ไดอารีสีแดง (หนึ่ง) [เรื่องสั้นหลายตอนจบ]

กระทู้สนทนา
หนึ่ง
    
ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี

    ผมอยู่ภายในห้องแคบแคบที่ไม่อาจจำแนกรูปทรง มีพื้น ผนัง เพดาน เป็นสีขาวโพลน ยกเว้นเพียงช่องที่คล้ายกับจอสี่เหลี่ยมคู่หนึ่งซึ่งอยู่ในระดับสายตา ห่างกันพอประมาณ เพียงเท่านั้น

    ผมก้มลงมองร่างของตัวเองที่เปลือยเปล่า ผมมีแขน ขา มือ เท้า อะไรก็ตามที่ผมสามารถมองเห็นได้ตั้งแต่ใต้คอลงไปครบ เอ่อ ผมหมายถึงเกือบครบ ผมขาดไปสิ่งหนึ่ง สิ่งที่จะใช้บ่งบอกเพศของผม ที่ตรงนั้นว่างเปล่าไม่มีสิ่งใดทั้งสิ้น

    แล้วทำไมผมถึงคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชาย ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน มันมีความรู้หลายอย่างที่ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงมีอยู่ภายในหัว แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมรู้สึกว่าขาดหายไป

    ผมยกมือขึ้นลูบไล้ไปตามใบหน้าของตนเอง ดูเหมือนมันจะมีทุกอย่างครบถ้วน ตา จมูก ปาก ใบหู แต่สิ่งที่ควรจะอยู่ภายในปากของผมหายไป ผมไม่มีฟันเลยแม้แต่ซี่เดียว เหงือกทั้งบนล่างของผมว่างเปล่า มันไม่มีความเจ็บปวด ไม่เหมือนกับว่าพวกมันถูกถอนออกไปอะไรแบบนั้น แต่ราวกับพวกมันไม่เคยมีอยู่มาก่อน และบนศีรษะก็ไม่มีผมอยู่เลยแม้แต่เส้นเดียวเช่นกัน

    ผมไม่รู้ว่ามันจะหมายความว่าอย่างไร

    สภาพที่ผมกำลังเผชิญพบอยู่ในตอนนี้ทำให้ผมนึกไปถึงห้องทดลอง กับการทดลองพิลึกพิลั่นเหนือจินตนาการ โดยที่มีตัวผมเป็นหนูทดลองนั่นเอง อย่างที่บอก ผมไม่รู้เหมือนกันว่าความคิดพวกนี้มาจากไหน และยังมีเรื่องอะไรที่ผมไม่รู้อีกบ้าง

    ตัวผมเป็นใคร มาติดอยู่ในห้องนี้ได้อย่างไร เป็นคำถามที่ผมอยากรู้ และคำถามสำคัญถัดมาก็คือผมจะหาทางออกไปจากห้องนี้ได้อย่างไร หรือบางที คำถามที่ถูกต้องกว่าอาจจะเป็นว่า ผมจะรอดชีวิตอยู่ภายในห้องว่างเปล่านี้ได้อีกนานแค่ไหนกัน

    ความคับแคบของมันทำให้ผมรู้สึกอึดอัด ราวกับว่าผนังกำแพงสีขาวของมันกำลังเต้น พร้อมกับบีบตัวแคบเข้ามา ผมยกมือขึ้นอย่างลืมตัว แต่ที่จริงแล้วผนังดูเหมือนจะยังอยู่ห่างออกไปเท่าเดิม ผมจึงเปลี่ยนเป็นลองเอื้อมออกไปสัมผัสมันดู

    ผมตกใจจนเกือบจะชักมือกลับในทันที ไม่ใช่เพราะมันเย็น หรือสัมผัสของมันทำให้ผมรู้สึกถึงอันตรายแต่อย่างใด ตรงกันข้าม มันอุ่น อ่อนนุ่ม และทำให้รู้สึกดีอย่างประหลาด

