แรกเริ่มเดิมที่ ตั้งใจจะเขียนเล่าเรื่องชื่อตอนแบบย่อๆที่สุด เพราะเป็นคนไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆ แต่สำหรับตอนนี้... จนใจเหลือเกินครับที่จะให้จบแบบครบทั้งเนื้อหาและอรรถรสใน 2-3 ย่อหน้า…. ทำใจหน่อยนะครับ ถ้าเริ่มเบื่อก็อย่าฝืนอ่านต่อนะครับ เดี๋ยวจะไม่สนุก.... จะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้อย่างไรก็สุดแล้วแต่จะพิจารณานะครับ..... ส่วนตัวเห็นว่า Park Hye Ryun ทำได้ดีมาก นับถือ… นับถือ…
ฝัน…ในค่ำคืนกลางฤดูร้อน (A Midsummer Night's Dream)
บทละครโดย วิลเลี่ยม เชคสเปียร์
ณ ราชวังเมืองเอเธนส์ ดยุค เธซิอุส ออกนั่งบัลลังก์พร้อมว่าที่เจ้าสาว ฮิปโพไลต้า ราชินีอะเมซอนผู้พ่ายแพ้ในการรบต่อเธซิอุสและกองทัพของเขา เธซิอุสตื่นเต้นอย่างยิ่งที่จะได้เข้าสู่ประตูวิวาห์ในอีก 4 วันข้างหน้า จากนั้น ก็จะได้ฉ่ำชื่นดื่มด่ำในค่ำคืนกับราชินีผู้งดงาม บรรณาการชัยชนะอันยิ่งใหญ่เหนือนักรบอะเมซอน เธซิอุสกล่าวเชิดชูเธอว่า การได้เสกสมรสกับเธอถือเป็นเรื่องน่าอภิรมย์เสียย่ิงกว่าชัยชนะในการศึก
อีจัส ชายชาวเมืองเอเธนส์ผู้หนึ่ง มาถึงปราสาทพร้อมเรื่องราวร้องเรียน เขาต้องการให้บุตรสาวของตน เฮอร์เมีย แต่งงานกับ ดิมิเทรียส แต่ชายหนุ่มอีกคนนามว่า ลายแซนเดอร์ ได้ครอบครองหัวใจของเธอ เฮอร์เมียปฏิเสธแต่งงานกับดิมิเทรียส เพราะรักอยู่กับลายแซนเดอร์ อีจัสแค้นเคือง ต้องการให้ดยุคลงโทษประหารชีวิตลูกสาวของตนที่ไม่ยอมเชื่อฟัง ตามกฏหมายแห่งเอเธนส์
เธซิอุสต้องการให้ตนดูเป็นคนมีเหตุผล จึงแนะนำเฮอร์เมียให้เป็นลูกที่ดี เชื่อฟังพ่อของเธอ เมื่อเฮอร์เมียปฏิเสธแข็งขันไม่ทำตาม จึงยื่นข้อเสนอให้เธอ 2 ประการ ยอมรับโทษประหารจากความผิดที่ดื้อดึงต่อบิดา หรือ ใช้ชีวิตเป็นแม่ชีครองความบริสุทธิ์ตลอดไป (โหดจริงๆ...ฆ่าเสียดีกว่า) เธอมีเวลา 4 วันเพื่อคิดทบทวน เลือกชะตาชีวิตของตน (จะเป็นวันเดียวกันกับวันแต่งงานของเธซิอุส)
ดิมิเทรียส กับ ลายแซนเดอร์ ทะเลาะกันว่าใครควรได้แต่งงานกับเฮอร์เมีย ดิมิเทรียสเห็นว่าสมควรเป็นตนเพราะพ่อของเธอพึงใจเขาและอนุญาตเรียบร้อยแล้ว ลายแซนเดอร์แย้งว่าตนเหมาะสมกว่า ด้วยเหตุว่ามีความรักต่อกัน พร้อมทั้งเปิดประเด็นต่อว่า ดิมิเทรียสเป็นคนปลิ้นปล้อนจับปลาหลายมือ แรกเริ่มเดิมทีนั้น รักกันอยู่กับ เฮเลน่า เพื่อนรักของเฮอร์เมีย แต่ก็ยังมาหลงรักเฮอร์เมียอีก ส่วนเฮเลน่านั้นเล่า ก็ยังปักใจรักดิมิเทรียสอยู่อย่างมั่นคง
เฮอร์เมียกับลายแซนเดอร์ วางแผนอย่างลับๆ ที่จะไปพบกันในป่า (ป่าที่สิงสถิตย์ของเหล่าเทพยดา) จากนั้นก็จะพากันไปบ้านป้าของลายแซนเดอร์ นอกเมืองเอเธนส์ แล้วแต่งงานกันเสียที่นั่น ขณะทั้งคู่วางแผนหนีตามกันไปอยู่นั้น เฮเลน่าเพื่อนรักของเฮอร์เมีย บังเอิญเข้ามา เธอปักใจหลงรักดิมิเทรียสอย่างซื่อสัตย์และรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่เขาไม่ต้องการแต่งงานด้วย เฮอร์เมียกับชายคนรักปลอบใจเพื่อนว่า เธอไม่ควรวิตกกังวลใดๆ เพราะเขาทั้งสองกำลังจะหนีไปด้วยกัน ดิมิเทรียสก็จะหมดหวังและพร้อมสานสัมพันธ์กับเธออีก
