อีกเรื่องเล่าจาก...ลูกพระนเรศ

ขอเกริ่นก่อนว่าเรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลจริงๆ แค่อยากเล่าให้ฟัง ใครที่คิดว่ามันไม่ใช่ไม่จริงหรือไม่เห็นด้วย ผมก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ แต่ผมยืนยันว่าสิ่งที่กำลังจะเล่า มันเกิดขึ้นจริงๆในชีวิตผม
   ตัวผมเป็นหนึ่งในนิสิตที่ถวายตัวเป็นลูกของท่านในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้ คงไม่ต้องบอกชื่อนะครับ 555 ผมเชื่อว่าถ้าใครเคยเรียนอยู่ที่นี่ทุกคนต้องมีโอกาสได้มากราบไหว้ มาขอพร มาบน มาขออะไรต่างๆนาๆ หรือมานอนเล่นเดินเล่นแถวๆลาน เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องเล่าในอีกมุมหนึ่งครับ เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ผมอุ่นใจกับที่นี่มากๆ
   เรื่องที่จะเล่าชื่อคนในนี้ขอเป็นนามสมมตินะครับ เพราะทุกคนในเหตุการณ์ยังเรียนอยุ่ที่นี่
   เริ่มจากตัวผมมีเพื่อนคนนึงที่มีความพิเศษทางอะไรๆที่มันเหนือธรรมชาตินิดนึง โดยเฉพาะเรื่องผีๆนี่ล่ะครับ ส่วนตัวผมเองก็พบเจอมาบ้าง ก็ค่อนข้างบ่อย แต่ก็ไม่ได้เชื่ออะไรขนาดนั้น แต่อยู่กับไอ้คนนี้มาก เจออะไรเยอะแยะ จนตอนนี้ก็เชื่อละล่ะครับว่าเขามีอยู่จริง เพื่อนผมคนนี้ก็มีชื่อมีเสียงอยู่เหมือนกันนะครับ มีคนรุ้จักเยอะแยะเข้ามาขอให้ช่วยนั่นนี่บ้าง เกือบทั้งหมดก็เรื่องแนวๆนี้ล่ะครับ เรื่องนี้ก็เช่นกันเกิดกับคนใกล้ๆตัวด้วย
   คืนนั้นเป็นคืน Freshy Night ทุกอย่างกำลังสนุก หมดจาก Sweet Mullet ก็มาต่อกันที่วงดนตรีมหาลัย มันส์ได้ใจจริงๆ ระหว่างที่แดนซ์ๆกันนี่แหละครับเพื่อนมันก็มาเรียกผม ว่าเด๋เลิกงานไปเป็นเพื่อนหน่อย พี่ป.โท โทรมาหา ผมก็ไม่ได้คิดอะไร พอเลิกงาน ผมกับเพื่อ 3 4 คนรวมมันด้วย ตกลงกันว่าจะไปหาไรกินกัน ก็เลยไปหาพี่ ป.โท ด้วยกันหมดนี่แหละ เพื่อนผมก็เงียบนะครับไม่เล่าอะไรให้ฟังเลย นัดเจอกันตรง 7-11 พี่ป.โทมารับนำทางไปที่หอพัก ทางเปลี่ยวมาก มืดสุดๆ น่ากลัว พอไปถึงสุกซอยก็มีหออยุ่ทางซ้ายมือครับ ตรงหน้านี่เป็นป่าละ มีต้นโพธิ์ต้นบะเร่อเลย ไปถึงจอดรถเสดก็มานั่งตรงม้าหินข้างล่าง พี่มุกคนที่มารับก้พูดกับเพื่อนผมว่า เป็นไง แก้ได้มั๊ย เพื่อนผมเลยบอกว่าให้เล่ารายละเอียดอีกที เรื่องมีอยู่ว่า  "พี่วิท พี่ป.