โรงเรียนอสูรโคลโบลท์ ตอนที่ 8

กระทู้สนทนา
แน่นอนว่าดาริอุสปฏิเสธคำชวนของคริสตัลอย่างสุภาพ เขาอยากเก่งขึ้นเพื่อช่วยเฮเลนแต่เมื่อฟังเสียงอาจารย์คัลวินแล้ว คงไม่ต่างกับเอาตัวไปขึ้นเขียงด้วยตัวเอง เขายังก้มหน้าทาน้ำมันให้ครีดต่อไปกระทั่งวันรุ่งขึ้น ตอนบ่ายในวิชาการเรียกสัตว์ปิศาจเบื้องต้นซึ่งเรียนในสนามสอบ อยู่ดีๆเมฆฝนก็มืดครึ้มบดบังดวงอาทิตย์ กลุ่มก้อนความมืดสีดำวนเป็นรูปก้นหอยตรงกึ่งกลางสนามหญ้าเขียวขจี

    เหล่าอาจารย์อีกสี่คนใช้มนตร์เคลื่อนย้ายมาสมทบกับอาจารย์เรนฟอร์ดทันที แม้แต่เฮเลนยังปรากฏตัวด้วยอาการหวาดระแวง บรรยากาศชวนอึดอัดหายใจไม่ทั่วท้อง อาจารย์รีบให้พวกนักเรียนไปหลบที่ไกลที่สุดแต่ไม่ทันแล้ว มีบางคนก้าวออกมาจากวงก้นหอยสีดำนั้น

    เขาคนนั้นเป็นชายหนุ่มอายุน้อยกว่าพวกอาจารย์เกือบสิบปี สวมเสื้อผ้าประหลาดสีสันฉูดฉาด อะไรก็ไม่เท่ากับสายตาคมกล้าแม้ไกลก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นสีเหลืองเจือแดงเหมือนพระจันทร์สีแดงสด!

    “เราฟังกันเข้าใจใช่ไหม ไม่ต้องกลัว ข้ามาอย่างมิตร” ชายคนนั้นกล่าวราวกับกลัวว่าจะคุยกันด้วยภาษาอื่น ทั้งที่ทั้งดินแดนใช้กันอยู่แค่ภาษาเดียวเท่านั้น

    “ท่านต้องการอะไร” อาจารย์ใหญ่คนเก่าถาม เหล่าอาจารย์ยังจ้องผู้บุกรุกยามบ่ายไม่วางตา

    “ข้ารู้ว่าพวกท่านมีผลึกอาคมกล้าจึงมาขอแบ่งปันเศษเสี้ยวสักเล็กน้อย ในนามของเทพีไวน์ หรือเทพีแห่งสายลมของพวกท่าน”

    “ขออภัยด้วย นั่นเป็นแหล่งพลังงานของโรงเรียนนี้ เราไม่อาจแบ่งให้ได้” อาจารย์ใหญ่คนเก่าตอบอย่างสงวนท่าที

    “โรงเรียนหรือ ดาวของเทพีไวน์นี่สงบสุขน่าอยู่จริงๆ...” ผู้บุกรุกแค่นหัวเราะ “อย่างที่บอกว่าขอเพียงเศษเสี้ยว ข้าไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้กำลังแต่ถ้า...”

    “ขอท่านโปรดเข้าใจ มันไม่ใช่สิ่งที่จะให้กันได้ง่ายๆ”

    “แต่ถ้าพวกท่านเป็นฝ่ายโจมตีข้ามีสิทธิป้องกันตัวถึงที่สุด” ผู้บุกรุกพูดต่อให้จบโดยไม่สนใจอาจารย์ใหญ่คนเก่า

    “คิดว่าคนเดียวจะเอาชนะพวกเราทั้งหมดได้หรือ” อาจารย์คัลวินที่ใจร้อนก้าวออกมาข้างหน้าแล้วลงมือก่อน

    เมฆฝนบนท้องฟ้ารวมตัวกันเป็นเข็มน้ำแข็งหลายร้อยเล่มพุ่งลงเบื้องล่าง เจาะจงที่ผู้บุกรุกเพียงจุดเดียว!

    ในวินาทีที่เข็มน้ำแข็งทั้งหลายพุ่งมาถึงตัวก็เกิดไอร้อนอย่างฉับพลันจนน้ำแข็งทั้งหลายระเหิดกลายเป็นไอในทันที อาจารย์เรนฟอร์ดก็ไม่รอช้า เรียกไคมีร่าออกมาพุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง แต่ถูกหยุดด้วยดาบเวทมนตร์ที่ใบดาบลุกเป็นเปลวเพลิงร้อนจัด!