เมื่อคู่รักออกไปแล้ว เฮเลน่าเกิดกระหยิ่มยิ้มย่องและสะใจต่อความผิดหวังที่จะเกิดขึ้นกับดิมิเทรียส จึงเล่าเรื่องที่เฮอร์เมียและลายแซนเดอร์จะหนีตามกันไปให้ดิมิเทรียสฟัง หวังให้เขาสำนึกและทำใจ เมื่อทราบความจริง ดิมิเทรียสจึงติดตามไปเพื่อยับยั้ง เฮเลน่าก็เลยติดตามไปด้วยอีกคนเพราะความรักต่อดิมิเทรียส
ขณะเดียวกัน ชาวเมืองเอเธนส์กลุ่มหนึ่ง พร้อมใจกันเตรียมการแสดงละครฉลองในงานมงคลของท่านดยุคเธซิอุส เป็นละครโศกนาฎกรรมของคู่รักวัยแรกรุ่นคู่หนึ่งชื่อ พีรามุส กับ ธิสบี (โรมิโอกับจูเลียต ฉบับดั้งเดิม) อย่างไรก็ตาม นักแสดงอาสาชุดนี้เป็นคนแสดงยอดแย่ด้านการละคร (งานมงคลเลือกแสดงเรื่องอัปมงคล) ไม่รู้เรื่องอันใดเลยเกี่ยวกับการแสดงบนเวที พวกเขาตกลงจะไปฝึกซ้อมกันในป่า (ป่าที่สิงสถิตย์ของเหล่าเทพยดา) ในค่ำคืนนั้น
ณ ป่าแห่งนั้น พัค ภูตตัวน้อยผู้ซุกซนในราวป่า มีนิสัยชอบเล่นสนุก เที่ยวคอยหลอกหลอนหญิงชาวบ้านละแวกนั้น ปรากฏกายขึ้น เขาเป็นผู้รับใช้ของพระราชา โอเบรอน ราชาแห่งเทพยดาอารักษ์ พระราชาทรงทะเลาะเบาะแว้งอยู่กับพระราชินี ไทเทเนีย อันเป็นสาเหตุแห่งความวิปริตผันแปรทางธรรมชาติ (งานของเชคสเปียส์สะท้อนแนวคิดของยุคสมัยที่ว่า ภัยธรรมชาติเกิดจากการสู้รบของเหล่าเทพเทวา)
เหตุแห่งการทะเลาะคือเด็กชายอินเดียนคนหนึ่ง ผู้เป็นที่รักสุดสวาทขาดใจของราชินีไทเทเนีย พระองค์ทรงเลี้ยงดูไว้ในฐานะบุตรบุญธรรม พระราชาโอเบรอน เกิดความริษยาและต้องการได้เด็กชายมาเป็นเด็กรับใช้ พระองค์จึงปฏิเสธการร่วมสันทนาการใดๆ กับพระราชินี จนกว่าพระนางจะยอมมอบเด็กชายให้ พระราชินิปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย พร้อมให้เหตุผลว่า เธอเลี้ยงดูเด็กชายคนนี้มาเพราะความผูกพันกับแม่เด็กที่ตายจากไป ซึ่งเคยสนิทสนมกันเมื่อครั้งอยู่ในอินเดีย (อินเดียในบริบทนี้คือดินแดนอันไกลโพ้น ดินแดนแห่งความพิศวงที่รอคอยการสำรวจ)
พระราชาโอเบรอนจึงดำริแผนร้าย จะวางยาพระราชินีด้วย “ยางไม้แห่งรัก” อันแฝงเวทย์มนต์ เมื่อป้ายยางไม้นี้ที่เปลือกตาของใครแล้ว พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็จะรักใคร่ใหลหลงต่อสิ่งมีชีวิตสิ่งแรกที่มองเห็น (ป้ายตา เมื่อเปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนทัศนคติ อานุภาพแห่งรักก็จะผันแปรเปลี่ยนไปตาม) พระราชาทรงวาดฝันจะสร้างสถานการณ์ให้เธอตื่นขึ้นจากหลับแล้วได้เห็นสัตว์ร้ายรูปร่างน่าเกลียด เพื่อที่เธอจะหลงรักหัวปักหัวปำ ด้วยหวังว่า เมื่อราชินีหลงใหลในของรักใหม่ ก็จะหมดความเอ็นดูในตัวเด็กชาย และจะมอบเขาให้กับพระองค์ อีกทั้งราชินีก็จะได้รับความอับอายขายหน้าที่หลงรักตัวอัปลักษณ์ (แกล้งภรรยาตัวเอง...สะใจ)
ในตอนค่ำ เฮเลน่าและดิมิเทรียส เดินลัดเลาะเข้ามาในป่า (ป่าที่สิงสถิตย์ของเหล่าเทพยดา) ดิมิเทรียสพยายามอย่างยิ่งที่จะสลัดให้หลุดจากเธอ ปัญหาคือ เฮเลน่าไม่ยอมอยู่ห่างจากเขาเพราะเธอต้องการแสดงให้เห็นว่าเป็นรักแท้หนึ่งเดียวสำหรับเขา เมื่อได้เห็นอาการอันน่าสงสารของเฮเลน่า พระราชาโอเบรอนทรงตั้งพระทัยว่า ก่อนที่มนุษย์หนุ่มสาวคู่นี้จะออกจากป่าไป บทบาทของพวกเขาจะต้องสลับกลับกัน ดิมิเทรียสจะต้องคอยเอาอกเอาใจเฮเลน่า พระองค์ทรงหลีกไปก่อนเพื่อดำเนินแผนการต่อพระราชินี ทรงสั่งภูตพัคว่า ให้เอายางไม้ป้ายที่เปลือกตาของชายหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าแบบชาวเอเธนส์ที่เข้ามาในป่านี้กับหญิงสาวคนหนึ่ง ภูตพัคไม่รู้เลยว่า คืนนี้ มีชายหนุ่มชาวเอเธนส์ในป่ามากกว่า 1 คน
