โตแล้ว จะรีวิวยังไงก็ได้ 12
Dogtooth | โลกใบไหนก็น่ากลัวทั้งนั้น ถ้ามนุษย์ที่อาศัยอยู่ในนั้นหาใช่มนุษย์ไม่
(บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)
ภาพยนตร์จากประเทศกรีซเรื่องนี้ ถ่ายทอดภาพภายในโลกแห่งจิตสำนึกส่วนลึกของมนุษย์ พาเราไปสำรวจความน่ากลัวของสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ในใจคน และยังสะท้อนรูปแบบการปกครองของสังคมผ่านสถาบันครอบครัว – มันคือผลงานที่สร้างชื่อให้กับ Giorgos Lanthimos ผู้กำกับ ซึ่งพาหนังเดินทางไปคว้ารางวัลมากมาย ที่สำคัญคือเขาทำให้หนังเรื่องนี้เข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์มาแล้วทั่วทั้งโลก
Dogtooth เล่าเรื่องราวของครอบครัวๆหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วยพ่อ แม่ ลูกสาวคนโต ลูกชายคนกลาง และลูกสาวคนเล็ก เด็กทั้งสามถูกพ่อแม่ขังเอาไว้ในบ้านหลังใหญ่ซึ่งถูกล้อมไว้ด้วยรั้วที่แน่นหนา ตั้งแต่เกิดจนย่างเข้าวัยรุ่น พวกเขาไม่เคยได้ออกไปดูโลกภายนอกเลย ทุกคนใช้ชีวิตตามกฎเกณฑ์ที่พ่อแม่ตั้งขึ้น รู้จักโลกผ่านเพียงคำบอกเล่า และถูกยัดเยียดความรู้ให้แบบผิดๆ เช่น ทะเล คือเก้าอี้ที่หุ้มด้วยหนัง มีที่เท้าแขนทำจากไม้ หรือซอมบี้ คือดอกไม้สีเหลือง - นอกจากนั้น เด็กๆจะถูกสอนจนเชื่อ (และกลัว) ว่านอกรั้วบ้านนั้นเต็มไปด้วยอันตราย พวกเขาจะพร้อมออกไปดูโลกภายนอกได้ก็ต่อเมื่อ "ฟันหมา (Dogtooth)" (ซึ่งเข้าใจว่าหมายถึงฟันเขี้ยว) หลุดออกจากปากแล้วเท่านั้น
หนังถ่ายทอดความน่ากลัวภายในจิตใจมนุษย์ ซึ่งเกิดขึ้นจากสภาวะการเรียนรู้ที่ถูกบิดเบือนจากความจริง ก่อให้เกิดเป็นความเข้าใจแบบผิดๆ หลอมรวมกลายเป็นองค์ความรู้ที่ผิดๆ ถ่ายทอดผ่านภาพความฟอนเฟะของครอบครัวที่ตัวผู้ปกครองหรือว่าพ่อแม่ เลี้ยงลูกแบบไม่เข้าใจธรรมชาติของเด็ก ไม่เข้าใจธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ - เรื่องบางเรื่องเราอาจจะสอนเขาได้ แต่กับอีกหลายๆเรื่อง เด็กอาจจะต้องอาศัยการเรียนรู้ด้วยตัวเองด้วยการออกไปใช้ชีวิต ซึ่งนั่นจึงทำให้พ่อแม่ในเรื่องนี้ ล้มเหลวในการเลี้ยงดูและสั่งสอนลูกให้กลายเป็นคนที่เป็นคน – จะเรียกว่าเข้าข่ายประโยคที่ว่า พ่อแม่รังแกฉัน ก็ไม่น่าจะผิดนัก
แต่ภาพความล่มสลายของสถาบันครอบครัวอาจเป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวของภาพใหญ่ที่หนังต้องการนำเสนอ – ภาพใหญ่ที่ผมว่านั่นคือใหญ่จริงนะๆ เพราะมันหมายถึงสังคมภายใต้ระบอบการปกครองแบบเผด็จการ ซึ่งจะมีการรูปแบบการปกครองที่รวมศูนย์อำนาจไว้ที่ผู้นำ ซึ่งอาจจะเป็นบุคคลหรือกลุ่มบุคคล (ซึ่งก็ต้องผู้นำกลุ่มอีกทีอยู่ดี) – ตามเนื้อเรื่อง