โรงเรียนอสูรโคลโบลท์ ตอนที่ 3

กระทู้สนทนา
นักเรียนสาวล้วงหยิบห่วงเงินในเสื้อคลุมออกมาสามอันแล้วขว้างไปทางคู่ต่อสู้ สัตว์ประสมหลบอย่างคล่องแคล่วไม่อนาทรกับอาวุธทั้งสามชิ้น กระทั่งวงแหวนอันหนึ่งเปลี่ยนร่างเป็นใบเลื่อยพุ่งเข้าหา สัตว์ประหลาดไม่สนใจใช้หัวของหางข้างหนึ่งปัดทิ้ง หากแต่ห่วงอีกสองอันพุ่งเข้าหาหมายคล้องคอ หญิงสาวขยับมือราวกับมีเส้นใยที่มองไม่เห็นเชื่อมต่อระหว่างนิ้วมือกับห่วงเงินทั้งสาม สัตว์ร้ายถอยกรูดกระโจนเข้าหาผู้สอบจบทันควัน

    เวลาผ่านไปอย่างแช่มช้ากว่าห่วงเงินหันหนึ่งจะเข้าขวางเกิดกำแพงน้ำแข็งระหว่างทั้งสอง สัตว์ร้ายตะกายขึ้นไปเหนือกำแพงหมายขย้ำคู่ต่อสู้ ทว่ากงจักรอีกสองอันพุ่งเข้าหาจากด้านข้างส่งสัตว์ประสมลงไปนอนกับพื้นอยู่พริบตาหนึ่ง ระหว่างการโรมรันระหว่านักเรียนรุ่นพี่กับสัตว์ประสมดำเนินอย่างต่อเนื่องดาริอุสก็ฟังรุ่นพี่อธิบายไปด้วย

    “ไคมีร่าต่างจากสัตว์ปิศาจชนิดอื่น สัตว์ปิศาจธรรมดาหากได้รับบาดเจ็บสาหัสจะหายไป แต่เราสามารถคงสภาพไคมีร่าได้นานเท่าที่ต้องการ”

    “แล้วนักเรียนที่เข้าทดสอบจะเป็นอะไรหรือขอรับ เคยมีคนตายไหม” ดาริอุสถามด้วยความอยากรู้

    “ไม่เคย อย่างมากก็กระดูกหักท่อนสองท่อน มักเป็นพวกบ้าเลือดเอาตัวเข้าแลกกับไคมีร่าของอาจารย์ตรงๆ”

    “แล้วทำไมเขามีอาวุธด้วยล่ะขอรับ ทำไมไม่เรียกสัตว์ปิศาจออกมาต่อสู้”

    “นักเรียนทุกคนจะได้รับอาวุธคนละอย่างในวิชาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับยุทธภัณฑ์ จะเป็นอาวุธธรรมดาหรืออาวุธที่มีพลังก็แล้วแต่คนไป” รุ่นพี่โบกไม้โบกมือประกอบว่าทดสอบอย่างไร “แม้เราจะอยู่สาขาผู้ใช้สัตว์ปิศาจ หากสภาพการณ์ไม่เอื้อหรือไม่ถนัดก็ไม่จำเป็นต้องเรียกออกมา ดูสิบางครั้งก็เรียกมาแค่เพื่อปิดฉาก” รุ่นพี่พูดจบพอดีกับนักเรียนสาวเรียกงูน้ำแข็งสีเงินออกมารัดพันไคมีร่าเพื่อแช่แข็ง ห่วงเงินสองอันพุ่งสกัดขาหลังพร้อมปล่อยไอเย็นหยุดการเคลื่อนไหวอีกต่อหนึ่ง

    “ผ่าน!” อาจารย์มีเดียประกาศ นักเรียนฟากกลุ่มปักษาโห่ร้องอย่างยินดี รีบมารับตัวรุ่นพี่ไปทำแผลขีดข่วนตามตัว