ณ ที่แห่งหนึ่งในป่า (ป่าที่สิงสถิตย์ของเหล่าเทพยดา) ลายแซนเดอร์กับเฮอร์เมียหลงทาง วนเวียนหาทางออกจากป่าเพื่อไปบ้านป้า ครั้นถึงเวลานอน ชายหนุ่มแนะนำว่าควรหลับพักผ่อนกันเสียก่อน เฮอร์เมียเห็นพ้อง และสั่งให้ขีดเส้นแบ่งเขตให้ห่างกันพอประมาณ ทั้งสองผลอยหลับไปพร้อมๆ กัน
ภูตพัคเข้ามาหาทั้งคู่ที่หลับไหลอยู่ เห็นลายแซนเดอร์เป็นชายหนุ่มในชุดชาวเอเธนส์ จึงป้ายยางไม้บนเปลือกตาของเขา เฮเลน่าผ่านเข้ามาและเดินสะดุดร่างของลายแซนเดอร์โดยมิทันระวัง ขณะรีบติดตามดิมิเทรียส ลายแซนเดอร์ตกใจตื่นขึ้นมา มองเห็นเฮเลน่า จึงหลุดเข้าสู่ภวังค์แห่งรักที่มีต่อเธอ และออกติดตามเธอเข้าไปในป่า
เฮอร์เมียหลับสนิทตลอดช่วงเหตุการณ์ เมื่อเธอตื่นขึ้นและรู้ว่าลายแซนเดอร์จากไปเสียแล้ว เธอจึงมุ่งหน้าตามรอยเข้าไปในป่าเช่นกัน โดยมิอาจล่วงรู้ได้เลยว่าชายคนรักตกหลุมรักเพื่อนสนิทของเธอเสียแล้ว
ขณะที่หนุ่มสาวทั้งสี่จะมาเจอกันพร้อมหน้าในป่าแห่งนั้น กลุ่มนักแสดงอาสากำลังฝึกซ้อมอยู่ไม่ไกล ชัดเจนว่า พวกนักแสดงเหล่านี้ไม่มีทักษะเอาเสียเลย ขณะที่ซ้อมกันอยู่ก็ได้สร้างความตลกขบขันอย่างยิ่งแก่ภูตพัค ภูตผู้ซุกซนที่แอบดูอยู่อย่างสนใจ ภูตพัคอดใจไม่ไหว เล่นหยอกล้อกับนักแสดงคนหนึ่งชื่อว่า บ๊อทท้อม ผู้เป็นคนแสดงที่ห่วยที่สุด ด้วยการแปลงศรีษะของเขาให้กลายเป็นหัวของลา
การเล่นพิเรนของภูตพัคต่อบ๊อทท้อม ทำให้พวกนักแสดงคนอื่นๆ ตระหนกตกใจขวัญหนีดีฝ่อ เพราะอยู่ๆ เพื่อนก็กลายเป็นมนุษย์หัวลา ต่างพากันวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง ส่วนตัวบ๊อทท้อมเอง เมื่อรูปร่างของตนเปลี่ยนไป ก็เข้าใจว่าเป็นการแต่งองค์ทรงเครื่องโดยฝีมือเพื่อนๆ เพื่อการแสดง มิได้ตื่นเต้นแต่ประการใด เสียงสับสนอลหม่านปลุกราชินีไทเทเนียที่บรรทมหลับอยู่ไม่ไกลให้ทรงตื่น พระนางทรงลืมตาขึ้นแลเห็นบ๊อทท้อม ก็ตกหลุมรัก คลั่งไคล้ไอ้หนุ่มหัวลาอย่างเมามัว (ต่อให้เป็น ดัลโพ บอมโจ บวกกับ แจมยอง ก็คงสู้ไอ้หนุ่มหัวลาไม่ได้ในมุมมองของพระราชินี ณ เวลานี้)
พระราชาโอเบรอน เมื่อทรงทราบว่าพระราชินีได้ตกหลุมรักตัวประหลาด ก็รู้สึกเบิกบานพระทัย ทรงหวนกลับไปหาดิมิเทรียสกับเฮเลน่า เห็นดิมิเทรียสยังหมางเมินต่อเธอก็เข้าใจว่าภูตพัคยังทำการไม่สำเร็จ พระองค์จึงทรงป้ายยางไม้ที่เปลือกตาของเขาขณะนอนหลับ
ดิมิเทรียส ทันทีที่ตื่นขึ้นก็มองเห็นเฮเลน่า ผู้อยู่ไม่ห่างกาย โดยมีลายแซนเดอร์ที่ป่วยด้วยโรครักคอยเกะกะไม่ห่าง พลันรู้สึกรักเธอเข้าอย่างจัง แสดงอาการเทิดทูนเธอดั่งเป็นเทพีที่ตนบูชา ทันใดนั้น เฮอร์เมียก็เดินเข้ามาตามเสียงของลายแซนเดอร์คนรัก บัดนี้ หนุ่มสาวทั้งสี่ได้อยู่พร้อมหน้ากัน ลายแซนเดอร์จึงประกาศว่าตนก็หลงรักเฮเลน่าเช่นกัน (เฮอร์เมียผู้น่าสงสาร ก่อนจะเข้ามาในป่าแห่งนี้ ชายสองคนนี้ต่างแย่งกันหลงรักเธอ ตอนนี้ เธอต้องรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดาย) เฮเลน่าเข้าใจว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องตลกที่ทุกคนนี้รวมหัวกันล้อเลียนตน และเริ่มโต้เถียงกับเฮอร์เมียด้วยความฉุนเฉียว ส่วนหนุ่มสองคนก็แย่งชิงกันเป็นผู้ครอบครองเฮเลน่า เริ่มท้าตีท้าต่อยกัน ชวนกันหาที่เหมาะๆเป็นเวทีประลองให้รู้แพ้รู้ชนะ เฮเลน่าเดินหนีจากไปก่อนที่เฮอร์เมียจะเริ่มอาละวาดบ้าง เฮอร์เมียตามเธอไปติดๆ (ชุลมุนว่นวาย)
พระราชาและภูตพัคได้เห็นความเป็นไปทั้งหมด ทรงปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่า ภูตพัคคงป้ายยางไม้แห่งรักบนเปลือกตาของชายเอเธนส์ผิดคนเข้าให้แล้ว พระองค์รับสั่งให้ภูตพัคใช้เวทมนต์ปกคลุมผืนป่าแห่งนั้นไว้ด้วยความมืดมิดดำสนิทและยาวนานกว่าปกติ เพื่อชายหนุ่มทั้งสองที่มาดร้ายต่อกันจะได้ไม่ต้องเจอหน้ากัน ครั้นเมื่อพวกเขาหลับลงแล้ว ภูตพัคก็จะป้ายยารักษา “ยางไม้แห่งรัก” ที่บนเปลือกตาของลายแซนเดอร์ เพื่อให้เขากลับมารักเฮอร์เมียเหมือนดั่งเดิม (มุมมอง เป็นอย่างที่ควรจะเป็น สร้างความรักให้มีพลังเหมือนที่เคยเป็น) ด้วยหวังว่าเมื่อทุกคนตื่นขึ้นจะได้กลายเป็นสองคู่รักที่มีความสุข ภูตพัคดำเนินการตามรับสั่งทุกประการ
อีกฟากฝั่งหนึ่ง ไทเทเนีย ยังคงปักใจ รักหัวปักหัวปำอยู่กับบ๊อทท้อม ซึ่งได้รับการปรนนิบัติอย่างดีจากเหล่านางฟ้าและราชินี พระราชาโอเบรอนได้ครอบครองเด็กชายอินเดียนอย่างง่ายดาย บัดนี้ พระองค์ทรงรู้สึกสงสารมเหสี และทรงเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะให้เธอกลับคืนสู่สำนึกปกติ พระองค์ทรงสั่งให้ ภูตพัค แปลงร่างของบ๊อทท้อมสู่สภาพเดิม ราชินีไทเทเนียทรงรู้สึกเหมือนตื่นจากความฝัน พระราชาโอเบรอนทรงชี้ไปที่บ๊อทท้อมที่อยู่ข้างเคียง และสัญญาว่าจะเล่าเรื่องราวภายหลัง
เช้าวันต่อมา เธซิอุส เดินทางเขามาในป่า (ป่าที่สิงสถิตย์ของเหล่าเทพยดา) พร้อมด้วยฮิปโพไลต้า อีจัส และนักล่าสัตว์กลุ่มหนึ่ง ได้พบกับหนุ่มสาวชาวเอเธนส์ทั้งสี่ที่นอนหลับอยู่บนพื้นดิน รับสั่งให้ปลุกขึ้นมา สอบถามถึงสาเหตุที่พากันมานอนอยู่ ณ ตรงนั้น ลายแซนเดอร์ สารภาพถึงแผนการณ์ของตนที่จะหนีไปกับ เฮอร์เมีย ส่วน ดิมิเทรียส สารภาพว่าได้หลงรักเฮเลน่าเสียแล้ว ดังนั้น ทั้งสองคู่จึงลงเอยในรักด้วยดี และดูเหมือนจะลืมเลือนเหตุการณ์ต่างๆทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนที่ผ่านมา อีจัส ยังคงต้องการโทษประหารชีวิตต่อบุตรสาวของตน แต่เธซิอุสสั่งห้ามเสีย พร้อมทั้งประกาศว่าหนุ่มสาวเหล่านี้จะร่วมเข้าพิธีแต่งงานพร้อมๆ กันกับพระองค์และฮิปโพไลต้า
หลังจากแขกอาวุโสทั้งหลายพากันกลับแล้ว ชายหญิงทั้งสี่คนก็พูดคุยกันถึงเรื่องราวเมื่อคืนก่อน ต่างยอมรับว่า เหมือนเป็นความฝันร่วมกัน บ๊อทท้อม เมื่อตื่นขึ้นมาก็รีบรุดกลับเข้าไปในเมือง พร่ำเพ้อถึงความฝันแสนอัศจรรย์ของตน ซึ่งได้สร้างความงุนงงให้กับพวกนักแสดงอาสาทั้งหลาย ถึงตอนนี้ ท่านดยุคและคู่รักทั้งสองได้เข้าพิธีมงคลเรียบร้อย และถึงเวลาแห่งความบันเทิงในงานฉลอง กลุ่มละครอาสาก็เตรียมพร้อมสำหรับการแสดง
(ต่อ.....)
