เนื้อความบางส่วน การอธิบายปฏิจจสมุปบาท ของ นบ คึกฤทธิ์
https://www.youtube.com/watch?v=86Q27k0xknI
นาที 12.45 เพราะฉะนั้น ทุกขณะที่โยมนั่งอยู่ตรงนี้ วิญญาณก็เกิด ดับ ตลอด
เดี๋ยวโยมไปคิดเรื่องนั้น คิดเรื่องนี้ รู้สึกพอใจ ไม่พอใจ
คิดอดีต คิดอนาคต คิดจุ้บจิ้บ อยู่ตลอดวันเลย
วันนึงคิดไม่รู้กี่เรื่อง เกิดดับไม่รู้กี่แสนกี่ล้านดวงวิญญาณ น่ะ
และทุกขณะที่โยมคิดนั่นแหละ ขณะนั้นเนี่ยะ จิตไม่ได้อยู่ในกายโยมแล้วน่ะ
ขณะที่เราคิดเรื่องอะไรก็ตาม จิตไม่ได้อยู่กับกายเราแล้ว กายเราปราศจากวิญญาณ
และขณะที่เราคิดเรื่องใดก็ตาม ขณะนั้นคือ ภพ ชาติ ชรา มรณะ น่ะ
พระองค์ตรัสว่า ถ้าเธอคิด ถึงสิ่งใด ดำหริถึงสิ่งใด
หรือมีจิตฝังลึกปักลงไปในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อยู่
สิ่งนั้น ย่อมเป็นอารมณ์เพื่อการตั้งอยู่ของวิญญาณ น่ะ
ฉะนั้น โยมคิดเรื่องอะไรมาก็ตาม ปุ้บเนี่ยะ วิญญาณไปตั้งอาศัยอยู่ตรงนั้นละ
และขณะที่วิญญาณที่ตั้งอยู่ตรงนั้น ภพคือสถานที่ ของจิตเกิดขึ้นแล้ว น่ะ
เพียงแต่รูปธาตุยังไม่ตาย มันก็ดับจากภพนั้นมาเกาะที่กายโยมเหมือนเดิม
กลับไปกลับมา กลับไปกลับมา กลับไปมา เพราะความยึดมั่นในกายยังมีอยู่
ตราบใด ณ.ขณะที่มัน โยมหลุดไปคิดเรื่องใดแล้วกายมันตายพอดีน่ะ
นั่นคือ อัตภาพใหม่ของเรา
ซึ่งพระพุทธเจ้าบอก จะเป็นอัตภาพมีส่วนแห่งบุญก็ดี มีส่วนแห่งอบุญก็ดี
ฉะนั้นให้ทำความเข้าใจนี้คือสัจจะความจริงที่พระตถาคตได้บัญญัติเอาไว้ น่ะ
ไม่งั้นเราจะไม่มีวันเข้าใจธรรมชาติอันเป็นตัวเราของเรานี้เลย และเราจะเข้าใจผิดไปเรื่อยๆ
เมื่อเราเที่ยวไปฟังคนนู้นคนนี้พูด โดยไม่ฟังพระศาสดาของเราพูด น่ะ
นี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงต้องกลับมาศึกษาพุทธวจน น่ะ
สิ่งที่รู้มา สิ่งที่เข้าใจมาจะได้ถูกแก้ไข น่ะ ให้มันถูกต้องตามความเป็นจริง
เพราะก็อย่างที่บอกข้อมูลนี้ สองพันกว่าปี น่ะ อืม
ฉะนั้นวิญญาณเวียนว่ายตายเกิดไม่มี น่ะ
นี่ก็เป็น เป็นเหตุผลตามที่พระศาสดาบัญญัติ
ฉะนั้นโยมคิดเรื่องอะไรก็ตาม โยมควบคุมดีๆว่า อย่าไปคิดเรื่องอกุศล
เพราะถ้าโยมตายไปในขณะนั้น นั่นคือ ภพอันเป็นอบาย เราได้อบายก่อนเลย น่ะ
ถึงโยมจะรักษาศีลมาดี ทำทานมาเยอะ แต่ถ้าจิตไปเกาะอกุศลก็ไปอกุศลก่อนไปอบายก่อน น่ะ
การทำทานมากก็ดี การรักษาศีลมากก็ดี แต่ถ้าไม่เคยฝึกจิต หลุดไปอบายได้
โยมรักษาศีลดี้ดี แต่นั่งสมาธิ เอาแค่หนึ่งนาที จิตโยมก็ยังฟุ้งไปนู้นไปนี่คิดไปทั่วน่ะ
