ในงานเฉลิมฉลองการประสูติของเจ้าหญิงองค์หนึ่ง มีนางฟ้าหลายตนเสก ตนแรกเสกให้ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพระราชินีม่ายองค์หนึ่ง ได้ส่งลูกสาวของเธอไปแต่งงานกับคู่หมั้นที่เป็นเจ้าชายในดินแดนที่ห่างไป โดยราชินีได้มอบ ได้ม้าพูดได้ชื่อ “ฟาลาดา” (Falada) กับสาวใช้มาดูแลเธอตลอดการเดินทาง นอกจากนี้เจ้าหญิงจะได้รับเครื่องรางพิเศษของแม่ที่จะปกป้องเธอตราบเท่าที่เธอสวมมัน
เครื่องรางพิเศษของเจ้าหญิงก็คือผ้าเช็ดหน้าที่พระราชินิเอาเข็มจิ้มที่นิ้วก้อยตัวเองให้เลือดหยดลงบนผ้าเช็ดหน้า 3 หยดเพื่อเป็นเครื่องยืนยันฐานะเจ้าหญิง
เจ้าหญิงได้เดินทางพร้อมกับคนใช้คนของเธอ จนกระทั่งระหว่างทาง เจ้าหญิงเกิดหิวน้ำ จึงได้ขอให้คนรับใช้เอาน้ำมาให้ แต่ไม่รู้เพราะอะไรคนรับใช้ปฏิเสธคำขอ พร้อมบอกว่า “ถ้าคุณต้องการน้ำ ควรทำด้วยตนเอง ฉันไม่ได้เป็นทาสของท่าน” ทำให้เจ้าหญิงต้องไปดื่มน้ำเองที่ลำธารที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อเธอโน้นตัวลงไปในน้ำ หากแต่แล้วเธอได้ทำเครื่องรางพิเศษ หล่นลอยไปตามน้ำ สาวใช้เห็นเครื่องยืนยันความเป็นเจ้าหญิงหล่นหายไปแล้วจึงบังคับเปลี่ยนตัว พร้อมบังคับให้เจ้าหญิงสาบานว่าเจ้าหญิงจะต้องปกปิดตัวจริงเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ หากเจ้าหญิงผิดสัญญาจะถูกฆ่าและนำศพไปทิ้งในป่าลึก
พอมาถึงอาณาจักรเนื่องจากเจ้าหญิงไม่มีหลักฐานยืนยันตัวจึงยอมเป็นสาวเลี้ยงห่านในวัง ส่วนสาวใช้กลัวฟาลิดาพูดความจริงจึงสั่งให้ตัดหัวซะเพื่อปิดปาก แต่เจ้าหญิงได้จึงหัวของฟาลิดาแขวนไว้ที่ประตู แล้วทุกคืนเจ้าหญิงจะไปร้องไห้ปรับทุกข์กับหัวฟาลิดาถึงเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งหัวของฟาลิดาก็จะพูดปลอบใจทุกครั้ง
อยู่มาวันนึงมีเด็กเลี้ยงม้าไปได้ยินเรื่องที่เจ้าหญิงคุยกับฟาลิดาจึงตามแอบดูขณะที่นางกำลังเลี้ยงห่าน เจ้าหญิงได้ปล่อยหมวกและปล่อยผมสีทองเป็นประกายยาวออกมา เด็กเลี้ยงม้าไม่เคยเห็นเส้นผมสีทองสวยแบบนี้มาก่อนก็นึกอยากได้จึงย่องไปหมายดึงออกมาซักสองสามเส้น แต่เจ้าหญิงเห็นซะก่อนจึงอธิษฐานว่า "สายลมเอ๋ยจงพัดให้หมวกปลิวไปไกล คนที่จับจับต้องเส้นผมฉันได้มีเพียงแต่สามีของฉันเท่านั้น" ทันใดนั้นก็เกิดลมพัดหมวกของเด็กเลี้ยงม้าปลิวออกไป พอเด็กเลี้ยงม้าไล่ตามเก็บกลับมาเจ้าหญิงก็รวบผมเก็บเรียบร้อยแล้ว
วันต่อมาเด็กเลี้ยงม้าได้เล่าเรื่องนี้ให้เจ้าชายฟัง วันต่อมาเจ้าชายก็ตามไปแอบดูก็เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง คืนนั้นเจ้าชายจึงไปซุ่มอยู่หลังประตูก็พบว่าสาวเลี้ยงห่างก็คือเจ้าหญิงนั้นเอง จึงรับเธอเข้าในวัง ส่วนสาวใช้ถูกลงโทษโดยจับเปลือยกายแล้วยัดลงถังที่ตอกตะปูรอบด้าน แล้วถูกลากแห่ประจายไปรอบมืองด้วยม้า และแล้วเจ้าหญิงก็แต่งงานกับเจ้าชายและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ตนที่สองเสกให้ กาลครั้งหนึ่งมีพ่อค้ามั่งคั่งคนหนึ่งที่มีทุกสิ่งทุกอย่างหากแต่เขาไม่มีลูก จนเป็นเหตุทำให้ชาวบ้านเยาะเย้ย และนั้นทำให้พ่อค้นโกรธมาก เขาเลยตะโกนด่าชาวบ้านว่า “ฉันจะมีลูกแม้ว่ามันจะเป็นเม่นก็ตาม