Pinocchio ซีรีส์ -- เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยชวนให้ติดตาม -- ชื่อตอน ตอนที่ 11
ฝัน…ในค่ำคืนกลางฤดูร้อน (A Midsummer Night's Dream)
บทละครโดย วิลเลี่ยม เชคสเปียร์
ณ ราชวังเมืองเอเธนส์ ดยุค เธซิอุส ออกนั่งบัลลังก์พร้อมว่าที่เจ้าสาว ฮิปโพไลต้า ราชินีอะเมซอนผู้พ่ายแพ้ในการรบต่อเธซิอุสและกองทัพของเขา เธซิอุสตื่นเต้นอย่างยิ่งที่จะได้เข้าสู่ประตูวิวาห์ในอีก 4 วันข้างหน้า จากนั้น ก็จะได้ฉ่ำชื่นดื่มด่ำในค่ำคืนกับราชินีผู้งดงาม บรรณาการชัยชนะอันยิ่งใหญ่เหนือนักรบอะเมซอน เธซิอุสกล่าวเชิดชูเธอว่า การได้เสกสมรสกับเธอถือเป็นเรื่องน่าอภิรมย์เสียย่ิงกว่าชัยชนะในการศึก
อีจัส ชายชาวเมืองเอเธนส์ผู้หนึ่ง มาถึงปราสาทพร้อมเรื่องราวร้องเรียน เขาต้องการให้บุตรสาวของตน เฮอร์เมีย แต่งงานกับ ดิมิเทรียส แต่ชายหนุ่มอีกคนนามว่า ลายแซนเดอร์ ได้ครอบครองหัวใจของเธอ เฮอร์เมียปฏิเสธแต่งงานกับดิมิเทรียส เพราะรักอยู่กับลายแซนเดอร์ อีจัสแค้นเคือง ต้องการให้ดยุคลงโทษประหารชีวิตลูกสาวของตนที่ไม่ยอมเชื่อฟัง ตามกฏหมายแห่งเอเธนส์
เธซิอุสต้องการให้ตนดูเป็นคนมีเหตุผล จึงแนะนำเฮอร์เมียให้เป็นลูกที่ดี เชื่อฟังพ่อของเธอ เมื่อเฮอร์เมียปฏิเสธแข็งขันไม่ทำตาม จึงยื่นข้อเสนอให้เธอ 2 ประการ ยอมรับโทษประหารจากความผิดที่ดื้อดึงต่อบิดา หรือ ใช้ชีวิตเป็นแม่ชีครองความบริสุทธิ์ตลอดไป (โหดจริงๆ...ฆ่าเสียดีกว่า) เธอมีเวลา 4 วันเพื่อคิดทบทวน เลือกชะตาชีวิตของตน (จะเป็นวันเดียวกันกับวันแต่งงานของเธซิอุส)
ดิมิเทรียส กับ ลายแซนเดอร์ ทะเลาะกันว่าใครควรได้แต่งงานกับเฮอร์เมีย ดิมิเทรียสเห็นว่าสมควรเป็นตนเพราะพ่อของเธอพึงใจเขาและอนุญาตเรียบร้อยแล้ว ลายแซนเดอร์แย้งว่าตนเหมาะสมกว่า ด้วยเหตุว่ามีความรักต่อกัน พร้อมทั้งเปิดประเด็นต่อว่า ดิมิเทรียสเป็นคนปลิ้นปล้อนจับปลาหลายมือ แรกเริ่มเดิมทีนั้น รักกันอยู่กับ เฮเลน่า เพื่อนรักของเฮอร์เมีย แต่ก็ยังมาหลงรักเฮอร์เมียอีก ส่วนเฮเลน่านั้นเล่า ก็ยังปักใจรักดิมิเทรียสอยู่อย่างมั่นคง
เฮอร์เมียกับลายแซนเดอร์ วางแผนอย่างลับๆ ที่จะไปพบกันในป่า (ป่าที่สิงสถิตย์ของเหล่าเทพยดา) จากนั้นก็จะพากันไปบ้านป้าของลายแซนเดอร์ นอกเมืองเอเธนส์ แล้วแต่งงานกันเสียที่นั่น ขณะทั้งคู่วางแผนหนีตามกันไปอยู่นั้น เฮเลน่าเพื่อนรักของเฮอร์เมีย บังเอิญเข้ามา เธอปักใจหลงรักดิมิเทรียสอย่างซื่อสัตย์และรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่เขาไม่ต้องการแต่งงานด้วย เฮอร์เมียกับชายคนรักปลอบใจเพื่อนว่า เธอไม่ควรวิตกกังวลใดๆ เพราะเขาทั้งสองกำลังจะหนีไปด้วยกัน ดิมิเทรียสก็จะหมดหวังและพร้อมสานสัมพันธ์กับเธออีก
เมื่อคู่รักออกไปแล้ว เฮเลน่าเกิดกระหยิ่มยิ้มย่องและสะใจต่อความผิดหวังที่จะเกิดขึ้นกับดิมิเทรียส จึงเล่าเรื่องที่เฮอร์เมียและลายแซนเดอร์จะหนีตามกันไปให้ดิมิเทรียสฟัง หวังให้เขาสำนึกและทำใจ เมื่อทราบความจริง ดิมิเทรียสจึงติดตามไปเพื่อยับยั้ง เฮเลน่าก็เลยติดตามไปด้วยอีกคนเพราะความรักต่อดิมิเทรียส