โทอีกคนนึงที่เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันเขามีอาการแปลกๆ ปกติเป็นคนร่าเริงมากเฮฮาปาร์ตี้ เป็นคนตลกมากๆ แต่ช่วงนี้ดูซึมๆ ไม่พูดไม่จาเก็บตัวในห้องไม่ยอมเจอใครไม่พูดคุยกับใคร เหมือนเป็นคนละคน ไม่กี่วันกก่อนหน้านี้เพื่อนมาหาที่ห้องก็ไม่เจอห้องก็ไม่ได้ล๊อกแต่ตัวไม่อยู่ ไปเจออีกที นู่น ลานสมเด็จ ถามว่าไปยังไง บอกเดินมา ละก็เดินกลับด้วย ซึ่งหอพี่แกอยู่สุดซอยประตู 4 เลย ถ้าคนที่นี่จะรู้เลยว่า มันไกลนะ = ='  แล้วปกติพี่แกจะใส่พระแต่ช่วงนี้ไม่ยอมใส่พอเพื่อนบอกให้ใส่ก็อารมเสียใส่ไม่เอาๆ" ผมฟังก็หวิวๆเพราะมันดึกแล้ว บรรยากาศยิ่งเป็นใจอีก เพื่อนผมมันก็นิ่งๆไปแปปนึงก็พูดขึ้นมา
"พี่มุก พี่วิทเขามียันต์ไรติดตัวป่าว ผมเห็นไม่ชัด"
"ไม่น้านะ พี่ไม่เคยเห็น"
"ค้นให้หน่อยพี่ น่าจะอยู่ในกระเป๋าตัง"
  ละพี่มุกก้รีบโทรหาเพือนที่เฝ้าพี่วิทอยุ่บนห้องให้ค้นกระเป๋าตังค์ พวกผมก็รอกันอยู่เงียบๆ ไม่เกิน 5 นาที ทุกคนก็ต้องตกใจ เพราะพี่อีกคนหนึ่งเดพินลงมาข้างล่างพร้อมกับยื่นแบงค์ยี่สิบเก่าๆ ยับๆให้ใบนึงละถามว่า อันนี้ใช่ป่าว ซุกอยู่ซอกกระเป๋าตังเลยกว่าจะหาเจอ ทุกคนมองหน้าเพื่อนผมละก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร เพื่อนผมลุกขึ้นละพูดว่า
"เอาไปทิ้งไว้ใต้ตต้นโพธิ์เลยครับ ละขึ้นไปข้างบนกัน" บอกเลยว่าไม่มีใครกล้าเอาไปทิ้ง ผลลัพธ์คือ เกาะกันไปทั้งกลุ่ม55
  พอถึงหน้าห้องเพื่อนผมก็ยืนมองประตูละบ่นไรมุบมิบๆฟังไม่ได้ยิน พวกผมไม่เคยรู้จักพี่วิท แต่พวกผมสนิทกับพี่มุก พอเปิดประตูเข้าไปภาพที่เห็นเล่นเอาผมกอดกันกลมเลยคับ พี่วิทนอนอยุ่บนเตียง เตียงอยุ่ติดกับประตูเข้าไปขวามือก็เจอสายตาพี่แกละครับ ตาแข็งมาก จ้องเขม็งเลย อยากกับจะฆ่ากัน นอนห่มผ้าแน่นหนาโดยไม่กลัวร้อน ห่างจากเตียงไปจนติดขอบประตูระเบียงมีพี่ ป.โทคนอื่นอีกสามคนนั่งอยู่พยายามเกาะกันไว้ดูก้รุ้ว่ากลัวมาก เป็นไปได้คงจะนั่งตักกันแล้ว พวกผมก็ยกมือไหว้พี่ทุกคน และก็มีพี่คนนึงรับไหว้พวกผมได้น่ารักเหลือเกิน