    “ถือว่าข้าเตือนแล้วนะ จากนี้ข้าจะป้องกันตัวล่ะ” ผู้บุกรุกยิ้มกริ่ม “เจ็ดเศียรนาคา สะเทือนทั่วพสุธา จอมอสุราแห่งสายฟ้า ข้าขอเอ่ยนาม จักรพรรดิไฮดร้า พราซ์โก”

    โคลงมนตราเรียกสัตว์ปิศาจที่ผู้บุกรุกร่ายนั้นดาริอุสไม่เคยอ่านเจอมาก่อนแถมเป็นระดับจักรพรรดิอีกต่างหาก ดีที่อาจารย์เรนฟอร์ดชิงท่องมนตร์ซ้ำเพื่อให้การเรียกสัตว์ปิศาจเป็นโมฆะก่อนสัตว์ระดับจักรพรรดิตัวนั้นจะปรากฏตัว

    “อาวุธเวท เวทมนตร์ แถมยังเรียกสัตว์ปีศาจได้อีก” อาจารย์คัลวินยืนอ้าปากค้าง แม้แต่ดาริอุสก็ยังไม่อยากเชื่อว่าจะพบคนที่สามารถเรียนรู้ศาสตร์ทั้งสามอย่างเท่าเทียมได้เหมือนกันง่ายๆอย่างนี้

    “ถ้าไม่แบ่งให้ ข้าก็จะขอแหล่งพลังเวทไปทั้งก้อนก็แล้วกัน” ผู้บุกรุกยิ้มอย่างเลือดเย็น เฮเลนคุกเข่าลงแล้วร้องอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส ผู้บุกรุกเดินผ่านเหล่าอาจารย์ที่ไม่กล้าขยับเขยื้อนอย่างใจเย็นไปหาเฮเลนที่กำลังงอตัวด้วยความทรมาน

    “ขนปีกเสียดแทง วายุโหมแรง ตะวันม่วงแกร่งกล้า ข้าขอเอ่ยนามด้วยพันธะพิเศษ จอมจักรพรรดิวิหคเพลิงฟ้า เรมิเอล!” อาจารย์เรนฟอร์ดยังไม่ยอมแพ้ สัตว์ปีศาจที่น่าจะออกมาจากโคลงเรียกของอาจารย์มีเดียกลับกลายเป็นชายครึ่งนกท่าทางกวนประสาท แผงปีกสีฟ้าใสทำให้ท้องฟ้ายามบ่ายดูหมองลงถนัดตา

    “เจ้าเด็กบ้าเอริค เรนฟอร์ด เจ้าน่าจะรู้ว่าข้างานยุ่งมากยังจะเรียกมาอีก” ชายครึ่งนกเริ่มพูดด้วยเสียงกวนประสาท

    “ข้าพบผู้บุกรุก อยากให้ช่วย” อาจารย์เรนฟอร์ดที่ยังป่วยเนื่องจากแพ้ท้องแทนอาจารย์ซานดร้าพูดอย่างเร่งร้อน

    “งานนี้ข้าช่วยไม่ได้” ชายครึ่งนกตัดบัวไม่เหลือใย “เขาได้รับอนุญาตให้มาที่นี่ และทำตามข้อตกลง พวกเจ้าไม่มีใครหลั่งเลือด แค่ให้เศษเสี้ยวเขาไปก็พอ”

    “แต่สิ่งที่เขาขอ มัน...”

    “จะบอกให้นะเอริค เจ้าหมอนี่มีแผนร้ายอยู่ในหัวแล้ว ถึงได้แหล่งพลังเวทของพวกเจ้าไปก็คงไม่เลวร้ายไปกว่านี้หรอก”

    “แต่ว่าสิ่งนั้น...”

