เรียนแพทย์เพราะพ่อแม่บังคับ เหมือนตกนรกทั้งเป็น

สวัสดีค่ะ ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อแสดงถึงมุมมองของนศพคนหนึ่งที่อยากให้คุณพ่อคุณแม่ทางบ้านพิจารณาดูนะคะ
ว่าการที่จะบังคับลูก หรือแม้แต่คาดหวังให้ลูกเข้าคณะนี้ จะส่งผลต่อลูกอย่างไรบ้าง

สืบเนื่องจากกระทู้นี้นะคะ ขออนุญาติแปะลิ้ง http://ppantip.com/topic/33028496

ขอเล่าประวัติคร่าวๆของตนเองก่อนนะคะ
สมัยมอปลายคุณแม่มักจะพูดอยู่เสมอๆว่าให้เรียนอะไรที่เป็นวิชาชีพ จบมามีงานทำแน่นอน พูดทุกวัน พูดตลอด
ซึ่งตอนนั้นก็เล็งไว้แค่แพทย์กับทันตแพทย์ค่ะ ทำตามใจแม่ โดยที่ไม่เคยถามความรู้สึกตัวเองเลยว่าอยากเป็นอะไรกันแน่
ไม่เคยมองโลกกว้างเลยว่ามันมีอีกกี่อาชีพที่เราสามารถเลือกได้ มีความสุข มีรายได้ที่มั่นคงได้เช่นกัน
ส่วนตัวชอบแฟชั่นมากค่ะ ชอบการเดินแบบ ออกแบบเสื้อผ้า แต่ไม่เคยคิดจะเอาเป็นอาชีพเลย
เพราะก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าทางบ้านต้องไม่ยอมแน่นอน ถึงยอมก็จะได้มาโดยการที่เราต้องไปทะเลาะกับท่าน
เราเลยยอมอ่านหนังสือสอบแพทย์ให้ได้ โดยการที่ได้มานี่ต้องขยันมากๆเลยนะคะ ใช้ความถึกเข้าสู้
วันๆเอาแต่เรียนพิเศษ กลับมาก็ทำข้อสอบ อ่านหนังสือ อยู่แต่ในห้อง คิดซะว่าสอบติดก็สบายแล้ว
จนถึงวันประกาศผลค่ะ ติดสถาบันที่ไกลบ้านมาก(เลือกไว้กันหลุด) ตอนนั้นดีใจนะคะที่ทำสำเร็จ
คนที่ภูมิใจกว่าคือพ่อแม่ค่ะ ได้ชื่อว่าลูกเรียนหมอ ไม่อายใคร

ปัจจุบันอยู่ปี4แล้วนะคะ ขอพูดถึงช่วงนี้เลยละกัน เพราะพรีคลินิก(ปี1-3)ยังพอเรียนถูๆไถๆไปได้เกรดก็ไม่ดี
จริงๆตอนพรีคลินิกก็เครียดนะคะในการสอบแต่ละครั้ง แต่การขึ้นคลินิก ต้องเรียนในรพแล้วนั้น
ต่างกันลิบลับ ทั้งความรับผิดชอบที่ต้องตื่นไปราวน์ทุกเช้า ดูคนไข้ เขียนรายงานส่ง
กลางวัน ถ้าอยู่medก็ราวน์ทั้งวัน อยู่ศัลย์ก็เข้าORกันไป ชีวิตเปลี่ยน ได้นอนน้อยลงมากๆ
รู้สึกเหมือนชีวิตได้หายไป สิ่งที่อยากทำก็เจียดเวลาไปทำไม่ได้เลย แม้แต่จะโทรคุยกับพ่อแม่