ขณะเดียวกัน ชาวเมืองเอเธนส์กลุ่มหนึ่ง พร้อมใจกันเตรียมการแสดงละครฉลองในงานมงคลของท่านดยุคเธซิอุส เป็นละครโศกนาฎกรรมของคู่รักวัยแรกรุ่นคู่หนึ่งชื่อ พีรามุส กับ ธิสบี (โรมิโอกับจูเลียต ฉบับดั้งเดิม) อย่างไรก็ตาม นักแสดงอาสาชุดนี้เป็นคนแสดงยอดแย่ด้านการละคร (งานมงคลเลือกแสดงเรื่องอัปมงคล) ไม่รู้เรื่องอันใดเลยเกี่ยวกับการแสดงบนเวที พวกเขาตกลงจะไปฝึกซ้อมกันในป่า (ป่าที่สิงสถิตย์ของเหล่าเทพยดา) ในค่ำคืนนั้น
ณ ป่าแห่งนั้น พัค ภูตตัวน้อยผู้ซุกซนในราวป่า มีนิสัยชอบเล่นสนุก เที่ยวคอยหลอกหลอนหญิงชาวบ้านละแวกนั้น ปรากฏกายขึ้น เขาเป็นผู้รับใช้ของพระราชา โอเบรอน ราชาแห่งเทพยดาอารักษ์ พระราชาทรงทะเลาะเบาะแว้งอยู่กับพระราชินี ไทเทเนีย อันเป็นสาเหตุแห่งความวิปริตผันแปรทางธรรมชาติ (งานของเชคสเปียส์สะท้อนแนวคิดของยุคสมัยที่ว่า ภัยธรรมชาติเกิดจากการสู้รบของเหล่าเทพเทวา)
เหตุแห่งการทะเลาะคือเด็กชายอินเดียนคนหนึ่ง ผู้เป็นที่รักสุดสวาทขาดใจของราชินีไทเทเนีย พระองค์ทรงเลี้ยงดูไว้ในฐานะบุตรบุญธรรม พระราชาโอเบรอน เกิดความริษยาและต้องการได้เด็กชายมาเป็นเด็กรับใช้ พระองค์จึงปฏิเสธการร่วมสันทนาการใดๆ กับพระราชินี จนกว่าพระนางจะยอมมอบเด็กชายให้ พระราชินิปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย พร้อมให้เหตุผลว่า เธอเลี้ยงดูเด็กชายคนนี้มาเพราะความผูกพันกับแม่เด็กที่ตายจากไป ซึ่งเคยสนิทสนมกันเมื่อครั้งอยู่ในอินเดีย (อินเดียในบริบทนี้คือดินแดนอันไกลโพ้น ดินแดนแห่งความพิศวงที่รอคอยการสำรวจ)
พระราชาโอเบรอนจึงดำริแผนร้าย จะวางยาพระราชินีด้วย “ยางไม้แห่งรัก” อันแฝงเวทย์มนต์ เมื่อป้ายยางไม้นี้ที่เปลือกตาของใครแล้ว พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ก็จะรักใคร่ใหลหลงต่อสิ่งมีชีวิตสิ่งแรกที่มองเห็น (ป้ายตา เมื่อเปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนทัศนคติ อานุภาพแห่งรักก็จะผันแปรเปลี่ยนไปตาม) พระราชาทรงวาดฝันจะสร้างสถานการณ์ให้เธอตื่นขึ้นจากหลับแล้วได้เห็นสัตว์ร้ายรูปร่างน่าเกลียด เพื่อที่เธอจะหลงรักหัวปักหัวปำ ด้วยหวังว่า เมื่อราชินีหลงใหลในของรักใหม่ ก็จะหมดความเอ็นดูในตัวเด็กชาย และจะมอบเขาให้กับพระองค์ อีกทั้งราชินีก็จะได้รับความอับอายขายหน้าที่หลงรักตัวอัปลักษณ์ (แกล้งภรรยาตัวเอง...สะใจ)
ในตอนค่ำ เฮเลน่าและดิมิเทรียส เดินลัดเลาะเข้ามาในป่า (ป่าที่สิงสถิตย์ของเหล่าเทพยดา) ดิมิเทรียสพยายามอย่างยิ่งที่จะสลัดให้หลุดจากเธอ ปัญหาคือ เฮเลน่าไม่ยอมอยู่ห่างจากเขาเพราะเธอต้องการแสดงให้เห็นว่าเป็นรักแท้หนึ่งเดียวสำหรับเขา เมื่อได้เห็นอาการอันน่าสงสารของเฮเลน่า พระราชาโอเบรอนทรงตั้งพระทัยว่า ก่อนที่มนุษย์หนุ่มสาวคู่นี้จะออกจากป่าไป บทบาทของพวกเขาจะต้องสลับกลับกัน ดิมิเทรียสจะต้องคอยเอาอกเอาใจเฮเลน่า พระองค์ทรงหลีกไปก่อนเพื่อดำเนินแผนการต่อพระราชินี ทรงสั่งภูตพัคว่า ให้เอายางไม้ป้ายที่เปลือกตาของชายหนุ่มที่สวมเสื้อผ้าแบบชาวเอเธนส์ที่เข้ามาในป่านี้กับหญิงสาวคนหนึ่ง ภูตพัคไม่รู้เลยว่า คืนนี้ มีชายหนุ่มชาวเอเธนส์ในป่ามากกว่า 1 คน
