สวัสดีครับ
จากกระทู้ รีวิวร้าน Le Jules Verne บนหอไอเฟล ที่
http://ppantip.com/topic/33040964 เรามาต่อกันด้วยร้านในตำนานอีกร้านกันครับ
ร้าน La Tour d'Argent เป็นร้านที่เก่าแก่อยู่คู่มาตั้งแต่มีเมืองปารีสครับ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี1582โดยเริ่มจากเป็นโรงแรมริมแม่น่ำSeineที่พระเจ้าHenry III ทรงมาพำนักและเสวยอาหารบ่อยจนกระทั่งมาถึงสมัยพระเจ้า Henry IV ก็ได้ทรงพระราชทานตราสัญลักษณ์ของร้านที่ใช้มาจนถึงทุกวันนี้ได้ ประวัติของร้านนี้ยาวเหยียดตั้งแต่เป็นที่แรกในฝรั่งเศสที่เริ่มมีการใช้ส้อมบนโต๊ะอาหาร รวมถึงราชวงศ์มากมายที่มาเยือนที่นี่ รวมถึงของไทยเองด้วย
ประวัติยาวเหยียดเหล่านี้ผมเพิ่งมารู้ก็ตอนทานเสร็จแล้วนี่ล่ะ แต่ที่ทำให้ผมฝังใจกับร้านนี้ตั้งแต่เด็กคือการ์ตูน3หน้านี้ครับ (ขออนุญาติวิบูลย์กิจด้วยครับ)
มาจากจอมโหดกะทะเหล็กเล่มที่14ตอนที่โอทานิล่อพวกจาง ยัง กับคิริโกะมาออกรายการสดสู้กับ ฮอนโงซึ่งทำอาหารเป็ดแบบพิศดารโดยเอาอกของเป็ดย่างมาใช้แล้วนำโครงกระดูกที่เหลือของเป็ดทั้งหมดไปบดเอาน้ำกับเลือดที่ได้จากโครงกระดูกเป็ดทั้งหมดมาทำซอสครับ ในตอนนั้น ยัง อุทานออกมาว่าเหมือนอาหารของร้าน ตอล ดาฌังเลย ซึ่งเกือบถูกครับ เพราะร้านนี้ชือ ตูร์ ดาฌัง
พอโตขึ้นมาก็รู้ว่าร้านนี้มีอยู่จริงแถมเมนูนี้ก็เป็นเมนูดังจริงๆด้วย พอมีโอกาสได้มาปารีสเลยต้องขอจัดครับ
เหมือนเดิม ก่อนไปเราก็เข้าไปจองในเวปร้านเค้าให้เรียบร้อยครับ
https://www.latourdargent.com/
คราวนี้ความมันส์ของร้านนี้คือ จองเข้าไปแล้วแทนที่มันจะคอนเฟิรม์หรือปฏิเสธ เค้าส่งเมล์มาบอกแค่ว่า ขอบใจนะที่จองเข้ามาเดี๋ยวรอดูแล้วกันว่าจะยังไง(เค้าเขียนสุภาพกว่านี้เป็นภาษาฝรั่งเศสแหละครับ แต่เนื้อหาก็ประมาณนี้ว่า เออๆเดี๋ยวบอก) ผ่านไป2วันผมเขียนเมล์ถามก็ไม่ตอบ ให้โรงแรมตามนี่กลายเป็นยุ่งกันใหญ่ จนในที่สุดผ่านไป7วันพอดีเป๊ะเค้าตอบกลับมาว่า "ขอแสดงความยินดีด้วยเราได้รับจองคุณละ และเพื่อเป็นการยืนยันการจองกรุณาจ่ายเงิน200ยูโรเข้าที่บัญชีของร้านที่ธนาคารในฝรั่งเศสตามลิ้งค์ข้างล่าง การจองจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อเราได้รับโอนจากคุณ อ้อ สำหรับที่นั่งที่คุณขอ ขอให้ไว้ใจว่า ถ้าเราให้ได้คุณก็จะได้"
