ถึง คนไข้ที่น่ารักของผมทุกคน

ผมหมอ ว. ครับ เป็นแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งในเขตปริมณฑล

ขออนุญาตใช้ช่องทางนี้สื่อสารไปถึงคนไข้ทุกคนของผมครับ

---

ย้อนไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมมาทำงานที่ห้องตรวจผู้ป่วยนอกเหมือนปกติ เหตุการณ์ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนทุกๆ วัน จนกระทั่งปลายเวรผมได้รับแจ้งให้ไปดูคนไข้คนหนึ่งที่ห้องฉุกเฉิน (ห้อยท้ายมาว่าเป็นเคส VIP) ผมไปประเมินคนไข้แล้ว สัญญาณชีพปกติดี มีอาการปวดท้องซึ่งอาจเป็นผลพวงจากโรคประจำตัวของเขาแต่ไม่มีลักษณะติดเชื้อในช่องท้อง ผมให้เจาะเลือดและสั่งยาฉีดให้ก่อนจะแจ้งกับทีมว่าจะขอดูผลเลือดและอาการก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเรื่องการให้นอนในโรงพยาบาล

คล้อยหลังมาไม่นานผมกลับมาตรวจคนไข้ที่ห้องตรวจ ก็มีพยาบาลวิ่งเอาชาร์ทมาให้ผมพร้อมบอกว่า
"หมอคะ คนไข้อยากนอน รพ. พี่### เลยให้เอาชาร์ทมาให้หมอเขียน admit"
ผมกำลังคุยกับคนไข้ของผมอยู่เลยแจ้งไปว่าจะดูให้ หลังจากนั้นพอเคลียร์เคสเสร็จก็กะเวลาว่ายาน่าจะออกฤทธิ์ ผลเลือดน่าจะออกแล้ว ก็เลยโทรไปถามเคสนี้กับทางห้องฉุกเฉิน

"คนไข้ขึ้นวอร์ดไปแล้วค่ะ"
"ใครเป็นคนสั่งให้ขึ้นวอร์ด?"
"เผอิญเป็นเคสของคุณ$$$ พี่### เลยให้ขึ้นไปที่วอร์ดเลย"

---

ในฐานะที่ผมเป็นหมอมาเกือบ 10 ปี ผมไม่เคยเจ้ายศเจ้าอย่างว่าใครจะต้องมาเคารพนับถือว่าตัวเองเป็นหมอ ผมปฏิบัติกับเพื่อนร่วมงานอย่างเพื่อน ปฏิบัติกับคนไข้อย่างคนในครอบครัว สิ่งที่ผมถือตัวอยู่อย่างเดียวคือการเป็นหัวหน้าทีมการรักษาที่ต้องดูแลรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นในกระบวนการรักษาคนไข้ของผม ไม่ว่าใครในทีมทำผิดพลาดอะไรหรือเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น หมอที่ดูแลคือคนที่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทุกคนในทีมมีหน้าที่ของตัวเอง หมอทำหน้าที่ดูอาการ วินิจฉัยและสั่งการรักษา พยาบาลทำหน้าที่ช่วยเหลือหมอ คอยตรวจสอบความถูกต้องของการรักษาที่ให้ ผู้ช่วยมีหน้าที่ช่วยพยาบาลทำกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นๆ ก็มีหน้าที่ของเขาแตกต่างกันไปตามแต่ละแผนก และการทำงานร่วมกันควรจะเคารพหน้าที่ของกันและกัน สื่อสารกัน และให้เกียรติกัน โดยเฉพาะกับคนที่ต้องดูแลรับผิดชอบทั้งกระบวนการอย่างหัวหน้าทีม

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันคือการข้ามขอบเขตหน้าที่ ทำให้หมอกลายเป็นเพียงคนเขียนคำสั่งนอนโรงพยาบาล เพิกเฉยต่อคำสั่งการรักษาที่ให้ไว้ ที่สำคัญคือทุกคนพร้อมใจกันทำให้เกิดขึ้นเพียงเพราะว่าเป็นเคส VIP

---

ถ้าการเป็นเคส VIP ทำให้คุณ
- ไม่ได้รับการรักษาตามระบบที่ควรจะเป็น
- คนสั่งการรักษาไม่ใช่หมอ
- ส่งขึ้นไปนอนบนหอผู้ป่วยโดยไม่รู้อาการเพื่อรอให้พยาบาลด้านบนรายงานหมออีกที

คุณยอมอย่างนั้นจริงๆ หรือ?