    การทดสอบต่อๆมาก็ตื่นตาไม่แพ้คนแรก ความสามารถของไคมีร่าแทบไม่จำกัด นอกจากพ่นไฟเป่าน้ำแข็งได้แล้ว หนามบนใบหน้าสามารถยืดยาวออกมาป้องกันและโจมตีได้อีก หางมังกรก็เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องราวกับเป็นสิ่งที่ธรรมชาติสรรสร้างขึ้น ดาริอุสตั้งใจเอาไว้แล้วว่าสักวันต้องสร้างไคมีร่าที่แข็งแกร่งไม่แพ้ไคมีร่าตัวนี้ให้ได้

    “ช่วยด้วย”

    เสียงกระซิบตามสายลมแทรกมาตามเสียงใบไม้ไหวเรียกความสนใจของเขาไปจากแผลไฟไหม้ของรุ่นพี่คนหนึ่ง ดาริอุสถือแท่งจุ่มยาสีเขียวสดค้างเงี่ยหูฟังว่าเป็นเสียงอะไร เสียงจากการต่อสู้กับเสียงโห่ร้องกลบเสียงเล็กๆเสียสิ้น เขารีบละเลงยาบนแผลต่อก่อนใช้ผ้าพันแผลพันให้อย่างเรียบร้อย พอหันไปดูการทดสอบต่อเสียงนั้นก็ดังมาอีก

    “ช่วยด้วย มอบชื่อคืนให้ข้า ชื่อของข้า...”

    เด็กชายหันมองทางอาคารหลัก เขาค่อนข้างแน่ใจว่าเสียงดังกล่าวดังมาจากที่นั่น ตัวอาคารสีขาวสูงตระหง่านตัดกับท้องฟ้าสีหม่นเหมือนกับกำลังเชื้อเชิญให้เขาเข้าไป ตอนนี้ทั้งสามสาขากำลังทดสอบจบพร้อมกันไม่มีใครอยู่ที่อาคารหลักแน่ ในใจคิดว่าคงไม่มีอะไรแต่มีบางสิ่งกำลังชักจูงให้เขาไปอาคารหลัก

    ดาริอุสต้องพยายามฝืนความต้องการตลอดจนกระทั่งรุ่นพี่กับคาร์ลกำลังวุ่นกับการทำแผลรุ่นพี่สองคนพร้อมกัน เขาก็ย่องออกมาจากกลุ่ม ค่อยๆสาวเท้าพลางหันกลับมาดูว่ามีใครกำลังมองอยู่หรือไม่ ด้านหลังไม่ปรากฏแต่ด้านหน้ามีคนมาดักรออยู่ มังกรดำแสนสวยตัวหนึ่งร่อนลงมายืนเบื้องหน้าเขา รู้สึกคุ้นกับแววตาเฉียบคมของมังกรตัวนี้มาก แววตาสีดำขลับดุดันทำให้เขาเปลี่ยนใจวิ่งกลับมารวมกลุ่มกับคนอื่นอีกครั้ง บางทีมังกรตัวนั้นคงทำหน้าที่เฝ้าประตูก็ได้

    “มีอะไรหรือ” คาร์ลเพิ่งสังเกตว่าเขาแยกตัวจากกลุ่มชั่วเวลาหนึ่ง

    “จะไปห้องน้ำหน่อยน่ะ แต่หายปวดแล้ว” ดาริอุสปดแล้วตั้งหน้าช่วยปฐมพยาลรุ่นพี่ต่อ...


    ช่วงบ่ายเป็นเวลาของการอำลานักเรียนเก่าและต้อนรับนักเรียนใหม่ แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขาต้องรีบกลับไปประจำห้องเพื่อรอนักเรียนที่เอาหนังสือเรียนมาขาย ซึ่งพวกเขาไปทันเห็นกิ้งก่าเหมือนตัวเมื่อวานกำลังลากดึงรถเข็นขึ้นบันไดตึก ในรถเข็นเต็มไปด้วยหนังสือที่มัดรวมกันอย่างเป็นระเบียบ