และเมื่อเขากลับมาบ้านก็พบว่าภรรยาของเขากำเนิดบุตรเป็นทารศเพศชายที่เป็นครึ่งบนเป็นเม่น ส่วนครึ่งล่างเป็นคน พวกเขาตั้งชื่อลูกสาวฮันส์
อย่างไรก็ตาม ด้วยความอับอายที่มีลูกเป็นเม่น พ่อแม่ก็ตัดสินใจวางเด็กหลังเตา และทิ้งเด็ก จนเวลาผ่านไปแปดปี ที่น่าแปลกคือเด็กไม่ตาย แถมเด็กยังขอพ่อจัด ปี่และไก่ (ซึ่งต่อมาไก่ตัวให่ยักษ์) เพื่อให้เขาขี่มันเข้าไปในป่า และเป่าปี่เล่นบนต้นไม้ และใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเฝ้าดูสุกรและลา
จนกระทั่งวันหนึ่งมีพระราชาองค์หนึ่งได้เกิดหลงป่า และถามทางออกจากป่าจากฮันส์ เมื่อได้ยินฮันส์เลยมีข้อเสนอให้พระราชาสัญญาว่าหากเขาช่วยจะต้องให้รางวัลกับเขาก็จะตอบแทน โดยให้สิ่งแรกที่ฮันส์เห็นเมื่อเขามายังอาณาจักรของพระราชา แน่นอนว่าเม่นได้ตกลงกันโดยทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร และรางวัลที่เขาควรได้คือสิ่งแรกที่เม่นเห็นคือเจ้าหญิงที่แสนงดงาม หากแต่ตอนท้ายพระราชาได้เล่นแง่ว่าฮันส์ไม่รู้หนังสือ สัญญาที่ทำไว้เป็นโฆษะ เขาเลยสัญญาว่าจะให้เขาแต่งงานกับเจ้าหญิง แต่กลายเป็นว่าเมื่อฮันส์ช่วยพระราชาแล้ว พระราชาได้สั่งทหารไล่คนครึ่งเม่นขี่ไก่ยักษ์ให้กลับป่าและอย่าให้เข้ามาอาณาจักรเข่าอีก
เม่นเจ็บใจที่พระราชาไม่ทำตามสัญญา ในเวลาต่อมาก็มีพระราชาอีกเมืองหลงเข้ามา และขอให้ฮันส์ช่วยเหลือ คราวนี้พระราชาคนนั้นไม่ได้หลอกลวงฮันส์ และสัญญาแบบพระราชาองค์แรก และรางวัลคือเจ้าหญิง ซึ่งพระราชาคนที่สองให้เจ้าหญิงแก่เม่นตามสัญญา
จากนั้นเม่นก็ได้เดินทางไปยังดินแดนของพระราชาองค์แรกและ บังคับให้เจ้าหญิงลูกสาวพระราชาองค์แรกถอดเสื้อผ้าเธอออกแล้วฮันส์ก็ใช้ขนที่อยู่ด้านหล้งเสียบร่างเจ้าหญิงจนเลือดออกเป็นการแก้แค้น และส่งเธอกลับไปที่ของพ่อของเธอ (เจ้าหญิงไม่ตาย) หลังจากนั้นเขาก็กลับมายังอาณาจักรของพระราชาที่รักษาสัญญาและแต่งงานกับเจ้าหญิง
และในคืนวันแต่งงาน ฮันส์ได้ถอดผิวหนังเม่นออก และเขาสั่งให้ทหารเผาผิวหนัง และเม่นก็ได้กลายเป็นชายหนุ่มรูปงาม ครองรักอย่างมีความสุข ตนที่สามเสกให้ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าของโรงสีคนหนึ่งได้ไปตัดไม้ในป่า ระหว่างทางได้เจอชายชราคนหนึ่ง ชายชราได้มีข้อเสนอว่าจะทำให้เขาเป็นคนร่ำรวยที่สุดในโลก โดนแลกกับสิ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังโรงสีของเขา ตอนแรกเขาคิดว่าคงเป็นต้นแอปเปิ้ลเก่าที่อยู่ด้านหลังโรงสี เขาเลยตอบตกลง ชายชราคนนั้นได้บอกว่าเขาจะกลับมาทวงสัญญาในอีกสามปีให้หลัง และเมื่อเขากลับไปถึงบ้านก็พบว่าลูกสาวของเขายืนอยู่ใต้ต้นไม้
ชายชราคนนั้นเป็นปีศาจ สามปีต่อมามันได้กลับมาทวงสัญญาที่ให้ไว้ หากแต่ลูกสาวของเจ้าของโรงสียังคงบริสุทธิ์ เนื้อตัวของเธอสะอาด ทำให้ปีศาจไม่สามารถพาเธอไปได้ มันจึงสั่งให้เจ้าของโรงสีเก็บน้ำให้ห่างจากตัวเธอไม่ให้เธอล้างตัว พรุ่งนี้เขาจะมารับอีกครั้ง
