สิ่งเหล่านี้...ยังมีอยู่

ขอขึ้นกระทู้ใหม่ไปเลยนะครับ เพราะมันอ่านยากถ้าไปต่อๆกันแล้วก็แยกๆหมวดเรื่องไปด้วยเลย ที่ผ่านมาช่วงนี้เป็นเรื่องของ ผม (จขกท.) หมดเลย คงเบื่อๆกกันแล้วเพราะมันไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ คราวนี้จะเป็นเรื่องของ เพื่อน ผมบ้างนะครับ เปิดเทอมแล้วกลับมาที่ ม. ติดต่อกันง่าย แต่ก็ยังเป็นวิธีว่ามันเล่าให้ผมฟังละผมมาเรียบเรียงเขียนใหม่นะครับ ภาษาก็คงเป็นภาษาผม อย่าได้ตกใจครับ 55

ปล.  ขอนอกเรื่องนิดนึง ไปเจอเรื่องแปลกๆมาครับ ทั้งเจอเองด้วย แล้วก็มีคนรอบๆตัวไปเจอมาแล้วมาบอก คือมีคนเอากระทู้ที่ผมตั้งนี้อะ ไปลงในเฟสบ้าง ในอะไรบ้าง แล้วบอกว่า เขียนเองบ้าง เป็นคนในเรื่องบ้าง ผมก็ งง 55 แปลกดีครับ มีเอาไปลงแล้วไปตั้งด่าก็มี ผมนี่งึ้ดเลย

เรื่องนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ปลวกครับ คล้ายๆเจ้าที่เจ้าทาง เป็นวิญญาณที่แปลกดีครับ จะว่าเจ้าที่ก็ไม่เต็มตัว จะว่าผีก็ไม่ใช่
   เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมเข้าไปยุ่งโดยบังเอิญนะครับ ไม่ได้ตั้งใจ วันนั้นผมกลับบ้าน เพราะมหาลัยปิดเทอม ผมแวะไปบ้านปู่ (ปู่คือคนที่ผทนับถือช่วยเหลือกันมานะครับ เคยเล่าไว้แล้วในกระทู้ Side Story) ปกติแวะไปเที่ยวเล่นไปเยี่ยมตลอดอยู่แล้วเพราะใกล้ๆกันด้วย ผมก็เข้าไปในบ้านโดยที่ไม่ได้กดกริ่งไม่ได้อะไรเพราะสนิทกันมาก เปิดประตูรั้วเข้าบ้านไปก็ทักทายหมา2ตัวของบ้านนั้น ตัวใหญ่มากกกกก ยกมือไหว้ทำความเคารพศาลพระภูมิตายาย ก็เดินเข้าไปในตัวบ้าน
   พอเปิดบ้านเข้าไปก็ตกใจครับ เพราะไม่ทราบว่าปู่มีแขก แขกของปู่เป็นผชมีอายุคนนึง นั่งอยู่บนรถเข็น มากับลูกสาว หน้าตาผิวพรรณดีทั้งคู่ ดูจากการแต่งตัวแล้ว น่าจะเป็นคนมีฐานะพอสมควร พอเห็นแบบนั้น ผมก็เลยยกมือไหว้จะลากลับเลยเพราะไม่อยากกวน
'เดี๋ยวๆ ไม่ต้องกลับๆ มานั่งๆ มาช่วยกัน' ปู่กวักมือเรียกผม
'ใครหรอคะ' แขกของปู่ถาม
'ลูกศิษย์ มันมาก็ดีจะได้ไม่เหนื่อยคนเดียว'
   ผมจึงต้องเข้าไปนั่งในวงสนทนานั้นด้วยความที่ไม่มีทางเลือก ในใจก็คิดว่าเราจะไปช่วยอะไรปู่ได้ ก็ไม่มั่นใจในตัวเองครับ พอเข้าไปฟังบทสนทนากัน ผมก็จับใจความได้ว่า แขกพึ่งมาถึงเอง เพราะยังไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรให้ฟังเลย แค่แนะนำตัวกัน แล้วก็บอกว่าได้คำแนะนำผ่านมาจากทางไหน เรื่องราวตอนนั้นเท่าที่จำได้มีอยู่ว่า
    ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวค้าขายครับ ธุรกิจใหญ่พอสมควร ถือว่ารวยเลยล่ะ อยู่จังหวัดใกล้เคียงกับพิษณุโลก ได้คำแนะนำว่าให้มาที่นี่ผ่านเจ้าอาวาสวันหนุ่งที่ทางกลุ่มพวกผมเคยไปทำบุญกัน ทางลูกสาวนั้นได้เล่าว่า มีคนทักมาว่าพ่อโดนคนทำของใส่ เป็นคุณไสย สืบสาวราวเรื่องไปมาก็ได้ความว่าเป็นคู่แข่งทางการค้าในจังหวัด เพราะรายใหญ่ทั้งคู่  ที่คิดว่าใช่และแน่ใจเพราะว่า ได้จ้างคนไปสืบมาแล้วว่ามีข่าวเห็นคนบ้านนั้นเข้าออกบ้านหมอผีแถวนั้น และก่อนหน้านี้ก็เคยมีกรณีจ้างคนมาทำร้าย มางัดบ้านอยู่เหมือนกัน
    เขาก็เล่าแบบกั๊กๆนะครับ บางส่วนก็คลุมเคลืออยู่เหมือนกัน แต่พอจะจับทางได้ว่าบ้านนี้น่าจะยุ่งเกี่ยวกับการเมืองท้องถิ่น แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ชั่งเขาเถอะครับ ถ้าเขาโดยทำร้ายไม่ได้เป็นโรคเวรโรคกรรมพวกผมก็ยินดีช่วย
    เริ่มจากให้เจ้าตัว คือคนพ่อ ไปใส่ค่าครูในห้องพระแล้วกราบพระก่อน เสร็จแล้วปู่ก็นำสวดมนต์ ไม่ยาวมากครับ อันนี้ผมไม่รู้ว่าที่อื่นเป็นยังไงนะครับ แต่ปู่จะชอบให้คนที่มารักษาสวดมนต์ก่อน เพราะปู่จะไม่ชอบคนไม่สวดมนต์เท่าไหร่ เขาก็ทำตามแต่โดยดีครับ สวดมนต์ตามปู่ คล่องอยู่เหมือนกัน น่าจะทำมาบ่อย แต่สงสารลุงเขามากครับ เพราะตัวเขานั้นท่าจะโดนของมานานสภาพแกแย่พอสมควร แขนขาอ่อนแรง พูดมากไม่ได้จะเหนื่อยมากๆ สวดก็เบาๆครับ แล้วแกก็ผอมพอสมควร คือถ้าเป้นคนอ้วนแล้วน้ำหนักลดเร็วเราจะดูออกใช่ไหมครับ หน้าแกซูบ แต่พุงแกยังพอมีอยู่ หนังก็ย้อยๆ ถามจากลูกสาวได้ความว่าแกเริ่มกินไม่ได้ มาพักนึง กินก็กินน้อย บ่นปวดไปทั่วๆตัว
     พอสวดเสร็จก็ออกมาจากห้องพระกัน ปู่หันมาบอกผมว่า ดู ให้ด้วย เพราะปู่จะตั้งสมาธิไปที่การเอาของออก ผมก็ตกลง เพราะให้ผมไปทำอย่างปู่ผมก็ทำไม่ได้ ผมเดินกลับเข้าไปในห้องพระระหว่างที่ทุกคนค่อยๆออกไปข้างนอกกันเพื่อเตรียมจะอาบน้ำมนต์ ผมเข้าห้องพระไปก็ก้มกราบพระพุทธ มาถึงครูบาอาจารย์ทั้งหมดในห้องนั้น จุดธูป ตามจำนวน ทำสมาธิแปปนึง เพราะว่าอยากให้มันแน่นอนแล้วชัดเจนที่สุดเพราะว่ามันเป็นชีวิตคน สุขภาพคน เราทำไม่ดีเขาก็แย่
'ผมขออณุญาติครับ ช่วยผมด้วย' ผมคิดในใจดังๆ
'เรารู้แล้ว' กระแสเสียงที่คุ้นเคยตอบรับกลับมา