ณ ที่แห่งหนึ่งในป่า (ป่าที่สิงสถิตย์ของเหล่าเทพยดา) ลายแซนเดอร์กับเฮอร์เมียหลงทาง วนเวียนหาทางออกจากป่าเพื่อไปบ้านป้า ครั้นถึงเวลานอน ชายหนุ่มแนะนำว่าควรหลับพักผ่อนกันเสียก่อน เฮอร์เมียเห็นพ้อง และสั่งให้ขีดเส้นแบ่งเขตให้ห่างกันพอประมาณ ทั้งสองผลอยหลับไปพร้อมๆ กัน
ภูตพัคเข้ามาหาทั้งคู่ที่หลับไหลอยู่ เห็นลายแซนเดอร์เป็นชายหนุ่มในชุดชาวเอเธนส์ จึงป้ายยางไม้บนเปลือกตาของเขา เฮเลน่าผ่านเข้ามาและเดินสะดุดร่างของลายแซนเดอร์โดยมิทันระวัง ขณะรีบติดตามดิมิเทรียส ลายแซนเดอร์ตกใจตื่นขึ้นมา มองเห็นเฮเลน่า จึงหลุดเข้าสู่ภวังค์แห่งรักที่มีต่อเธอ และออกติดตามเธอเข้าไปในป่า
เฮอร์เมียหลับสนิทตลอดช่วงเหตุการณ์ เมื่อเธอตื่นขึ้นและรู้ว่าลายแซนเดอร์จากไปเสียแล้ว เธอจึงมุ่งหน้าตามรอยเข้าไปในป่าเช่นกัน โดยมิอาจล่วงรู้ได้เลยว่าชายคนรักตกหลุมรักเพื่อนสนิทของเธอเสียแล้ว
ขณะที่หนุ่มสาวทั้งสี่จะมาเจอกันพร้อมหน้าในป่าแห่งนั้น กลุ่มนักแสดงอาสากำลังฝึกซ้อมอยู่ไม่ไกล ชัดเจนว่า พวกนักแสดงเหล่านี้ไม่มีทักษะเอาเสียเลย ขณะที่ซ้อมกันอยู่ก็ได้สร้างความตลกขบขันอย่างยิ่งแก่ภูตพัค ภูตผู้ซุกซนที่แอบดูอยู่อย่างสนใจ ภูตพัคอดใจไม่ไหว เล่นหยอกล้อกับนักแสดงคนหนึ่งชื่อว่า บ๊อทท้อม ผู้เป็นคนแสดงที่ห่วยที่สุด ด้วยการแปลงศรีษะของเขาให้กลายเป็นหัวของลา
การเล่นพิเรนของภูตพัคต่อบ๊อทท้อม ทำให้พวกนักแสดงคนอื่นๆ ตระหนกตกใจขวัญหนีดีฝ่อ เพราะอยู่ๆ เพื่อนก็กลายเป็นมนุษย์หัวลา ต่างพากันวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง ส่วนตัวบ๊อทท้อมเอง เมื่อรูปร่างของตนเปลี่ยนไป ก็เข้าใจว่าเป็นการแต่งองค์ทรงเครื่องโดยฝีมือเพื่อนๆ เพื่อการแสดง มิได้ตื่นเต้นแต่ประการใด เสียงสับสนอลหม่านปลุกราชินีไทเทเนียที่บรรทมหลับอยู่ไม่ไกลให้ทรงตื่น พระนางทรงลืมตาขึ้นแลเห็นบ๊อทท้อม ก็ตกหลุมรัก คลั่งไคล้ไอ้หนุ่มหัวลาอย่างเมามัว (ต่อให้เป็น ดัลโพ บอมโจ บวกกับ แจมยอง ก็คงสู้ไอ้หนุ่มหัวลาไม่ได้ในมุมมองของพระราชินี ณ เวลานี้)
พระราชาโอเบรอน เมื่อทรงทราบว่าพระราชินีได้ตกหลุมรักตัวประหลาด ก็รู้สึกเบิกบานพระทัย ทรงหวนกลับไปหาดิมิเทรียสกับเฮเลน่า เห็นดิมิเทรียสยังหมางเมินต่อเธอก็เข้าใจว่าภูตพัคยังทำการไม่สำเร็จ พระองค์จึงทรงป้ายยางไม้ที่เปลือกตาของเขาขณะนอนหลับ
ดิมิเทรียส ทันทีที่ตื่นขึ้นก็มองเห็นเฮเลน่า ผู้อยู่ไม่ห่างกาย โดยมีลายแซนเดอร์ที่ป่วยด้วยโรครักคอยเกะกะไม่ห่าง พลันรู้สึกรักเธอเข้าอย่างจัง แสดงอาการเทิดทูนเธอดั่งเป็นเทพีที่ตนบูชา ทันใดนั้น เฮอร์เมียก็เดินเข้ามาตามเสียงของลายแซนเดอร์คนรัก บัดนี้ หนุ่มสาวทั้งสี่ได้อยู่พร้อมหน้ากัน ลายแซนเดอร์จึงประกาศว่าตนก็หลงรักเฮเลน่าเช่นกัน (เฮอร์เมียผู้น่าสงสาร ก่อนจะเข้ามาในป่าแห่งนี้ ชายสองคนนี้ต่างแย่งกันหลงรักเธอ ตอนนี้ เธอต้องรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดาย) เฮเลน่าเข้าใจว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องตลกที่ทุกคนนี้รวมหัวกันล้อเลียนตน และเริ่มโต้เถียงกับเฮอร์เมียด้วยความฉุนเฉียว ส่วนหนุ่มสองคนก็แย่งชิงกันเป็นผู้ครอบครองเฮเลน่า เริ่มท้าตีท้าต่อยกัน ชวนกันหาที่เหมาะๆเป็นเวทีประลองให้รู้แพ้รู้ชนะ เฮเลน่าเดินหนีจากไปก่อนที่เฮอร์เมียจะเริ่มอาละวาดบ้าง เฮอร์เมียตามเธอไปติดๆ (ชุลมุนว่นวาย)