วันต่อมาปีศาจก็ไม่สามารถรับตัวเธอได้อีกเพราะเธอได้ร้องไห้ น้ำตาได้ถูกมือของเธอจนสะอาดบริสุทธิ์ ปีศาจจึงสั่งให้พ่อของเธอเอาแขนวางพาดกับตอตัดไม้ แล้วใช้ขวานตัดข้อมือสองข้างของหญิงสาวออกเพื่อให้เธอไม่บริสุทธิ์ หากไม่ทำปีศาจจะพาเขาไปแทน แน่นอนว่าทำให้พ่อของเด็กสาวจำใจต้องทำ เขาตัดแขนทั้งสองของลูกสาว แต่กลายเป็นว่าระหว่างที่เด็กสาวถูกตัดมือเธอได้ร้องไห้ น้ำตาบริสุทธิ์ลงบนต้นแขนของเธอ(มือ) จนมันสะอาด จนปีศาจต้องตัดใจไป
ต่อมาหญิงสาวได้ตัดสินใจออกจากบ้านหลังนี้ หลังจากที่เธอเดินทางก็เกิดหิวขึ้นมา จนมาถึงสวนในพระราชวังของพระราชาองค์หนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยลูกแพร์ที่น่าอร่อย แต่มีคูเมืองมาขวางกั้น หญิงสาวจึงได้สวดภาวนา ก็มีทูตสวรรค์ปรากฏตัวแล้วระบายน้ำคูเมืองออก จนแห้ง หญิงสาวจึงสามารถเดินข้ามไปกินลูกแพร์ได้
เช้าวันรุ่งขึ้น พระราชาได้ไปที่สวนก็พบว่าผลไม้ในสวนถูกมือดีขโมยไป และคืนวันนั้นพระองค์เลยแอบซ่อนตัวในสวน เพื่อหาหัวขโมย จนได้เห็นหญิงสาวไร้มือสองข้างข้ามคูน้ำไปเก็บผลไม้ในสวนของพระองค์ และนั้นทำให้พระราชาแต่งงานกับเธอคนนั้น และมือสองข้างที่หายไปถูกแทนที่ด้วยมือที่ทำจากเงิน
แต่เรื่องราวไม่จบง่ายๆ ปีศาจยังโกรธแค้นเรื่องในอดีตอยู่ หญิงสาวเป็นของมัน ไม่ใช่ของพระราชา ต่อมาพระราชาได้ออกไปรบต่างเมือง และฝากราชินีอยู่ภายใต้การดูแลของแม่ของเขา ระหว่างนั้นราชินีได้คลอดบุตรชาย จึงได้เขียนจดหมายบอกข่าวให้พระราชาทราบ หากแต่ระหว่างทางปีศาจได้สับเปลี่ยนเนื้อหาจดหมายว่า "ภรรยาของเขาได้คลอดบุตรที่เกิดมาถูกสับเปลี่ยนโดยปีศาจ" (เป็นความเชื่อพื้นบ้าน ที่ว่าพวกภูตมักสับเปลี่ยนเด็กของพวกเขา กับเด็กของมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์เลี้ยงดู) พระราชาได้ทราบขาวก็นึกเสียใจ แต่ก็ได้เขียนจดหมายเนื้อความว่า "ให้ทหารดูแลพระราชานีและลูกให้ดี แม้ว่าเด็กคนนั้นจะถูกสับเปลี่ยนโดยปีศาจก็ตาม" แต่ระหว่างทางจดหมายได้ถูกปีศาจอีก และสับเปลี่ยนเนื้อหาสั่งให้ทหารฆ่าพระราชินีและเด็ก แล้วนำลิ้นและตาพระราชินีเป็นหลักฐาน (บางเวอร์ชั่นเป็นหัวใจ)
อย่างไรก็ตาม แม่ของพระราชาและพวกคนรับใช้ไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้ จึงบอกให้พวกเขาหนีไป แล้วฆ่าควักตา และตัดบลิ้นกวางมาแทน ระหว่างนั้นราชินีและลูกก็หนีเข้าไปป่า แล้วทูตสวรรค์ก็ช่วยเธอด้วยการให้เธอพักกระท่อมเล็กๆ ที่ปลอดภัย
เจ็ดปีต่อมาพระราชายังคงตามหาราชินีของตนทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นถ้ำหรือหน้าผาหินก็ไม่พบ เขาไม่กินหรือดืมเอาแต่คนหา จนทูตสวรรค์เห็นใจ ในที่สุดขาพบกระท่อมหลังหนึ่งใกล้ปราสาท และได้พบภรรยาของตนเองและลูกชายของพวกเขา หลังจากปรับความเข้าใจกัน (มีลูกงอนนิดหน่อย) พระราชาก็รับพวกเธอกลับวังและแต่งงานกันอีกครั้ง ทั้งคู่อยู่กินกันอย่างมีความสุขเรื่อยมา ตนที่ห้าเสกให้ กาลครั้งหนึ่งมีพระราชาองค์หนึ่งมีลูกสาวที่สวยงดงามมาก แต่แปลกคือแม้จะมีคู่ครองหลายคนมาจีบ แต่ทุกคนล้วนไม่ได้ตัวเจ้าหญิง เพราะเจ้าหญิงตั้งเงื่อนไขว่า “หากได้ฉันเป็นผู้ครอง หากวันใดวันหนึ่งใครตายไป คนที่มีชีวิตอยู่จะต้องถูกฝังทั้งเป็น ในหลุมศพเดียว เพื่ออยู่ด้วยกันตลอดไป”