     ผมเดินออกมาก็พบว่าทุกคนพร้อมหมดแล้วพี่ผญลูกสาว นั่งอยู่ที่เก้าอีกข้างๆบ้าน ปู่กับลุงคนพ่อ อยู่กลางบ้าน ข้างหลังปู่มีถังน้ำมนต์9ถังวางอยู่ เป็นน้ำมนต์ที่ผ่านการสวดมานาน โยงสายสิญจ์ออกมาจากห้องพระ คุณลุงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้หน้าบ้าน จริงๆจะต้องนั่งกับบพื้นแต่ว่าลุงแกสุขภาพไม่อำนวย เลยให้นั่งเก้าอีก ลุงนั่งพนมมืออยู่ในชุดขาวทั้งตัว อากาศวันนั้นร้อนมาก เพราะเป็นหน้าร้อน ช่วงเดือนเมษานี่ล่ะครับ คนพิษณุโลกจะรู้ดีว่า มันร้อนมากขนาดไหน T T
      ปู่ใช้เทียนขี้ผึ้งผมไม่รู้ว่ากี่แท่งนะ มัดรวมกันพันเป็นเกกลียวๆ จุดแล้วหยดลงไปที่ถังน้ำมนต์ ตอนแรกผมนั่งอยู่ข้างๆพี่ผญ แต่ปู่เรียกให้ไปจับถังน้ำ เพราะปู่แก่แล้วหลังไม่ดีด้วย เลยจะให้ผมเป็นคนยก ผมก็ไปนั่งจับถังให้แก หยดเทียนลงมาไม่ค่อยเป็นดอกครับ สีก็ดำๆ เหมือนไหม้ กลิ่นก็เหม็นๆไหม้ แต่ผมไม่ค่อยได้มาช่วยปู่มาก ก็เลยนึกว่าเป็นเรื่องปกติ
'โดนมานานนะเนี่ย โดนมาเยอะด้วย ศัตรูเยอะนะคุณเนี่ย' ปู่พูดคุยกับคุณลุงคนนั้น
      ปู่หยดเทียนลงไปได้ไม่กี่หยดก็พอครับ แต่ไม่ได้ดับเทียน เอาวางไว้บนพานเฉยๆ แล้วหันมาสั่งผมว่า ดูด้วย อย่าให้ดับ ผมก็ทำตามนั้น ปู่ ค่อยๆเอาขันเงินตักน้ำในถังราดลงไปที่หัวของคุณลุง แล้วผมก็สะดังร้อง เห้ย! เลย เพราะ ลุงแกโวยวายออกมา ดังมากๆ
'ร้อน!!' เสียงดังมาก ทีตอนสวดมนต์ละเบาเชียว
      ผมตกใจมาก ผมก็นึกในใจ แดดเปรี้ยงขนาดนี้ ไม่ร้อนก็บ้าแล้ว น้ำตากแดดด้วย ปู่ค่อยๆ ราดไปเรื่อยๆจนหมดถังครับ ระหว่างราดไป ลุงแกก็ครวญครางตลอด โอย.. โอย..  ผมละสงสารแกจัง
      ถังแรกหมดไป ปู่ให้ผมยกถังใหม่มาต่อ ปู่ค่อยๆหยดเทียนลงไป คราวนี้ก็ยังเป็นเหมือนเดิมครับ หยดดำๆ ไม่สวย มีกลิ่น
'ยังไม่ออกอีก เอาตายเลยใช่ไหมเนี่ย' ปู่บ่นของปู่คนเดียว แต่ผมดันได้ยินก็สยองๆอยู่
'ไปเด็ดใบธรณีสารมาให้หน่อย ซักสองสามกิ่ง' ปู่สั่งผม
      ถ้าคนมีความรู้ด้านนี้จะรู้นะครับว่าใบธรณีสารมีสรรพคุณตามความเชื่อยังไง บ้านปู่ปลูกไว้ในบ้านเลยครับ ผมก็ไปเด็ดมาให้ ปู่แกก็รูดกิ่งออก สวดอะไรแปปนึงก็ใส่ลงไปในถัง ใช้ด้ามเทียนวนๆ กวนๆ แปปนึง ก็เริ่มราดอีกครั้ง
'หนาว!!!'  ผมตกใจอีกรอบเพราะลุงแกโวยวายขึ้นมาอีก แต่คราวนี้หนาว ผมนี่งงเลย เมื่อกี้ร้อน = =
      ก็ราดไปจนหมดถังครับ ขึ้นถังที่สามก็ยังทำแบบเดิม ดอกเทียนยังคงดำและเหม็นไหม้
      ถังที่สี่...
      ถังที่ห้า...
      ถังที่หก..
