ข่าว: เปิดสถิติอัตราการฆ่าตัวตายทั่วโลก กับข้อเท็จจริงที่น่าประหลาดใจ

การฆ่าตัวตายถือเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่สำคัญทั่วโลก และสถิติในแต่ละประเทศก็น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับภาพลักษณ์หรือบริบทของประเทศนั้นๆ

สถิติอัตราการฆ่าตัวตายที่น่าสนใจ

    1.    ญี่ปุ่น ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูง กลับมีตัวเลขที่ 18.8 คนต่อประชากร 100,000 คน ซึ่งน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เกาหลีใต้ ที่มีอัตราสูงถึง 26.9 คนต่อประชากร 100,000 คน
    2.    ประเทศไทย ที่ผู้คนมักมองว่าเป็นดินแดนแห่งรอยยิ้ม มีอัตราการฆ่าตัวตายอยู่ที่ 14.4 คนต่อประชากร 100,000 คน ใกล้เคียงกับญี่ปุ่น
    3.    ภูฏาน ดินแดนที่ขึ้นชื่อเรื่องความสุขและสันติ มีอัตราการฆ่าตัวตายที่ 11.4 คนต่อประชากร 100,000 คน ซึ่งไม่ได้ต่ำอย่างที่หลายคนคาด

ประเทศในสงครามหรือวิกฤตการเมือง

ในทางกลับกัน ประเทศที่ประสบปัญหาสงครามและความรุนแรง เช่น ซีเรีย (1.9 คนต่อประชากร 100,000 คน), อิรัก (3 คนต่อประชากร 100,000 คน) และ เวเนซุเอลา (3.7 คนต่อประชากร 100,000 คน) กลับมีอัตราการฆ่าตัวตายต่ำอย่างน่าประหลาดใจ นักวิชาการบางคนตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเพราะผู้คนในประเทศเหล่านี้ต้องเผชิญกับปัญหาชีวิตประจำวันที่หนักหน่วงจนไม่ทันมีเวลาคิดถึงการจบชีวิตตนเอง หรือเพราะการเสียชีวิตจากเหตุการณ์รุนแรงแทน

ประเทศที่มีชื่อเสียงเรื่องความสุขกลับมีอัตราสูง

ประเทศที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ประเทศที่มีความสุข” อย่าง ฟินแลนด์ (15.9 คนต่อประชากร 100,000 คน), เอสโทเนีย (17.8 คนต่อประชากร 100,000 คน) และ สวีเดน (14.8 คนต่อประชากร 100,000 คน) กลับมีอัตราการฆ่าตัวตายค่อนข้างสูง สะท้อนให้เห็นว่าความสุขในระดับประเทศอาจไม่ได้สะท้อนความสุขในระดับบุคคล

ประเทศหมู่เกาะติดทะเลที่ฆ่าตัวตายน้อยมาก

หนึ่งในข้อสังเกตที่น่าสนใจคือ ประเทศหมู่เกาะที่มีชายหาดสวยงาม เช่น มัลดีฟส์ (2.3 คนต่อประชากร 100,000 คน), จาเมกา (2.2 คนต่อประชากร 100,000 คน), บาฮามาส (1.7 คนต่อประชากร 100,000 คน) และ แอนติกัวและบาร์บูดา (0.5 คนต่อประชากร 100,000 คน) มีอัตราการฆ่าตัวตายต่ำมาก นักวิจัยบางคนเสนอว่าบรรยากาศที่สงบและธรรมชาติที่งดงามอาจมีส่วนช่วยลดความเครียดและภาวะซึมเศร้า

ข้อสรุป

การฆ่าตัวตายเป็นปัญหาที่ซับซ้อนเกินกว่าจะสรุปจากภาพลักษณ์ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศรวยหรือจน หนาวหรือร้อน มีปัญหาหรือไม่มี ทุกประเทศล้วนเผชิญกับปัญหานี้ในระดับที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม การสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยสนับสนุนสุขภาพจิต เช่น การส่งเสริมธรรมชาติ ความสงบ และความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว อาจเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยลดปัญหานี้ได้

และที่สำคัญที่สุด อย่าลืมว่า “การฆ่าตัวตายไม่ใช่คำตอบของปัญหา” หากคุณหรือคนรอบข้างกำลังเผชิญความเครียด ควรเปิดใจพูดคุยและขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะทุกชีวิตล้วนมีคุณค่า และทุกปัญหามีทางออกเสมอ.