จนกระทั่งวันหนึ่งมีเด็กชาวนาคนหนึ่งได้ออกจากบ้านและทำงานเป็นทหาร และสามารถสู้รบจนได้รับชนะกลับมาบ้านเกิดได้ พระราชาได้ทราบวีรกรรมความกล้าหาญของเขา จึงตอบแทนด้วยสมบัติล้ำค่าและแต่งตั้งให้เขาเป็นอัศวิน
ต่อมาเขาได้ไปเยือนปราสาทและได้พบเจ้าหญิง เขาตกหลุมรักทันที เขาจึงขอเธอแต่งงาน และยอมรับเงื่อนไขที่เธอตั้งเอาไว้ ทั้งสองกินอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขมานานหลายปี จนเจ้าหญิงป่วยและเสียชีวิต สามีของเธอเสียใจมากและได้ทำสัญญาตามที่ว่าไว้ ด้วยการฝังทั้งเป็นอยู่กับเธอในห้องสุสาน ใต้ถุนโบสถ์
ในขณะที่เขากำลังอดตายอยู่นั้น เขาได้เห็นงูเลื่อยผ่านรอยแยกในผนัง เขาเลยจัดการฆ่ามันเพื่อปกป้องศพของภรรยาของเขา และเขาก็ตัดงูตัวขาดเป็นสามท่อน และทันใดนั้นก็มีงูตัวหนึ่งคาบใบไม้สามใบมาวางบนแผลงู จนงูตัวที่ตายคืนชีพมีชีวิตอีกครั้ง งูทั้งสองหายไป แต่ยังมีใบไม้ตกอยู่บนพื้นดิน เจ้าชายเห็นจึงได้ใช้ไบไม้นี้คืนชีพเจ้าหญิง มันก็ได้ผล ทั้งสองหนีออกจากห้องและขึ้นเรือกลับปราสาท เพื่อไปหาพระราชา
เรื่องควรจบลงแบบแอปปี้ แต่ยังก่อน ยังมีต่ออีก แม้ว่าเจ้าหญิงจะคืนชีพเป็นคนรักของอัศวินอีกครั้ง หากแต่เมื่อวันเวลาผ่านไปความรักของเจ้าหญิงที่มีต่อสามีก็เหือดแห้งลงไปจากเธอจนหมดสิ้น จนวันหนึ่ง ระหว่างที่ทั้งสองเดินทางด้วยเรือล่องทะเลเพื่อมาเยี่ยมพ่อของสามีอยู่นั้น เจ้าหญิงได้ตกหลุมรักกับกัปตันเรือ ความรักครั้งใหม่ของเจ้าหญิงทำให้ลืมความรักและบุญคุณของสามีจนหมดสิ้น และแล้วเจ้าหญิงได้ขอให้กัปตันเรือร่วมมือฆ่าสามีตนด้วย การจับโยนลงไปในทะเลและจมน้ำตาย แต่คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้เพราะภายหลังข้ารับใช้ได้ช่วยเหลือชายหนุ่มแล้วใช้ใบไม้สามใบคืนชีพเขา และกลับมาอาณาจักรเพื่อเปิดโปงชายโฉดหญิงชั่ว และพระราชาก็จัดการลงโทษคู่นั้นด้วยการส่งพวกเขาออกทะเลด้วยเรือที่ใต้ท้องเรือถูกเจาะจนพรุน ตนที่หกเสกให้ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีพ่อมดคนหนึ่งได้ปลอมตัวเป็นคนขอทาน แล้วไปบ้านหลังหนึ่งที่มีพี่น้องสามสาว เขาสัมผัสกับพี่สาวคนโตของบ้าน แล้วก็ใส่ตัวเธอลงในตะกร้าใบใหญ่ของเขา เขาลักพาเธอไปยังบ้านสีทอง โดยเขาสัญญากับเธอว่า เธอจะได้ทุกอย่างตามที่ต้องการหากเธออยู่ที่นี้และกลายเป็นภรรยาของเขา
อย่างไรก็ตาม ต่อมาพ่อมดจำต้องออกไปทำธุระข้างนอก เขาได้ให้กุญแจเธอที่สามารถไขทุกห้องในบ้านหลังนี้ได้ แต่กำชับว่า “ห้ามว่าเข้าไปในห้องพักของฉันเด็ดขาด ไม่งั้นจ้าอาจถูกลงโทษถึงตายได้” นอกจากนี้เขายังมอบไข่ให้เธอใบหนึ่งและบอกเธอว่า “ดูแลไข่ใบนี้ให้ดี ให้มันติดตัวเจ้าตลอดเวลา หากละเลยเจ้าอาจโชคร้าย แต่จะโชคดีหากเธอดูแลมัน”
หลังจากที่เขาออกไป ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของหญิงสาวเธอก็ได้เข้าไปห้องต้องห้าม ที่นั่นเธอพบอ่างที่เต็มไปด้วยเลือด ซากหญิงสาวที่ตายแล้วถูกหั่นเป็นท่อนๆ และขวานขนาดใหญ่และเขียงที่ใช้หั่นศพวางเด่นในห้อง
