ก็เกิดขึ้น ...
ซ้ายมือคือกำแพง โอเค satisfied
แต่ขวามือ คือร่ะ!? ชายวัยเดียวกันสัญชาติ อินเดีย พูดภาษาอังกฤษ สำเนียง อินเดียน ที่เรา ไม่ค่อยจะโอเค โนวววววววว Dissatisfied!!!
หายใจเข้าลึกๆ สลับโหมด นางเอก โอเค๊ ไหนๆก็ไหนๆ ในเมื่อมันจำเป็น ก็ต้องทำใจ ,,, เริ่มสอบ!!
แนะนำตัวเอง 1 นาที และ ปรับเสียง ไมค์ อื่นๆ
Speaking อันดับแรก คือ Read aloud โอ้ยยยย คุณชายอินเดียน่าข้างๆ แกอ่านเสียงดังมากกกก คือ เราแทบไม่ได้ยินเสียงตัวเองเลยค่ะ บวกกับเสียงอ่านของคนอื่นๆ และอื่นๆ ก็ดังตามมา เหมือนอยู่ในรถไฟฟ้า เมืองเซี่ยงไฮ้ ก็ไม่ปาน สมาธิหลุดลอยสิคะ อ่านผิดอ่านถูก fluency หายหม๊ด!! หยุดอ่านก็ไม่ได้ เกินสามวินาที เงียบไป คือ ไมค์ตัด พัง!!! หายนะ ในการสอบครั้งนี้เริ่ม