แน่นอนของจริงสุภาพกว่านี้มากแต่เนื้อหาประมาณนี้ครับ) พร้อมกันนั้นเค้าส่ง term and agreement พร้อมทั้งเลข invoice การจองของผมมาให้ด้วยครับ
มีทั้งหมด8หน้า ผมว่าตอนผมจองรถยนต์เอกสารมันยังน้อยกว่านี้เลย --'
หลังจากโอนเงินไปแล้วผมเขียนเมล์ไปถามคอนเฟิรม์ว่าการจองโอเคแล้วใช่มั้ยก็ไม่มีตอบกลับนะครับ ประมาณว่าพูดไม่รู้เรื่องเรอะว่าโอนมาก็โอเคผมก็เลยช่างมันละไปเจอวันจริงเลยดีกว่า
ยาวบรม ขอโทษครับ ดูบรรยากาศร้านกันดีกว่า
ร้านนี้อยู่แทบจะตรงข้ามกับโบสถ์นอทเทอร์ดามเลยครับ พอถึงเวลาจองเราเดินเข้าไปก็ได้ชื่อเราเค้าก็พาเข้าไปในห้องรับรองชั้น1ก่อนครับ
ตอนผมเข้าไปมีนั่งรออยู่ก่อนแล้ว3คู่ เป็นอเมริกัน2 ญี่ปุ่น1 ซักพักเค้าก็เชิญทั้ง3คู้ขึ้นไปก่อนแล้วเกือบ10นาทีค่อยมาเชิญผมครับ
ทางเดินขึ้นลิฟท์ซึ่งเต็มไปด้วยแขกที่มารับประทานร้านนี้ก่อนหน้า จากไทยเราก็มีครับ
แค่ส่วนนึงครับเพราะรูปเค้าเยอะมากๆ
พอมาถึงชั้น5ที่เป็นห้องอาหารนี่วิวนี่สุดๆครับ เห็นวิวนอร์ทเทอร์ดามเต็มๆกับแม่น้ำแซนน์ ห้องอาหารมี2ระดับครับ ออกจากลิฟท์มาเลยส่วนนึงกับเดินลงไปอีกเตปนึงซึ่งเป็นที่ๆดีที่สุดเพราะใกล้กระจกที่เห็นนอร์ทเทอร์ดามมากที่สุดครับ ผมได้โต๊ะริมกระจกด้านล่างซึ่งโอเคมากครับ ก่อนมาร้านนี้เคยมีเพื่อนสมาชิก คุณตัวบุสก้า แนะนำว่าแต่งตัวไปให้ดีๆไม่งั้นจะโดนนั่งที่แปลกๆนี่จริงเลยครับ เพราะ3คู่นั้นมาก่อนผมแท้ๆร้านโล่งมากแต่คู่นึงโดนจับไปนั่งตรงซอกที่มีวิวเป็นปล่องไฟตึกข้างๆกับอีก2คู่โดนให้นั่งชั้นบน คือ3คนนั้นก็ไม่ได้แต่งตัวแย่อะไรนะครับแค่บางคนไม่มีแจ็คเก้ทมาหรือดูแคชวลหน่อยๆ
วิวจากโต๊ะครับ
วันนี้ไม่พลาดได้มาสั่งเมนูกลางวันของเค้าครับ เป็น 3 course 85ยูโรต่อคน และสั่ง Caneton Tour d'Argent หรือเป็ดซอสเลือดเพิ่มอีกตัวนึงอีก 140ยูโรครับ
สั่งไวน์นิดหน่อย ที่นี่มีสต้อกไม่มากแค่450,000ขวดครับ...ดูเล่มไวน์ลิสท์เค้าเอามันก็ได้ เล่มนี้น่าจะไม่ถึงพันขวด ไวน์ทั่วไปก็ราคาแพงกว่าข้างนอกเป็นปกติแต่พวกไวน์เทพ first growth ปีอลังการทั้งหลายกลับถูกกว่าข้างนอกครับ บางตัวค่อนข้างเยอะด้วยเป็นหลักร้อยยูโรเลย เสียดายมีภาระนั่งจ้องตาอยู่ฝั่งตรงข้ามครับ T-T
