เมื่อคืนนี้เป็นวันที่ผมต้องมาทบทวนชีวิตตัวเองหลายหลายอย่าง
ขอเล่าเรื่องราวคร่าวคร่าวเกี่ยวกับครอบครัวผมก่อนครับ
ผมมีอาชีพรับราชการเช่นเดียวกับภรรยา ทำงานเกี่ยวกับวิชาชีพหนึ่ง ตำแหน่งในราชการเหมือนกับภรรยาของผมซึ่งอยู่ในระดับสูงในหน่วยงานหนึ่ง ฐานะในครอบครัวเราเฉพาะเงินเดือนก้อถือว่าเยอะแล้วครับ รวมทั้งมีกิจการเกี่ยวกับวิชาชีพที่เราเรียนมา เรียกได้ว่าไม่เดือดร้อนในเรื่องการเงินเลยครับ ไปเที่ยวต่างประเทศกับลูกลูกทุกปี ครอบครัวเราแทบจะไม่มีปัญหาในการทะเลาะเบาะแว้งกันเลย ลูกชายทั้งสองคนเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ ได้เป็นอย่างดี
ครอบครัวเรามีลูกชาย 2 คน คนโตกำลังเรียน ม.5 ส่วนคนเล็กกำลังเรียน ม.2 ลูกชายคนโตเป็นคนที่เรียนหนังสือเก่งมาตลอดตั้งแต่ ประถม จนมาถึง ม.5 และผลการเรียนก็ดีมาตลอด อยู่ในห้องกิฟท์เต็ทมาตลอด ซึ่งคนรอบข้าง เพื่อนฝูงที่รู้จักครอบครัวเรา ก้อจะชื่นชมในผลการเรียนของลูกชายคนนี้ของผมเสมอ ซี่งผมเองก้อตั้งเป้าให้เค้าสอบเรียนแพทย์ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาลูกชายคนโตผมก้อตั้งเป้าที่จะเรียนแพทย์มาตลอดเช่นกัน
โดยปกติลูกชายคนโตของผม จะถนัดในการวาดรูปเป็นงานอดิเรก และการเขียนละคร การเขียนบทความ จนบางทีผมเองยังอดทึ่งในรูปภาพที่ลูกชายคนโตวาด แถมบทความต่างๆ บันทึกต่างๆ ที่เค้าเขียน เหมือนเป็นพรสวรรค์มาติดตัวเค้ามาเลย ส่วนการอ่านหนังสือนั้น ช่วง ม.4-5 เค้าเริ่มเหนือยเหนือย เหมือนกับไม่ค่อยอยากอ่านหนังสือเท่าไหร่ แต่เมื่อถึงเวลาเค้าก้ออ่านหนังสือตามปกติ ซึ่งผลการเรียนก็ยังดีเหมือนเดิม
เมื่อคืนนี้ผลการสอบคะแนน GAT PAT ของเด็กชั้น ม.6 ออก เราเลยได้มาคุยกันถึงอนาคตในปีหน้าอีกครั้ง สำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของลูกชายคนโตผม ว่าจะวางแผนการอ่านหนังสือยังไงให้สอบติดแพทย์ และก้อเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจที่สุด และเป็นเรื่องที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน ลูกชายผมร้องไห้โฮ ออกมาบอกว่าไม่อยากเรียนแพทย์
ลูกชายคนโตของผมที่เรียนห้องวิทยาศาตร์มาตลอด และผลการเรียนอยู่ในอันดับต้นต้นของโรงเรียนดังแห่งหนึ่ง บอกไม่เคยคิดอยากจะเรียนแพทย์เลยแม้แต่น้อย ไม่อยากเรียนสายวิทยาศาสตร์เลย มีแต่ความกดดัน กลัวผิดพลาด กลัวสอบเข้าแพทย์ไม่ได้ แต่ที่มาเรียนทางสายนี้เพราะตามใจพ่อและแม่ (ชึ่งก้อคือตามใจผมและภรรยานั่นเอง)
ลูกชายผมบอก อยากเรียนเกี่ยวกับการวาดรูป อยากเรียนเกี่ยวทางศิลปะ ไม่อยากทำงานเกี่ยวกับทางการแพทย์เลยแม้แต่ แต่กลัวผมและภรรยาจะเสียใจ เวลาเรียนคณิต และวิทยาศาสรต์ ไม่มีความสุข แต่ต้องเรียนเพราะรักพ่อกับแม่ ไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องเสียใจ
ผมเองถึงกับอึ้งเลย ยอมรับว่าไม่เคยคิดเลยแม้แต่น้อยว่าลูกชายคนโตจะไม่ชอบเรียนทางสายวิทยาศาสตร์เลย เพราะเห็นผลการสอบในวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ก็คะแนนทอปมาตลอด
เมื่อคืนเลยพูดคุยกับลูกชายเปิดใจกันจนหมด แล้วบอกกับลูกชายว่า เดี๋ยวลองมาคิดทบทวนกันอีกสัก 1 สัปดาห์ดูไหม เผื่อจะคิดอะไรเปลี่ยนแปลงกันได้อีก
เพื่อนเพื่อนคิดว่า ผมควรช่วยลูกชายตัดสินใจในทางเลือกยังไงดี
