โรงเรียนอสูรโคลโบลท์ ตอนที่ 14

กระทู้สนทนา
แล้วเสียงร้องของดาริอุสก็ดังสะท้อนในห้องโถงใต้ดิน คราวนี้เจ้ามังกรคงคิดถึงเจ้าของจริงๆจึงงับเสียเต็มแรง มีแต่คาร์ลที่อยู่บนหลังของมันที่ยังมีสติอยู่ เขารีบลงไปดึงตัวดาริอุสออกมาจากวงไสยเวทเป็นอันดับแรกเพื่อไม่ให้เฮเลนดึงพลังจากเขาได้เต็มที่

    “ข้าเอง คาร์ล”

    “ล่องหนหรือ แล้วครีดล่ะ คราวนี้ข้าจะตีมันจริงๆแล้ว!” ดาริอุสคลำมือซ้ายที่โดนกัดจนเลือดซิบ เจ้ามังกรดำยังไม่มีทีท่าสลดยังเดินมาหาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ทางเขาก็ยังไม่รู้สึกตัวดีด้วยซ้ำว่าอยู่ในสภาพไหน

    “ขึ้นหลังมังกรแล้วบินไปสนามสอบเดี๋ยวนี้” อาจารย์เรนฟอร์ดตะโกน “ทั้งสองคนเลย! ”

    ไม่ทันให้สำรวจรอบตัวให้ดีก่อนดาริอุสก็โดนคาร์ลลากดึงขึ้นมานั่งบนหลังครีดเสียแล้ว เขาอยู่ที่ใดกัน ทั้งมืดและอับชื้นเหมือนในความฝันไม่มีผิด ในเวลาเดียวกันนั้นไคมีร่าของอาจารย์เรนฟอร์ดก็ทำบางอย่างด้านหลัง กรงแสงสีเงินล้อมรอบเฮเลนเอาไว้ราวเป็นผนึกอย่างหนึ่ง

    “เร็วครีด ไปสนามสอบ” คาร์ลที่ล่องหนอยู่ออกคำสั่งแทนเจ้าของที่ไม่เข้าในสถานการณ์เลยสักนิด “แล้วค่อยอธิบายดาริอุส เรื่องร้าย”

    ในพริบตานั้นดาริอุสก็นึกถึงคำเตือนของเฟฟนิลขึ้นมาได้ ว่าหากขี่มังกรธรรมดาให้เตรียมอานนั่งและสายรัดให้เรียบร้อย ทั้งสองคนแนบตัวลงบนหลังของครีดทันที เพราะมันกระโดดพรวดเดียวออกไปหาประตูทางขึ้นข้างบนทันที เขาจึงเห็นว่ามันคือห้องทดลองของอาจารย์ใหญ่

    “แล้วเฮเลนล่ะ กลับไปก่อน!” ดาริอุสร้อง

    “นางเป็นปิศาจดาริอุส! นางคือจอมอสูรในตำนาน” คาร์ลเน้นเสียงหนักแสดงว่าไม่ใช่เรื่องเล่น “แล้วจะเล่าให้ฟัง”

    ดาริอุสจะชักมังกรกลับจริงๆ หากไคมีร่าของอาจารย์เรนฟอร์ดแบกตัวอาจารย์กับอาจารย์คัลวินขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เป็นการกดดันไม่ให้หันหลังกลับ

    “รีบไปก่อนนางสลายผนึกแสงได้!” อาจารย์เรนฟอร์ดเร่ง

    ดาริอุสสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าคาร์ลกำลังกอดเขาแนบกับคอของครีด เจ้ามังกรวิ่งบ้างบินบ้าง บางทีก็กระโดดพุ่งเข้ายันตัวเข้ากับประตูห้องเรียนราวกับเป็นสิ่งที่มันอยากทำมานานแล้ว เขาสาบานกับตัวเองว่าขี่มังกรคราวหน้าจะใช้อานและสายรัดให้เรียบร้อย เพราะไม่สามารถรู้ได้ว่าอารมณ์ของเจ้ามังกรตอนนั้นเป็นแบบใด

    ทั้งคู่สบถเป็นครั้งคราวเมื่อถึงทางแยกแล้วครีดกระโดดไปมาอย่างลังเลว่าควรไปทางใดดี ในที่สุดก็พ้นจากนรก เจ้ามังกรดำพบประตูทางออกจึงพุ่งออกไปแล้วกางปีกทะยานสู่ผืนฟ้า ซึ่งถูกพลังอะไรสักอย่างปกคลุมอยู่เหมือนโดมมหึมา

    อาจเป็นระบบป้องกัน โรงเรียนอาจโดนคนร้ายจู่โจมอีก ดาริอุสคิด

    เสียงไคมีร่าของอาจารย์เรนฟอร์ดกางปีกอยู่ด้านหลัง แสดงว่าตามทันแล้ว ทั้งมังกรและไคมีร่าบินเคียงกันไปทางสนามสอบซึ่งคลาคล่ำด้วยนักเรียนและอาจารย์ราวกับมีงานอะไรสักอย่าง...


