สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
จากประสบการณ์ทำงานด้านให้คำปรึกษารัฐวิสาหกิจมานาน ผมไม่เคยเปิดข้อมูลของการบินไทย แต่รัฐวิสาหกิจเก่าแก่มีปัญหาร่วมกันคือค่าใช้จ่ายด้านพนักงานที่สูงมาก เพราะวัฒนธรรมการขึ้นเงินเดือนที่ขึ้นทุกปี ถึงแม้จะขาดทุน การขึ้นเงินเดือนก็อยู่ที่ราวร้อยละ 6.5 และเพดานเงินเดือนของตำแหน่งงานต่างๆ มีขึ้นสูงที่สูงมาก ไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง เช่น ตำแหน่งที่วุฒิการศึกษาไม่สูง งานไม่ได้ใช้ทักษะอะไร สามารถหาจ้างได้ในภาคเอกชนในเงินเดือน 9000 บาท พนักงานรัฐวิสาหกิจตำแหน่งนี้ที่อยู่มาเก่าแก่ เงินเดือนอาจสูงได้ถึง 30000 และถ้าเป็นตำแหน่งที่มีโอที บางครั้งอาจมีโอทีเพิ่มได้ถึงอีกเท่าตัวของเงินเดือน
ส่วนที่สองคือการตอบสนองนโยบายภาครัฐ ในกรณีของการบินไทย อาจจะมีเรื่องของการเปิดเส้นทางการบินที่อาจจะไม่มีผลกำไร แต่เป็นเส้นทางที่จำเป็นด้วยเหตุผลบางประการ หรือการมีสิทธิประโยชน์พิเศษให้ข้าราชการการเมือง
ส่วนต่อมาที่ผมคิดว่าสำคัญ คือ ระบบการบริหารงานรัฐวิสาหกิจไม่มีช่องว่างให้สามารถปรับตัวได้ทันต่อสถานการณ์ เนื่องจากกฎระเบียบต่างๆ ที่รัดตัวมาก เช่น ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงของคู่แข่งที่สำคัญในวันนี้ การที่รัฐวิสาหกิจจะคิดโครงการมารับมือ กว่าจะถึงรอบปรับแผนวิสาหกิจ ผ่านขั้นตอนต่างๆ สิ่งที่คิดตอนนี้ กว่าจะได้ลงมือก็อีกสองปีข้างหน้า แถมยังถูกผูกมัดด้วยเกณฑ์การประเมินองค์กรต่างๆ ที่กำหนดโดยกระทรวงการคลัง ซึ่งบางครั้งไม่สอดคล้องกับความจำเป็นของการดำเนินงาน เน้นสิ่งที่ต้องมีมากกว่าผลลัพท์ เช่น ต้องมีระบบ IT สนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหาร แต่ไม่ได้วัดว่าระบบดังกล่าวช่วยองค์กรอย่างไร
นอกจากนี้ ตัวพนักงานเองที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาทักษะและมุมมองด้านการแข่งขัน โดยเฉพาะหลายรายที่อยู่ในสภาพผูกขาดมานาน พอเกิดการเปิดเสรี มีแข่งขันจากภาคเอกขน การพัฒนาการบริการให้ทันคู่แข่งจึงทำได้ยาก เพราะไม่รู้จะเริ่มตรงไหน การจะจ้างคนที่เก่งและเป็นมาทำงานเลยก็ทำไม่ได้ เพราะรัฐวิสาหกิจมักจะไม่สามารถจ้างคนเข้ามาเป็นผู้จัดการหรือผู้อำนวยการได้ทันที การจะหวังพึ่งเด็กรุ่นใหม่ที่จะไต่เต้าขึ้นมาก็ไม่ทันการ ทำให้ต้องพึ่งพาที่ปรึกษาเข้ามาคิดแผน คิดกลยุทธ์ต่างๆ เป็นหลัก กลยุทธ์ที่ที่ปรึกษาสร้างขึ้นก็มักจะได้รับการผลักดันแบบไม่เต็มที่ เพราะขาดความเข้าใจและเครื่องมือที่เหมาะสม
...งานหนักครับถ้าจะปรับรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ อย่างการบินไทยให้กลับมาแข่งขันได้อย่างเอกชน
ส่วนที่สองคือการตอบสนองนโยบายภาครัฐ ในกรณีของการบินไทย อาจจะมีเรื่องของการเปิดเส้นทางการบินที่อาจจะไม่มีผลกำไร แต่เป็นเส้นทางที่จำเป็นด้วยเหตุผลบางประการ หรือการมีสิทธิประโยชน์พิเศษให้ข้าราชการการเมือง
ส่วนต่อมาที่ผมคิดว่าสำคัญ คือ ระบบการบริหารงานรัฐวิสาหกิจไม่มีช่องว่างให้สามารถปรับตัวได้ทันต่อสถานการณ์ เนื่องจากกฎระเบียบต่างๆ ที่รัดตัวมาก เช่น ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงของคู่แข่งที่สำคัญในวันนี้ การที่รัฐวิสาหกิจจะคิดโครงการมารับมือ กว่าจะถึงรอบปรับแผนวิสาหกิจ ผ่านขั้นตอนต่างๆ สิ่งที่คิดตอนนี้ กว่าจะได้ลงมือก็อีกสองปีข้างหน้า แถมยังถูกผูกมัดด้วยเกณฑ์การประเมินองค์กรต่างๆ ที่กำหนดโดยกระทรวงการคลัง ซึ่งบางครั้งไม่สอดคล้องกับความจำเป็นของการดำเนินงาน เน้นสิ่งที่ต้องมีมากกว่าผลลัพท์ เช่น ต้องมีระบบ IT สนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหาร แต่ไม่ได้วัดว่าระบบดังกล่าวช่วยองค์กรอย่างไร
นอกจากนี้ ตัวพนักงานเองที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาทักษะและมุมมองด้านการแข่งขัน โดยเฉพาะหลายรายที่อยู่ในสภาพผูกขาดมานาน พอเกิดการเปิดเสรี มีแข่งขันจากภาคเอกขน การพัฒนาการบริการให้ทันคู่แข่งจึงทำได้ยาก เพราะไม่รู้จะเริ่มตรงไหน การจะจ้างคนที่เก่งและเป็นมาทำงานเลยก็ทำไม่ได้ เพราะรัฐวิสาหกิจมักจะไม่สามารถจ้างคนเข้ามาเป็นผู้จัดการหรือผู้อำนวยการได้ทันที การจะหวังพึ่งเด็กรุ่นใหม่ที่จะไต่เต้าขึ้นมาก็ไม่ทันการ ทำให้ต้องพึ่งพาที่ปรึกษาเข้ามาคิดแผน คิดกลยุทธ์ต่างๆ เป็นหลัก กลยุทธ์ที่ที่ปรึกษาสร้างขึ้นก็มักจะได้รับการผลักดันแบบไม่เต็มที่ เพราะขาดความเข้าใจและเครื่องมือที่เหมาะสม
...งานหนักครับถ้าจะปรับรัฐวิสาหกิจใหญ่ๆ อย่างการบินไทยให้กลับมาแข่งขันได้อย่างเอกชน
แสดงความคิดเห็น
เพราะอะไรการบินไทยถึงใกล้เจ๊งครับ และนอกจากกัปตันการบินไทยแล้ว มีของบริษัทไหนอีกบ้างที่ทาง บ. จ่ายภาษีรายได้แทน
สงสัยสองประเด็นหลักๆ ครับ
1. เพราะอะไรการบินไทยถึงเจ๊ง ขาดทุน
2. นอกจากการบินไทยแล้ว มีบริษัทการบินไหนอีกบ้างครับที่กัปตันไม่ต้องเสียภาษี (บริษัทออกให้)
การบินไทยกินเงินส่วนรวม แล้วเอาไปอุ้มกัปตันที่รวยอยู่แล้วด้วยการจ่ายภาษีแทน
มันไม่น่าเกลียดไปหน่อยเหรอครับ
แทนที่จะมีเงินเข้าส่วนรวมจากการเก็บภาษีพวกกัปตันการบินไทยทั้งหลาย
การบินไทยมีประโยชน์ต่อส่วนรวมไหม เห็นหลายคนบอกว่าเป็นภาระ
คิดเห็นอย่างไรแย้งกันด้วยข้อมูล