---

จรรยาบรรณข้อหนึ่งของแพทย์กล่าวถึง Justice คือ การรักษาโดยอาศัยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ตามสมมุติฐานโรคของผู้ป่วยแต่ละคนอย่างแท้จริง ไม่ได้สนใจว่าคนไข้เป็นใคร แต่สนว่าคนไข้เป็นคน เป็นมนุษย์ผู้เจ็บป่วย และหมอมีหน้าที่ดูแลความเจ็บป่วยนั้น

เหตุการณ์ดังกล่าวผมสามารถมองข้ามไปได้ หลับตาข้างหนึ่งแล้วเขียนแอดมิทตามที่เขาบอกมาให้มันจบๆ ไปก็ได้
แต่ผมเลือกที่จะไม่ทำแม้รู้ดีว่าการดื้อด้านของผมจะส่งผลกระทบรุนแรง เพราะที่ผ่านมาผมยึดถือระบบ ยึดความถูกต้อง ยึดความปลอดภัยของคนไข้เป็นหลักเสมอมา และผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ถูกต้อง

สิ่งที่ผมทำพลาดอย่างเดียวคือผมควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ผมขึ้นเสียงแต่ไม่ได้ใช้คำหยาบคาย ผมไม่ได้ทำร้ายใคร แต่แน่ล่ะท่าทางที่อ่อนโยนมันไม่อ่อนโยนเหมือนที่เคยเป็น ผมถามหาคนรับผิดชอบ ซึ่งถูกเจ้าตัวคนที่สั่งแอดมิทตอบกลับด้วยการส่ายหน้าแล้วเดินหนี ผมโทรไปหาหัวหน้าฝ่ายการแพทย์ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังทุกอย่างด้วยอารมณ์ที่พยายามข่มไว้อย่างถึงที่สุด คุยกันนานสองนานจนสรุปจบท้ายที่ว่าเข้าใจประเด็นของผมแล้ว

สองวันต่อมามีสายโทรเข้า ปลายสายเป็นเจ้าหน้าที่อีกคนที่โทรมาแจ้ง
"ทางผู้บริหารทราบเรื่องแล้วนะคะ แล้วก็ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ หลังจากนี้เลยจะขออนุญาตงดเวรอาจารย์ไปก่อนนะคะ"
"งดไปถึงเมื่อไหร่เหรอครับ"
"ก็งดไปเรื่อยๆ ก่อนค่ะ"

ใช่ครับ... ผมถูกพักงาน
ไม่มีการเรียกเข้าไปพูดคุย ไม่ได้อยากได้คำอธิบายจากผม

และใช่ครับ... ผมยื่นลาออก

---

ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่มีโอกาสที่จะได้ร่ำลาหรือส่งต่อคนไข้ที่ผมดูแลมาหลายปีให้กับหมอคนไหน อยู่ดีๆ ก็หายไป เลยคิดว่าอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ ผมจนด้วยปัญญาแล้วว่าจะสื่อสารกับพวกท่านอย่างไร คงมีแต่ช่องทางนี้ที่อาจจะพอส่งข้อความไปถึงท่านๆ ได้

"ขอบคุณที่เชื่อใจและให้โอกาสผมได้ดูแลทุกท่านตลอดมานะครับ และต้องขอโทษด้วยที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ผมยังคาดหวังว่าจะได้รับโอกาสดูแลทุกท่านอีกในวันข้างหน้าแต่คงเป็นในสถานที่อื่น เพราะหลังจากนี้ผมจะไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลเดิมอีกต่อไปแล้ว

ที่อยากจะฝากคือ หมอทุกคนหวังดีกับคนไข้แหละครับ แต่อาจจะมีวิธีการแสดงความหวังดีที่แตกต่างกันไป บางคนใจดี บางคนปากร้าย บางคนเขินอายที่จะพูดคุย ขอให้เข้าใจในมุมมองของหมอด้วย และก็อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีนะครับ การคุมอาหาร การออกกำลังกาย กินยาให้ตรงตามที่หมอสั่งให้ ทุกอย่างมันทำให้โรคของเราดีขึ้นได้ 

ส่วนเพื่อนๆ แพทย์ที่อาจแวะเข้ามาอ่าน การฟังคนไข้คือสิ่งสำคัญครับ คนไข้ไม่ได้ต้องการคำวินิจฉัยอย่างเดียว แต่อยากได้คนที่รับฟังปัญหาของเขาด้วย การมองคนเป็น "โรค" มันทำให้เราทำงานง่ายก็จริง แต่เราจะพลาดใจความสำคัญของการเป็น "คน" ของคนไข้ไป ผมชอบคำว่าคนไข้มากกว่าผู้ป่วยนะ เพราะมันแสดงว่าเรายังเห็นว่าเขาเป็นคนที่มีความเจ็บไข้ได้ป่วย และเราตั้งใจจะรักษาคนๆ นั้น

---

ได้เวลาก้าวออกจาก uncomfort zone ที่เรารักแล้วล่ะ!

หมอ ว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่