    “เจ้าบ้านี่คือจอมทัพที่ควบคุมกองทัพปีศาจหลายสิบหมื่น ทั้งแข็งแกร่งและบ้าบิ่นจนเกือบเอาชีวิตไปทิ้งเพราะความบ้าของตัวเองเลยละ ข้าขอแนะเจ้าแค่คำเดียวเอริค” คนครึ่งนกปากมากเชิดหน้า “แบ่งเศษแหล่งพลังเวทให้เขาไป...เรื่องนี้มีนอกมีในพวกเจ้าอย่ารู้จะดีกว่า ถ้าเขาคนนี้ได้รับอนุญาตให้ฆ่าได้ล่ะก็ โรงเรียนเล็กๆแสนสงบสุขคงกลายเป็นทะเลเลือดในพริบตาเดียวแน่ ยิ่งเจ้านี่เป็นพวกเก็บกดด้วยแล้วยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่เลยละ”

    “อย่างนั้นก็ไม่มีทางเลือก” เฮเลนพยุงตัวขึ้นนั่ง เกิดแสงสว่างวาบบนพื้นเบื้องหน้านาง ก้อนหินเจ็ดก้อนวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ “เชิญท่านมาเอาไปได้เลย”

    แต่เมื่อผู้บุกรุกก้มลงเก็บหิน แส้อาคมของนางก็สำแดงฤทธิ์ด้วยการฟาดเฉือนหน้าอกของบุรุษผู้นั้นจนเลือดสีแดงทะลักเป็นทางยาว ดาริอุสเอามือป้องปากคิดว่าผู้ที่เก่งกาจปานนั้นทำไมจึงหลงติดกับดักง่ายๆแบบนี้ เลือดของผู้บุกรุกกระจายไปทั่วทุกทิศราวกับเป็นฝนเลือดของมนุษย์

    “พูดกันง่ายๆแบบนี้คงไม่มีการนองเลือดแล้ว ขอบคุณมาก” เสียงเรียบของผู้บุกรุกทำให้ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง ในเมื่อแส้ของนางเรียกเลือดจากศัตรูได้มากขนาดนั้นแล้วเหตุใดผู้บุกรุกยังตอบรับได้อย่างหน้าชื่นตาบานอีกเล่า “ขอโทษที่ลืมบอก ข้าเป็นอมตะ”

    เสียงหัวเราะเย็นยะเยือกของผู้บุกรุกดังสะท้อนเข้าไปถึงความกลัวของทุกคนในที่นั้น เพราะคู่อริเป็นอมตะนี่เองคนครึ่งนกตนนั้นจึงบอกให้เลิกขัดขืน ดาริอุสมองผู้บุกรุกที่ตัวชุ่มไปด้วยเลือดเดินหายเข้าไปในกลุ่มก้อนอากาศสีดำ

    แล้วดาริอุสก็เข้าใจสัจธรรมว่าผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอดบนโลกนี้ได้ ที่เขาเล่าเรียนวิชาต่างๆเพื่อจะเก่งขึ้นไม่ใช่หรือ แล้วในเมื่อมีคนหยิบยื่นโอกาสให้เหตุใดจึงปฏิเสธเสียเล่า

    “อมตะอะไรกันเจ้าเด็กขี้อวด” คนครึ่งนกปากมากสบถ “กลับก่อนละอีกเดี๋ยวคงถูกเรียกตัวใช้งานแน่ คนนั้นจะเอาอย่างนี้ คนนี้จะเอาอย่างนั้น วุ่นวายจริงๆ”

    แล้วคนครึ่งนกก็หายตัวไปอีกตนหนึ่งท่ามกลางความสับสนทั้งปวง

    “อาจารย์คัลวินขอรับ ขอข้าคุยกับพี่สาวของอาจารย์เรนฟอร์ดอีกทีได้ไหม” ดาริอุสขอกับอาจารย์คัลวิน เพราะเชื่อแน่ว่าอาจารย์เรนฟอร์ดต้องคัดค้าน “ข้าอยากเก่งขึ้นขอรับ”

    “อยากเก่งน่ะไม่ผิดหรอกเลวิส” อาจารย์เรนฟอร์ดสั่งการอะไรสักอย่างกับไคมีร่า ทำให้มันดูดน้ำเลือดที่กระจายไปทั่วบริเวณ “แต่พี่สาวครูเห็นคนอื่นเป็นของเล่นสนุก กลัวเธอจะไม่ได้กลับมาแบบครบสมบูรณ์น่ะสิ”

    “เห็นด้วย” อาจารย์คัลวินแนะ พลางบอกทุกคนให้แยกย้ายยกเว้นดาริอุสที่กำลังขอคำปรึกษา “นางคิดจะให้เขาทำการทดสอบนั้นน่ะเอริค มิติของสัตว์ปิศาจ”

    “หนึ่งในด่านทดสอบเจ้าบ้านของตระกูลข้าเนี่ยนะ!” อาจารย์เรนฟอร์ดแทบหลุดปากร้องออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อหู กอดอกด้วยความวิตก “ความยากง่ายขึ้นอยู่กับคน บางทีอาจง่ายก็ได้เพราะไม่มีเงื่อนไขอื่นข้องเกี่ยว...เลวิส มันคือหนึ่งในด่านที่ต้องผ่านเพื่อเป็นเจ้าบ้านของตระกูลครู เป็นการทดสอบตัวตน ไม่ใช่สิ่งที่เด็กธรรมดาควรลองเลย”