      พอถึงถังที่เจ็ด ราดไปได้ประมาณครึ่งถัง คราวนี้ลุงแกก็อ้วกออกมาครับ ออกมาแบบ เยอะมาก พรั่งพรู กลิ่นเน่ามากชวนอ้วกสุดๆ กลิ่นเหม็นเน่าเหมือนเนื้อสัตว์ที่มันเน่าอะครับ ไม่ใช่กลิ่นอ้วกปกติ แล้วก็มีน้ำ เขียวๆเหลืองๆ ออกมาด้วย ผมแทบจะวิ่งไปอ้วก แต่ก็โดนปู่สั่งดักทางไว้ว่า อย่าไปไหน ผมจึงต้องกลั้นอาหารเช้าที่พึ่งกินไปกลับลงคอไปอีกรอบ กลิ่นนี่ไม่ไหวจริงๆครับ พอหมดถังนั้นู่ก็รีบไปคว้าสายยางมาฉีดน้ำไล่ไปลงท่อน้ำหน้าบ้านเลย กลิ่นค่อยจางหน่อย พอหายใจได้ หันไปทางลุงแกดูจะหมดๆแรงครับ เลยไปเรียกลูกสาวให้มาประคองหน่อย
'ดูซิ หมดรึยัง' ปู่หันมาสั่งผม
      ผมค่อยๆตั้งใจมองไปที่ลุงแก แล้วแว้บนึงมันมีภาพผญผมเผ้ารุงรังขึ้นมาในความคิดผม ไมไ่ด้เห็นตรงลุงแกนะ มันแว้บขึ้นมา พอมองไปที่ตัวลุงแกก็เห็นเป็นควันดำๆกระจุกอยู่ตรงท้อง วนไปวนมา แล้วก็มีกลิ่นคาว กลิ่นเน่าลอยมาเตะจมูก ผมก็ได้คำตอบว่า มันยังไม่หมด!
'น่าจะยังนะปู่ ยังเห็นอยู่นิดหน่อย เห็นผญด้วย' ผมตอบปู่ไป
'อ่อ ส่งผีมาด้วยสินะ '
      แล้วปู่ก็เริ่มทำน้ำมนต์อีกครั้ง โดยคราวนี้หยดเทียนเยอะหว่าเดิม สวดนานกว่าเดิม ไม่รู้สวดอะไร แต่ดอกเทียนเริ่มสีอ่อนลงไม่ดำมาก แต่ยังดำอยู่ กลิ่นไหม้หายไปแล้ว ไม่มีกลิ่นเลย พอทำเสร็จก็ค่อยๆราดลงไปที่หัวของคุณลุง ราดทีละนิดไล่ลงไปที่ปลายเท้าจนสุดนิ้วโป้ง แต่ละขันที่ราดลงไป ลุงตัวสั่นมาก สั่นไปทั้งตัวจนพี่ผญต้องจับลุงแน่นๆ ผมก็ช่วยจับ แต่ไม่กล้าออกแรงมาก กลัวลุงเจ็บ แต่ก็แรงพอจนแขนลุงเป็นรอบแดงเลย แต่ถ้าไม่จับแรงขนาดนั้น ลุงตกเก้าอี้แน่ๆ พอใกล้ๆหมดถังลุงแกก็อ้วกออกมาอีก แต่น้อยกว่าคราวทีแล้ว แล้วสักแปปนึงก็เหมือนแกจะอ้วก แต่อ้วกไม่ออก เหมือนอะไรติดคอแก แล้วทำท่าเหมือนจะสำลัก ผมก็ตกใจว่าจะทำยังไงดี
'เอ้า ออกมา ออกมาให้หมด ผีส่วนผี ไป!' ปู่พูดแล้วก็ตบหลังลุงไปหนึ่งทีแรงเหมือนกันครับ
      แล้วแกก็อ้วกออกมาอีกแต่ในอ้วกแกมีสิ่งที่ทำให้ผมตกใจปนอยู่ด้วย มันมีเส้นผมยาวๆ กระจายๆกันอยู่ ไม่เป็นก้อนนะครับ กระจายๆกัน เยอะจนเห็นชัดเลย แล้วก็มีเศษอะไรสีขาวๆด้วย ด้วยความสงสัยจึงก้มไปมองใกล้ๆ คือตอนนั้นไม่อยากอ้วกตามละครับ ชิน = = ปรากฏว่ามันเป็นเศษฟันเศษเล็บครับ เป็นชิ้นๆ ออกมาเลย แล้วพอขันสุดท้ายลุงแกก็อ้วกออกมาเป็นก้อนดินเล็กๆ เป็นก้อนดินปั้นขนาดประมาณลูกแก้วที่เราๆเคยดีดกันแหละครับ กลิ่นนี่ไม่ต้องพูดถึงลอยคลุ้งเลยครับ แล้วปู่ก็ไปฉีดน้ำไล่อีกรอบ ระหว่างรอปู่ลุงแกนี่หอบเลย พี่ผญก็พยายามพัด พยายามบีบนวดไปตามตัวตามแขน ผมก็เลยช่วยบีบขาแก แต่มันยิบๆ เจ็บๆ เหมือนมดกัดที่มือ ก็นึกว่าเป็นขนหน้าแข้งลุงตำ เลยมาบีบต้นขาแทน