ด้วยความตกใจสิ่งที่เห็นตรงหน้า เธอได้ทำไข่ตกลงไปในแอ่งเลือดพอดี หญิงสาวพยายามเอาไข่มาทำสะอาดเท่าไหร่ก็ไม่สะอาด และเมื่อพ่อมดกลับมาเห็นไข่เปื้อนเลือด และนั้นเองทำให้พ่อมดรู้ว่าภรรยาของตนเข้าห้องต้องห้ามแล้ว เขาพยายามที่ฆ่าเธอ ด้วยการสับเธอเป็นท่อนๆ ติดตามตอนต่อไป
นิทานเจ้าหญิงแต่งเอง
เครื่องรางพิเศษของเจ้าหญิงก็คือผ้าเช็ดหน้าที่พระราชินิเอาเข็มจิ้มที่นิ้วก้อยตัวเองให้เลือดหยดลงบนผ้าเช็ดหน้า 3 หยดเพื่อเป็นเครื่องยืนยันฐานะเจ้าหญิง
เจ้าหญิงได้เดินทางพร้อมกับคนใช้คนของเธอ จนกระทั่งระหว่างทาง เจ้าหญิงเกิดหิวน้ำ จึงได้ขอให้คนรับใช้เอาน้ำมาให้ แต่ไม่รู้เพราะอะไรคนรับใช้ปฏิเสธคำขอ พร้อมบอกว่า “ถ้าคุณต้องการน้ำ ควรทำด้วยตนเอง ฉันไม่ได้เป็นทาสของท่าน” ทำให้เจ้าหญิงต้องไปดื่มน้ำเองที่ลำธารที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อเธอโน้นตัวลงไปในน้ำ หากแต่แล้วเธอได้ทำเครื่องรางพิเศษ หล่นลอยไปตามน้ำ สาวใช้เห็นเครื่องยืนยันความเป็นเจ้าหญิงหล่นหายไปแล้วจึงบังคับเปลี่ยนตัว พร้อมบังคับให้เจ้าหญิงสาบานว่าเจ้าหญิงจะต้องปกปิดตัวจริงเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ หากเจ้าหญิงผิดสัญญาจะถูกฆ่าและนำศพไปทิ้งในป่าลึก
พอมาถึงอาณาจักรเนื่องจากเจ้าหญิงไม่มีหลักฐานยืนยันตัวจึงยอมเป็นสาวเลี้ยงห่านในวัง ส่วนสาวใช้กลัวฟาลิดาพูดความจริงจึงสั่งให้ตัดหัวซะเพื่อปิดปาก แต่เจ้าหญิงได้จึงหัวของฟาลิดาแขวนไว้ที่ประตู แล้วทุกคืนเจ้าหญิงจะไปร้องไห้ปรับทุกข์กับหัวฟาลิดาถึงเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งหัวของฟาลิดาก็จะพูดปลอบใจทุกครั้ง
อยู่มาวันนึงมีเด็กเลี้ยงม้าไปได้ยินเรื่องที่เจ้าหญิงคุยกับฟาลิดาจึงตามแอบดูขณะที่นางกำลังเลี้ยงห่าน เจ้าหญิงได้ปล่อยหมวกและปล่อยผมสีทองเป็นประกายยาวออกมา เด็กเลี้ยงม้าไม่เคยเห็นเส้นผมสีทองสวยแบบนี้มาก่อนก็นึกอยากได้จึงย่องไปหมายดึงออกมาซักสองสามเส้น แต่เจ้าหญิงเห็นซะก่อนจึงอธิษฐานว่า "สายลมเอ๋ยจงพัดให้หมวกปลิวไปไกล คนที่จับจับต้องเส้นผมฉันได้มีเพียงแต่สามีของฉันเท่านั้น" ทันใดนั้นก็เกิดลมพัดหมวกของเด็กเลี้ยงม้าปลิวออกไป พอเด็กเลี้ยงม้าไล่ตามเก็บกลับมาเจ้าหญิงก็รวบผมเก็บเรียบร้อยแล้ว
วันต่อมาเด็กเลี้ยงม้าได้เล่าเรื่องนี้ให้เจ้าชายฟัง วันต่อมาเจ้าชายก็ตามไปแอบดูก็เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง คืนนั้นเจ้าชายจึงไปซุ่มอยู่หลังประตูก็พบว่าสาวเลี้ยงห่างก็คือเจ้าหญิงนั้นเอง จึงรับเธอเข้าในวัง ส่วนสาวใช้ถูกลงโทษโดยจับเปลือยกายแล้วยัดลงถังที่ตอกตะปูรอบด้าน แล้วถูกลากแห่ประจายไปรอบมืองด้วยม้า และแล้วเจ้าหญิงก็แต่งงานกับเจ้าชายและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ตนที่สองเสกให้ กาลครั้งหนึ่งมีพ่อค้ามั่งคั่งคนหนึ่งที่มีทุกสิ่งทุกอย่างหากแต่เขาไม่มีลูก จนเป็นเหตุทำให้ชาวบ้านเยาะเย้ย และนั้นทำให้พ่อค้นโกรธมาก เขาเลยตะโกนด่าชาวบ้านว่า “ฉันจะมีลูกแม้ว่ามันจะเป็นเม่นก็ตาม
และเมื่อเขากลับมาบ้านก็พบว่าภรรยาของเขากำเนิดบุตรเป็นทารศเพศชายที่เป็นครึ่งบนเป็นเม่น ส่วนครึ่งล่างเป็นคน พวกเขาตั้งชื่อลูกสาวฮันส์
