เพศที่ 3 สามารถมีลูกด้วยกันได้จริงในอนาคต ถ้าสังคมมนุษย์มีการใช้เทคโนโลยีโดยการควบคุม
ตามนั้นนะ ในช่วงที่มีข่าวบอกว่าใช้เซลล์จากกระดูกสันหลังน่ะ แท้จริงแล้วมันเป็นแบบนี้ค่ะ ที่ว่าเป็นเซลล์กระดูกสันหลัง ที่จริงมันเป็นเสต็มเซลล์ของกระดูกสันหลังค่ะ
" เสต็มเซลล์ หรือ เซลล์ต้นกำเนิดไอพีเอส หรือ เซลล์ต้นกำเนิดชนิดใหม่ "
...ซึ่งพัฒนาสำเร็จครั้งแรกในปี พศ. 2549 เซลล์ชนิดนี้คือสเต็มเซลล์ต้นกำเนิดตัวอ่อนที่พัฒนามาจากเซลล์ร่างกาย ผู้อ่านหลายท่านคงเคยได้ยินคำเรียกเซลล์ชนิดใหม่นี้แตกต่างกันไปเช่น เซลล์ไอพีเอสหรือเซลล์ไอพีเอสซี (iPS cells หรือ iPSCs) เรามาทำความรู้จักกับเซลล์ชนิดนี้กันว่า มีการพัฒนามาได้อย่างไรและมีประโยชน์ประการใดต่อวงการวิจัยและวงการแพทย์ของโลกใบนี้
เซลล์ต้นกำเนิดตัวอ่อนไอพีเอสมาจากอักษรย่อของคำว่า Induced pluripotent stem cell (iPS cell) หมายถึงเซลล์ต้นกำเนิดหรือสเต็มเซลล์ตัวอ่อนที่เกิดจากการชักนำด้วยปัจจัยจำเพาะ จัดเป็นสเต็มเซลล์ชนิดพลูลิโพเทน์ มีลักษณะเหมือนกับสเต็มเซลล์ที่แยกมาจากระยะตัวอ่อนทุกประการ กล่าวคือ มีความสามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ได้เกือบทุกชนิดในร่างกาย ยกเว้นเซลล์จากรก การพัฒนาเซลล์ไอพีเอสสามารถเปลี่ยนมาจากเซลล์ร่างกายส่วนใดก็ได้ของมนุษย์ที่โตเต็มวัย เช่นเซลล์รากผม เซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เซลล์กล้ามเนื้อและเซลล์ประสาท แต่ส่วนมากนักวิจัยมักนิยมเตรียมจากเซลล์ผิวหนัง เนื่องจากการแยกเซลล์ชนิดนี้ออกจากร่างกายสามารถทำได้ง่ายและเลี้ยงเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็ว วิธีการสร้างไอพีเอสเซลล์ถูกค้นพบและพัฒนาโดย ดร.ชินยะ ยามานากะ นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ชาวญี่ปุ่น ผู้ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ในปี 2555 จากการค้นพบวิธีการสร้างเซลล์ไอพีเอส ขั้นตอนในการพัฒนาเซลล์ชนิดนี้เริ่มจากการใส่สารพันธุกรรมที่ใช้ในการสร้างโปรตีน 4 ชนิด (Oct4, Sox2, Klf4, c-MYC) ที่พบมากในเซลล์ต้นกำเนิดในระยะตัวอ่อน ให้กับเซลล์ร่างกายของตัวโตเต็มวัยที่นำมาเพาะเลี้ยงในภาชนะ โปรตีนทั้ง 4 ชนิดที่ใส่เข้าไปนี้ จะส่งผลให้เซลล์ร่างกายมีการจัดรูปแบบในเซลล์ใหม่และเปลี่ยนไปเป็นเซลล์ไอพีเอส เราเรียกกระบวนการนี้ว่าการโปรแกรมเซลล์ย้อนกลับ (cellular reprogramming) เซลล์ร่างกายหลังผ่านกระบวนการนี้จะมีสภาพเหมือนกับสเต็มเซลล์ระยะตัวอ่อนทุกประการ นำมาซึ่งประโยชน์อันมหาศาลในวงการวิทยาศาสตร์การแพทย์ แต่เดิมการศึกษาสเต็มเซลล์ระยะตัวอ่อนต้องแยกเซลล์มาจากเอมบริโอระยะบลาสโตซิสท์เท่านั้นและมีคำถามด้านจริยธรรมมากมายเกี่ยวกับการทำลายชีวิตมนุษย์ในระยะตัวอ่อน ความสำเร็จจากการพัฒนาเซลล์ไอพีเอสทำให้เกิดคุณประโยชน์ทางการแพทย์ในหลายด้านต่อไปนี้