    “ให้ช่วยไหมขอรับ” ดาริอุสถามทั้งที่หอบเหนื่อยอยู่

    “ไม่ต้องหรอก จะได้ให้เจ้าเอ็ดดี้ออกกำลังกายบ้าง” นักเรียนนักขายเอ่ย กิ้งก่าตัวนั้นชื่อเอ็ดดี้หรอกหรือ

    เกือบห้านาทีกว่ารถเข็นจะขึ้นไปถึงชั้นสอง สัตว์ปิศาจหอบพอเป็นพิธีอยู่บนหัวบันได ดาริอุสกับคาร์ลจึงใช้สิทธิพิเศษเลือกดูหนังสือได้ดังใจ ในปึกของหนังสือปีหนึ่งมีหนังสือแค่หกเล่มเท่านั้น ดูน้อยมากสำหรับการเรียนเวทมนตร์

    “อย่างที่เคยบอกเอาไว้ ว่าคนที่ยืมเงินเรียนจะได้ลดครึ่งราคา” รุ่นพี่เสริม “ทำไมทำหน้าอย่างนั้น ที่เห็นเล่มเล็กๆนี่เนื้อหาเยอะกว่าที่เห็นหลายเท่า”

    “ก็ข้าคิดว่าน่าจะมีหนังสือเยอะกว่านี้นี่ขอรับ”

    “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง” รุ่นพี่หัวเราะ “รู้วิธีคัดลอกด้วยเวทมนตร์ได้เมื่อไร ห้องของเจ้าจะกลายเป็นคลังหนังสือทันที โรงเรียนเราเน้นการหาความรู้จากรอบตัวไม่จำกัดแค่หนังสือเรียนตามหลักสูตร”

    “หลักการเรียกสัตว์ปิศาจเบื้องต้น สังคมและประวัติศาสตร์ โคลงมนตราเบื้องต้น ตรรกศาสตร์ คำนวณ สมุนไพรเบื้องต้น แล้วก็สัตว์ปิศาจวิทยา” ดาริอุสไล่ลำดับหนังสือเรียนที่เพิ่งได้รับ แต่ละวิชาดูยากเกินไปสำหรับคนที่ไม่เคยรู้จักเวทมนตร์เลยอย่างเขา

    ดาริอุสยอมจ่ายเงินเพื่อตารางสอนแบบลงสีพร้อมเคลือบเสร็จในขณะที่คาร์ลต้องการตารางสอนแบบธรรมดามากกว่า แล้วทั้งสองก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมเข้าร่วมงานพิธีการ...

    ดาริอุสรู้สึกราวกับอยู่ในงานหาเสียงของผู้สมัครตำแหน่งประธานสมาคมพืชไร่ เด็กนักเรียนสามสาขามีชุดแตกต่างกันสามแบบ มีแต่สาขาผู้ใช้สัตว์ปิศาจเท่านั้นที่เครื่องแต่งกายหรูหรามากที่สุด สาขาผู้ใช้เวทมีแต่เสื้อคลุมสองชั้นสีฟ้ากับเข็มขัดเงิน ส่วนผู้ใช้อาวุธเวทยิ่งดูลำลองมากกว่า มีแค่เสื้อแขนยาวติดตราบอกชั้นปีกับกางเกงหนังเท่านั้น ราวกับคณะหาเสียงของผู้สมัครสามคน

    “เครื่องแต่งตัวของแต่ละสาขาไม่เหมือนกัน เป็นอย่างนี้ทุกโรงเรียนเลยละ” เอล์บอกขณะเลือกที่นั่งในแถว

    ห้องที่ใช้ในการประชุมใหญ่เป็นห้องโถงกว้างมีแถวที่นั่งแบ่งออกเป็นสามแถวหลักอยู่ด้านหน้าเวที ดาริอุสมองเห็นอาจารย์หัวหน้าสาขากำลังคุยอยู่กับอาจารย์ชายหญิงอายุมากกว่าอีก 3 คน แต่ไม่มีเวลามองมากเพราะถูกดันมาจากทางด้านหลังให้เดินพ้นทางเดิน