อย่างไรก็ตาม ด้วยความอับอายที่มีลูกเป็นเม่น พ่อแม่ก็ตัดสินใจวางเด็กหลังเตา และทิ้งเด็ก จนเวลาผ่านไปแปดปี ที่น่าแปลกคือเด็กไม่ตาย แถมเด็กยังขอพ่อจัด ปี่และไก่ (ซึ่งต่อมาไก่ตัวให่ยักษ์) เพื่อให้เขาขี่มันเข้าไปในป่า และเป่าปี่เล่นบนต้นไม้ และใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเฝ้าดูสุกรและลา
จนกระทั่งวันหนึ่งมีพระราชาองค์หนึ่งได้เกิดหลงป่า และถามทางออกจากป่าจากฮันส์ เมื่อได้ยินฮันส์เลยมีข้อเสนอให้พระราชาสัญญาว่าหากเขาช่วยจะต้องให้รางวัลกับเขาก็จะตอบแทน โดยให้สิ่งแรกที่ฮันส์เห็นเมื่อเขามายังอาณาจักรของพระราชา แน่นอนว่าเม่นได้ตกลงกันโดยทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร และรางวัลที่เขาควรได้คือสิ่งแรกที่เม่นเห็นคือเจ้าหญิงที่แสนงดงาม หากแต่ตอนท้ายพระราชาได้เล่นแง่ว่าฮันส์ไม่รู้หนังสือ สัญญาที่ทำไว้เป็นโฆษะ เขาเลยสัญญาว่าจะให้เขาแต่งงานกับเจ้าหญิง แต่กลายเป็นว่าเมื่อฮันส์ช่วยพระราชาแล้ว พระราชาได้สั่งทหารไล่คนครึ่งเม่นขี่ไก่ยักษ์ให้กลับป่าและอย่าให้เข้ามาอาณาจักรเข่าอีก
เม่นเจ็บใจที่พระราชาไม่ทำตามสัญญา ในเวลาต่อมาก็มีพระราชาอีกเมืองหลงเข้ามา และขอให้ฮันส์ช่วยเหลือ คราวนี้พระราชาคนนั้นไม่ได้หลอกลวงฮันส์ และสัญญาแบบพระราชาองค์แรก และรางวัลคือเจ้าหญิง ซึ่งพระราชาคนที่สองให้เจ้าหญิงแก่เม่นตามสัญญา
จากนั้นเม่นก็ได้เดินทางไปยังดินแดนของพระราชาองค์แรกและ บังคับให้เจ้าหญิงลูกสาวพระราชาองค์แรกถอดเสื้อผ้าเธอออกแล้วฮันส์ก็ใช้ขนที่อยู่ด้านหล้งเสียบร่างเจ้าหญิงจนเลือดออกเป็นการแก้แค้น และส่งเธอกลับไปที่ของพ่อของเธอ (เจ้าหญิงไม่ตาย) หลังจากนั้นเขาก็กลับมายังอาณาจักรของพระราชาที่รักษาสัญญาและแต่งงานกับเจ้าหญิง
และในคืนวันแต่งงาน ฮันส์ได้ถอดผิวหนังเม่นออก และเขาสั่งให้ทหารเผาผิวหนัง และเม่นก็ได้กลายเป็นชายหนุ่มรูปงาม ครองรักอย่างมีความสุข ตนที่สามเสกให้ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเจ้าของโรงสีคนหนึ่งได้ไปตัดไม้ในป่า ระหว่างทางได้เจอชายชราคนหนึ่ง ชายชราได้มีข้อเสนอว่าจะทำให้เขาเป็นคนร่ำรวยที่สุดในโลก โดนแลกกับสิ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังโรงสีของเขา ตอนแรกเขาคิดว่าคงเป็นต้นแอปเปิ้ลเก่าที่อยู่ด้านหลังโรงสี เขาเลยตอบตกลง ชายชราคนนั้นได้บอกว่าเขาจะกลับมาทวงสัญญาในอีกสามปีให้หลัง และเมื่อเขากลับไปถึงบ้านก็พบว่าลูกสาวของเขายืนอยู่ใต้ต้นไม้
ชายชราคนนั้นเป็นปีศาจ สามปีต่อมามันได้กลับมาทวงสัญญาที่ให้ไว้ หากแต่ลูกสาวของเจ้าของโรงสียังคงบริสุทธิ์ เนื้อตัวของเธอสะอาด ทำให้ปีศาจไม่สามารถพาเธอไปได้ มันจึงสั่งให้เจ้าของโรงสีเก็บน้ำให้ห่างจากตัวเธอไม่ให้เธอล้างตัว พรุ่งนี้เขาจะมารับอีกครั้ง
วันต่อมาปีศาจก็ไม่สามารถรับตัวเธอได้อีกเพราะเธอได้ร้องไห้ น้ำตาได้ถูกมือของเธอจนสะอาดบริสุทธิ์ ปีศาจจึงสั่งให้พ่อของเธอเอาแขนวางพาดกับตอตัดไม้ แล้วใช้ขวานตัดข้อมือสองข้างของหญิงสาวออกเพื่อให้เธอไม่บริสุทธิ์ หากไม่ทำปีศาจจะพาเขาไปแทน แน่นอนว่าทำให้พ่อของเด็กสาวจำใจต้องทำ เขาตัดแขนทั้งสองของลูกสาว แต่กลายเป็นว่าระหว่างที่เด็กสาวถูกตัดมือเธอได้ร้องไห้ น้ำตาบริสุทธิ์ลงบนต้นแขนของเธอ(มือ) จนมันสะอาด จนปีศาจต้องตัดใจไป
