องครักษ์ดาบทอง ตอนที่ 3

กระทู้สนทนา
องครักษ์ดาบทอง ตอนที่ 1 http://ppantip.com/topic/33145515
องครักษ์ดาบทอง ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/33149824

"เมื่อมาแล้วก็ขอให้แสดงตัวออกมา" ผู้ที่ยืนไพล่หลังเป็นบุรุษวัยฉกรรจ์ในชุดขุนนางบู๊ กล่าวขึ้นทั้งๆ ที่ยังไม่เห็นผู้มา "เกือบสิบปีนี้ พลังฝีมืออีกทั้งเกียรติภูมิแม่ทัพใหญ่มิได้ลดน้อยถอยลง แต่ความจงรักภักดีต่อพี่น้องเรานั้น สุดจะหยั่งถึงได้" คำกล่าวนี้แม้กล่าวโดยน้ำเสียงชื่นชมให้เกียรติ แต่ความนัยนั้นมุ่งหวังกระทบกระเทียบให้เสียดแทงถึงหัวใจ ผู้มาก้าวออกจากหลังต้นไม้ใหญ่ อาศัยเงาบังไว้ สวมใส่ชุดดำปิดใบหน้าเหลือเพียงดวงตา "มีคำสั่งใดจะกล่าว" เสียงผู้เหย้าเฉียบขาดสมเป็นขุนพลใหญ่ "ภายในสิบวันครึ่งเดือน พี่น้องเราจากนอกด่านจะเคลื่อนกำลังสู่ภาคกลาง ขอท่านช่วยอำนวยความสะดวก" "นั่นไม่นับเป็นอย่างไร" พลังเสียงเด็ดขาดนั้นอ่อนลง "ข้าพเจ้าขอลาไปเตรียมการก่อน" ว่าแล้วก็ลับหายไปกับเงามืดของแสงจันทร์

"เข้าไปได้หรือไม่" เสียงหวานดังลอดมาจากหน้าประตูห้องอาบน้ำ "เป็นผู้ใด" บุตรคนโตแห่งสกุลหยวนนึกแปลกใจที่ยังมีคนกล้ามารบกวนแม้ในเวลาเช่นนี้ "คุณชายพอเติบใหญ่ขึ้น ก็จำเสี่ยวชิงคนนี้ไม่ได้แล้ว" เสียงนั้นหยาดเยิ้มแต่แฝงอารมณ์ตัดพ้อ "อา.. เกรงว่า" ไม่ทันกล่าวจนจบร่างงามสมบูรณ์ของหญิงสาววัยเบญจเพสก็มาอยู่ต่อหน้า พริบตาที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร หยวนจินข่มตาลงด้วยเกียรติที่บุรุษเพศพึงกระทำ "คุณชายลืมตาขึ้นเถอะ" สตรีงดงามนั้นกล่าวพลางหัวเราะอย่างสมใจที่สามารถหยอกเย้าปั่นหัวบุรุษหนุ่มให้งุนงงได้ พอลืมตาขึ้นคุณชายตระกูลใหญ่ก็มองเห็นเพียงแต่ช่วงไหล่เนียนระหง "พี่เสี่ยวชิง ไม่อาจทำเช่นนี้ นี่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง"

เจ้าสำนักเมฆวายุกำลังดีใจในโชควาสนาที่ได้รับ จริงอยู่แม้ที่ผ่านมาจะไม่ใคร่สนใจใฝ่รู้เรื่องราวในยุทธภพ อย่าว่าแต่ให้ไปข้องแวะในวังวนของการแย่งชิงอำนาจแสวงหาความเป็นใหญ่ แต่ภายในใจนั้นมีปณิธานที่มุ่งหวังให้บรรลุ ทั้งที่ก่อนหน้านี้หลายปีซุนเมิ่งหยุนตัดใจล้มเลิกไปแล้ว แต่เมื่อได้ประจักษ์ถึงศักยภาพของไป่หยุน ความหวังนั้นได้ถูกจุดประกายขึ้นอีกครั้ง เมื่อคิดได้แล้วรู้สึกปลอดโปร่งยินดีอย่างที่ไม่ได้รู้สึกมาในรอบหลายสิบปี เทียนดับไปแล้ว แต่ความปรารถนาในใจเจ้าสำนักวัยกลางคนยังคงลุกโชน