หมายถึง พ่อ - ผู้นำหรือผู้มีอำนาจสูงสุดในรัฐ จะกำหนดกฎเกณฑ์ของสังคม (หรือเรียกง่ายๆว่ากฎหมายก็ได้) ขึ้นเพื่อบังคับใช้ให้ผู้ที่อยู่ใต้อำนาจการปกครองหรือประชาชน ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ประชาชนภายใต้รัฐเผด็จการจึงไม่มีสิทธิ์มีเสียงในการแสดงความคิดเห็น ห้ามเห็นต่างจากผู้นำ มีหน้าที่เพียงทำตามคำสั่งหรือข้อกำหนดของผู้นำเท่านั้น – Dogtooth เปรียบประชาชนภายใต้การปกครองรูปแบบนี้เป็นเหมือนสุนัข หรือพูดให้ถูกคือมี ‘ความเป็นสุนัข’ – คือผ่านการฝึกมาตามรูปแบบที่กำหนดไว้ชัดเจน เหมือนประโยคหนึ่งซึ่งถูกพูดในหนัง ที่ว่าเราสามารถออกแบบให้สุนัขเป็นยังไงก็ได้ ตามแต่เราจะฝึกมัน
‘ความเป็นสุนัข’ ดังกล่าว สะท้อนผ่านตัวละครคือแม่และลูกๆทั้งสาม – จุดหนึ่งซึ่งน่าสนใจคือ โดยปกติเวลาที่เราเล่นกับหมาหรือฝึกให้มันทำนู่นทำนี่ (เช่นฝึกให้ยกขาหน้าแทนการสวัสดี) ถ้าหมาทำตามคำสั่งเราได้ เราก็มักจะให้ของรางวัลเล็กๆน้อยๆตอบแทน เช่นให้กระดูกหรือของกิน – ใน Dogtooth ตัวละครซึ่งถูกออกแบบให้มีความเป็นสุนัข มีของรางวัลคือสติ๊กเกอร์บ้าง หรือการให้เลือกความบันเทิงได้หนึ่งอย่างบ้าง (ความบันเทิงเช่นได้ดูวิดีโอที่พ่ออัดไว้) นี่แหละคือกระดูกที่ว่า – ซึ่งเมื่อถูกฝึกหรือถูกล้างสมองจนยอมทำตามทุกอย่าง เมื่อนั้นเราจึงไม่ต่างจากสุนัขเชื่องๆตัวหนึ่ง
ซึ่งการจะฝึก หรือทำให้ประชาชนยอมทำตามหรือเชื่อในคำสั่งและกฎเกณฑ์ของผู้นำได้นั้น จำเป็นต้องใช้เครื่องมือทางการปกครองเข้าช่วย โดยในหนังเรื่องนี้ได้ถ่ายทอดมุมมองการใช้เครื่องมือเอาไว้แบบชัดๆ (เท่าที่พอจะสังเกตเห็น) มี 3 อย่าง คือ สื่อ (ปิดกั้นการรับรู้ข่าวสารและบิดเบือนข้อเท็จจริง), กฎ (ออกกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดมากๆและมีการทำให้ดูเป็นตัวอย่างชัดเจน เช่นห้ามออกจากบ้านถ้าฟันหมายังไม่หลุด และถ้ายังขับรถไม่เป็น ฉะนั้นคนที่ออกจากบ้านได้ก็คือพ่อเพียงคนเดียว เพราะพ่อขับรถเป็น) และความรุนแรง (ถ้าทำผิดกฎและถูกจับได้ ก็จะถูกลงโทษทันที เพื่อไม่ให้คนอื่นๆเอาเป็นเยี่ยงอย่าง) – ทั้งหมดทั้งมวลนี้ จึงทำให้ลูกๆทั้งสาม รวมไปถึงแม่ กลายเป็นประชาชนที่อาศัยอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการโดยสมบูรณ์แบบ
แต่ความมั่นคงของรัฐที่ปกครองโดยอำนาจเผด็จการที่หนังจำลองขึ้นมานี้ ก็ได้ถูกคุกคามโดยปัจจัยภายนอกที่อยู่เหนือการควบคุม นั่นคือการเข้ามาของคริสติน่า – ซึ่งคือคนนอกที่พ่อพาเข้าบ้านมาสนองความต้องการทางเพศของลูกชาย – เธอไม่เพียงเข้ามาในบ้านมาเพื่อมีอะไรกับลูกชายคนกลางเท่านั้น เธอยังนำของบางอย่างมาให้ลูกสาวคนโตอีกด้วย (ซึ่งก็จะมีค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆ)
