"ปัจจุบันผม ยังมองไม่ออกถึงการปรองดองว่าจะเกิดขึ้นได้เพียงใด อาจเพราะผมคิดไปเองหรือไม่นั้น ผมไม่ทราบ แต่ผมก็ยืนยันคำเดิมถึงต้นตอความขัดแย้งทั้งหลายก็คือ การบังคับใช้กฏหมายที่ไม่มีความเป็นกลางและไม่เป็นแนวทางเดียวกันมาตั้งแต่แรก"

"การบังคับใช้กฏหมายที่ไม่เป็นกลาง" ไม่ใช่พวกตัวโดนก็ว่าไม่เป็นกลาง แต่ไม่ว่าผลการตัดสินจะออกมาในแนวทางใดในการถอดถอนบุคคลการเมืองที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่วัน เป็นกรณีตัวอย่างที่จะตอกย้ำถึง ความชอบธรรมของบุคคลที่จะมาปฎิรูปประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่าลืม "เรามาเพื่อเกิดการปรองดองและปฏิรูปประเทศ" แต่กรณีที่เป็นการกล่าวหาหรือคดีที่มีความคล้ายคลึงกัน หรืออาจชัดเจนกว่าแต่กลับไม่ได้บังคับใช้กฏหมายเหมือนกัน ไม่เป็นในทางเดียวกัน

"ทุกวันนี้ หากมีการบังคับใช้กฏหมายกับนักการเมืองทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน ปัญหาความแตกแยกมันคงไม่บานปลายจนถึงขนาดนี้ และผมก็เชื่อเหลือเกินเลยว่าไม่มีฝ่ายใดดีเลิศประเสิรฐศรี และตรงข้ามไม่มีฝ่ายใดผิดตลอดเลวสุดขั้ว"

"อย่าลืมว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มันจะปกติสุขแล้วอย่างแท้จริง ผลที่แท้จริงจะแสดงให้เห็นเองอย่าอัตโนมัติหลังจากประกาศใช้ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว และมีการเลือกตั้งมีผู้แทนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ตรงนั้นต่างหากถ้าบ้านเมืองกับเข้าสู้ภาวะกฎกติกาตามปกติ แล้วยังมีปัญหาเดิม ๆ เกิดขึ้นมาอีกหรืออาจจะแย่ไปกว่าเดิม แน่นอนการปฏิรูปที่ทำอยู่ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นแต่อย่างใด"