    "มาครบกันหรือยัง หัวหน้านักเรียนของแต่ละสาขาส่งรายชื่อด้วย" อาจารย์ชายหัวสีดอกเลาบางๆทำให้พวกนักเรียนหยุดการพูดคุย หัวหน้านักเรียนที่เคยพาพวกดาริอุสเดินชมโรงเรียนวิ่งไปข้างหน้าแล้วยื่นกระดาษรายชื่อให้ อาจารย์คนนั้นกระแอมเบาๆก่อนการกล่าวทักทายนักเรียนใหม่

    "สวัสดีนักเรียนใหม่และนักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ ครูคือโรเดริค เครสซี่อาจารย์ใหญ่คนแรกของโคลโบลท์ ถึงแม้ครูจะลงจากตำแหน่งไปแล้วแต่อาจารย์ใหญ่คนปัจจุบันของพวกเธอเคน เซยาร์ ขอให้ครูมากล่าวสวัสดีนักเรียนใหม่แทนเพราะเขามีภารกิจสำคัญร่วมกับอาจารย์คัลวิน เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรทำลายการประชุมครั้งแรกของพวกนักเรียนใหม่และครั้งสุดท้ายของนักเรียนปี 4

    "นักเรียนเข้าใหม่อาจยังไม่รู้ถึงประวัติของโรงเรียนเวทมนตร์ธาตุและศาสตร์แห่งมนตราโคลโบลท์ว่าเป็นมาอย่างไร ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 16 ปีก่อนตรงที่พวกเธอนั่งคือห้องโถงในปราสาทจอมอสูรในตำนานที่แพร่ขยายความชั่วร้ายสู่แคว้นนี้ ต่อมามีหัวขโมย เอ่อ ครูหมายถึงผู้กล้านะ

    “ผู้กล้า 5 คนเข้ามาที่นี่หมายกำจัดจอมอสูร พวกเขาสามารถกำราบจอมอสูรได้แต่ต้องแลกด้วยชีวิตของพรรคพวกหนึ่งคน พวกเขาจึงไว้อาลัยแก่ผู้เสียสละด้วยการไม่เปิดเผยตัวต่อสาธารณะว่าเป็นผู้กล้าและใช้ปราสาทของจอมอสูรเพื่อเป็นที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้สามแขนงแก่เด็กรุ่นใหม่เพื่อให้แคว้นนี้มีการศึกษาทางด้านเวทมนตร์เทียบเท่ากับแคว้นข้างเคียง

    "เหล่าผู้กล้าทั้ง 4 ก็คืออาจารย์ใหญ่ของพวกเธอและอาจารย์ประจำสาขาทั้งสาม ตอนนั้นพวกเขาเพิ่งเรียนจบยังร้อนวิชาแต่ไม่มีความรู้ทางด้านการสอน เคนจึงบอกกับอีกสามคนว่า ทำไมเราไม่ไปขอให้ครูมาช่วยแนะนำวิธีการสอนและสร้างโรงเรียนขึ้นมาละ พวกเขาจึงเร่งกลับไปยังโรงเรียนเก่าเพื่อขอให้อาจารย์ของตนมาช่วย พวกครูพิเศษจึงต้องทำหน้าที่พิเศษสมชื่อ นอกจากจะต้องสอนวิชาแก่นักเรียนแล้วยังต้องดูแลเด็กโข่งอีกสามคนให้สั่งสอนวิชาแก่นักเรียนอย่างมีประสิทธิผล

    "ทั้งนี้ขอให้นักเรียนทุกคนตระหนักว่าพวกพ้องและเมืองเกิดคือสิ่งสำคัญยิ่งชีพ และขอให้นักเรียนลุกยืนไว้อาลัยต่อวีรชนคนนั้นเป็นการขอบคุณที่ช่วยนำความสงบสู่แคว้น และทำให้โรงเรียนของเราเกิดขึ้นมา"