นี่ก็เปรียบเสมือนการรับเอาสาร หรือเสพข้อมูลอื่นนอกเหนือไปจากสิ่งที่เคยรับรู้ - จึงทำให้ลูกสาวคนโตมีความคิดที่แตกแยกออกไป เริ่มอยากรู้อยากลอง อยากแหกกฎ อยากมีอิสระ ซึ่งเธอก็เป็นคนที่โหยหาความอิสระเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว (สังเกตจากการชอบนอนมองเครื่องบินที่บินผ่านบ้าน เครื่องบินก็คือตัวแทนของความมีอิสระ เธอนึกอิจฉามันที่สามารถบินอยู่บนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่และน่าค้นหา) มันเลยบันดาลใจให้เธอกระทำการต่อต้านอำนาจดังที่เราเห็นแล้วจากในฉากสุดท้ายของหนัง
หลังจากดูหนังจบ ผมยังติดใจกับประโยคที่ตัวละครที่เป็นพ่อในเรื่องพูดเอาไว้ ว่าโลกภายนอกนั้นน่ากลัว เลยเป็นเหตุผลที่เขาตัดสินใจจำกัดโลกของลูกๆเอาไว้แค่ภายในรั้วบ้าน
มันทำให้ผมนึกสงสัยขึ้นมาทันที
ก็ขนาดโลกใบเล็กๆที่เรียกว่า ‘บ้าน’ นี้ยังโหดร้ายได้สุดจะหยั่งถึงขนาดนี้ โลกที่อยู่พ้นประตูบ้านออกไปที่เขาว่าน่ากลัวนักหนา มันจะมีสภาพเป็นอย่างไร
ยังจะมีที่ๆน่ากลัวกว่านรกอีกหรือ
PAGE |
โตแล้ว จะดูหนังเรื่องอะไรก็ได้ |
www.facebook.com/tohlaew
[วิจารณ์] Dogtooth | โลกใบไหนก็น่ากลัวทั้งนั้น ถ้ามนุษย์ที่อาศัยอยู่ในนั้นหาใช่มนุษย์ไม่ (SPOIL)
Dogtooth | โลกใบไหนก็น่ากลัวทั้งนั้น ถ้ามนุษย์ที่อาศัยอยู่ในนั้นหาใช่มนุษย์ไม่
(บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)
ภาพยนตร์จากประเทศกรีซเรื่องนี้ ถ่ายทอดภาพภายในโลกแห่งจิตสำนึกส่วนลึกของมนุษย์ พาเราไปสำรวจความน่ากลัวของสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ในใจคน และยังสะท้อนรูปแบบการปกครองของสังคมผ่านสถาบันครอบครัว – มันคือผลงานที่สร้างชื่อให้กับ Giorgos Lanthimos ผู้กำกับ ซึ่งพาหนังเดินทางไปคว้ารางวัลมากมาย ที่สำคัญคือเขาทำให้หนังเรื่องนี้เข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์มาแล้วทั่วทั้งโลก
Dogtooth เล่าเรื่องราวของครอบครัวๆหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วยพ่อ แม่ ลูกสาวคนโต ลูกชายคนกลาง และลูกสาวคนเล็ก เด็กทั้งสามถูกพ่อแม่ขังเอาไว้ในบ้านหลังใหญ่ซึ่งถูกล้อมไว้ด้วยรั้วที่แน่นหนา ตั้งแต่เกิดจนย่างเข้าวัยรุ่น พวกเขาไม่เคยได้ออกไปดูโลกภายนอกเลย ทุกคนใช้ชีวิตตามกฎเกณฑ์ที่พ่อแม่ตั้งขึ้น รู้จักโลกผ่านเพียงคำบอกเล่า และถูกยัดเยียดความรู้ให้แบบผิดๆ เช่น ทะเล คือเก้าอี้ที่หุ้มด้วยหนัง มีที่เท้าแขนทำจากไม้ หรือซอมบี้ คือดอกไม้สีเหลือง - นอกจากนั้น เด็กๆจะถูกสอนจนเชื่อ (และกลัว) ว่านอกรั้วบ้านนั้นเต็มไปด้วยอันตราย พวกเขาจะพร้อมออกไปดูโลกภายนอกได้ก็ต่อเมื่อ "ฟันหมา (Dogtooth)" (ซึ่งเข้าใจว่าหมายถึงฟันเขี้ยว) หลุดออกจากปากแล้วเท่านั้น