(ขอยกตัวอย่างมานะค่ะ)
1. ด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ (reproductive technology) สภาพสังคมไทยในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมยุคที่มีการแข่งขัน ทำให้ประชากรที่มีคุณภาพชะลอการมีบุตรเพื่อสร้างฐานะครอบครัวให้มั่นคง บางครั้งเมื่อพร้อมมีบุตรจะประสบปัญหาภาวะการมีบุตรยาก สภาวะดังกล่าวแก้ไขได้ด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์
" ในต่างประเทศความรู้ในสาขานี้มีความก้าวหน้าอย่างมาก จน" สามารถสร้างเซลล์สืบพันธุ์ อสุจิของพ่อหรือไข่ของแม่" โดยพัฒนามาจากเซลล์ไอพีเอสและเมื่อเกิดการปฏิสนธิ สามารถเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัยได้สำเร็จโดยการใช้สัตว์ทดลองเป็นแบบจำลองในการทดสอบ คาดว่าในอนาคตเทคโนโลยีชนิดนี้อาจจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้มีบุตรยากสามารถมีบุตรได้สมความปรารถนา
ถึงแม้เซลล์ไอพีเอสมีประโยชน์ต่อวิทยาการด้านการแพทย์มหาศาลก็ตาม แต่ส่งผลกระทบถึงสังคมมนุษย์ในแง่คำถามด้านจริยธรรมที่อาจจะตามมาในอนาคตอันใกล้ กล่าวคือ
" เซลล์สืบพันธุ์ที่พัฒนามาจากเซลล์ไอพีเอส สามารถสร้างมาจากมนุษย์เพศใดหรือวัยใดก็ได้" ไม่จำกัด แม้แต่หญิงชราที่ผ่านวัยเจริญพันธุ์มาแล้วโดยทฤษฎี
"สามารถสร้างเซลล์ไข่จากเซลล์ไอพีเอสของหญิงคนนั้นและสามารถให้กำเนิดลูกได้ "
ถ้าสามารถหาแม่ช่วยอุ้มบุญ
***ในกรณีที่พิเศษกว่านั้น "กลุ่มรักร่วมเพศ ชายรักชาย" หรือ "หญิงรักหญิง" " อาจจะสามารถมีลูกได้ ด้วยการทำไอพีเอส" และ"พัฒนาไปเป็นไข่ หรือ อสุจิแล้วแต่จะเลือกว่าใครเป็นพ่อหรือแม่" ปัญหาที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่คำถามด้านจริยธรรมไม่มีวันจบสิ้น เหตุการณ์เหล่านี้อาจเกิดขึ้นจริงในอนาคต ถ้าสังคมมนุษย์มีการใช้เทคโนโลยีนี้โดยขาดการควบคุม
(ถ้าควบคุมก็ถือว่าใช้ได้นะค่ะ^^)
โดยส่วนตัวคิดว่าสามารถทำได้ในต่างประเทศค่ะ เพราะในไทยน่าจะไม่มี เรื่องจริยธรรมนี่พี่ไทยเขาเคร่ง5555แต่ถ้าเป็นที่ต่างประเทศเค้าเปิดโอกาสให้เท่าเทียมกันค่ะเลยคาดว่าสามารถทำได้จริงในอนาคต(ตอนนี้อาจทำได้แล้วก็ได้นะ อิอิ>< ) อย่างไรก็ตามก็ต้องคิดดีๆนะค่ะ ถ้าหากมีเขาแล้วก็ต้องมีความพร้อมพอที่จะสามารถดูแลชีวิตคนๆหนึ่งได้ ไม่ใช่มีเค้าเพราะคำว่า "อยากมี" แค่นั้น
>>>> ขอให้เพศที่ 3 ที่อยากจะมีลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง ได้สมหวังอย่างที่ตั้งใจไว้กันนะค่ะ<<<<
อ้างอิงจาก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลค่ะ ----->
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/202/สเต็มเซลล์(StemCell);เซลล์ต้นกำเนิดตอนที่2:รู้จักเซลล์ต้นกำเนิดไอพีเอส?//#nav