ต่อมาหญิงสาวได้ตัดสินใจออกจากบ้านหลังนี้ หลังจากที่เธอเดินทางก็เกิดหิวขึ้นมา จนมาถึงสวนในพระราชวังของพระราชาองค์หนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยลูกแพร์ที่น่าอร่อย แต่มีคูเมืองมาขวางกั้น หญิงสาวจึงได้สวดภาวนา ก็มีทูตสวรรค์ปรากฏตัวแล้วระบายน้ำคูเมืองออก จนแห้ง หญิงสาวจึงสามารถเดินข้ามไปกินลูกแพร์ได้
เช้าวันรุ่งขึ้น พระราชาได้ไปที่สวนก็พบว่าผลไม้ในสวนถูกมือดีขโมยไป และคืนวันนั้นพระองค์เลยแอบซ่อนตัวในสวน เพื่อหาหัวขโมย จนได้เห็นหญิงสาวไร้มือสองข้างข้ามคูน้ำไปเก็บผลไม้ในสวนของพระองค์ และนั้นทำให้พระราชาแต่งงานกับเธอคนนั้น และมือสองข้างที่หายไปถูกแทนที่ด้วยมือที่ทำจากเงิน
แต่เรื่องราวไม่จบง่ายๆ ปีศาจยังโกรธแค้นเรื่องในอดีตอยู่ หญิงสาวเป็นของมัน ไม่ใช่ของพระราชา ต่อมาพระราชาได้ออกไปรบต่างเมือง และฝากราชินีอยู่ภายใต้การดูแลของแม่ของเขา ระหว่างนั้นราชินีได้คลอดบุตรชาย จึงได้เขียนจดหมายบอกข่าวให้พระราชาทราบ หากแต่ระหว่างทางปีศาจได้สับเปลี่ยนเนื้อหาจดหมายว่า "ภรรยาของเขาได้คลอดบุตรที่เกิดมาถูกสับเปลี่ยนโดยปีศาจ" (เป็นความเชื่อพื้นบ้าน ที่ว่าพวกภูตมักสับเปลี่ยนเด็กของพวกเขา กับเด็กของมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์เลี้ยงดู) พระราชาได้ทราบขาวก็นึกเสียใจ แต่ก็ได้เขียนจดหมายเนื้อความว่า "ให้ทหารดูแลพระราชานีและลูกให้ดี แม้ว่าเด็กคนนั้นจะถูกสับเปลี่ยนโดยปีศาจก็ตาม" แต่ระหว่างทางจดหมายได้ถูกปีศาจอีก และสับเปลี่ยนเนื้อหาสั่งให้ทหารฆ่าพระราชินีและเด็ก แล้วนำลิ้นและตาพระราชินีเป็นหลักฐาน (บางเวอร์ชั่นเป็นหัวใจ)
อย่างไรก็ตาม แม่ของพระราชาและพวกคนรับใช้ไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้ จึงบอกให้พวกเขาหนีไป แล้วฆ่าควักตา และตัดบลิ้นกวางมาแทน ระหว่างนั้นราชินีและลูกก็หนีเข้าไปป่า แล้วทูตสวรรค์ก็ช่วยเธอด้วยการให้เธอพักกระท่อมเล็กๆ ที่ปลอดภัย
เจ็ดปีต่อมาพระราชายังคงตามหาราชินีของตนทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นถ้ำหรือหน้าผาหินก็ไม่พบ เขาไม่กินหรือดืมเอาแต่คนหา จนทูตสวรรค์เห็นใจ ในที่สุดขาพบกระท่อมหลังหนึ่งใกล้ปราสาท และได้พบภรรยาของตนเองและลูกชายของพวกเขา หลังจากปรับความเข้าใจกัน (มีลูกงอนนิดหน่อย) พระราชาก็รับพวกเธอกลับวังและแต่งงานกันอีกครั้ง ทั้งคู่อยู่กินกันอย่างมีความสุขเรื่อยมา ตนที่ห้าเสกให้ กาลครั้งหนึ่งมีพระราชาองค์หนึ่งมีลูกสาวที่สวยงดงามมาก แต่แปลกคือแม้จะมีคู่ครองหลายคนมาจีบ แต่ทุกคนล้วนไม่ได้ตัวเจ้าหญิง เพราะเจ้าหญิงตั้งเงื่อนไขว่า “หากได้ฉันเป็นผู้ครอง หากวันใดวันหนึ่งใครตายไป คนที่มีชีวิตอยู่จะต้องถูกฝังทั้งเป็น ในหลุมศพเดียว เพื่ออยู่ด้วยกันตลอดไป”
จนกระทั่งวันหนึ่งมีเด็กชาวนาคนหนึ่งได้ออกจากบ้านและทำงานเป็นทหาร และสามารถสู้รบจนได้รับชนะกลับมาบ้านเกิดได้ พระราชาได้ทราบวีรกรรมความกล้าหาญของเขา จึงตอบแทนด้วยสมบัติล้ำค่าและแต่งตั้งให้เขาเป็นอัศวิน