    ดาริอุสกับคาร์ลซึ่งหายล่องหนแล้วถูกกักตัวไว้กับเฟฟนิลเมื่อร่อนลงสนามสอบ แล้วรีบรายงานสถานการณ์กับอาจารย์เรนฟอร์ดทันที

    “รวบรวมมาหมดแล้ว ส่วนหนึ่งอยู่ใต้ดินเตรียมที่พักนอนสำหรับคืนนี้” เฟฟนิลพูดอย่างชัดเจน “อาจารย์ใหญ่บอกทุกคนว่ามีปิศาจแอบเข้ามายึดแหล่งพลังของโรงเรียน มีนักเรียนอยากออกไปสู้แต่ห้ามไว้แล้ว ข้ากับอาจารย์ใหญ่คุมทุกอย่างไว้หมด”

    “ดีมาก” อาจารย์เรนฟอร์ดหอบจนตัวโยน “ที่นี่ใช้พลังของนางเพื่อป้องกันพื้นที่ หากนางใช้พลังเข้าจู่โจม ระบบป้องกันจะดึงพลังของนางมาใช้อัตโนมัติ เฮเลนไม่บ้าทำให้พลังตัวเองลดโดยสูญเปล่าหรอก”

    “ตัวแทนนักเรียนมาแล้วเอริค” อาจารย์คัลวินซึ่งสะบักสะบอมพอๆกันร้องทัก “เล่าเหตุการณ์และทุกคำที่นางพูดให้เขาฟังเพอร์รอตต์ เขาเชื่อเธอมากกว่าพวกครูแน่ เดี๋ยวครูจะไปดูนักเรียนก่อน”

    ทั้งคู่นั่งหันหน้าเข้าหากัน แล้วคาร์ลก็เริ่มเล่าตั้งแต่ตนถูกอาจารย์ใหญ่คนเก่าใช้มนตร์เคลื่อนย้ายกลับโรงเรียน จนถึงตอนที่ดาริอุสถูกปลุกด้วยการแสดงความรักของครีด ดาริอุสนั่งฟังด้วยความตกตะลึง คิดไม่ถึงว่านางโกหกเขาเพื่อต้องการพลังอำนาจและต่อต้านเหล่าอาจารย์

    “นางบอกว่าจริงๆแล้วเจ้าคือลูกของเพื่อนเก่าอาจารย์ล่ะ” คาร์ลเล่าด้วยสีหน้าปั้นยาก คงไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตนบอกเล่าเหมือนกัน “นางคือร่างย่อส่วนของจอมอสูร หากพวกอาจารย์เล่าเจ้าคงไม่เชื่อ”

    จริงเสียด้วย หากคนเล่าไม่ใช่เพื่อนเขาก็คงเชื่อยากว่ามันเป็นเรื่องจริง นางมาหลอกเขาเพื่อต้องการพลังที่แฝงอยู่ในตัวเขา ไม่ได้มาขอความช่วยเหลือจริงๆ

    “มิน่านางจึงบอกว่าขอให้มอบชื่อให้ เพราะถูกเปลี่ยนชื่อจากจอมอสูรเป็นโรงเรียนไปแล้ว ไม่รู้ว่าพวกอาจารย์ทำได้ยังไงแต่ยอดจริงๆ” คาร์ลพูดลอยๆ “เปลี่ยนสถานะภาพจากจอมอสูรเป็นโรงเรียนเสียก็ไม่เป็นภัย”

    “แล้วเหตุใดต้องเก็บเอาไว้ด้วย นางเป็นปิศาจนะ นางหลอกข้า! ” ดาริอุสโผล่งออกมา

    “พวกอาจารย์คงมีเหตุผลของตัวเอง” คาร์ลปลอบ พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว แต่รอบด้านยังสว่างไสวด้วยคบไฟมนตราของอาจารย์ใหญ่