    “ข้าจะลองดูขอรับ” ดาริอุสพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ เขาจะต้องเก่งขึ้นกว่านี้ เพื่อตัวเองและเฮเลน

    อาจารย์ชายสองคนมองหน้ากันอย่างเคร่งเครียดเพราะคำตอบของลูกศิษย์ ยากนักที่จะปล่อยให้ศิษย์รักเฉียดใกล้ความตายแบบนั้น หากมันเป็นคำร้องขอจากเจ้าตัวก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    “วันศุกร์ตอนบ่ายเธอว่างใช่ไหมเลวิส ครูจัดให้บ่ายวันศุกร์สำหรับปีหนึ่งทั้งสองสาขาว่างเพราะตอนเช้าเรียนเรื่องอาวุธกันหนัก” อาจารย์คัลวินผู้ทำงานเกี่ยวกับการจัดตารางเรียนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “เวลานั้นเป็นเวลาเรียนภาคสนามของสาขาผู้ใช้เวทมนตร์ วันศุกร์นี้เธอจะต้องเข้าชั่วโมงครูแล้วเข้ารับการทดสอบของครูก่อน หากผลเป็นที่น่าพอใจ ครูจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการเข้าไปทดสอบในมิติสัตว์ปิศาจให้และยินยอมให้เข้ารับการทดสอบ แบบนี้ดีไหมเอริค” อาจารย์เรนฟอร์ดพยักหน้าเห็นดีด้วย...


    ดาริอุสมีเวลาเพียงสามวันเพื่อเตรียมตัวเข้ารับการทดสอบกับอาจารย์คัลวิน เขาพยายามใช้เวทมนตร์ในชีวิตประจำวันมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ใช้เวทไม้ปลดดานประตูห้อง สร้างไฟเพื่อละลายน้ำแข็งในถังแช่ และใช้ลมหยิบสิ่งของเหมือนที่คาร์ลทำเป็นประจำ บางทีเขาอาจขี้เกียจมากกว่านี้ก็ได้หากเรียนรู้มนตร์เคลื่อนย้ายได้แล้ว

    “ทุกอย่างมีขอบเขต เอามาใช้ต่อเนื่องเดี๋ยวพลังก็หมดตัวน่ะสิ ผลขึ้นอยู่กับแต่ละคน” คาร์ลขมวดคิ้วใส่ดาริอุสที่สร้างลมอุ่นขึ้นมาอบเสื้อผ้าให้แห้งแทนการผึ่งแดด “แต่เจ้ามีถังเก็บพลังเวทไว้กับตัวหรือเปล่า ไม่เห็นหมดแรงสักที”

    คราวแรกดาริอุสก็แปลกใจเหมือนแต่ ต่อมาใช้เพียงนิดเดียวก็เวียนหัวหน้ามืดแล้ว คาร์ลจึงตั้งข้อสงสัยว่าอาจเพราะเป็นครั้งแรกที่เขาใช้พลังต่อเนื่องนานๆก็เป็นได้

    “ต้องตั้งสมาธิบ่อยๆ แล้วขีดจำกัดพลังเวทจะเพิ่มขึ้น” คาร์ลแนะ

    และแล้วก็ถึงวันทดสอบของอาจารย์คัลวิน มัลค่อมถึงกับตั้งโต๊ะพนันว่าดาริอุสจะทนยืนได้นานกี่นาทีโดยไร้การห้ามปรามโดยอาจารย์ประจำสาขา ซึ่งเขาไม่แปลกใจเลย อย่างไรถือว่าเตรียมตัวมาดีแล้ว คาร์ลก็มาร่วมดูด้วยโดยไม่อายใครที่ไม่เข้าพวก

    “นี่เป็นด่านทดสอบสำหรับธาตุไม้ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานไปขั้นสูง อนุญาตให้เธอใช้เวทมนตร์ได้แค่ธาตุไม้กับลมเท่านั้น และห้ามออกจากบริเวณเด็ดขาด” อาจารย์โบกไม้โบกมือให้ดาริอุสถอยออกไปห่างนักเรียนสาขาผู้ใช้เวทมนตร์และตัวอาจารย์กว่าสิบเมตร “ทั้งหมดเป็นของจริงไม่ใช่ภาพลวงตา พร้อมนะ”

