อีกครั้ง...กับพระนเรศฯ

ผม เพื่อน จขกท นะครับ
   เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องราวหนึ่งที่เข้าไปพัวพันกับสิ่งที่มองไม่เห็น ทั้งผีสาง และคุณไสย แต่คราวนี้เป็นเรื่องที่เต็มใจเข้าไปยุ่งอย่างมากครับ เพราะว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเครือญาติตัวเอง เป็นญาติสนิทเลย คือ ลุง นั่นเอง และก็เป็นอีกเรื่องที่ได้บารมีของ องค์สมเด็จพระนเรศวร ช่วยให้ผ่านมันมาได้
   ขอโทษที่มาเขียนต่อช้าครับ เพราะว่าหลายวันที่ผ่านมาเตรีนมงานกันนิดหน่อย วันนี้เป็นวันกองทัพไทย เลยโดน สั่ง มาให้ไปไหว้ ไปบวงสรวงท่านกันแต่เช้าเลย ไม่ใหญ่โตครับ เป็นแค่กลุ่มคนที่รู้จักกันจริงๆ เกือบทั้งหมด ก็เป็น เหมือนกัน ครับ แต่ปีนีดีใจมากเพราะว่าได้ ตัวหลัก มาแล้ว รอกันมานาน เป็นคนที่หลายๆคนยอมรับว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เป็น ร่างท่าน โดยตรง หลังจากเจ้าตัวเขาดื้อมานาน สุดท้ายก็ยอมครับ 55
  ปล. ตัวใหญ่ๆ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องใช้วิจารณญาณอย่างสูงครับ เพราะเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล พวกผม ไม่ใช่ลัทธิไม่ใช่ผู้นำด้านศาสนาหรือความเชื่ออะไรแต่อย่างใด แค่เป็นกลุ่มคนที่มีความศรัทธา และทำตาม หน้าที่ ที่ได้รับมา ศรัทธากับ งมงาย นั้น มีแค่เส้นบางๆกั้นไว้ แต่พวกผมนั้นไม่ได้เชื่อในเรื่องราวแบบนี้มาตั้งแต่ต้น มีเหตุการณ์หลายอย่าง มีคนรอบข้างมากมาย ที่เข้ามาสอน มาพิสูจน์ จนทำให้เชื่อ ไม่ได้หลับหูหลับตาเชื่อ ในทุกๆอย่างผ่านการพิสูจน์มาแล้ว แม้แต่ทุกวันนี้ก็ไม่ได้เชื่อไปซะทุกอย่างยังคงมีการพิสูจน์และถกเถียงกันตลอดครับ เพราะผมก็เป็นคนนึงที่เรียนอยู่ในสายวิทยาศาสตร์ ใช้คำว่า pure-sci เลย ดูขัดแย้งกันดีนะครับ 55 ยังไงก็ตาม หากเรื่องนี้ทำให้ผู้อ่านบางท่านไม่พอใจในส่วนไหนก็ตาม ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้เลย อ่านเพื่อความบันเทิงไว้เมาท์กับเพื่อนก็ได้ครับ ^^
  ปล.2 ไม่ได้แต่งนะจ๊ะ แต่ชอบเขียนให้ดูเหมือนนิยาย มันอ่านสนุกดีครับ ^^
..................................................................................................................................