    ดาริอุสพยายามลืมคำว่าหัวขโมยที่อาจารย์ใหญ่เก่าพูดแล้วลุกขึ้นพร้อมกับคนอื่นๆเพื่อสงบนิ่งไว้อาลัยต่อผู้วายชนม์คนนั้น เสียงขยับเก้าอี้ทำให้อาจารย์อเล็กซานเดรียตื่นจากภวังค์แล้วกวาดตามองนักเรียนอย่างรวดเร็ว

    "ครูหวังว่าปีนี้การเรียนการสอนยังคงเข้มข้นเหมือนเดิม แม้ว่าพวกพวกครูพิเศษ 3 คนจะหยุดสอนแล้วกลับไปพักผ่อนที่บ้านเกิด ไม่เคยมีศิษย์คนไหนทำให้พวกครูเหนื่อยได้เท่าอาจารย์ 3 คนของพวกเธอเลยจริงๆ" อาจารย์ผมสีดอกเลาทำให้ดาริอุสทำหน้าไม่ถูกว่าจะสลดหรือยิ้มดี "แต่ถึงจะเปลี่ยนครูสักกี่คนแต่โคลโบลท์จะอยู่ที่นี่ตลอดไป ออกมาทักทายนักเรียนหน่อยไหมโคลโบลท์" พอสิ้นเสียงผนังทั่วห้องโถงก็เปล่งแสงสว่างน้อยๆเหมือนฝูงหิ่งห้อยทำให้นักเรียนปี 1 หลายคนอุทานด้วยความประหลาดใจ

    "ต้องยกความดีให้กับเคน เขาเป็นคนคิดเอาวิญญาณอารักษ์มาใช้เป็นวิญญาณของโรงเรียนเพื่ออำนวยความสะดวกในยามฉุกเฉิน เช่น ดับไฟ ยังยั้งเวทมนตร์ที่เป็นอันตรายทุกชนิดที่ไม่ได้อยู่ในการเรียนการสอน หรือผู้ร่ายไม่ใช่อาจารย์ แหล่งพลังงานคือหินเวทมนตร์ที่อาจารย์เรนฟอร์ดพบตอนปราบจอมอสูรแต่คนควบคุมระบบการทำงานคืออาจารย์ใหญ่ ดังนั้นโรงเรียนนี้จึงไม่เคยทำร้ายนักเรียนเลยแม้แต่ครั้งเดียว อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับตัวนักเรียนด้วยว่าจะปฏิบัติต่อโรงเรียนอย่างไร

    "ส่วนนักเรียนที่จะจบการศึกษาไปขอให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีทำตัวให้เป็นประโยชน์ และใช้สิ่งที่ได้รับมาจากการเรียน 4 ปีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนใครที่ไม่เคยทำงานเพื่อใช้คืนเงินทุนของโรงเรียนระวังหน่วยทวงหนี้ของเราด้วย เมื่อปีก่อนมีนักเรียนเก่าเกือบกลายเป็นทากในถังเกลือเมื่อถูกหน่วยทวงหนี้ตามพบ

    "สุดท้ายขอให้นักเรียนทุกคนเร่งทำประโยชน์และหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เสียทีที่เป็นผู้วิเศษ ขอเลิกการประชุมแค่นี้ไม่อย่างนั้นนักเรียนปีหนึ่งจะไม่มีเวลาเตรียมพร้อมสำหรับการเรียนในวันพรุ่งนี้ ตารางงานและสถานที่ทำงานจะติดประกาศใต้หอพักพรุ่งนี้เช้า...ครูต้องขอโทษด้วยที่อาจารย์เอคริสคำนวณเวลาผิดไปสัปดาห์หนึ่งสำหรับงานแข่งกีฬา การประลอง และงานสังสรรค์ประจำปีของพวกเรา

    “ส่วนการประลองและกีฬาประจำปีขอให้ผู้ต้องการแข่งขันลงชื่อกับหัวหน้านักเรียนของแต่ละสาขา...ขอขอบใจนักเรียนทุกคนที่นั่งฟังจนจบ"

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่