พระราชาและภูตพัคได้เห็นความเป็นไปทั้งหมด ทรงปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่า ภูตพัคคงป้ายยางไม้แห่งรักบนเปลือกตาของชายเอเธนส์ผิดคนเข้าให้แล้ว พระองค์รับสั่งให้ภูตพัคใช้เวทมนต์ปกคลุมผืนป่าแห่งนั้นไว้ด้วยความมืดมิดดำสนิทและยาวนานกว่าปกติ เพื่อชายหนุ่มทั้งสองที่มาดร้ายต่อกันจะได้ไม่ต้องเจอหน้ากัน ครั้นเมื่อพวกเขาหลับลงแล้ว ภูตพัคก็จะป้ายยารักษา “ยางไม้แห่งรัก” ที่บนเปลือกตาของลายแซนเดอร์ เพื่อให้เขากลับมารักเฮอร์เมียเหมือนดั่งเดิม (มุมมอง เป็นอย่างที่ควรจะเป็น สร้างความรักให้มีพลังเหมือนที่เคยเป็น) ด้วยหวังว่าเมื่อทุกคนตื่นขึ้นจะได้กลายเป็นสองคู่รักที่มีความสุข ภูตพัคดำเนินการตามรับสั่งทุกประการ
อีกฟากฝั่งหนึ่ง ไทเทเนีย ยังคงปักใจ รักหัวปักหัวปำอยู่กับบ๊อทท้อม ซึ่งได้รับการปรนนิบัติอย่างดีจากเหล่านางฟ้าและราชินี พระราชาโอเบรอนได้ครอบครองเด็กชายอินเดียนอย่างง่ายดาย บัดนี้ พระองค์ทรงรู้สึกสงสารมเหสี และทรงเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะให้เธอกลับคืนสู่สำนึกปกติ พระองค์ทรงสั่งให้ ภูตพัค แปลงร่างของบ๊อทท้อมสู่สภาพเดิม ราชินีไทเทเนียทรงรู้สึกเหมือนตื่นจากความฝัน พระราชาโอเบรอนทรงชี้ไปที่บ๊อทท้อมที่อยู่ข้างเคียง และสัญญาว่าจะเล่าเรื่องราวภายหลัง
เช้าวันต่อมา เธซิอุส เดินทางเขามาในป่า (ป่าที่สิงสถิตย์ของเหล่าเทพยดา) พร้อมด้วยฮิปโพไลต้า อีจัส และนักล่าสัตว์กลุ่มหนึ่ง ได้พบกับหนุ่มสาวชาวเอเธนส์ทั้งสี่ที่นอนหลับอยู่บนพื้นดิน รับสั่งให้ปลุกขึ้นมา สอบถามถึงสาเหตุที่พากันมานอนอยู่ ณ ตรงนั้น ลายแซนเดอร์ สารภาพถึงแผนการณ์ของตนที่จะหนีไปกับ เฮอร์เมีย ส่วน ดิมิเทรียส สารภาพว่าได้หลงรักเฮเลน่าเสียแล้ว ดังนั้น ทั้งสองคู่จึงลงเอยในรักด้วยดี และดูเหมือนจะลืมเลือนเหตุการณ์ต่างๆทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนที่ผ่านมา อีจัส ยังคงต้องการโทษประหารชีวิตต่อบุตรสาวของตน แต่เธซิอุสสั่งห้ามเสีย พร้อมทั้งประกาศว่าหนุ่มสาวเหล่านี้จะร่วมเข้าพิธีแต่งงานพร้อมๆ กันกับพระองค์และฮิปโพไลต้า
หลังจากแขกอาวุโสทั้งหลายพากันกลับแล้ว ชายหญิงทั้งสี่คนก็พูดคุยกันถึงเรื่องราวเมื่อคืนก่อน ต่างยอมรับว่า เหมือนเป็นความฝันร่วมกัน บ๊อทท้อม เมื่อตื่นขึ้นมาก็รีบรุดกลับเข้าไปในเมือง พร่ำเพ้อถึงความฝันแสนอัศจรรย์ของตน ซึ่งได้สร้างความงุนงงให้กับพวกนักแสดงอาสาทั้งหลาย ถึงตอนนี้ ท่านดยุคและคู่รักทั้งสองได้เข้าพิธีมงคลเรียบร้อย และถึงเวลาแห่งความบันเทิงในงานฉลอง กลุ่มละครอาสาก็เตรียมพร้อมสำหรับการแสดง
(ต่อ.....)