เริ่มจานแรกด้วย amuse bouche ก่อน เป็นปาเต้อองครูทตับห่านกับผักดองครับ อร่อยน้ำตาไหลใช้ได้เลยครับจานนี้ ตับห่านไม่ได้นุ่มเป็นมูสไปเลยมีให้เคี้ยวบ้างหวานหอมกับขอบแป้งกรอบนิดๆกับผักดองเปรี้ยวหวานนี่ แฟนจะลักไก่กิน3ชิ้นแทบจะเอาส้อมจิ้มตาครับ
เนยมา
ขนมปังไม่ได้ถ่ายมานะครับ มีอยู่แบบเดียวแต่ยังดีอร่อยกว่าที่ Le Jules Verne
จานที่2 ซุปล้อปเสตอร์แบบใสกับทรัฟเฟิลดำครับ
ชามนี้อร่อยสุดๆครับ หอมเข้าไปถึงในอก คือสารภาพตามตรงว่าผมจำไม่ค่อยได้ละว่ามันเป็นซุปจากเปลือกกุ้งหรอปูแต่กลิ่นกับรสชาตินี่ออกมาเต็มที่สุดๆ ปกติผมไม่ค่อยรับรสทรัฟเฟิลได้มากนักแต่พอมันมาอยู่ในชามนี้แล้วนี่ ดีงามยังน้อยไปครับ
จานที่3 เพิ่งเข้าจากแรกของคอร์สครับ ของแฟนผม Pike dumplings «André Terrail»
เป็นเนื้อปลาไพค์มาห่ออะไรซักอย่างที่บางมากๆแล้วไปอบกับชีส เสร็จออกมานี่ ปลานี่นุ่มเด้งเป็นเยลลี่เลยครับ ทานกับชีสเยิ้มๆนี่อร่อยสุดๆ
จานแรกคอร์สของผม Scallops tartare with piquant radish
เป็นหอยเชล์สดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆทำเป็นทาร์ทาร์แต่งกลิ่นด้วยน้ำมันมะกอกกับน้ำส้มนิดเดียวทานกับพวกradish หั่นบางครับ หอยเชล์กินเฉยๆแล้วเลี่ยน radishกินเฉยๆแล้วฉุนแบบแปลกๆแต่ทานพร้อมกันแล้วนี่ อร่อยมากๆนะครับ หอยเชลล์กลายเป็นหวาน radishกลายเป็นเปรี้ยวมาตัดกันได้เฉยเลย
จานที่4 จริงๆจานนี้ต้องเป็นจานเมนของคอร์สแต่เนื่องจากเราสั่งเป็ดเพิ่มต่างหากอีกตัว จานนี้เลยเหมือนเป็นก่อนจานเมนอีกจานครับ Roasted scallops and beetroot flavored with rosemary
ไม่มีอะไรต้องบอกมากครับ รสชาติดีงามเหมือนหน้าตามันครับ หวานมันเต็มปากเต็มคำเป็นที่สุด
เริ่มจานที่5 caneton Tour d'agent
เค้าจะเอาเป็ดที่ย่างแล้วมาเปิดโชว์ให้เราดูที่โต๊ะก่อนว่าของยูตัวนี้นะแล้วถามว่าจะเอาซอสรสจัดขนาดไหน เราก็บอกให้จัดเต็มไปเลยครับ เสร็จแล้วเค้าก็จะกลับไปที่บูธของเค้า เฉือนอกเป็ดกับสะโพกออกไปเพื่อเตรียมจานที่5กับ6แล้วเริ่มตัดโครงเป็ดเข้าเครื่ืองอัดรีดเลือดมาทำซอสครับ
เสร็จออกมาเป็นแบบนี้ครับ ทานคู่กับปอมฟองดองท์ หรือมันฝรั่งทอดพองๆข้างๆครับ