หนังถ่ายทอดความน่ากลัวภายในจิตใจมนุษย์ ซึ่งเกิดขึ้นจากสภาวะการเรียนรู้ที่ถูกบิดเบือนจากความจริง ก่อให้เกิดเป็นความเข้าใจแบบผิดๆ หลอมรวมกลายเป็นองค์ความรู้ที่ผิดๆ ถ่ายทอดผ่านภาพความฟอนเฟะของครอบครัวที่ตัวผู้ปกครองหรือว่าพ่อแม่ เลี้ยงลูกแบบไม่เข้าใจธรรมชาติของเด็ก ไม่เข้าใจธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ - เรื่องบางเรื่องเราอาจจะสอนเขาได้ แต่กับอีกหลายๆเรื่อง เด็กอาจจะต้องอาศัยการเรียนรู้ด้วยตัวเองด้วยการออกไปใช้ชีวิต ซึ่งนั่นจึงทำให้พ่อแม่ในเรื่องนี้ ล้มเหลวในการเลี้ยงดูและสั่งสอนลูกให้กลายเป็นคนที่เป็นคน – จะเรียกว่าเข้าข่ายประโยคที่ว่า พ่อแม่รังแกฉัน ก็ไม่น่าจะผิดนัก
แต่ภาพความล่มสลายของสถาบันครอบครัวอาจเป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวของภาพใหญ่ที่หนังต้องการนำเสนอ – ภาพใหญ่ที่ผมว่านั่นคือใหญ่จริงนะๆ เพราะมันหมายถึงสังคมภายใต้ระบอบการปกครองแบบเผด็จการ ซึ่งจะมีการรูปแบบการปกครองที่รวมศูนย์อำนาจไว้ที่ผู้นำ ซึ่งอาจจะเป็นบุคคลหรือกลุ่มบุคคล (ซึ่งก็ต้องผู้นำกลุ่มอีกทีอยู่ดี) – ตามเนื้อเรื่อง หมายถึง พ่อ - ผู้นำหรือผู้มีอำนาจสูงสุดในรัฐ จะกำหนดกฎเกณฑ์ของสังคม (หรือเรียกง่ายๆว่ากฎหมายก็ได้) ขึ้นเพื่อบังคับใช้ให้ผู้ที่อยู่ใต้อำนาจการปกครองหรือประชาชน ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ประชาชนภายใต้รัฐเผด็จการจึงไม่มีสิทธิ์มีเสียงในการแสดงความคิดเห็น ห้ามเห็นต่างจากผู้นำ มีหน้าที่เพียงทำตามคำสั่งหรือข้อกำหนดของผู้นำเท่านั้น – Dogtooth เปรียบประชาชนภายใต้การปกครองรูปแบบนี้เป็นเหมือนสุนัข หรือพูดให้ถูกคือมี ‘ความเป็นสุนัข’ – คือผ่านการฝึกมาตามรูปแบบที่กำหนดไว้ชัดเจน เหมือนประโยคหนึ่งซึ่งถูกพูดในหนัง ที่ว่าเราสามารถออกแบบให้สุนัขเป็นยังไงก็ได้ ตามแต่เราจะฝึกมัน
‘ความเป็นสุนัข’ ดังกล่าว สะท้อนผ่านตัวละครคือแม่และลูกๆทั้งสาม – จุดหนึ่งซึ่งน่าสนใจคือ โดยปกติเวลาที่เราเล่นกับหมาหรือฝึกให้มันทำนู่นทำนี่ (เช่นฝึกให้ยกขาหน้าแทนการสวัสดี) ถ้าหมาทำตามคำสั่งเราได้ เราก็มักจะให้ของรางวัลเล็กๆน้อยๆตอบแทน เช่นให้กระดูกหรือของกิน – ใน Dogtooth ตัวละครซึ่งถูกออกแบบให้มีความเป็นสุนัข มีของรางวัลคือสติ๊กเกอร์บ้าง หรือการให้เลือกความบันเทิงได้หนึ่งอย่างบ้าง (ความบันเทิงเช่นได้ดูวิดีโอที่พ่ออัดไว้) นี่แหละคือกระดูกที่ว่า – ซึ่งเมื่อถูกฝึกหรือถูกล้างสมองจนยอมทำตามทุกอย่าง เมื่อนั้นเราจึงไม่ต่างจากสุนัขเชื่องๆตัวหนึ่ง