    เช้าวันหยุดวันหนึ่งผมยังคงหลับอยู่บนเตียงที่หอพักใกล้ๆมหาวิทยาลัย ผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังอยู่ใกล้ๆหู แต่ด้วยความง่วงแล้วก็งัวเงีย บวกกับเมื่อคืนผมเพิ่งไปสังสรรค์กับเพื่อนมาทำให้ไม่ค่อยอยากลุกเท่าไหร่ จะว่า แฮ้งค์ ก็ใกล้เคียงครับ ผมหลับต่อหลังจากที่เสียงโทรศัพท์เงียบไปแล้ว จนผมรู้สึกตัวตื่นมาสายๆ เวลาตอนนั้นที่เห็นบนหน้าปัดนาฬิกาประมาณ 10 โมง เปิดไปดู miss call ที่ค้างอยู่ เป็นแม่ผมนั่นเอง ผมจึงโทรกลับไปได้ความว่า
   'ลุงของผมโทรมาหาแม่ตั้งแต่เช้าๆแล้ว บอกว่ามีเรื่องไม่สบายใจมันเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ไม่ปกติกับตัวลุง เท่าที่ได้ฟังคร่าวๆคือตัวลุงนั้นเป็นนายตำรวจใหญ่อยู่ที่จังหวัดนึงเพิ่งได้ย้ายไป แต่ว่าแกได้ซื้อบ้านไว้แล้วที่จังหวัดติดๆกัน จะไปกลับมันก็ไม่สะดวก ก็เลยได้บ้านพักของตำรวจอยู่ระหว่างวันทำงาน เสาร์อาทิตย์ค่อยกลับบ้าน อยู่ไปเดือนแรกๆมันไม่มีอะไรทุกอย่างปกติดี แต่มันเริ่มมีเรื่องราวเกิดขึ้น ตัวลุงสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดมาจากคนในท้องถิ่นที่ลุงไปมีปัญหาด้วย รายละเอียดลุงยังไม่เล่าให้ฟัง เพราะแกกำลังขับรถมาที่บ้านผม มาแบบไม่บอกก่อน แม่ก็ไม่รู้มาก่อน แกคงร้อนใจจริงๆ'
    เวลาประมาณเย็นๆผมก็กลับมาถึงบ้านแล้วแม่ไปรับมาเมื่อบ่ายๆ จริงๆผมยังไม่อยากกลับบ้านเพราะมันเพื่งปิดเทอมได้ไม่นาน เลยว่าจะอยู่หาไรทำกับเพื่อนๆก่อนจะกลับบ้าน แต่พอมีเรื่องลุงมาก็เลยต้องรีบกลับมารอลุง เย็นๆลุงก็มาถึง เราออกไปทานข้าวนอกบ้านกัน ระหว่างทางจนตลอดเวลาที่ทานอาหารเย็นกันลุงก็เล่าทุกๆอย่างให้ฟัง
     ลุงผมนั้นเป็นนายตำรวจใหญ่แต่ก่อนจะมาถึงตรงนี้นั้นแกเคยเป็นหน่วยลาดตระเวนแถวชายแดนมาก่อน เป็นพวกหน่วยจู่โจมอะไรพวกนี้เลย ที่ต้องสู้กับพวกต่างด้าวลักลอบของของผิดกฎหมายอะไรแบบนี้ แกเป็นหัวหน้าหน่วยต้องรับผิดชอบชีวิตลูกน้องเยอะ เจอเรื่องหนักๆแรงๆมาเยอะ วิสามัญมาก็เยอะ ด้วยความที่แกเจอแต่เรื่องแบบนี้มา บวกกับนิสัยเดิมแกนั้นเป็นคนไม่ยอมใคร แล้วไม่ชอบอะไรที่มันไม่ถูกไม่ต้อง แกเลยไม่ยอมทำตามอะไรๆที่มันไม่ดี พวกคอรัปชั่นอะไรพวกนี้ แกเลยโดนย้ายมาหลายที่ตำแหน่งแกก็หยุดอยู่แค่ตรงนี้มาหลายปีแล้ว ทำเรื่องไปหลายรอบ บอกได้แน่ๆ ก็พลาดไป โดนขู่โดนทำร้ายก็บ่อย แต่รอบนี้แกไปมีปัญหากับนักการเมืองท้องถิ่น รายใหญ่ มีอำำนาจในแถวๆนั้นมาก แน่นอนว่าแกไม่ยอม พูดง่ายๆคือ ไปขวางทางปืนเขานั่นเอง แกโดนติดต่อให้สนับสนุน โดยเอาเงินก้อนใหญ่มาให้ก็เยอะ ก็หลายรอบ แต่แกก็ปฏิเสธไป