      ถังสุดท้ายครับ ถังที่ 9 ปู่ก็เริ่มหยดเทียนลงไปพร้อมกับสวดไปด้วย แต่คราวนี้เทียนสวยมากครับ เป็นดอกกลมๆ มีกลิ่นขี้ผึ้งอ่อนๆ หอมเลย ดอกสีขาวสวย เรียงตัวกันเต็มขันเลย ต่างจากขันที่ผ่านๆมามาก
'เออ มันต้องอย่างนี้สิ อาบอีกถังละกันนะ ถือว่าสิริมงคลละกัน' ปู่ดูสะใจมาก พอเทียนออกมาสวย = ='
      พออาบเสร็จก็ให้ลุงไปเปลี่ยนชุดเปลี่ยนเสื้อครับ แล้วมานั่งคุยกันบนบ้านที่เดิม ปู่ก็เริ่มถามอาการว่าเป็นยังไงบ้าง คราวนี้ลุงแกตอบได้ครับ พูดคุยปกติเลย เสียงใสชัดเจน ดูไม่เหมือนตอนมาทีแรก จากต้องมีรถเข็น เห็นแกลองเดินดูก็พอเดินได้แล้วครับ แต่ยังต้องมีคนพยุงอยู่ แต่หน้าตาแกใสมีราศีขึ้นเยอะ
'เป็นไงบ้าง สบายตัวไหม หายปวดรึยัง' ปู่ถาม
'โล่งมากเลยครับ ไม่ปวดแล้ว มันตัวเบาๆเลย รู้สึกดีมากครับ ขอบคุณมากแต่มันยังรู้สึกไม่ค่อยมีแรงที่ขา แล้วมันแสบๆร้อนๆนิดหน่อยครับ'
'ไหนดูอีกรอบซิ' ปู่หันมาทางผม
       พอผมมองไปผมเห็นเป็นควันจุดเล็กๆดำ เล็กแบบเม็ดเล็กๆเลยครับ อยู่ตามขาแก แต่ไม่มีภาพผญ ไม่มีกลิ่นเน่าอะไรมาอีกรอบ พอผมมองดีๆในหัวผมก็มีภาพเข้ามาแว้บนึง เป็น จอมปลวกครับ แต่ผมก็ยัง งงๆ ว่าอะไร ผมเลยพยายามมองอีกที
'ผีปลวก' เป็นกระแสเสียงเดิม ดังขึ้นในหัวของผมอีกครั้ง ผมได้คำตอบทันที
'ปลวกครับ' ผมหันไปตอบปู่
       แต่คนที่ตกใจกลับไม่ใช่ปู่ แต่เป็นครอบครัวของแขกที่มาเยือน สีหน้าของพ่อและลูกถอดสีอย่างเห็นได้ชัด
'มีอะไรจะเล่าเพิ่มไหม' ปู่หันไปถามสองพ่อลูกนิ่งๆ สองพ่อลูกก็เริ่มเล่าเรื่องราวเพิ่มเติม
      ที่บ้านนั้นอยู่ดีๆก็มีจอมปลวกขึ้น ขึ้นบนกระเบื้องในบ้านบ้าง รอบบ้านบ้าง เล็กๆ แต่พอไปเดินรอบๆบริเวณบ้านที่เป็นต้นไม้เยอะๆ ก็พบจอมปลวกสูง ประมาณเกือบถึงคอ ใหญ่มาก ตอนนั้นคิดว่านี่เป็นตัวการที่ทำให้ปลวกขึ้นบ้าน จึงสั่งคนทุบ! แล้วจ้างคนมาฉีดยาปลวกด้วยทั่วๆบ้าน แต่หลังจากทุบก็แล้ว ฉีดยาก็แล้ว จอมปลวกก็ยังคงขึ้นมาใหม่อีก แล้วก็เหมือนแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เจอก็ทุบ เจอก็ทุบมาตลอด โดยไม่ได้คิดอะไร
'เฮ้อออ ' ปู่ถอนหายใจยาวๆ
'สงสัยต้องไปที่บ้านซะละมั้ง เขาเป็นเจ้าที่น่ะ แต่ก็แล้วแต่คุณนะ แล้วแต่ความเชื่อ' ปู่พูดกับสองพ่อลูก
     การสนทนามีไปต่ออีกนิดหน่อย แล้วก็ได้ข้อสรุปว่าเราต้องไปที่บ้านหลังนั้น เพื่อ คุย เจรจา และหาทางออกกัน เพราะไม่งั้นเขาก็จะกินคุณลุงอยู่อย่างนี้
ปล. ไม่มีการเก็บตังค์อะไรกันนะครับ เราไม่ได้หากินกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่