    อาจารย์คัลวินเอ่ยคำ โดมน้ำแข็งใสแจ๋วเส้นผ่านศูนย์กลางกว่าสิบเมตรบังเกิดขึ้นครอบตัวดาริอุสไว้ เขาพบว่ายังมองเห็นและได้ยินเสียงฮือฮาจากภายนอกได้อยู่ หากเขามองเห็นสิ่งที่ต้องทำแล้ว งูเพลิงตัวขนาดขาอ่อนเลื้อยฉวัดเฉวียนบนพื้นหญ้า ทิ้งรอยเผาและกลิ่นไหม้เป็นทางยาว มันเลื้อยสะเปะสะปะจนคาดเดาทิศทางไม่ได้

    “ใช้ได้แค่ลมกับไม้นะ ห้ามโกง!” อาจารย์คัลวินเตือนสติเมื่อดาริอุสคิดเรียกน้ำออกมาดับไฟ

    วิธีแก้ก็ง่ายมาก แค่ใช้เวทมนตร์ทำให้ต้นหญ้าสูงขึ้นยกระดับตัวเขาให้พ้นจากวิถีเลื้อยของงูไฟได้ก็พอ ในวินาทีที่เขาพบว่าทำสำเร็จ งูเพลิงก็พุ่งเข้าชนสิ่งรองรับตัวดาริอุสเสียงดังสนั่นจนร่วงลงบนพื้น

    “อันดับแรกคือการสร้าง อันดับต่อไปคือการประยุกต์” อาจารย์ร้องบอกขณะที่พวกนักเรียนข้างนอกก็ส่งกำลังใจเข้ามาหนาแน่น

    เมื่องูไฟพุ่งชนไม้มันก็กลายเป็นทะเลเพลิงล้อมรอบตัวดาริอุสเอาไว้ มันร้องแรงราวไฟนรก แต่ไม่ลุกลามและไม่เผาไหม้เขาอย่างที่ไฟจริงๆควรเป็น คราวนี้เขาควรทำอย่างไรต่อกัน ตอนแรกเขาบังคับให้ลมพัดดับไฟ มันไม่ยอมดับกลับไปรวมตัวกันโหมไหม้ที่จุดอื่นแทนส่งความร้อนรุนแรงยิ่งกว่าเดิม

    ความร้อนจากไฟทำให้ความคิดของเขาพร่ามัว และการใช้เวทมนตร์ต่อเนื่องทำให้รู้สึกหวิวๆแต่เขาเห็นแล้ว มีจุดหนึ่งที่ถูกลมพัดลูกไฟกระเด็น มันเป็นพื้นหญ้าเกรียมๆไม่ขยายตัวเหมือนไฟลามทุ่ง หรือไฟพวกนี้จะเป็นไฟเวทมนตร์ที่เคลื่อนย้ายได้

    ความคิดได้เกิดขึ้นจากช่องว่างตรงนั้นเอง เขาใช้เวทมนตร์สร้างต้นไม้จากจุดเล็กๆจุดนั้น ไฟไม่ได้เผาลามขึ้นไปด้วยตามคาด ดาริอุสหาจุดว่างเปล่าอีกสองสามจุดสร้างต้นไม้ขึ้นมา จากนั้นก็สั่งให้สายลมในโดมน้ำแข็งพัดหมุนเป็นวงกลม ส่งไฟอาคมบนพื้นดินไปติดคาต้นไม้จนพื้นดินว่างโล่ง ในโดมน้ำแข็งเหลือแต่ตัวดาริอุสกับต้นไม้ที่เต็มไปด้วยลูกไฟ

    เขาเริ่มมึนหัวแล้ว คงเพราะอากาศร้อนทำให้ต้องใช้พลังเวทมากขึ้น

    “ผ่านด่านที่สอง ต่อไปด่านที่สาม!” อาจารย์คัลวินร้องพร้อมเสียงเฮใหญ่จากข้างนอก

    เปลวไฟที่ต้นไม้ลอยสูงขึ้นไปลุกติดโดมน้ำแข็งแล้วตัดเป็นชิ้นๆขนาดหกเหลี่ยมขนาดเท่าๆกันหลายสิบชิ้น ก้อนน้ำแข็งหนึ่งในนั้นพุ่งลงมาหาดาริอุสราวดาวตก มันกระแทกพื้นพลาดเป้าหมายไป แต่ไม่แตกหักกลับลอยไปติดอยู่จุดเดิม

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่