รสชาตินี่ ผมไม่เคยทานเป็ดที่ย่างมาแล้วข้างในมันเป็นสีชมพูทั้งชิ้นมาก่อน ชุ่มฉ่ำอร่อยมากๆครับ ส่วนซอสเลือดนั้นมันเหมือนเราออกเปปเปอร์ซอสที่อร่อยๆมากๆไปกวนกับเลือดที่ใช้ทำก๋วยเตี๋ยวเรือซึ่งมันจะออกมาข้นๆหน่อยมีกลิ่นเหล็กเลือดนิดๆ ซึ่งสำหรับผมมันอร่อยมากพอที่จะมาซ้ำอีกครั้งได้นะ แต่สำหรับคนอื่นที่ไม่ใช่เลือดอาจรู้สึกแปลกๆ ตอนแรกผมนึกว่าจะได้เบิ้ลเพราะแฟนคงไม่ค่อนชอบที่ไหนได้หมดก่อนผมอีก
จากนั้น จานที่6 เป็นส่วนสะโพกของเป็ดตัวนั้นที่เค้าเอาไปหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วโซเต้มาให้ครับ อันนี้ผมเฉยๆทานได้แต่ไม่รู้สึกอะไรเพราะมันออกมาทางเอเชียนะผมว่า
จานที่7 ของหวาน ผมเลือกเป็น Dark chocolate sphere, clementine sorbet ส่วนแฟนเป็น"Bourdaloue" tart, williams pear sorbet ทาร์ตลูกแพร์ครับ อร่อยครับ แฟนผมบอกว่าสาวๆต้องลองทารต์นี้เลยครับทานคู่กับไอศครีมแล้วฟินมาก
จานที่8 บรรดาช้อคโกแลตทาวเวอร์ครับ จุดนี้ผมทานไม่ไหวแม้แต่ชิ้นเดียวแล้ว แต่แฟนผมทานไปแทบจะหยิบใส่กระเป๋ากลับไปด้วย --'
ซึ่งเหมือนพนักงานจะรู้ เค้าเอาเค้กให้นำกลับบ้านพร้อมถุงมาให้ด้วยครับ 555
ถึงเวลาแห่งความเป็นจริงครับ
ทั้งหมด368ยูโรแต่เนื่องจากมีdepositไว้แล้ว200ยูโรฉะนั้นวันนี้จ่ายแค่168ยูโรครับ
เกือบลืม ใบnumberเป็ดที่ทานวันนี้ครับ
สรุปความ
เป็นร้านที่อร่อยสวยงามบรรยากาศดีเหมือนที่หวังไว้ครับ ผมมาทานร้านี้ก็วันที่6ที่อยู่ปารีสแล้วกำลังเบื่ออาหารเลยครับมาเจอที่นี่เข้าไปทานได้เยอะมาก ล่อไปเกือบ3ชั่วโมง เป็นร้านที่ถ้ามาปารีสอีกจะมาซ้ำแน่ๆครับ อ้อชุดกลางวันก็มีเป็ดให้เลือกเป็นเมนนะครับแต่รู้สึกจะเป็นซอสส้มไม่ใช่เลือดราคา85ยูโรเท่านั้น
อ้อ แผนที่ข้างล่างนั่นมันคาดเคลื่อนไปนิดนะครับ ไม่รู้ทำไมใส่ชื่อร้านไปแล้วมันไปโผล่ให้ตรงนั้น จริงๆมันต้องอยู่อีกด้านนึงขิงสะพาน Pont Marie เลยแต่ช่างมันเถอะ ห่างกันนิดนึง
ขอบคุณทุกท่านที่รับชมนะครับ พบกันอีกกระทู้นึงของร้านที่ไปทานมากลางปีที่ Le Chateau de Joel Robuchon, Ebisu Garden Place, Tokyo (3 Michelin stars) ครับ
[CR] ตามรอยจอมโหดกะทะเหล็ก-เป็ดอัดซอสเลือดในตำนาน La Tour d'argent (1 Michelin star)