    เหตุการณ์แรกคือ แกมีห้องทำงานเป็นของตัวเอง เป็นห้องแยก แกวางข้าวของอะไรไว้ตลอด เพราะด้วยความที่อยู่บน สน. เลยไม่คิดว่าจะมีโจรมีอะไรล่ะมั้ง แล้ววันนึง ปืนแกก็หาย ถ้าคนที่มีความรู้จะรู้ว่าปืนหายนี่เรื่องใหญ่มาก มันมีหมายเลขมีอะไรที่บ่งบอกเจ้าของได้ แกกังวลว่าหายไปแบบนี้ถ้าคนเอาไปก่อคดีคนซวยคือ แกแน่ๆ หลังจากนั้นกลางคืน เวลาแกขับรถไปไหนมาไหน บางครั้งจะมีก้อนหินบ้าง ท่อนไม้บ้าง ขว้างมาใส่รถแก แต่สบายใจหน่อยตรงที่แกไม่มีครอบครัว แกเลยบู๊ล้างผลาญได้ขนาดนี้
    เหตุการณ์ต่อมาคือ วันนึงตอนเย็นๆแกกลับไปที่บ้านพัก บ้านแกห่างไปจาก สน.ไม่มาก รอบๆก็เหมือนบ้านพักข้าราชการทั่วๆไปแต่แกได้บ้านหลังใหญ่ เป็นบ้านไม้ทั้งหลัง ไม่มีคนมาอยู่นานแล้ว แต่แกได้จัดมาลงบ้านหลังนี้เฉยเลย แกเดินกลับบ้านเหมือนทุกทีแต่พอไปถึงหน้าบ้านก็พบว่ามีก้อนหินก้อนหนึ่ง วางอยู่ที่หน้าบันไดบ้าน วางแบบจงใจวาง แกเข้าไปดูใกล้ๆพบว่ามันไม่ใช่หินทั่วๆไปแต่ว่ามันเป็นรากไม้ ที่กลายเป็นหิน ลองหาอ่านดูนะครับ มีอยู่จริงๆ แกเห็นว่ามันสวยดี มันแปลกดี แกก็เลยอุ้มเข้าบ้าน อะใหญ่ครับ ความกว้างเท่าตัวลุงเลย ต้องอุ้มเอาสองมือ ถือมือเดียวไม่ไหว
     ลุงเป็นคนไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนเสมอติดมาตั้งแต่สมัยอยู่ชายแดน คืนหนึ่งแกหลับไปแล้ว แต่สะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงเหมือนมีของแข็งกระทบที่ตัวบ้าน ด้วยความที่เป็นบ้านไม้มันจึงเสียงดังก้องไปทั่วบ้าน แกลืมตาขึ้นมาก็ยังคงมีเสียงคล้ายก้อนหินขว้างปาใส่เป็นระยะๆ แกอารมณ์เสีย คิดว่าคงเป็นพวกที่ไม่พอใจแกมาทำอีก แกเลยหยิบปืนส่วนตัวอีกกระบอกนึงติดตัวไปด้วย เปิดประตูลงไปเดินดูทั่วๆบ้านกะว่าจะจับให้ได้ แต่ก็ว่างเปล่าไม่พบอะไรเลย มีแต่ไอเย็นยามค่ำคืน กับลมอ่อนโชยมาทำให้ขนลุกวาบไปทั่วสันหลัง กิ้งไม้ที่ไกวอ่อนๆก็ช่วยเพิ่มบรรยากาศได้พอสมควร ลุงอยู่ป่าอยู่ชายแดนมานานคงชินกับบรรยากาศแบบนี้ แกจึงเดินสำรวจต่อไป
ปุ้ก!  
     เสียงของแข็งกระทบกับแผ่นไม้ดังมาจากข้างหลังแก แกหันหลังกลับไปดูทันที ก็พบว่าเสียงนั้นดังมาจาก บันไดไม้หน้าบ้าน เพราะมันอยู่ห่างจากตัวแกไม่มากนักและเป็นทิศทางเดียวกันกับเสียงนั้น แกเดินไปดูที่บันได มองไปทั่วบริเวณเพื่อหาคนทำ
ปุ้ก!
     เสียงดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ดังมาจากในบ้าน ในตัวบ้าน แกรีบวิ่งขึ้นไปเพราะกลัวว่าคนทำมันจะขึ้นไปแล้ว ปืนหายไปแล้วกระบอกหนึ่งเลยทำให้ความกังวลของแกมีอยู่มาก
     ลุงวิ่งขึ้นมาที่ตัวบ้านอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่พบไม่มีอะไรนอกจากโต๊ะ ทีวี และข้าวของภายในบ้านที่อยู่ปกติไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แกเดินดูทั่วๆในตัวบ้านก็ไม่พบอะไร แกเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี แกจึงรีบไปปิดประตูบ้านล๊อกกลอนทันที แกเดินขึ้นไปที่ชั้น 2 ของตัวบ้าน ทิ้งตัวลงที่หน้าหิ้งพระที่แกซื้อมาใหม่ยกชุด โต๊ะหมู่บูชาขนาดเล็กไม่มีอะไรประดับมากมายนัก มีเพียงพระพุทธชินราชองค์ใหญ่เป็นประทาน และรูปหล่อของพระเกจิที่แกนับถือ อีกสองสามองค์ ซ้ายขวามีแจกันกับดอกบัวเหี่ยวๆ ตรงกลางมีเพียงกระถางธูปเล็กๆหนึ่งอัน แกหยิบธูปขึ้นมา 3 ดอก จุด จนควันส่งกลิ่นหอมคละคลุ้งไปรอบบริเวร แกยกมือจรดธูปขึ้นเหนือหัวแล้วปักธูปลงที่กระถาง กราบลงไปที่พื้น 3 ครั้ง แล้วเริ่มสวดมนต์
     หลังจากที่สวดมนต์เสร็จใช้เวลาพอสมควรเพราะว่าลุงนั้นสวดทีแกจะสวดเกือบๆเท่าพระทำวัตรเลย แกชแบสวดมนต์มาก สิ่งต่อมาที่แกต้องทำเป็นประจำคือ การนั่งสมาธิ เมื่อจัดท่าทางเข้าที่เรียบร้อยแล้วแกก็ค่อยๆหลับตาลง ปล่อยให้ตัวเองดิ่งลงสู่สมาธิทันที ในช่วงแรกก็ปกติดีไม่มีอะไร แต่เมื่อผ่านไปประมาณ3 - 5 นาที อากาศภายในบ้านก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ เย็นจนผิดสังเกต ลุงคิดว่าลุงคงยังไม่ได้ปิดประตูบ้านไม่ก็หน้าต่างสักบาน ก็คิดว่า ไหว้พระเสร็จค่อยไปปิดละกัน
ปุ้ก! ปุ้ก! ปุ้ก!
    เสียงของแข็งมาอีกแล้วแต่คราวนี้มันดังไปรอบๆบ้าน ดังไปทั่วๆ ทำให้ลุงตกใจจนเผลออุทานออกไป เฮ้ย อะไรวะ!  หลังจากที่ลุงมองไปรอบๆบ้านแล้วก็ไม่เห็นมีอะไรพอสายตากลับมาที่ตตรงหน้าก็พบว่า ธูปที่จุดไว้นั้น ดับหมดแล้ว ไม่ได้หัก ไม่ได้ชื้น หรือว่าถึงก้านธูปแต่อย่างใด เหมือนกับว่ามันดับไปเฉยๆ ลุงผมสงสัยและตกใจอยู่แปปนึงก็ใจดีสู้เสือคิดเอาว่า ธูปไม่ดีมั้ง ก็เลยเดินไปสำรวจประตูหน้าต่างอีกครั้งก็พบว่ามันปิดหมดแล้ว แต่อากาศภายในบ้านมันเย็นจริงๆ
แก๊ง... แก๊ง...