"เอามันมาทำไม ใครเอามันมา กูเกลียดมัน เอามันออกไป" พี่วิทนั่นเอง พี่เขาไม่ได้ตะคอกอะไร แค่พูดนิ่งๆ แต่ฟังละเสียวสันหลังวาบ
"อิบ้า เจอกันครั้งแรกไปเกลียดไรน้อง พามาดูมาการเนี่ย" พี่มุกก็ตอบไปแต่ขณะตอบก็อยุ่ไกลพอสมควรเลย = =
"ไม่รุ้ กุเกลียด " ทุกคนก็อึ้ง แล้วก็เบียดกันไปนั่งอยุ่มุมเดียวกัน เพื่อนผมก็มองนิ่งๆ แต่สายตาไม่ปกติสักเท่าไหร่ ดูเหมือนคนไม่ค่อยพอใจ แล้วพี่วิทย์อยู่ดีๆก็ถามถึงแบงค์ ว่าแบงค์เขาหายไปไหน พวกผมยังไม่เท่าไหร่ แต่พี่คนที่เอาแบงค์ลงมาให้พวกผมนี่ตาค้างเลย เพราะตอนพี่เค้าค้นกระเป๋าพี่วิทย์ไม่รุ้เรื่อง ทุกคนยังไม่หายสงสัยดี เพื่อนผมก็ถามหาน้ำเปล่า มีน้ำเปบ่าขวดที่ยังไม่ได้เปิดมั๊ย พี่มุกก็ไปหามาให้ เพื่อนผมเปิดละก็มุบมิบๆปากอีก ผมเดาว่าเป็นการสวดไรสักอย่าง แปปนึงก็บอกว่า เอาให้พี่เขากิน พวกพี่มุกกะพี่ ป.โทก้เอาไปให้ วิทย์กินนะ นิดนึงๆ ไม่เอาไม่กิน น้ำอะไร เอาไปไกลๆ จนสุดท้ายต้องลีอกกันจนยอมกิน พอได้กินก็เหมือนคนหมดแรง ลงไปนอนนิ่งๆได้แต่มองมาตาขวางๆ ไม่มีอาการขัดขืนหรือขยับตัวเลย เพื่อนผมก็ถามอีกว่ามีน้ำถังใหญ่กว่านี้มั๊ย พี่มุกก็เลยไปเอาแกลลอนน้ำมาให้ เพื่อนผมก็เทผสมกันละมุบมิบๆปากอีก ละบอกว่า คืนนี้เฝ้าไว้นะ อย่าให้พี่วิทย์มายุ่งกะน้ำนี้ กลางดึกจะมีคนมาแย่ง คืนนี้ทำไรไม่ได้แล้ว พุ่งนี้ค่อยว่ากัน ต้องลากพี่เขาไปทำบุญให้ได้นะ ต่อให้ต้องบังคับก็ต้องทำ (วันรุ่งขึ้นที่ภาควิชาผมจะมีทำบุญประจำปีพอดี นิมนต์พระมา 9 รูป) พอคุยกันเสดพวกผมก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกับมีสายตาคู่เดิมจ้องส่งพวกผมจนพ้นประตูเลย
  ไปถึงหอคงไม่มีใครต้องถามนะครับ ไม่มีใครกล้านอนคนเดียวเลย น้ำท่าไม่อาบแล้วมาสุมหัวอยู่ห้องเพื่อนคนนั้นกัน ไม่มีใครหลับตาลง ต่างพูดคุยถึงเรื่องที่ไปพบเจอมาแน่นอนครับไม่มีใครอธิบายได้และก็ไม่สามารถเชื่อหรือไม่เชื่อได้เลย ส่วนเจ้าตัวการที่ลากพวกผมไปนั้นไม่มีท่าทางกลัวแต่อย่างใดหน้านิ่วคิ้วขวมดจิ้มโทสับอย่างเดียว ดูเหมือนว่าจะทะเลาะกับแฟนยกใหญ่ เวลาผ่านไปซัก ชั่วโมงนึงก็ยังไม่มีใครกล้าหลับเลยตกลงกันว่าจะโต้รุ่งเลยยังไงพรุ่งนี้ก็มีงานแต่เช้า สักแปปนึงมีเสียงคนเคาะห้อง ก๊อก ก๊อก ผมก็กำลังจะลุกไปเปิดด้วยความเคยชิน