หยุนเซียงบุตรีคนเล็กมีนิสัยเฉลียวฉลาดเกินเด็กทั่วไป แม้เป็นเวลาคล้อยดึก ยังจุดเทียนอ่านหนังสือ "อันว่าการเคลื่อนกำลังรบนั้นให้รวดเร็วไร้ร่องรอยเช่นสายลม ยามตั้งรับให้มั่นคงดุจขุนเขา ยั้งทัพให้นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว ยามรุกให้โหมฮือดุจเปลวเพลิงซึ่งจะผลาญฝ่ายตรงข้ามให้วอดวาย...." พี่สาวเห็นเทียนในห้องยังจุดสว่างอยู่จึงเข้ามาสนทนาเล่นด้วย "เซียงเซียงของเราว่ากล่าวใหญ่โตราวนักปราชญ์ใหญ่" พูดพลางทรุดนั่งลงข้างน้องสาว "คงมิใช่ปรารถนาจะเติบโตเป็นอาจารย์หญิงกระมัง" "เป็นครูอาจารย์มีอันใดดี ท่องบ่นตำราคร่ำครึ หาได้นำไปใช้ประโยชน์ไม่ ข้าพเจ้าหวังจะเป็นเช่นท่านหวง" (หวงเยว่อิง) หยุนเซียงกล่าววาจาฉะฉานยิ่งนัก หากแต่บางครั้งก็ยังคงมีกริยาของเด็กตามวัยที่ควรจะเป็น "ทางที่ดีอย่าได้เข้านอนดึกนัก กุนซือหญิงคงไม่นอนตื่นสายกระมัง"

"ผ่านไปไม่กี่ปี คุณชายเติบโตเป็นบุรุษที่ล่ำสันนัก ก่อนนี้บ่าวยังเคยอาบน้ำให้" สายตาคุณชายหยวนก้มต่ำไม่กล้ามองสบตาตรงๆ "ได้ยินว่าคุณชายเพิ่งกลับจากการประลองคงเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย ให้บ่าวนวดผ่อนคลายดีหรือไม่" คำว่าประลองวิชาสะกิดโทสะคุณชายตระกูลใหญ่ให้ลุกโหมขึ้นมา ประกอบกับความเสียใจ เสื่อมเสียหน้า พุ่งตรงไปจับคว้าต้นแขนคนรับใช้หญิงบีบไว้แน่น "โอย คุณชายรังแกบ่าวแทบตายแล้ว" หยวนจินพอปล่อยมือที่บีบไหล่คนรับใช้สาวสคราญออก ก็ถูกอีกฝ่ายกอดกระหวัดไว้แน่น เสี่ยวชิงเป็นกำพร้ามีผู้นำมาขายให้แก่หยวนเซียวผู้บิดา ด้วยความเฉลียวฉลาดรู้การ กอปรกับงดงามเฉิดฉาย บิดาของหยวนจินจึงทาบทามให้แต่งกับนายร้อยผู้หนึ่ง โชคไม่ดีเพียงปีเดียวหลังจากนั้นสามีเสี่ยวชิงพลีชีพที่ชายแดน เมื่อทางบ้านสามีไม่ว่าอะไร นางจึงกลับเข้าสกุลหยวนอีกครั้ง คุณชายหนุ่มเลือดลมร้อนแรงเมื่อพานพบหญิงสาวที่เจริญวัยเต็มที่ก็รู้สึกสมองพองโต หลงลืมเรื่องใดๆ หมดสิ้น ไม่นานไออุ่นอันร้อนแรงก็ปกคลุมทั่วห้องนั้น

ความทรงจำที่ไป่หยุนมีต่อบิดานั้นน้อยยิ่ง ตั้งแต่ยังไม่ทันรู้ความบิดาก็ด่วนจากไป แต่เขามักจะฝันถึงบุรุษร่างผอมสูงร่ายรำเพลงดาบหน้าแคบเล็ก แต่สภาวะดาบเกรี้ยวกราดรุนแรงยิ่งนัก เมื่อฟาดฟันโดนสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้หรือก้อนหินก็เป็นอันพินาศแตกสลายสิ้น บางครั้งเขาถึงกับคิดว่าบุรุษผู้นั้นคือตัวเขาเอง หรืออาจจะเป็นบิดา ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการประดาบกระบี่กับอาจารย์ บุรุษหนุ่มที่เซื่องซึมก็ค่อยๆ ผลอยหลับไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่