จากกระทู้ รีวิวร้าน Le Jules Verne บนหอไอเฟล ที่ http://ppantip.com/topic/33040964 เรามาต่อกันด้วยร้านในตำนานอีกร้านกันครับ
ร้าน La Tour d'Argent เป็นร้านที่เก่าแก่อยู่คู่มาตั้งแต่มีเมืองปารีสครับ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี1582โดยเริ่มจากเป็นโรงแรมริมแม่น่ำSeineที่พระเจ้าHenry III ทรงมาพำนักและเสวยอาหารบ่อยจนกระทั่งมาถึงสมัยพระเจ้า Henry IV ก็ได้ทรงพระราชทานตราสัญลักษณ์ของร้านที่ใช้มาจนถึงทุกวันนี้ได้ ประวัติของร้านนี้ยาวเหยียดตั้งแต่เป็นที่แรกในฝรั่งเศสที่เริ่มมีการใช้ส้อมบนโต๊ะอาหาร รวมถึงราชวงศ์มากมายที่มาเยือนที่นี่ รวมถึงของไทยเองด้วย
ประวัติยาวเหยียดเหล่านี้ผมเพิ่งมารู้ก็ตอนทานเสร็จแล้วนี่ล่ะ แต่ที่ทำให้ผมฝังใจกับร้านนี้ตั้งแต่เด็กคือการ์ตูน3หน้านี้ครับ (ขออนุญาติวิบูลย์กิจด้วยครับ)
มาจากจอมโหดกะทะเหล็กเล่มที่14ตอนที่โอทานิล่อพวกจาง ยัง กับคิริโกะมาออกรายการสดสู้กับ ฮอนโงซึ่งทำอาหารเป็ดแบบพิศดารโดยเอาอกของเป็ดย่างมาใช้แล้วนำโครงกระดูกที่เหลือของเป็ดทั้งหมดไปบดเอาน้ำกับเลือดที่ได้จากโครงกระดูกเป็ดทั้งหมดมาทำซอสครับ ในตอนนั้น ยัง อุทานออกมาว่าเหมือนอาหารของร้าน ตอล ดาฌังเลย ซึ่งเกือบถูกครับ เพราะร้านนี้ชือ ตูร์ ดาฌัง
พอโตขึ้นมาก็รู้ว่าร้านนี้มีอยู่จริงแถมเมนูนี้ก็เป็นเมนูดังจริงๆด้วย พอมีโอกาสได้มาปารีสเลยต้องขอจัดครับ
เหมือนเดิม ก่อนไปเราก็เข้าไปจองในเวปร้านเค้าให้เรียบร้อยครับ
https://www.latourdargent.com/
คราวนี้ความมันส์ของร้านนี้คือ จองเข้าไปแล้วแทนที่มันจะคอนเฟิรม์หรือปฏิเสธ เค้าส่งเมล์มาบอกแค่ว่า ขอบใจนะที่จองเข้ามาเดี๋ยวรอดูแล้วกันว่าจะยังไง(เค้าเขียนสุภาพกว่านี้เป็นภาษาฝรั่งเศสแหละครับ แต่เนื้อหาก็ประมาณนี้ว่า เออๆเดี๋ยวบอก) ผ่านไป2วันผมเขียนเมล์ถามก็ไม่ตอบ ให้โรงแรมตามนี่กลายเป็นยุ่งกันใหญ่ จนในที่สุดผ่านไป7วันพอดีเป๊ะเค้าตอบกลับมาว่า "ขอแสดงความยินดีด้วยเราได้รับจองคุณละ และเพื่อเป็นการยืนยันการจองกรุณาจ่ายเงิน200ยูโรเข้าที่บัญชีของร้านที่ธนาคารในฝรั่งเศสตามลิ้งค์ข้างล่าง การจองจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อเราได้รับโอนจากคุณ อ้อ สำหรับที่นั่งที่คุณขอ ขอให้ไว้ใจว่า ถ้าเราให้ได้คุณก็จะได้"แน่นอนของจริงสุภาพกว่านี้มากแต่เนื้อหาประมาณนี้ครับ) พร้อมกันนั้นเค้าส่ง term and agreement พร้อมทั้งเลข invoice การจองของผมมาให้ด้วยครับ