ลูกชายผมร้องไห้ โฮ.....ไม่อยากเรียนแพทย์ อยากเรียนด้านศิลปะ
ขอเล่าเรื่องราวคร่าวคร่าวเกี่ยวกับครอบครัวผมก่อนครับ
ผมมีอาชีพรับราชการเช่นเดียวกับภรรยา ทำงานเกี่ยวกับวิชาชีพหนึ่ง ตำแหน่งในราชการเหมือนกับภรรยาของผมซึ่งอยู่ในระดับสูงในหน่วยงานหนึ่ง ฐานะในครอบครัวเราเฉพาะเงินเดือนก้อถือว่าเยอะแล้วครับ รวมทั้งมีกิจการเกี่ยวกับวิชาชีพที่เราเรียนมา เรียกได้ว่าไม่เดือดร้อนในเรื่องการเงินเลยครับ ไปเที่ยวต่างประเทศกับลูกลูกทุกปี ครอบครัวเราแทบจะไม่มีปัญหาในการทะเลาะเบาะแว้งกันเลย ลูกชายทั้งสองคนเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ ได้เป็นอย่างดี
ครอบครัวเรามีลูกชาย 2 คน คนโตกำลังเรียน ม.5 ส่วนคนเล็กกำลังเรียน ม.2 ลูกชายคนโตเป็นคนที่เรียนหนังสือเก่งมาตลอดตั้งแต่ ประถม จนมาถึง ม.5 และผลการเรียนก็ดีมาตลอด อยู่ในห้องกิฟท์เต็ทมาตลอด ซึ่งคนรอบข้าง เพื่อนฝูงที่รู้จักครอบครัวเรา ก้อจะชื่นชมในผลการเรียนของลูกชายคนนี้ของผมเสมอ ซี่งผมเองก้อตั้งเป้าให้เค้าสอบเรียนแพทย์ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาลูกชายคนโตผมก้อตั้งเป้าที่จะเรียนแพทย์มาตลอดเช่นกัน
โดยปกติลูกชายคนโตของผม จะถนัดในการวาดรูปเป็นงานอดิเรก และการเขียนละคร การเขียนบทความ จนบางทีผมเองยังอดทึ่งในรูปภาพที่ลูกชายคนโตวาด แถมบทความต่างๆ บันทึกต่างๆ ที่เค้าเขียน เหมือนเป็นพรสวรรค์มาติดตัวเค้ามาเลย ส่วนการอ่านหนังสือนั้น ช่วง ม.4-5 เค้าเริ่มเหนือยเหนือย เหมือนกับไม่ค่อยอยากอ่านหนังสือเท่าไหร่ แต่เมื่อถึงเวลาเค้าก้ออ่านหนังสือตามปกติ ซึ่งผลการเรียนก็ยังดีเหมือนเดิม
เมื่อคืนนี้ผลการสอบคะแนน GAT PAT ของเด็กชั้น ม.6 ออก เราเลยได้มาคุยกันถึงอนาคตในปีหน้าอีกครั้ง สำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของลูกชายคนโตผม ว่าจะวางแผนการอ่านหนังสือยังไงให้สอบติดแพทย์ และก้อเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจที่สุด และเป็นเรื่องที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน ลูกชายผมร้องไห้โฮ ออกมาบอกว่าไม่อยากเรียนแพทย์
ลูกชายคนโตของผมที่เรียนห้องวิทยาศาตร์มาตลอด และผลการเรียนอยู่ในอันดับต้นต้นของโรงเรียนดังแห่งหนึ่ง บอกไม่เคยคิดอยากจะเรียนแพทย์เลยแม้แต่น้อย ไม่อยากเรียนสายวิทยาศาสตร์เลย มีแต่ความกดดัน กลัวผิดพลาด กลัวสอบเข้าแพทย์ไม่ได้ แต่ที่มาเรียนทางสายนี้เพราะตามใจพ่อและแม่ (ชึ่งก้อคือตามใจผมและภรรยานั่นเอง)
ลูกชายผมบอก อยากเรียนเกี่ยวกับการวาดรูป อยากเรียนเกี่ยวทางศิลปะ ไม่อยากทำงานเกี่ยวกับทางการแพทย์เลยแม้แต่ แต่กลัวผมและภรรยาจะเสียใจ เวลาเรียนคณิต และวิทยาศาสรต์ ไม่มีความสุข แต่ต้องเรียนเพราะรักพ่อกับแม่ ไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องเสียใจ
ผมเองถึงกับอึ้งเลย ยอมรับว่าไม่เคยคิดเลยแม้แต่น้อยว่าลูกชายคนโตจะไม่ชอบเรียนทางสายวิทยาศาสตร์เลย เพราะเห็นผลการสอบในวิชาคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ ก็คะแนนทอปมาตลอด
เมื่อคืนเลยพูดคุยกับลูกชายเปิดใจกันจนหมด แล้วบอกกับลูกชายว่า เดี๋ยวลองมาคิดทบทวนกันอีกสัก 1 สัปดาห์ดูไหม เผื่อจะคิดอะไรเปลี่ยนแปลงกันได้อีก
เพื่อนเพื่อนคิดว่า ผมควรช่วยลูกชายตัดสินใจในทางเลือกยังไงดี