ซึ่งการจะฝึก หรือทำให้ประชาชนยอมทำตามหรือเชื่อในคำสั่งและกฎเกณฑ์ของผู้นำได้นั้น จำเป็นต้องใช้เครื่องมือทางการปกครองเข้าช่วย โดยในหนังเรื่องนี้ได้ถ่ายทอดมุมมองการใช้เครื่องมือเอาไว้แบบชัดๆ (เท่าที่พอจะสังเกตเห็น) มี 3 อย่าง คือ สื่อ (ปิดกั้นการรับรู้ข่าวสารและบิดเบือนข้อเท็จจริง), กฎ (ออกกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดมากๆและมีการทำให้ดูเป็นตัวอย่างชัดเจน เช่นห้ามออกจากบ้านถ้าฟันหมายังไม่หลุด และถ้ายังขับรถไม่เป็น ฉะนั้นคนที่ออกจากบ้านได้ก็คือพ่อเพียงคนเดียว เพราะพ่อขับรถเป็น) และความรุนแรง (ถ้าทำผิดกฎและถูกจับได้ ก็จะถูกลงโทษทันที เพื่อไม่ให้คนอื่นๆเอาเป็นเยี่ยงอย่าง) – ทั้งหมดทั้งมวลนี้ จึงทำให้ลูกๆทั้งสาม รวมไปถึงแม่ กลายเป็นประชาชนที่อาศัยอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการโดยสมบูรณ์แบบ
แต่ความมั่นคงของรัฐที่ปกครองโดยอำนาจเผด็จการที่หนังจำลองขึ้นมานี้ ก็ได้ถูกคุกคามโดยปัจจัยภายนอกที่อยู่เหนือการควบคุม นั่นคือการเข้ามาของคริสติน่า – ซึ่งคือคนนอกที่พ่อพาเข้าบ้านมาสนองความต้องการทางเพศของลูกชาย – เธอไม่เพียงเข้ามาในบ้านมาเพื่อมีอะไรกับลูกชายคนกลางเท่านั้น เธอยังนำของบางอย่างมาให้ลูกสาวคนโตอีกด้วย (ซึ่งก็จะมีค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆ)
นี่ก็เปรียบเสมือนการรับเอาสาร หรือเสพข้อมูลอื่นนอกเหนือไปจากสิ่งที่เคยรับรู้ - จึงทำให้ลูกสาวคนโตมีความคิดที่แตกแยกออกไป เริ่มอยากรู้อยากลอง อยากแหกกฎ อยากมีอิสระ ซึ่งเธอก็เป็นคนที่โหยหาความอิสระเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว (สังเกตจากการชอบนอนมองเครื่องบินที่บินผ่านบ้าน เครื่องบินก็คือตัวแทนของความมีอิสระ เธอนึกอิจฉามันที่สามารถบินอยู่บนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่และน่าค้นหา) มันเลยบันดาลใจให้เธอกระทำการต่อต้านอำนาจดังที่เราเห็นแล้วจากในฉากสุดท้ายของหนัง
หลังจากดูหนังจบ ผมยังติดใจกับประโยคที่ตัวละครที่เป็นพ่อในเรื่องพูดเอาไว้ ว่าโลกภายนอกนั้นน่ากลัว เลยเป็นเหตุผลที่เขาตัดสินใจจำกัดโลกของลูกๆเอาไว้แค่ภายในรั้วบ้าน
มันทำให้ผมนึกสงสัยขึ้นมาทันที
ก็ขนาดโลกใบเล็กๆที่เรียกว่า ‘บ้าน’ นี้ยังโหดร้ายได้สุดจะหยั่งถึงขนาดนี้ โลกที่อยู่พ้นประตูบ้านออกไปที่เขาว่าน่ากลัวนักหนา มันจะมีสภาพเป็นอย่างไร
ยังจะมีที่ๆน่ากลัวกว่านรกอีกหรือ
PAGE | โตแล้ว จะดูหนังเรื่องอะไรก็ได้ | www.facebook.com/tohlaew