เพื่อนมันก็พูดขึ้นมาว่า อย่าเปิด ผมก็ถามว่าทำไม มันก็ตอบว่า เอาเหอะน่า ยังไม่ทันที่ผมจะตัดสินใจ เสียนงเคาะก็ดังขึ้นอีก แต่คราวนี้ผมวิ่งไปเกาะเพื่อนอีกคนในห้องเลยครับเพราะมือผมจับลูกบิดอยู่พอดี นึกออกมั๊ยครับว่าประตูถ้ามีคนเคาะมันจะสั่นๆ แต่นี่นิ่งกริบเลย แต่มีเสียง เท่านั้นแหละ ต่อให้เปนเพื่อนก้ไม่เปิดละครับ เสียงเคาะก็เงียบไป ไม่ถึง 5 นาที เพดานก้ดัง เหมือนคนกระทืบ อีกแปปหน้าต่างดัง นอกหน้าต่างนี่หลังคานะครับ สักแปยิ้มห้องดัง โอย กอดกันกลมครับงานนี้ แต่เพื่อนผมก็ยังคงมุ่งมั่นทะเลาะกับแฟนต่อไป ไม่สนใจ พวกผมก็อยุ่สภาพนั้นกันจนเช้าล่ะครับ
   พอไปถึงที่ภาควิชา แน่นอนครับเด็กปี1 โดนจัดสถานที่แน่นอน จัดข้าวของ ขนนั่นนี่ แรงงานว่างั้นเถอะ แต่จัดเสร็จละก็สวยนะครับ มีเสื่อมีเวที มีอ่างปลารอบโถง ผมเดินออกมานอกโถงก็เจอพี่มุกยินคุยกะเพื่อนผมอยู่ ว่าพี่วิทย์ไม่ยอมมา ขังล๊อกตัวเองในห้องเลย ละก็เล่าว่าเมื่อคืนพี่มุกเป็นคนเฝ้าถังน้ำเอง แกลลอนอะครับ นอนกอดไว้ กลางดึกรู้สึกว่ามีคนมาดึงขวดไปจากมือ แต่ด้วยความที่เพื่อนผมสั่งไว้พี่แกก้กอดแน่นหลับตาไม่สนไรเลย กลัวก็กลัว แต่ไม่รุ้จะทำไงก็ได้แต่ทนอยู่จนเช้า ผมเห็นเพื่อนผมกับพี่มุกคุยกันพักนึงมันก็เดินมาหาผมละก็บอกให้พามันไป7-11 ผมถามว่าจะไปทำไม มันบอกจะไปซื้อธูป ผมก็ เออๆ ละพามันไป กลับมาถึงจึงถามมันว่าเอามาทำไร มันบอกว่าเอามาไหว้เจ้าที่เจ้าทางที่ตึก  เขาแรงให้เขาช่วย ละจุดเรียกพี่วิทด้วย ผมนี่ งง พึ่งเคยได้ยินว่ามีการจุดธูปเรียกคนเป็นด้วย วันนั้นมีลมพอสมควรครับใกล้หน้าหนาวละ จุดไม้ขีดไปหลายที ดับหมด ก้เลยเรียกเพื่อนแถวๆนั้นมาช่วยกันบัง ก็ยังไม่ติดอีก จนน้ายามเดินเอาไฟแช๊กมาให้ ใหม่เลยครับพลาสติกห่อมาเลย น้าแกบอกเพิ่งไปซื้อมาจะจุดยาเส้น เพื่อนผมก็แกะ คราวนี้ไฟติดครับไม่ดับด้วยแต่ที่ผมอึ้งคือ ผมเห็นกับตาว่าไฟมันจ่อธูปอยู่ โดนเต็มๆ แต่ธุปไม่มีทีท่าจะไหม้ไฟเลยสักนิด จ่ออยู่เป็นนาทีก็ไม่ติดจนเพื่อนผมร้อนมือ ก้เลยพักแปปนึง ละก็จุดใหม่ คราวนี้อึ้งกว่าเดิมอีกครับ รอบแรกไม่ติด รอบสองไม่ติด รอบสอบหัวไฟแช๊กไอ้ตรงกลมๆอะ กระเด็นคามือเลยคับ ผมงี้อึ้ง