มีทั้งหมด8หน้า ผมว่าตอนผมจองรถยนต์เอกสารมันยังน้อยกว่านี้เลย --'
หลังจากโอนเงินไปแล้วผมเขียนเมล์ไปถามคอนเฟิรม์ว่าการจองโอเคแล้วใช่มั้ยก็ไม่มีตอบกลับนะครับ ประมาณว่าพูดไม่รู้เรื่องเรอะว่าโอนมาก็โอเคผมก็เลยช่างมันละไปเจอวันจริงเลยดีกว่า
ยาวบรม ขอโทษครับ ดูบรรยากาศร้านกันดีกว่า
ร้านนี้อยู่แทบจะตรงข้ามกับโบสถ์นอทเทอร์ดามเลยครับ พอถึงเวลาจองเราเดินเข้าไปก็ได้ชื่อเราเค้าก็พาเข้าไปในห้องรับรองชั้น1ก่อนครับ
ตอนผมเข้าไปมีนั่งรออยู่ก่อนแล้ว3คู่ เป็นอเมริกัน2 ญี่ปุ่น1 ซักพักเค้าก็เชิญทั้ง3คู้ขึ้นไปก่อนแล้วเกือบ10นาทีค่อยมาเชิญผมครับ
ทางเดินขึ้นลิฟท์ซึ่งเต็มไปด้วยแขกที่มารับประทานร้านนี้ก่อนหน้า จากไทยเราก็มีครับ
แค่ส่วนนึงครับเพราะรูปเค้าเยอะมากๆ
พอมาถึงชั้น5ที่เป็นห้องอาหารนี่วิวนี่สุดๆครับ เห็นวิวนอร์ทเทอร์ดามเต็มๆกับแม่น้ำแซนน์ ห้องอาหารมี2ระดับครับ ออกจากลิฟท์มาเลยส่วนนึงกับเดินลงไปอีกเตปนึงซึ่งเป็นที่ๆดีที่สุดเพราะใกล้กระจกที่เห็นนอร์ทเทอร์ดามมากที่สุดครับ ผมได้โต๊ะริมกระจกด้านล่างซึ่งโอเคมากครับ ก่อนมาร้านนี้เคยมีเพื่อนสมาชิก คุณตัวบุสก้า แนะนำว่าแต่งตัวไปให้ดีๆไม่งั้นจะโดนนั่งที่แปลกๆนี่จริงเลยครับ เพราะ3คู่นั้นมาก่อนผมแท้ๆร้านโล่งมากแต่คู่นึงโดนจับไปนั่งตรงซอกที่มีวิวเป็นปล่องไฟตึกข้างๆกับอีก2คู่โดนให้นั่งชั้นบน คือ3คนนั้นก็ไม่ได้แต่งตัวแย่อะไรนะครับแค่บางคนไม่มีแจ็คเก้ทมาหรือดูแคชวลหน่อยๆ
วิวจากโต๊ะครับ
วันนี้ไม่พลาดได้มาสั่งเมนูกลางวันของเค้าครับ เป็น 3 course 85ยูโรต่อคน และสั่ง Caneton Tour d'Argent หรือเป็ดซอสเลือดเพิ่มอีกตัวนึงอีก 140ยูโรครับ
สั่งไวน์นิดหน่อย ที่นี่มีสต้อกไม่มากแค่450,000ขวดครับ...ดูเล่มไวน์ลิสท์เค้าเอามันก็ได้ เล่มนี้น่าจะไม่ถึงพันขวด ไวน์ทั่วไปก็ราคาแพงกว่าข้างนอกเป็นปกติแต่พวกไวน์เทพ first growth ปีอลังการทั้งหลายกลับถูกกว่าข้างนอกครับ บางตัวค่อนข้างเยอะด้วยเป็นหลักร้อยยูโรเลย เสียดายมีภาระนั่งจ้องตาอยู่ฝั่งตรงข้ามครับ T-T