เพราะเราไม่เคยฝึกจิต
ฉะนั้นจิตที่ดี นำสุขมาให้แน่นอนน่ะ อย่างน้อยสุคติ น่ะ
และความปิติใจความสุขใจจะเกิดขึ้น
ฉะนั้นให้เข้าใจว่า ภพ ชาติ ชรา มรณะ เกิดขึ้นอยู่ทุกขณะ
นั่งอยู่ ตอนนี้ก็มีภพชาติชรามรณะเกิดอยู่ตลอดเวลา
น. 16.25 และภพชาติชรามรณะยัง ยังรวมไปถึงการที่โยม ตายไปแล้ว
เพราะการตายของร่างกายเราคือ การแตกสลายในส่วนของ รูปธาตุ 1 ในขันธ์ 5 น่ะ
ขณะที่รูปธาตุยังไม่แตกทำลาย
วิญญาณขันธ์ก็ยังวนอยู่ ในเวทนา สัญญา สังขาร
วนอยู่ในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วนอยู่ 4 ธาตุนี้ เกิด ดับ ไป มา
เหมือนกับเรานั่งอยู่นี่ รูปธาตุยังไม่พัง
เราก็หลุดไปคิดเรื่องนู้น ไปปรุงแต่งเรื่องนี้ ไป ไปพอใจไม่พอใจ สุขทุกข์ จิตก็วน เกิดดับ เกิดดับ อยู่ตลอด
แต่พอ รูปธาตุแตกทำลาย ปั้ง เราก็มองกว้าง มันเป็นการเปลี่ยนภพ
จริงๆ ภพเนี่ยะ ถูกเปลี่ยนและเกิดใหม่อยู่ทุกขณะเวลาเลย ทุกขณะที่จิตไปคิดปั้บ
ภพแปลว่าสถานที่เกิด
ยถึงการที่จิตผูกกับอารมณ์ต่อไป หรือคือความเจริญงอกงามไพบูลย์ของวิญญาณ
พระองค์เปรียบอย่างนี้ว่า ภพ เปรียบเหมือนผืนนา วิญญาณเปรียบเหมือนเมล็ดพืช
เมล็ดพืชตกลงไปในผืนนา เมล็ดพืชมีที่รองรับละมีผืนนารองรับเพื่อการงอกขึ้นมา น่ะ
การงอกเนี่ยะงอกด้วยอะไร พระศาสดาบอก งอกด้วยน้ำคือนันทิราคะ
ความเพลินและพอใจเปรียบเหมือนน้ำที่ไปรดเมล็ดพืช ทำให้เมล็ดพืชเนี่ยะ งอกขึ้นมา น่ะ
เพราะฉะนั้น ขณะที่จิตโยมไปคิดเรื่องอะไร ปั้บ..นี่ ..ภพ เกิดแล้ว
และถ้าโยมคิดเรื่องนั้นต่อไป ก็คือเพลินนั่นเอง เพลินและพอใจต่อไป อันนั้นเรียกว่าชาติ
ชาติ หรือความเจริญงอกงามไพบูลย์ของวิญญาณ ในภพนั้น
ซึ่งจะจบด้วยชราและมรณะ แก่ และ ตาย น่ะ
ฉะนั้น เราจะเห็นว่า คำว่า ภพ นั้น
มีได้ทั้งในปัจจุบัน แล้วก็ในเวลาที่รูปกายเราแตกทำลาย
แล้วไปสร้างอัตภาพใหม่ นั้นก็คือ ภพอีกเหมือนกัน น่ะ
อันนี้เรียกว่าภพ สถานที่ เกิด ที่ตั้งอาศัยของวิญญาณ
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงให้ระวังเรื่องความคิดให้ดี
จากคำอธิบายว่า
และทุกขณะที่โยมคิดนั่นแหละ
ขณะนั้นเนี่ยะ จิตไม่ได้อยู่ในกายโยมแล้วน่ะ
ขณะที่เราคิดเรื่องอะไรก็ตาม จิตไม่ได้อยู่กับกายเราแล้ว
กายเราปราศจากวิญญาณ
มีประเด็นสนทนา คือ
เป็นไปได้หรือ ที่กายปราศจากวิญญาณ แล้วยังมี ความมีชีวิต
จากคำอธิบาย ว่า
แต่พอ รูปธาตุแตกทำลาย ปั้ง เราก็มองกว้าง มันเป็นการเปลี่ยนภพ...