ต่อมาเขาได้ไปเยือนปราสาทและได้พบเจ้าหญิง เขาตกหลุมรักทันที เขาจึงขอเธอแต่งงาน และยอมรับเงื่อนไขที่เธอตั้งเอาไว้ ทั้งสองกินอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขมานานหลายปี จนเจ้าหญิงป่วยและเสียชีวิต สามีของเธอเสียใจมากและได้ทำสัญญาตามที่ว่าไว้ ด้วยการฝังทั้งเป็นอยู่กับเธอในห้องสุสาน ใต้ถุนโบสถ์
ในขณะที่เขากำลังอดตายอยู่นั้น เขาได้เห็นงูเลื่อยผ่านรอยแยกในผนัง เขาเลยจัดการฆ่ามันเพื่อปกป้องศพของภรรยาของเขา และเขาก็ตัดงูตัวขาดเป็นสามท่อน และทันใดนั้นก็มีงูตัวหนึ่งคาบใบไม้สามใบมาวางบนแผลงู จนงูตัวที่ตายคืนชีพมีชีวิตอีกครั้ง งูทั้งสองหายไป แต่ยังมีใบไม้ตกอยู่บนพื้นดิน เจ้าชายเห็นจึงได้ใช้ไบไม้นี้คืนชีพเจ้าหญิง มันก็ได้ผล ทั้งสองหนีออกจากห้องและขึ้นเรือกลับปราสาท เพื่อไปหาพระราชา
เรื่องควรจบลงแบบแอปปี้ แต่ยังก่อน ยังมีต่ออีก แม้ว่าเจ้าหญิงจะคืนชีพเป็นคนรักของอัศวินอีกครั้ง หากแต่เมื่อวันเวลาผ่านไปความรักของเจ้าหญิงที่มีต่อสามีก็เหือดแห้งลงไปจากเธอจนหมดสิ้น จนวันหนึ่ง ระหว่างที่ทั้งสองเดินทางด้วยเรือล่องทะเลเพื่อมาเยี่ยมพ่อของสามีอยู่นั้น เจ้าหญิงได้ตกหลุมรักกับกัปตันเรือ ความรักครั้งใหม่ของเจ้าหญิงทำให้ลืมความรักและบุญคุณของสามีจนหมดสิ้น และแล้วเจ้าหญิงได้ขอให้กัปตันเรือร่วมมือฆ่าสามีตนด้วย การจับโยนลงไปในทะเลและจมน้ำตาย แต่คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้เพราะภายหลังข้ารับใช้ได้ช่วยเหลือชายหนุ่มแล้วใช้ใบไม้สามใบคืนชีพเขา และกลับมาอาณาจักรเพื่อเปิดโปงชายโฉดหญิงชั่ว และพระราชาก็จัดการลงโทษคู่นั้นด้วยการส่งพวกเขาออกทะเลด้วยเรือที่ใต้ท้องเรือถูกเจาะจนพรุน ตนที่หกเสกให้ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีพ่อมดคนหนึ่งได้ปลอมตัวเป็นคนขอทาน แล้วไปบ้านหลังหนึ่งที่มีพี่น้องสามสาว เขาสัมผัสกับพี่สาวคนโตของบ้าน แล้วก็ใส่ตัวเธอลงในตะกร้าใบใหญ่ของเขา เขาลักพาเธอไปยังบ้านสีทอง โดยเขาสัญญากับเธอว่า เธอจะได้ทุกอย่างตามที่ต้องการหากเธออยู่ที่นี้และกลายเป็นภรรยาของเขา
อย่างไรก็ตาม ต่อมาพ่อมดจำต้องออกไปทำธุระข้างนอก เขาได้ให้กุญแจเธอที่สามารถไขทุกห้องในบ้านหลังนี้ได้ แต่กำชับว่า “ห้ามว่าเข้าไปในห้องพักของฉันเด็ดขาด ไม่งั้นจ้าอาจถูกลงโทษถึงตายได้” นอกจากนี้เขายังมอบไข่ให้เธอใบหนึ่งและบอกเธอว่า “ดูแลไข่ใบนี้ให้ดี ให้มันติดตัวเจ้าตลอดเวลา หากละเลยเจ้าอาจโชคร้าย แต่จะโชคดีหากเธอดูแลมัน”
หลังจากที่เขาออกไป ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของหญิงสาวเธอก็ได้เข้าไปห้องต้องห้าม ที่นั่นเธอพบอ่างที่เต็มไปด้วยเลือด ซากหญิงสาวที่ตายแล้วถูกหั่นเป็นท่อนๆ และขวานขนาดใหญ่และเขียงที่ใช้หั่นศพวางเด่นในห้อง
ด้วยความตกใจสิ่งที่เห็นตรงหน้า เธอได้ทำไข่ตกลงไปในแอ่งเลือดพอดี หญิงสาวพยายามเอาไข่มาทำสะอาดเท่าไหร่ก็ไม่สะอาด และเมื่อพ่อมดกลับมาเห็นไข่เปื้อนเลือด และนั้นเองทำให้พ่อมดรู้ว่าภรรยาของตนเข้าห้องต้องห้ามแล้ว เขาพยายามที่ฆ่าเธอ ด้วยการสับเธอเป็นท่อนๆ ติดตามตอนต่อไป