ทำไมการเรียนชั้นคลินิกถึงได้ลดความเป็นholistic health careลงไป

ตอนที่เราเรียนปี1-3มันจะมีวิชาพวกfammed commedที่จะเน้นสอนให้เราเป็นหมอที่ไม่ใช่รักษาแต่โรค แต่ให้รักษาทุกๆอย่างของคนไข้ รวมถึงจิตใจของคนไข้ด้วย ซึ่งตอนนั้น เราอินมากๆ แบบตั้งปณิธานเลยว่า ถ้าเราจบออกไปเป็นหมอ เราจะไม่รักษาแค่disease แต่เราจะรักษาillnessของคนไข้ด้วย ละพอขึ้นมาปี4เนี่ย วอร์ดแรกที่เราเจอคือศัลยกรรม คนไข้ส่วนใหญ่ก็จะมาผ่าตัด ซึ่งหลังผ่าก็มีความเจ็บปวดแผล เราพยายามพูดคุยกับคนไข้อย่างเป็นกันเองเหมือนญาติ ถึงขั้นบางเคสที่มาแค่ล้างแผลDM foot(แผลเบสหวานเรื้อรังที่เท้า) เราล้างแผลให้คนไข้ทุกวัน จนมีวันนึงอยู่ดีๆคนไข้ก็แอบบอกว่าท้องอืด ท้องผูกบ่อย ด้วยความปี4 ที่ต้องตรวจร่างกายละเอียดถี่ยิบ จนคลำได้ก้อนที่ท้อง ก็ไปรายงานอาจารย์ หลังจากนั้นอาจารย์จึงสั่งตรวจเพิ่มทำให้พบว่าคนไข้เป็นโรคที่ร้ายแรงกว่านั้นมาก วันนั้นอาจารย์ก็มาคุยกับคนไข้ ซึ่งเราก็อยู่ด้วย หลังจากอาจารย์ออกไปคนไข้ก็เหมือนจะซึมไป แต่เราก็พูดให้กำลังใจคนไข้ และคนไข้บอกว่าจริงๆก็ไม่ได้เครียดมาก แล้วก็ขอบคุณเรามากๆถ้าไม่มีเรามาตรวจร่างกายละเอียดอีกรอบ ก็คงไม่รู้ว่ามีโรคอื่นซ่อนอยู่ด้วย เพราะคนไข้ก็ไม่กล้าบอกหมอ เนื่องจากอาการที่เป็นก็ไม่ได้รุนแรงมาก หลังจากวันนั้น เราก็มีกำลังใจในการเรียนมากขึ้น พยายามเอาแนวคิดholistic health careมาใช้กับคนไข้ แต่พอขึ้นวอร์ดดูแลคนไข้ เห็นความเจ็บป่วย คนตาย ไปเรื่อยๆทำให้เราเริ่ม”ชินชา”และยิ่งมาอยู่วอร์ดอายุรกรรม ที่มีคนไข้จำนวนมาก โรคหลากหลายมาก ทำให้เราเหมือนเริ่มปลง และเริ่มอยากรักษาแต่disease บางครั้งเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนไข้ถึงทำอย่างงี้ๆ ทำไมไม่ดูแลตัวเอง ปล่อยให้ตัวเองป่วยจนเข้าโรงพยาบาลตั้งหลายครั้ง เรารู้ตัวเองเลยว่า เรามองแต่ตัวโรคอย่างเดียวจริงๆ ด้วยการเรียนที่หล่อหลอมให้เรามุ่งแต่จับผิด หาความผิดปกติของตัวโรค จนมองข้าม”ความรู้สึก”ของคนไข้ไป แม้แต่แพทย์ที่จบมา หรืออาจารย์บางท่านก็ไม่ได้เป็นแบบอย่างของการรักษาแบบholistic เนื่องด้วยเพราะการเป็น แพทย์เฉพาะทางแล้ว ทำให้fieldการรักษาแคบลงไป มองแต่ส่วนนั้นๆ ไม่ได้มองเป็นองค์รวม
ตอนนี้เราได้มาเรียนวิชาfammedอีกครั้งหลังจากจบทุกวอร์ดของปี4 แต่ความรู้สึกในตอนนี้ช่างต่างกับตอนปี1-3มากๆ เรารู้สึกอึดอัดกับคำว่าholistic health careมากๆ จนทำให้เรารู้สึกว่า การเรียนชั้นคลินิก มาได้ทำลายปณิธานที่เราตั้งมั่นไว้ตอนแรกไปหมดแล้ว มองย้อนกลับไป เราอยากให้แพทย์ที่ถึงแม้จะไม่ได้จบfammed แต่ควรนำหลักการของfammedไปสอดแทรกในการรักษาคนไข้ของตัวเอง เพราะถึงแม้จะมีวิชาfammedในทุกชั้นปีของการเรียนแพทย์ แต่ถ้าแพทย์ไม่ได้ทำเป็นแบบอย่างให้นักศึกษาแพทย์ได้ซึมซับไปทีละเล็กละน้อย วันหนึ่งมันก็จะหายไป แบบที่เราเป็นอยู่ตอนนี้แหละ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่