ฉะนั้น เราจะเห็นว่า
คำว่า ภพ นั้น มีได้ทั้งในปัจจุบัน
แล้วก็ในเวลาที่รูปกายเราแตกทำลาย แล้วไปสร้างอัตภาพใหม่
นั้นก็คือ ภพอีกเหมือนกัน น่ะ
อันนี้เรียกว่าภพ สถานที่ เกิด ที่ตั้งอาศัยของวิญญาณ
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงให้ระวังเรื่องความคิดให้ดี
ประเด็นสนทนา
การอธิบายแบบที่ปรากฏ ในคลิป ดังกล่าว
นับว่าเป็นการอธิบาย ปฏิจจสมุปบาท แบบขณะจิตเดียว หรือแบบข้ามภพ คร่อมภพชาติ
ขณะที่เราคิดเรื่องอะไรก็ตาม จิตไม่ได้อยู่กับกายเราแล้ว กายเราปราศจากวิญญาณ
https://www.youtube.com/watch?v=86Q27k0xknI
นาที 12.45 เพราะฉะนั้น ทุกขณะที่โยมนั่งอยู่ตรงนี้ วิญญาณก็เกิด ดับ ตลอด
เดี๋ยวโยมไปคิดเรื่องนั้น คิดเรื่องนี้ รู้สึกพอใจ ไม่พอใจ
คิดอดีต คิดอนาคต คิดจุ้บจิ้บ อยู่ตลอดวันเลย
วันนึงคิดไม่รู้กี่เรื่อง เกิดดับไม่รู้กี่แสนกี่ล้านดวงวิญญาณ น่ะ
และทุกขณะที่โยมคิดนั่นแหละ ขณะนั้นเนี่ยะ จิตไม่ได้อยู่ในกายโยมแล้วน่ะ
ขณะที่เราคิดเรื่องอะไรก็ตาม จิตไม่ได้อยู่กับกายเราแล้ว กายเราปราศจากวิญญาณ
และขณะที่เราคิดเรื่องใดก็ตาม ขณะนั้นคือ ภพ ชาติ ชรา มรณะ น่ะ
พระองค์ตรัสว่า ถ้าเธอคิด ถึงสิ่งใด ดำหริถึงสิ่งใด
หรือมีจิตฝังลึกปักลงไปในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อยู่
สิ่งนั้น ย่อมเป็นอารมณ์เพื่อการตั้งอยู่ของวิญญาณ น่ะ
ฉะนั้น โยมคิดเรื่องอะไรมาก็ตาม ปุ้บเนี่ยะ วิญญาณไปตั้งอาศัยอยู่ตรงนั้นละ
และขณะที่วิญญาณที่ตั้งอยู่ตรงนั้น ภพคือสถานที่ ของจิตเกิดขึ้นแล้ว น่ะ
เพียงแต่รูปธาตุยังไม่ตาย มันก็ดับจากภพนั้นมาเกาะที่กายโยมเหมือนเดิม
กลับไปกลับมา กลับไปกลับมา กลับไปมา เพราะความยึดมั่นในกายยังมีอยู่
ตราบใด ณ.ขณะที่มัน โยมหลุดไปคิดเรื่องใดแล้วกายมันตายพอดีน่ะ
นั่นคือ อัตภาพใหม่ของเรา
ซึ่งพระพุทธเจ้าบอก จะเป็นอัตภาพมีส่วนแห่งบุญก็ดี มีส่วนแห่งอบุญก็ดี
ฉะนั้นให้ทำความเข้าใจนี้คือสัจจะความจริงที่พระตถาคตได้บัญญัติเอาไว้ น่ะ