อันนี้ไม่รู้แล้วแต่สถาบันนะคะ ว่าจะเน้นสอนให้เข้าใจหรือเน้นอ่านเอง แต่สถาบันที่เรียนอยู่เน้นศึกษาเองล้วนๆเลยค่ะ
ตั้งแต่พรีคลินิกแล้ว ขอเสริมอีกนิดว่าพื้นฐานพรีคลินิกแย่มาก เหมือนอ่านเพื่อไปสอบเท่านั้นเลยค่ะ
พอต้องมาดูคนไข้แล้วก็ดูไม่เป็น ไม่มีใครสอน การเรียนก็จะเน้นให้รุ่นพี่สอนรุ่นน้องค่ะ
หากแพทย์ใช้ทุนท่านนั้น ไม่ถนัดในด้านการสอน ไม่ชอบสอน นศพที่วนด้วยก็อาจจะไม่ได้อะไรเลย
ทั้งความกดดันจากหลายๆด้าน ได้เห็นเพื่อนที่แสดงออกถึงความเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น เพราะอยู่ด้วยกันตลอดเวลาเลยมีเรื่องกันง่าย
แข่งกันเรียน แข่งกันอ่านหนังสือ bluffกันเอง สังคมที่มีแต่คนเก่งก็เป็นเช่นนี้แหละค่ะ
หนูร้องไห้ทุกวัน เครียดกับการที่อาจารย์ถามแล้วตอบไม่ได้
เครียดไปเสียทุกเรื่อง คิดมาก คิดแต่ว่าทำไมเราโง่อย่างนี้ อ่านไปก็ลืม ไม่เข้าใจเลยด้วย
ทำไมเพื่อนทำได้ ตอบได้ แล้วเราทำไม่ได้ ถามว่าชอบมั้ย มันก็ยังชอบนะคะ ที่ได้คุยกับคนไข้ โอเคกับการอยู่ในรพ
พอถึงช่วงใกล้สอบที่กดดันสุดๆ หนูก็อ่านไปอย่างดี ข้อสอบชอบออกที่ไม่ได้อ่านมาค่ะ หมายถึง อ่านมาดีแค่ไหนก็ยังตอบไม่ได้
ออกจากห้องสอบมานี่ร้องไห้หนักมากๆทุกครั้งเลยค่ะ
หนูเริ่มรุ้สึกว่าตัวเองแปลกไป นั่งๆอยู่ดีๆก็ร้องไห้ นอนไม่หลับ ร้องไห้ก่อนนอนทุกคืน
นอนน้อยลงมากๆ ทั้งที่ไม่มีเวลาจะนอนอยู่แล้ว พอได้เวลานอนก็นอนไม่หลับค่ะ
อ่อนเพลียไม่มีแรงตอนกลางวัน จนคิดว่าตนเองต้องการพบจิตแพทย์แล้วล่ะ
หนูไปพบ เล่าความรู้สึกตนเองให้ฟัง ได้รับการDxว่าเป็นโรคซึมเศร้า MDD
ได้ยามาทาน แต่ก็ชอบลืมกินยา ไม่แน่ใจว่าหากกินๆหยุดๆระดับยาไม่คงที่หรือไม่
มันจะมีช่วงที่ดีขึ้นช่วงนึงนะคะ แล้วก็เป็นอีก จากที่เคยคุยกับพ่อแม่ดีๆ ก็เริ่มโวยวายร้องไห้เสมอ
มีความคิดที่ว่าหากไม่ใช่เพราะพ่อแม่ เราก็คงไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมานเช่นนี้
ทราบดีค่ะว่าท่านหวังดีในตอนนั้น หากรู้ว่าเข้ามาแล้วหนูจะเป็นอย่างนี้คงไม่ให้เข้าแต่แรก
แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้แล้วจริงมั้ยคะ พ่อแม่จะมาพูดว่าเสียใจ จะมาลาออกให้ตอนนี้ มันก็ไม่ทันแล้วล่ะ
หลังๆนี้เป็นมากขึ้น ออกจากห้องสอบก็เฟลเสมอ โทรไปร้องไห้กับท่าน อยากกลับบ้าน
อยากหนีไปให้ไกลๆ ไม่อยากอ่านแล้ว ไม่อยากเรียน คิดว่าเราคงไม่มีความสามารถพอ
สร้างความลำบากใจให้ท่านทั้งสองอยู่ไม่น้อย

ถึงตรงนี้จะยังคาดหวังให้บุตรหลานของท่านเรียนหมออยู่มั้ยคะ
กรุณาให้เด็กๆเลือกเองเถอะค่ะ เบื่อสังคมไทยที่เด็กเรียนเก่ง=ต้องเรียนหมอเต็มทน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่