****หากผิดพลาดอะไรขออภัยไว้ ณ ที่นี้ค่ะ
เพศที่ 3 สามารถมีลูกด้วยกันได้จริงในอนาคต ถ้าสังคมมนุษย์มีการใช้เทคโนโลยีโดยการควบคุม
ตามนั้นนะ ในช่วงที่มีข่าวบอกว่าใช้เซลล์จากกระดูกสันหลังน่ะ แท้จริงแล้วมันเป็นแบบนี้ค่ะ ที่ว่าเป็นเซลล์กระดูกสันหลัง ที่จริงมันเป็นเสต็มเซลล์ของกระดูกสันหลังค่ะ
" เสต็มเซลล์ หรือ เซลล์ต้นกำเนิดไอพีเอส หรือ เซลล์ต้นกำเนิดชนิดใหม่ "
...ซึ่งพัฒนาสำเร็จครั้งแรกในปี พศ. 2549 เซลล์ชนิดนี้คือสเต็มเซลล์ต้นกำเนิดตัวอ่อนที่พัฒนามาจากเซลล์ร่างกาย ผู้อ่านหลายท่านคงเคยได้ยินคำเรียกเซลล์ชนิดใหม่นี้แตกต่างกันไปเช่น เซลล์ไอพีเอสหรือเซลล์ไอพีเอสซี (iPS cells หรือ iPSCs) เรามาทำความรู้จักกับเซลล์ชนิดนี้กันว่า มีการพัฒนามาได้อย่างไรและมีประโยชน์ประการใดต่อวงการวิจัยและวงการแพทย์ของโลกใบนี้
เซลล์ต้นกำเนิดตัวอ่อนไอพีเอสมาจากอักษรย่อของคำว่า Induced pluripotent stem cell (iPS cell) หมายถึงเซลล์ต้นกำเนิดหรือสเต็มเซลล์ตัวอ่อนที่เกิดจากการชักนำด้วยปัจจัยจำเพาะ จัดเป็นสเต็มเซลล์ชนิดพลูลิโพเทน์ มีลักษณะเหมือนกับสเต็มเซลล์ที่แยกมาจากระยะตัวอ่อนทุกประการ กล่าวคือ มีความสามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ได้เกือบทุกชนิดในร่างกาย ยกเว้นเซลล์จากรก การพัฒนาเซลล์ไอพีเอสสามารถเปลี่ยนมาจากเซลล์ร่างกายส่วนใดก็ได้ของมนุษย์ที่โตเต็มวัย เช่นเซลล์รากผม เซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เซลล์กล้ามเนื้อและเซลล์ประสาท แต่ส่วนมากนักวิจัยมักนิยมเตรียมจากเซลล์ผิวหนัง เนื่องจากการแยกเซลล์ชนิดนี้ออกจากร่างกายสามารถทำได้ง่ายและเลี้ยงเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็ว วิธีการสร้างไอพีเอสเซลล์ถูกค้นพบและพัฒนาโดย ดร.ชินยะ ยามานากะ นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ชาวญี่ปุ่น ผู้ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ในปี 2555 จากการค้นพบวิธีการสร้างเซลล์ไอพีเอส ขั้นตอนในการพัฒนาเซลล์ชนิดนี้เริ่มจากการใส่สารพันธุกรรมที่ใช้ในการสร้างโปรตีน 4 ชนิด (Oct4, Sox2, Klf4, c-MYC) ที่พบมากในเซลล์ต้นกำเนิดในระยะตัวอ่อน ให้กับเซลล์ร่างกายของตัวโตเต็มวัยที่นำมาเพาะเลี้ยงในภาชนะ โปรตีนทั้ง 4 ชนิดที่ใส่เข้าไปนี้ จะส่งผลให้เซลล์ร่างกายมีการจัดรูปแบบในเซลล์ใหม่และเปลี่ยนไปเป็นเซลล์ไอพีเอส เราเรียกกระบวนการนี้ว่าการโปรแกรมเซลล์ย้อนกลับ (cellular reprogramming) เซลล์ร่างกายหลังผ่านกระบวนการนี้จะมีสภาพเหมือนกับสเต็มเซลล์ระยะตัวอ่อนทุกประการ นำมาซึ่งประโยชน์อันมหาศาลในวงการวิทยาศาสตร์การแพทย์ แต่เดิมการศึกษาสเต็มเซลล์ระยะตัวอ่อนต้องแยกเซลล์มาจากเอมบริโอระยะบลาสโตซิสท์เท่านั้นและมีคำถามด้านจริยธรรมมากมายเกี่ยวกับการทำลายชีวิตมนุษย์ในระยะตัวอ่อน ความสำเร็จจากการพัฒนาเซลล์ไอพีเอสทำให้เกิดคุณประโยชน์ทางการแพทย์ในหลายด้านต่อไปนี้