ไม่งั้นเราจะไม่มีวันเข้าใจธรรมชาติอันเป็นตัวเราของเรานี้เลย และเราจะเข้าใจผิดไปเรื่อยๆ
เมื่อเราเที่ยวไปฟังคนนู้นคนนี้พูด โดยไม่ฟังพระศาสดาของเราพูด น่ะ
นี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงต้องกลับมาศึกษาพุทธวจน น่ะ
สิ่งที่รู้มา สิ่งที่เข้าใจมาจะได้ถูกแก้ไข น่ะ ให้มันถูกต้องตามความเป็นจริง
เพราะก็อย่างที่บอกข้อมูลนี้ สองพันกว่าปี น่ะ อืม
ฉะนั้นวิญญาณเวียนว่ายตายเกิดไม่มี น่ะ
นี่ก็เป็น เป็นเหตุผลตามที่พระศาสดาบัญญัติ
ฉะนั้นโยมคิดเรื่องอะไรก็ตาม โยมควบคุมดีๆว่า อย่าไปคิดเรื่องอกุศล
เพราะถ้าโยมตายไปในขณะนั้น นั่นคือ ภพอันเป็นอบาย เราได้อบายก่อนเลย น่ะ
ถึงโยมจะรักษาศีลมาดี ทำทานมาเยอะ แต่ถ้าจิตไปเกาะอกุศลก็ไปอกุศลก่อนไปอบายก่อน น่ะ
การทำทานมากก็ดี การรักษาศีลมากก็ดี แต่ถ้าไม่เคยฝึกจิต หลุดไปอบายได้
โยมรักษาศีลดี้ดี แต่นั่งสมาธิ เอาแค่หนึ่งนาที จิตโยมก็ยังฟุ้งไปนู้นไปนี่คิดไปทั่วน่ะ
เพราะเราไม่เคยฝึกจิต
ฉะนั้นจิตที่ดี นำสุขมาให้แน่นอนน่ะ อย่างน้อยสุคติ น่ะ
และความปิติใจความสุขใจจะเกิดขึ้น
ฉะนั้นให้เข้าใจว่า ภพ ชาติ ชรา มรณะ เกิดขึ้นอยู่ทุกขณะ
นั่งอยู่ ตอนนี้ก็มีภพชาติชรามรณะเกิดอยู่ตลอดเวลา
น. 16.25 และภพชาติชรามรณะยัง ยังรวมไปถึงการที่โยม ตายไปแล้ว
เพราะการตายของร่างกายเราคือ การแตกสลายในส่วนของ รูปธาตุ 1 ในขันธ์ 5 น่ะ
ขณะที่รูปธาตุยังไม่แตกทำลาย
วิญญาณขันธ์ก็ยังวนอยู่ ในเวทนา สัญญา สังขาร
วนอยู่ในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วนอยู่ 4 ธาตุนี้ เกิด ดับ ไป มา
เหมือนกับเรานั่งอยู่นี่ รูปธาตุยังไม่พัง
เราก็หลุดไปคิดเรื่องนู้น ไปปรุงแต่งเรื่องนี้ ไป ไปพอใจไม่พอใจ สุขทุกข์ จิตก็วน เกิดดับ เกิดดับ อยู่ตลอด
แต่พอ รูปธาตุแตกทำลาย ปั้ง เราก็มองกว้าง มันเป็นการเปลี่ยนภพ
จริงๆ ภพเนี่ยะ ถูกเปลี่ยนและเกิดใหม่อยู่ทุกขณะเวลาเลย ทุกขณะที่จิตไปคิดปั้บ