เริ่มจานแรกด้วย amuse bouche ก่อน เป็นปาเต้อองครูทตับห่านกับผักดองครับ อร่อยน้ำตาไหลใช้ได้เลยครับจานนี้ ตับห่านไม่ได้นุ่มเป็นมูสไปเลยมีให้เคี้ยวบ้างหวานหอมกับขอบแป้งกรอบนิดๆกับผักดองเปรี้ยวหวานนี่ แฟนจะลักไก่กิน3ชิ้นแทบจะเอาส้อมจิ้มตาครับ
เนยมา
ขนมปังไม่ได้ถ่ายมานะครับ มีอยู่แบบเดียวแต่ยังดีอร่อยกว่าที่ Le Jules Verne
จานที่2 ซุปล้อปเสตอร์แบบใสกับทรัฟเฟิลดำครับ
ชามนี้อร่อยสุดๆครับ หอมเข้าไปถึงในอก คือสารภาพตามตรงว่าผมจำไม่ค่อยได้ละว่ามันเป็นซุปจากเปลือกกุ้งหรอปูแต่กลิ่นกับรสชาตินี่ออกมาเต็มที่สุดๆ ปกติผมไม่ค่อยรับรสทรัฟเฟิลได้มากนักแต่พอมันมาอยู่ในชามนี้แล้วนี่ ดีงามยังน้อยไปครับ
จานที่3 เพิ่งเข้าจากแรกของคอร์สครับ ของแฟนผม Pike dumplings «André Terrail»
เป็นเนื้อปลาไพค์มาห่ออะไรซักอย่างที่บางมากๆแล้วไปอบกับชีส เสร็จออกมานี่ ปลานี่นุ่มเด้งเป็นเยลลี่เลยครับ ทานกับชีสเยิ้มๆนี่อร่อยสุดๆ
จานแรกคอร์สของผม Scallops tartare with piquant radish
เป็นหอยเชล์สดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆทำเป็นทาร์ทาร์แต่งกลิ่นด้วยน้ำมันมะกอกกับน้ำส้มนิดเดียวทานกับพวกradish หั่นบางครับ หอยเชล์กินเฉยๆแล้วเลี่ยน radishกินเฉยๆแล้วฉุนแบบแปลกๆแต่ทานพร้อมกันแล้วนี่ อร่อยมากๆนะครับ หอยเชลล์กลายเป็นหวาน radishกลายเป็นเปรี้ยวมาตัดกันได้เฉยเลย
จานที่4 จริงๆจานนี้ต้องเป็นจานเมนของคอร์สแต่เนื่องจากเราสั่งเป็ดเพิ่มต่างหากอีกตัว จานนี้เลยเหมือนเป็นก่อนจานเมนอีกจานครับ Roasted scallops and beetroot flavored with rosemary
ไม่มีอะไรต้องบอกมากครับ รสชาติดีงามเหมือนหน้าตามันครับ หวานมันเต็มปากเต็มคำเป็นที่สุด
เริ่มจานที่5 caneton Tour d'agent
เค้าจะเอาเป็ดที่ย่างแล้วมาเปิดโชว์ให้เราดูที่โต๊ะก่อนว่าของยูตัวนี้นะแล้วถามว่าจะเอาซอสรสจัดขนาดไหน เราก็บอกให้จัดเต็มไปเลยครับ เสร็จแล้วเค้าก็จะกลับไปที่บูธของเค้า เฉือนอกเป็ดกับสะโพกออกไปเพื่อเตรียมจานที่5กับ6แล้วเริ่มตัดโครงเป็ดเข้าเครื่ืองอัดรีดเลือดมาทำซอสครับ
เสร็จออกมาเป็นแบบนี้ครับ ทานคู่กับปอมฟองดองท์ หรือมันฝรั่งทอดพองๆข้างๆครับ