    “เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้หรือยัง” อาจารย์เรนฟอร์ดเดินเข้ามาทัก “ครูปล่อยเฟฟนิลลาดตระเวนแล้ว...ประเดี๋ยวครูจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง ก่อนหน้าที่พวกครูจะเปลี่ยนที่นี่เป็นโรงเรียน”

    อาจารย์เรนฟอร์ดกับอาจารย์คัลวินนั่งลงข้างๆแล้วเริ่มเล่าเรื่อง

    “เรื่องทั้งหมดเริ่มจากสิบหกปีก่อน เธอคงฟังจากอาจารย์ใหญ่แล้วว่าพวกครูห้าคนกับเฟฟนิลออกเดินทางมายังปราสาทจอมอสูรเพื่อขโมยสมบัติ เพราะนางอสูรโคลโบลท์ทำลายเมืองเพื่อฉกชิงสมบัติจึงมีสิ่งมีค่าอยู่มากมายให้กอบโกย ตอนนั้นเฟฟนิลรับหน้าที่ดูต้นทางอยู่ด้านนอกส่วนพวกครูห้าคนเล็ดลอดเข้าไปทางใต้สวนดอกไม้ที่ตอนนี้เป็นเรือนกระจก

    “แต่เมื่อได้สมบัติมาแล้วกลับพบกับนางอสูรเสียก่อน พวกครูพยายามหนีแต่หนีไม่ได้ พลังของนางอสูรคือสายฟ้าจึงสามารถสร้างเขตอาคมด้วยประจุไฟฟ้าที่ดูดซับพลังเวท และทำให้พลังเวทเคลื่อนย้ายใช้การไม่ได้ สัตว์ปีศาจที่อาจารย์เรนฟอร์ดเรียกก็ใช้ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น

    “อาจารย์อเล็กซานเดรียมีอาวุธเวทหลายสิบชิ้นจึงเป็นหัวหอกเข้าต่อกรร่วมกับคาร์สัน ฮอร์คเวน คาร์สันคนนั้นสามารถเรียนรู้วิชาทั้งสามอย่างเท่าเทียมจึงสามารถพลิกแพลงสถานการณ์ได้ตลอด ผิดกับครูที่เป็นแค่ตัวถ่วง ไม่ว่าจะใช้เวทมนตร์แบบไหนก็โดนนางอสูรดูดพลังได้ทั้งหมด

    “ต่อสู้กันได้ไม่นานพวกครูก็เข้าตาจนถูกนางอสูรใช้เขตอาคมกักตัวเอาไว้ เหลือเพียงคาร์สันที่ไหวตัวทันและอาจารย์เรนฟอร์ดที่เกิดถูกตาต้องใจนางเข้า นางอสูรยื่นข้อเสนอให้อาจารย์เรนฟอร์ดอยู่กับนางแลกกับชีวิตของพวกครู อาจารย์เขาจะตอบอยู่แล้วแต่อาจารย์อเล็กซานเดรียใช้พลังเฮือกสุดท้ายสั่งให้อาวุธที่ยอมรับเขาทั้งสองคนออกมาจากช่องมิติ

    “อาวุธที่ทั้งคู่ได้รับในยามคับขันคืออาวุธเทพทั้งสองชิ้น คาร์สันได้รับเคียวแห่งเอเรส ส่วนอาจารย์เรนฟอร์ดได้รับดาบแห่งเฟรเซีย ด้วยพลังจากอาวุธทั้งสองทำให้เขตอาคมขาดห้วงไปชั่วขณะจนนางอสูรพลาดถูกทั้งสองคนตัดคอและท้องแบ่งร่างเป็นสามส่วน

    “คาร์สันที่อยู่ใกล้มือนางอสูรมากที่สุดพลาดถูกกรงเล็บทะลวงหน้าอกสิ้นชีวิตทันที เมื่อพลังของจอมอสูรขาดช่วงเขตอาคมก็สลายเฟฟนิลจึงสามารถเข้ามาได้ นางทำให้การต่อสู้ยุติด้วยการควักหัวใจของนางอสูรออกมาจากร่างส่วนอก”