ภพแปลว่าสถานที่เกิด
ยถึงการที่จิตผูกกับอารมณ์ต่อไป หรือคือความเจริญงอกงามไพบูลย์ของวิญญาณ
พระองค์เปรียบอย่างนี้ว่า ภพ เปรียบเหมือนผืนนา วิญญาณเปรียบเหมือนเมล็ดพืช
เมล็ดพืชตกลงไปในผืนนา เมล็ดพืชมีที่รองรับละมีผืนนารองรับเพื่อการงอกขึ้นมา น่ะ
การงอกเนี่ยะงอกด้วยอะไร พระศาสดาบอก งอกด้วยน้ำคือนันทิราคะ
ความเพลินและพอใจเปรียบเหมือนน้ำที่ไปรดเมล็ดพืช ทำให้เมล็ดพืชเนี่ยะ งอกขึ้นมา น่ะ
เพราะฉะนั้น ขณะที่จิตโยมไปคิดเรื่องอะไร ปั้บ..นี่ ..ภพ เกิดแล้ว
และถ้าโยมคิดเรื่องนั้นต่อไป ก็คือเพลินนั่นเอง เพลินและพอใจต่อไป อันนั้นเรียกว่าชาติ
ชาติ หรือความเจริญงอกงามไพบูลย์ของวิญญาณ ในภพนั้น
ซึ่งจะจบด้วยชราและมรณะ แก่ และ ตาย น่ะ
ฉะนั้น เราจะเห็นว่า คำว่า ภพ นั้น
มีได้ทั้งในปัจจุบัน แล้วก็ในเวลาที่รูปกายเราแตกทำลาย
แล้วไปสร้างอัตภาพใหม่ นั้นก็คือ ภพอีกเหมือนกัน น่ะ
อันนี้เรียกว่าภพ สถานที่ เกิด ที่ตั้งอาศัยของวิญญาณ
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงให้ระวังเรื่องความคิดให้ดี
จากคำอธิบายว่า
และทุกขณะที่โยมคิดนั่นแหละ
ขณะนั้นเนี่ยะ จิตไม่ได้อยู่ในกายโยมแล้วน่ะ
ขณะที่เราคิดเรื่องอะไรก็ตาม จิตไม่ได้อยู่กับกายเราแล้ว
กายเราปราศจากวิญญาณ
มีประเด็นสนทนา คือ
เป็นไปได้หรือ ที่กายปราศจากวิญญาณ แล้วยังมี ความมีชีวิต
จากคำอธิบาย ว่า
แต่พอ รูปธาตุแตกทำลาย ปั้ง เราก็มองกว้าง มันเป็นการเปลี่ยนภพ...
ฉะนั้น เราจะเห็นว่า
คำว่า ภพ นั้น มีได้ทั้งในปัจจุบัน
แล้วก็ในเวลาที่รูปกายเราแตกทำลาย แล้วไปสร้างอัตภาพใหม่
นั้นก็คือ ภพอีกเหมือนกัน น่ะ
อันนี้เรียกว่าภพ สถานที่ เกิด ที่ตั้งอาศัยของวิญญาณ
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงให้ระวังเรื่องความคิดให้ดี
ประเด็นสนทนา
การอธิบายแบบที่ปรากฏ ในคลิป ดังกล่าว
นับว่าเป็นการอธิบาย ปฏิจจสมุปบาท แบบขณะจิตเดียว หรือแบบข้ามภพ คร่อมภพชาติ