เพื่อนที่มาช่วยบังลมก็อึ้ง ไอ้ตัวดีเพื่อนผมก็บ่น แรงจริง เล่นงี้เลยหรอ ละมันก็มุบมิบปากของมันอีกยกมือไหว้ท่วมหัว ครัาวนี้ไม้ขีดเพียวๆเลยครับ ตราพญานาคนี่แหละก้านเดียว ติดทั้งกำเลยครับ ควันโขมง ละมันก็ไปไหว้ต้นโพธิ์หน้าภาค 7 ดอก ละเห็นเอาดอกเดียวไปปักกลางแจ้งตรงที่เป็นดินๆ สักแปปพี่มุกเดินมาบอกว่า พี่แม้กที่เปนพี่ป โทอีกคนโทรมาบอกว่า พี่วิทยอมมาแล้ว
   พี่วิทมาก็นั่งอยู่หน้าภาคไม่ยอเข้าไปร่วมงานบุญครับ พูดแต่จะกลับๆ เพื่อนๆก็รั้งไว้ จนงานดำเนินไปถึงช่วงที่ทุกคนรอคอย รดน้ำมนต์ 55 หลวงพ่อเดินพรมไปทั่วเลย ทุกคนดูแฮปปี้ แต่พี่วิทนี่สิ ดูจะไม่อยากได้เท่าไหร่ เห็นไปหลบหลังเพื่อนจนหลวงพ่อเดินออกมาหน้าภาค เพื่อนๆพี่เขาก็ดันๆไปใกล้หลวงพ่อ หลวงพ่อพรมละกำลังจะเดินผ่านก็หันหลังกลับมาคราวนี้พรมยกใหญ่เลยครับ ทั้งพรมทั้งเคาะ ปากก็สวดไรไปด้วย พอวนมาถึงพวกผมตอนพรมเพื่อนผม หลวงพ่อก็พูดขึ้นมาเบาๆ จะทำอะไรก็รีบๆทำนะ เขาเอาหนัก แต่นี่ไม่ใช่กิจของสงฆ์ เพื่อนผมตอบ ครับ หลวงพ่อก็เดินผ่านไป หลังเลิกงานเสดงาน เกบของเสดพี่มุกก็เข้ามาถามว่าเอาไงดี ตัวพี่วิทแกกลับไปแล้วแอบไปตอนไหนไม่รู้ เพื่อนผมก็ตอบไปว่า
"ต้องให้กินน้ำล้างเท้าแม่ เอามาอาบด้วย ให้แม่ทำให้ พี่เขาเป็นคนที่ไหน ให้แม่มาได้มั๊ย"
"สระแก้วอ่ะ จะมาได้ไง" พี่มุกตอบมาแบบตกใจนิดๆ ละยังที่ไม่ทันจะคุยกันต่อ โทรสับพี่มุกก็ดังเลยแยกตัวไปคุยก่อน
   ไม่นานนักพี่มุกเดินกลับมาละพูดว่า คืนนี้ 3 ทุ่มเจอกันที่ภาค ไปสระแก้วกัน พวกผมนี่อึ้งเลย ผมก็ถามไปว่าเอาจริงหรอพี่ ไกลนะ ไปยังไง
พี่มุกจึงบอกว่าเมื่อกี้แม่พี่วิทโทรมาว่าติดต่อพี่วิทไม่ได้ แม่พี่แกเล่าว่า แม่เจอเรื่องไม่ดี มันมีเรื่องแปลกๆที่บ้าน ฝันก็ไม่ดี รู้สึกห่วงวิทย์มาก พอพี่มุกเล่าเรื่องพี่วิทให้แม่พี่เขาฟัง ก็ตกลงให้กลับมาบ้านโดยทันที ผลลัพธ์คือ คืนนั้นก็ต้องไปสระแก้วจริงๆครับ 55

ดึกมากแล้วไปนอนก่อนนะครับ ไม่รู้จะมีคนอ่านมั๊ย 55 เรื่องราวมันจะเริ่มจิงๆจังๆหลังจากตรงนี้แหละครับ ละถ้าคืนนั้นไม่ได้สมเด็จท่านช่วยไว้ ผมคงไม่ได้มาเล่าตรงนี้ แน่ๆ หวังว่าจะมีคนอ่านบ้างนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่