    อาจารย์คัลวินพูดจบก็ถอนหายใจ ดาริอุสมองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัย ทั้งหมดก็เหมือนกับที่อาจารย์ใหญ่เล่าตอนงานประลองไม่มีผิด อาจารย์เรนฟอร์ดไอเล็กน้อยแต่ไม่ทำให้เพื่อนอาจารย์เสียสมาธิ “ต่อจากนี้เป็นเรื่องที่รู้กันในหมู่พวกครู และที่ครูกับเพื่อนเธอได้ฟังจากปากนางอสูรเองในห้องใต้ดิน ความจริงส่วนที่เหลือ” อาจารย์คัลวินกระแอมเบาๆ

    “ในวินาทีที่เฟฟนิลควักหัวใจออกมา นางอสูรได้ใช้แรงเฮือกสุดท้ายส่งพลังและวิญญาณส่วนหนึ่งไปยังซากศพของคาร์สันจะได้ลักลอบดูดซับพลังเวทเพื่อคืนชีพอีกครั้ง แต่มันทำให้เขาคืนชีพขึ้นมาด้วยพลังของนาง ตอนนั้นอาจารย์เรนฟอร์ดจะใช้มนตร์อสูรคืนวิญญาณทำให้นางต้องสร้างแรงระเบิดส่งร่างคาร์สันออกไปไกลแสนไกลเพื่อให้พวกครูเชื่อว่าเขาตายไปแล้วจริงๆ ปกปิดแผนการทั้งหมดของนางไว้รอวันที่เลือดเนื้อของคาร์สันมาหานางเอง

    “หลังจากอาจารย์เรนฟอร์ดและครูออกค้นหาร่างของคาร์สันก็พบปัญหาใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีทางกายภาพหรือทางเวทมนตร์ก็ไม่สามารถทำร้ายชิ้นส่วนของนางได้ โชคดีที่ไคมีร่าของอาจารย์เรนฟอร์ดสามารถใช้ผนึกอาคมได้หลายแบบจึงผนึกร่างของนางอสูรเอาไว้ รอให้พวกครูไปขอความช่วยเหลือที่โรงเรียนเก่าเพื่อหาวิธีทำลายร่างของนาง

    “ระหว่างที่ครูกำลังตามตัวอาจารย์ของพวกครู อาจารย์เรนฟอร์ดก็พบเรื่องผิดปกติกับการผนึกชิ้นส่วนของนางอสูร ชิ้นส่วนทั้งสามค่อยๆดูดซับอาคมผนึกเหมือนกับต้นไม้ดูดซับน้ำในทะเลทราย แม้ตัวอาจารย์เรนฟอร์ดจะผนึกมันอีกครั้งก็ไม่สามารถทำได้ พวกครูจึงรู้ว่าชิ้นส่วนของนางอสูรตอบสนองกับเวทมนตร์ผนึกอาคมเพียงหนึ่งครั้งต่อหนึ่งคน คนๆเดียวไม่สามารถใช้อาคมผนึกซ้ำมากกว่าสองครั้งได้ต่อชิ้นส่วนหนึ่งชิ้น นอกจากไคมีร่าที่สามารถเปลี่ยนลักษณะการใช้ผนึกเวทมนตร์ได้

    “แม้แต่อาจารย์ของพวกครูก็ยังแปลกใจ ร่างของนางอสูรกลายเป็นวัตถุอาคมที่ไม่มีอะไรทำลายได้ มีแต่ต้องรอให้มันเสื่อมพลังไปเอง แถมหัวใจที่มีพลังเวทเอ่อล้นยังร้องเรียกชิ้นส่วนร่างกายเพื่อกลับมารวมกันอีกครั้ง จอมอสูรโคลโบลท์ยังไม่ตาย แค่ถูกพวกครูแยกส่วนผนึกเอาไว้ วิญญาณและพลังส่วนมากของนางยังอยู่กับก้อนหัวใจที่แข็งเหมือนแก้วผลึก

    “ต่อจากนี้เธอสองคนคงพอเดาได้ อาจารย์ใหญ่เคนคิดว่าจะส่งชิ้นส่วนของนางอสูรไปโรงเรียนเก่าให้นักเรียนชั้นปีสูงผนึกเสียอ้างว่าเพื่อทดสอบจบ แบบนี้ผนึกที่กักขังร่างกายคงไม่มีวันสลายแถมยังมีพลังเพิ่มขึ้นทุกปีอีกด้วย แต่พวกครูไม่สามารถเปลี่ยนกฎของโรงเรียนเก่าได้จึงต้องสร้างโรงเรียนขึ้นมาใหม่โดยใช้ปราสาทนางอสูรเป็นอาคารเรียน ใช้ชื่อนางอสูรเป็นชื่อโรงเรียนแล้วให้เคนเป็นอาจารย์ใหญ่ เปลี่ยนนางเป็นโรงเรียนเสีย