รสชาตินี่ ผมไม่เคยทานเป็ดที่ย่างมาแล้วข้างในมันเป็นสีชมพูทั้งชิ้นมาก่อน ชุ่มฉ่ำอร่อยมากๆครับ ส่วนซอสเลือดนั้นมันเหมือนเราออกเปปเปอร์ซอสที่อร่อยๆมากๆไปกวนกับเลือดที่ใช้ทำก๋วยเตี๋ยวเรือซึ่งมันจะออกมาข้นๆหน่อยมีกลิ่นเหล็กเลือดนิดๆ ซึ่งสำหรับผมมันอร่อยมากพอที่จะมาซ้ำอีกครั้งได้นะ แต่สำหรับคนอื่นที่ไม่ใช่เลือดอาจรู้สึกแปลกๆ ตอนแรกผมนึกว่าจะได้เบิ้ลเพราะแฟนคงไม่ค่อนชอบที่ไหนได้หมดก่อนผมอีก
จากนั้น จานที่6 เป็นส่วนสะโพกของเป็ดตัวนั้นที่เค้าเอาไปหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วโซเต้มาให้ครับ อันนี้ผมเฉยๆทานได้แต่ไม่รู้สึกอะไรเพราะมันออกมาทางเอเชียนะผมว่า
จานที่7 ของหวาน ผมเลือกเป็น Dark chocolate sphere, clementine sorbet ส่วนแฟนเป็น"Bourdaloue" tart, williams pear sorbet ทาร์ตลูกแพร์ครับ อร่อยครับ แฟนผมบอกว่าสาวๆต้องลองทารต์นี้เลยครับทานคู่กับไอศครีมแล้วฟินมาก
จานที่8 บรรดาช้อคโกแลตทาวเวอร์ครับ จุดนี้ผมทานไม่ไหวแม้แต่ชิ้นเดียวแล้ว แต่แฟนผมทานไปแทบจะหยิบใส่กระเป๋ากลับไปด้วย --'
ซึ่งเหมือนพนักงานจะรู้ เค้าเอาเค้กให้นำกลับบ้านพร้อมถุงมาให้ด้วยครับ 555
ถึงเวลาแห่งความเป็นจริงครับ
ทั้งหมด368ยูโรแต่เนื่องจากมีdepositไว้แล้ว200ยูโรฉะนั้นวันนี้จ่ายแค่168ยูโรครับ
เกือบลืม ใบnumberเป็ดที่ทานวันนี้ครับ
สรุปความ
เป็นร้านที่อร่อยสวยงามบรรยากาศดีเหมือนที่หวังไว้ครับ ผมมาทานร้านี้ก็วันที่6ที่อยู่ปารีสแล้วกำลังเบื่ออาหารเลยครับมาเจอที่นี่เข้าไปทานได้เยอะมาก ล่อไปเกือบ3ชั่วโมง เป็นร้านที่ถ้ามาปารีสอีกจะมาซ้ำแน่ๆครับ อ้อชุดกลางวันก็มีเป็ดให้เลือกเป็นเมนนะครับแต่รู้สึกจะเป็นซอสส้มไม่ใช่เลือดราคา85ยูโรเท่านั้น
อ้อ แผนที่ข้างล่างนั่นมันคาดเคลื่อนไปนิดนะครับ ไม่รู้ทำไมใส่ชื่อร้านไปแล้วมันไปโผล่ให้ตรงนั้น จริงๆมันต้องอยู่อีกด้านนึงขิงสะพาน Pont Marie เลยแต่ช่างมันเถอะ ห่างกันนิดนึง
ขอบคุณทุกท่านที่รับชมนะครับ พบกันอีกกระทู้นึงของร้านที่ไปทานมากลางปีที่ Le Chateau de Joel Robuchon, Ebisu Garden Place, Tokyo (3 Michelin stars) ครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น