   เสียงนาฬิกาลูกตุ้มแบบโบราณบอกเวลาว่าตอนนี้ ตี 3 แล้ว ลุงจึงกลับไปนอนต่อเพราะมีงานเช้า
   คืนต่อมา ในขณะที่ลุงหลับอยู่นั้น ลุงก็รู้สึกตัวตื่นขขึ้นมา สัมผัสได้ว่ามีมวลอากาศเย็นกระจายตัวอยู่ทั่วห้องเพราะมันหนาวมาก ลุงจะเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มมาห่ม ก็ปรากฏว่าขยับไม่ได้คล้ายอาการผีอำ ไม่สามารถส่งเสียงได้ ทันใดนั้นก็รู้สึกหนักที่หน้าอก จุกขึ้นมาเหมือนมีแรงมากกระแทก สิ่งที่ปรากฏในสายตาของลุงผมคือ ผู้หญิงในชุดไทย คล้ายนางรำ แต่เก่าๆขาดๆ เหยียบอยู่บนหน้าอกลุง หน้านั้นมองไม่ชัดเพราะมันมืดมาก แต่ภายหญิงสาวนั้นไม่ใช่ตาฝาดไปแน่ๆ น้ำหนักที่กดลงบนหน้าอกของลุงค่อยๆ มากขึ้น มากขึ้นจนหายใจลำบาก ลุงหลับตาแล้วนึกถึงพระเกจิที่ตัวเองนับถือเป็นอย่างมาก แล้วท่องชินบัญชรในใจ เมื่อท่องจบก็เหมือนหายใจโล่งขึ้นมาทันที ทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติ เมื่อมองไปที่นาฬิกาตอนนี้ตี 4 กว่า ลุงผมไม่นอนแล้ว รอให้เช้าเลย เพื่อจะไปตักบาตร
    ในคืนวันต่อมาอีก ลุงหลับไป แล้วฝัน ฝันว่าเห็นผู้หญิงคนนี้ ชุดเดิมเลย ผ้าสไบขาด มานั่งพับเพียบอยู่ข้างๆเตียงจ้องมาที่ลุงด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร แม้เธอจะไม่มีนัยตาดำให้เห็นแต่ก็รู้ว่าสายตาคู่นั้นจับจ้องมาที่ใคร
    ในคืนต่อมาอีกครั้ง ลุงผมได้ยินเสียงเหมือนคนวิ่งอยู่ในบ้าน บ้านไม้เสียงฝีเท้าจะชัดเจนมาก เป็นเสียงวิ่งสลับเดินไปทั่วบ้าน เหมือนเป็นกลุ่มคนเพราะไม่ใช่เสียงเดียว เมื่อลุงตั้งใจฟังดีๆพบว่าในเสียงฝีเท้านั้นมีเสียงเหมือนมีคนลากของหนักไปตามพื้นสลับกับเสียงโซ่เหล็กดังก้องเบาๆอยู่ในบ้าน แล้วก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา เป็นเสียงของหนัก ที่หนักมากๆรร่วงกระทบพื้นบ้าน ดังก้องไปทั่วบ้านจนลุงต้องวิ่งไปดู สิ่งที่พบคือ หินก้อนนั้นที่เก็บมาจากหน้าบ้าน มันร่วงลงมาจากหลังตู้เสื้อผ้า ซึ่งลุงวางมันไว้ลึกมากติดกำแพง คืนนั้นลุงใจไม่ดีแล้วอะไรหลายๆอย่างมันมากเกินไป ลุงจึงตัดสินใจอาบน้ำเก็บของ ไปที่ สน. เลย อ้างว่าไปทำงานต่อ แต่จริงๆคือไม่กล้าอยู่บ้าน พอรุ่งเช้า ก็โทรหาแม่แล้วเดินทางมาทันที
...................................................................................
ขอพักไว้ตรงนี้ก่อนนะครับ เพราะมันจะหมดโควต้าตัวหนังสือละ นี่เป็นเกริ่นก่อนยังไม่เข้าเนื้อหานะครับ ยาวเลย 55
ถ้าสงสัยว่าเกี่ยวกับสมเด็จยังไง อ่านต่อกันนะครับ เกี่ยวเยอะเลย ไดท่านช่วยไว้จริงๆ
ฝันดีราตรีสวสัสดิ์ครับ
ปล.ย้ำอีกครั้ง เป็นความเชื่อส่วนบุคคลครับ ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่