    “โดยให้ร่างกายนางอยู่บนหอสัญลักษณ์ของสามสาขา ส่วนหัวใจของนางก็ถูกเก็บรักษาเอาไว้ในห้องใต้ห้องทดลองของอาจารย์ใหญ่ มันถูกกักขังโดยฝีมืออาจารย์ของพวกครู เขตอาคมพิเศษที่ใช้กักวิญญาณและหัวใจของนางอสูรมีพลังพิเศษเพื่อให้นางใช้พลังเพื่อช่วยเหลือและปกป้องนักเรียนเท่านั้น ทุกครั้งที่โรงเรียนใช้พลังก็จะดูดเอาพลังเวทส่วนหนึ่งในหัวใจออกมาด้วยเพื่อระบายพลังเวทที่เอ่อล้น

    “ทุกปีที่ทำการทดสอบจบ นักเรียนชั้นปีสี่จะต้องใช้อาคมผนึกคู่ต่อสู้ที่พวกครูทั้งสามกำหนด คู่ต่อสู้จะส่งพลังผนึกไปยังชิ้นส่วนทั้งสาม ส่วนหัวอยู่ที่สาขาผู้ใช้เวท ส่วนลำตัวอยู่ทีสาขาผู้ใช้อาวุธเวท ส่วนขาอยู่ที่สาขาผู้ใช้สัตว์ปีศาจ พวกครูทำหน้าที่เฟ้นหาคนมาผนึกนางอสูรเพื่อรอเวลานางแตกสลายพร้อมกับสร้างผู้วิเศษให้กับทางการและแคว้นนี้

    “ทางด้านคาร์สัน ฮอร์คเวนที่ถูกแรงระเบิดพัดกระเด็น ต้องบอกว่านางอสูรส่งเขาไปมากกว่า เขาความจำเสื่อมไม่รู้แม้แต่ชื่อตัว เพราะเติบโตในบ้านเด็กกำพร้าจึงไม่มีใครรู้จักเขา ถึงเจ้าตัวจะลืมไปแล้วว่าตัวคือผู้วิเศษแต่สายเลือดย่อมไม่มีวันลืมเลือนว่าเจ้าของคือผู้วิเศษ มันย่อมถ่ายทอดพลังนั้นให้กับลูกชายคนโตของเขาด้วย แน่นอนวิญญาณและอาคมดูดพลังของนางอสูรก็ถ่ายทอดสู่ลูกของเขาเช่นกัน พลังของทั้งคู่ถูกส่งให้กับนางอสูรโดยตรงจึงไม่เคยแสดงพลังใดๆให้รู้ว่าพวกเขาคือผู้วิเศษ

    “จนหลายปีต่อมา โรงเรียนของพวกครูเป็นที่รู้จักในฐานะโรงเรียนผู้วิเศษเปิดใหม่ ส่วนลูกของคาร์สันก็เติบโตขึ้นพร้อมกับพลังของผู้วิเศษ จนกระทั่งอาจารย์เรนฟอร์ดไปเคาะประตูบ้านเธอเลวิส ทุกอย่างอยู่ภายใต้แผนการคืนชีพของนางอสูรโคลโบลท์ทั้งสิ้น นางรู้อยู่แล้วว่าพวกครูจะต้องแก้ปัญหาด้วยการสร้างโรงเรียน และลูกของคาร์สันจะต้องเข้ามาที่นี่เพื่อนำพลังและวิญญาณส่วนหนึ่งกลับมาหานาง”

    อาจารย์คัลวินทำให้ดาริอุสหัวหมุนติ้วด้วยข้อมูลมหาศาลที่ถูกยัดเข้ามาในสมองแบบต่อเนื่อง พวกอาจารย์เคยสู้กับจอมอสูรแต่ทำได้แค่ผนึกนางเอาไว้ ที่สร้างโรงเรียนขึ้นเพื่อให้นักเรียนเป็นผู้ผนึกนางต่อ และคาร์สันคนนั้นยังไม่ตายเพราะแผนของนางอสูร แต่มันเกี่ยวกับเขาอย่างไรกันในเมื่อพ่อของเขาชื่อดีเรคไม่ใช่คาร์สัน แถมเฮเลนก็ไม่น่าใช่นางอสูรนั่น

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่