    แต่ผมยังไม่คิดจะไว้ใจอะไรง่ายง่ายทั้งนั้น

    ความรู้สึกอึดอัดพวกนั้นยังคงอยู่ และทับถมมากขึ้นเรื่อยเรื่อย ผมพยายามจะไม่คิดถึงเรื่องการที่ต้องติดอยู่ภายในที่แคบแคบ ทึบทึม และพยายามจะหายใจให้เป็นจังหวะ

    และนั่นเป็นตอนที่ผมค้นพบความจริงประการหนึ่ง มันทำให้ผมตื่นตระหนกอย่างไม่อาจควบคุม ผมพยายามอย่างเต็มที่ ผมอ้าปาก พยายามกรีดร้อง ยกมือขึ้นทุบไปที่หน้าอกของตนเอง ก่อนจะล้มลงไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้นสีขาว

    ผมไม่ได้หายใจ ผมพยายาม แต่ผมหายใจไม่ได้ ราวกับว่าร่างกายของผมไม่รู้จักกับขบวนการที่เรียกว่าการหายใจมาก่อน มันจึงไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ผมดิ้นรน ผมอึดอัด หากไม่หายใจ นั่นก็หมายความว่าผมได้ตายไปแล้ว

    หรือว่าคุกสีขาวแห่งนี้คือโลกหลังความตายในแบบที่ไม่เคยมีใครพูด หรือเขียนบรรยายถึงมาก่อน

    ผมดิ้นรนอยู่อย่างนั้นไม่รู้ว่านานเท่าไร แต่ผมก็ยังคงไม่ตาย ผมหมายถึงผมอาจตายไปแล้ว แต่ผมยังคงมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ ตัวผมยังคงอยู่ภายในห้องแคบแคบนี้แม้ว่าร่างกายจะไม่ได้หายใจแล้วก็ตาม ผมค่อยค่อยสงบลง บางทีอาจเป็นเพราะความอบอุ่นปลอบโยนจากพื้นที่ผมนอนอยู่ก็เป็นได้

    แต่ผมจะยังไม่ไว้ใจอะไรในห้องนี้ทั้งสิ้น

    ผมลุกขึ้นยืนช้าช้า ยังคงไม่คุ้นเคยกับการที่ไม่ต้องหายใจ ก่อนจะพบเห็นสิ่งแปลกปลอมอีกสิ่งหนึ่งที่พึ่งปรากฏขึ้นภายในห้องนี้ มันเป็นวัตถุที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยม สีแดงสด และตัวผมบอกว่ามันเป็นหนังสือเล่มหนึ่ง มันไม่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้ และผมไม่รู้ว่ามันโผล่มาจากไหน ที่สำคัญคือมันกำลังลอยอยู่กลางอากาศตรงหน้าผม

    แต่หากว่ามีสิ่งใดสามารถเข้ามาภายในห้องนี้ได้ มันก็อาจหมายความว่ามีหนทางที่จะออกไปได้เช่นกัน

    ผมลองปัดมือไปมาทั้งด้านบนและด้านล่างของหนังสือเล่มนี้เผื่อว่าจะมีกลอุบายบางอย่างที่ทำให้มันลอยอยู่ แต่ดูเหมือนมันจะลอยอยู่จริงจริง ผมจึงตัดสินใจจับมัน พร้อมกับรอรับสิ่งประหลาดใดใดก็ตามที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา

    ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น นอกจากน้ำหนักของหนังสือสีแดงที่ตอนนี้ได้ตกอยู่ในมือของผม สิ่งแรกที่กระตุ้นผมก็คือน้ำหนักของมัน มันหนักมาก หนักจนราวกับไม่ได้ทำจากกระดาษ ผมพลิกมันไปมาด้วยสองมือ ตอนนี้มันดูคล้ายกับเป็นสมุดบันทึกมากกว่า

    เป็น ไดอารีสีแดง เล่มหนึ่ง หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่