น้ำใจ



การที่เราอยู่ร่วมกันในสังคม
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีน้ำใจที่ดีต่อกันจึงจะทำให้เราอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข

ความมีน้ำใจเป็นเรื่องที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง
โดยไม่ต้องซื้อหาหรือขอจากใคร เพราะน้ำใจเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัวเราทุกคน

ความมีน้ำใจ จะตรงข้ามกับความเห็นแก่ตัว
โดยที่คนเห็นแก่ตัวมักจะคิดถึงประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง

และความมีน้ำใจ ยังตรงข้ามกับความอิจฉาริษยา

คนที่มีจิตใจอิจฉาริษยาผู้อื่นมักจะมองข้ามความดีของคนผู้นั้น แต่จะคอยตอกย้ำความไม่ดีของเขาเสมอ
เพื่อโน้มน้าวให้เพื่อนพ้องคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันกับตน แสดงถึงความไม่มีน้ำใจที่จะยอมรับทั้งความดีและไม่ดีของเพื่อนร่วมโลก
ทั้งที่ตัวเองก็ยังเป็นเหรียญ 2 ด้าน  มีทั้งดีและเลวในตัวเองกันทั้งสิ้น


และเพราะความไม่มีน้ำใจ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างเป็นปกติสุขมีมากขึ้นอย่างทุกวันนี้
บ้านเมืองของเราจึงไม่สงบสุขเสียที ทั้งยังแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและความแตกแยกก็ร้าวลึก
จนมองไม่เห็นว่า ใครจะนำความสงบสุขกลับคืนมาสู่บ้านเมืองได้ .. อย่างไร ..


เราใช้เวลาในการทะเลาะกันไปมากจนลืมเวลาในชีวิตของเราเองที่ต่างคนต่างเหลือน้อยลงทุกที
นับจากวันที่เราเกิดก็ถือว่าเราเริ่มเดินถอยหลังสู่ความตายแล้ว  และวันนี้เราก็อยู่กันมาแล้ว 30 - 40 - 50 - 60 ปี
จากนี้ไปเราจะมีเวลาเหลือในชีวิตอีกซักกี่วัน ?  ทำไมเราไม่ใช้เวลาที่เหลือเหล่านั้นหันมาพูดคุยกันอย่างคนมีวุฒิภาวะ
รับฟังเหตุผลของกันและกันอย่างใจเย็น สุขุม และรอบคอบ  และร่วมกันแก้ไขปัญหาทั้งหมดเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง
เพื่อความสงบสุขของคนรุ่นลูกรุ่นหลานเราในวันข้างหน้า

ถ้าเราทำได้อย่างนี้จึงจะถือว่าต่างมีน้ำใจให้กันและกัน  และใช้เวลาที่เหลือในชีวิตอย่างฉลาดและมีคุณค่า
สมกับเป็นคนไทย เกิดและตายบนผืนแผ่นดินไทย


ในทู้ "ข้อคิดดีที่มีมาฝาก" ปีแรก  ป้าบอกว่ามีเพียง 3 สิ่งในชีวิตที่คนเราไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้เลย
คือ  การเกิด  การเจ็บ  และการตาย

แต่จริงๆ แล้วพระท่านบอกว่ามีถึง 5 สิ่งในชีวิตที่เราไม่มีวันได้รู้

เห็นกันอยู่เมื่อเช้า          สายตาย
สายอยู่สุขสบาย                       บ่ายม้วย
บ่ายยังรื่นเริงกาย                                    เย็นดับ ชีพนา
เย็นอยู่หยอกลูกด้วย                                              ค่ำม้วย ดับสูญ ..

ขอบคุณทุกแหล่งข้อมูล และรูปภาพที่ป้านำมาใช้