(ขอยกตัวอย่างมานะค่ะ)
1. ด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ (reproductive technology) สภาพสังคมไทยในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมยุคที่มีการแข่งขัน ทำให้ประชากรที่มีคุณภาพชะลอการมีบุตรเพื่อสร้างฐานะครอบครัวให้มั่นคง บางครั้งเมื่อพร้อมมีบุตรจะประสบปัญหาภาวะการมีบุตรยาก สภาวะดังกล่าวแก้ไขได้ด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์
" ในต่างประเทศความรู้ในสาขานี้มีความก้าวหน้าอย่างมาก จน" สามารถสร้างเซลล์สืบพันธุ์ อสุจิของพ่อหรือไข่ของแม่" โดยพัฒนามาจากเซลล์ไอพีเอสและเมื่อเกิดการปฏิสนธิ สามารถเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัยได้สำเร็จโดยการใช้สัตว์ทดลองเป็นแบบจำลองในการทดสอบ คาดว่าในอนาคตเทคโนโลยีชนิดนี้อาจจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้มีบุตรยากสามารถมีบุตรได้สมความปรารถนา
ถึงแม้เซลล์ไอพีเอสมีประโยชน์ต่อวิทยาการด้านการแพทย์มหาศาลก็ตาม แต่ส่งผลกระทบถึงสังคมมนุษย์ในแง่คำถามด้านจริยธรรมที่อาจจะตามมาในอนาคตอันใกล้ กล่าวคือ
" เซลล์สืบพันธุ์ที่พัฒนามาจากเซลล์ไอพีเอส สามารถสร้างมาจากมนุษย์เพศใดหรือวัยใดก็ได้" ไม่จำกัด แม้แต่หญิงชราที่ผ่านวัยเจริญพันธุ์มาแล้วโดยทฤษฎี
"สามารถสร้างเซลล์ไข่จากเซลล์ไอพีเอสของหญิงคนนั้นและสามารถให้กำเนิดลูกได้ "
ถ้าสามารถหาแม่ช่วยอุ้มบุญ
***ในกรณีที่พิเศษกว่านั้น "กลุ่มรักร่วมเพศ ชายรักชาย" หรือ "หญิงรักหญิง" " อาจจะสามารถมีลูกได้ ด้วยการทำไอพีเอส" และ"พัฒนาไปเป็นไข่ หรือ อสุจิแล้วแต่จะเลือกว่าใครเป็นพ่อหรือแม่" ปัญหาที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่คำถามด้านจริยธรรมไม่มีวันจบสิ้น เหตุการณ์เหล่านี้อาจเกิดขึ้นจริงในอนาคต ถ้าสังคมมนุษย์มีการใช้เทคโนโลยีนี้โดยขาดการควบคุม
(ถ้าควบคุมก็ถือว่าใช้ได้นะค่ะ^^)
โดยส่วนตัวคิดว่าสามารถทำได้ในต่างประเทศค่ะ เพราะในไทยน่าจะไม่มี เรื่องจริยธรรมนี่พี่ไทยเขาเคร่ง5555แต่ถ้าเป็นที่ต่างประเทศเค้าเปิดโอกาสให้เท่าเทียมกันค่ะเลยคาดว่าสามารถทำได้จริงในอนาคต(ตอนนี้อาจทำได้แล้วก็ได้นะ อิอิ>< ) อย่างไรก็ตามก็ต้องคิดดีๆนะค่ะ ถ้าหากมีเขาแล้วก็ต้องมีความพร้อมพอที่จะสามารถดูแลชีวิตคนๆหนึ่งได้ ไม่ใช่มีเค้าเพราะคำว่า "อยากมี" แค่นั้น
>>>> ขอให้เพศที่ 3 ที่อยากจะมีลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง ได้สมหวังอย่างที่ตั้งใจไว้กันนะค่ะ<<<<
อ้างอิงจาก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลค่ะ -----> http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/202/สเต็มเซลล์(StemCell);เซลล์ต้นกำเนิดตอนที่2:รู้จักเซลล์ต้นกำเนิดไอพีเอส?//#nav
****หากผิดพลาดอะไรขออภัยไว้ ณ ที่นี้ค่ะ