กระทู้นี้ ขออนุญาตแบ่งปันประสบการณ์ให้เพื่อนๆที่อยากไปเดินป่า แบบระยะสั้นกันนะคะ
ทริปนี้ไปมาเมื่อวันที่ 28-30 พย.2014 ที่ดอยม่อนจอง อมก๋อย เชียงใหม่
เราวางแผนการเดินทางอยู่ประมาณ 1 เดือน รวบรวมสมาชิกได้ 8 คน เต็ม 1 รถตู้พอดี ตอนแรกคิดว่าถ้าไปกันแค่ 4-5 คน ก็จะขับรถกันไปเองเพื่อเป็นการประหยัดค่าเดินทางค่ะ
เรานัดเจอกันที่เก่าเวลาเดิม คืนวันศุกร์ ที่ปั๊ม ปตท. วิภาวดี ล้อหมุน สองทุ่มตรง มุ่งหน้าขึ้นเหนือ แวะรับรุ่นพี่กับรุ่นน้องอีกสองคนที่เถิน แล้วเดินทางต่อสู่เชียงใหม่ ด้วยเส้นทาง ลี้ ฮอด ออบหลวง เข้าสู่ อมก๋อย ( เส้นทางนี้ คดเคี้ยวกว่า แต่ร่นระยะทางไปได้เป็นร้อยกิโลค่ะ สำหรับคนที่จะเช่ารถตู้ไป แนะนำให้หารถที่คุ้นเคยเส้นทางนะคะ เพราะ ทางชัน คดเคี้ยว วกไปวนมา พอสมควร)
เราถึงอมก๋อยกันเวลาประมาณ หกโมงเช้านิดๆ แวะกินกาแฟ อาหารเช้า และซื้อข้าวห่อสำหรับมื้อเที่ยงที่นี่
ตรงนี้มี 7-11 ซึ่งเป็น เซเว่นสุดท้ายแล้วก่อนเข้าไปที่เขตรักษาพันธุ์ ใครลืมซื้ออะไร หรือจะซื้ออะไร จัดด่วนค่ะ
ของเปรี้ยวๆ บ๊วย มะว่วงสามรส ลูกอม หรือ ช๊อกโกแล๊ต ไว้กินเพิ่มพลังระหว่างเดิน จะดีมาก ^_^
หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จ เราเริ่มเดินทางต่อไปอีกประมาณ 60 กิโลกว่าๆ เห็นข้างทางสวยดี แวะถ่าย ปุ๊ปนึง
จากนั้นเดินทางต่อไปอีกไม่ไกลก็ถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่บริหารจัดการโดย โรงเรียน และผู้นำชุมชน
ที่นี่เองเราต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถ 4wd เพื่อขึ้นดอยคร่ะ
ใครที่มีรถกระบะอยากเอารถลองขึ้นเองก็แล้วแต่นะคะ แต่บอกเลย ว่าทางขึ้นโหดจริงจัง ต้องใช้ความชำนาญมากพอสมควร แนะนำให้เหมารถกระบะพื้นที่จะดีที่สุด
( ติดต่อ 086-1822477 คุณครูหนึ่ง หรือ 089-8523061 ผู้ใหญ่บ้านจะพือ ได้เลยค่ะ) ส่วนเรื่องลูกหาบและคนนำทางก็ติดต่อที่นี่เช่นกันค่ะ แต่สำหรับที่นี่ลูกหาบจะเป็นคนนำทางไปในตัวเลย ไม่ได้แยกกัน
ค่ารถ ประมาณ 2500-3000 บาท ตามจำนวนผู้โดยสาร ถ้าจำไม่ผิด ไม่เกิน5 คน 2500บาท 6-9คน 3000บาท
ส่วนค่าจ้างลูกหาบคนละ 300บาทต่อวันค่ะ
หลังจากทำภาระกิจส่วนตัวเรียบร้อย เราขึ้นรถกระบะจากศูนย์บริการไปอีก ประมาณ 16กิโลเมตร ใช้เวลาราวๆ 1ชั่วโมงก็จะถึงจุดเริ่มเดินขึ้นดอย
ด้วยระยะทาง 6.5 กิโลเมตร และทริปเรามีแต่วัยรุ่น แรงน้อย เราใช้เวลาเดินกันประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆ(รวมแวะพัก ถ่ายรูป กินข้าวเที่ยง) ก็ถึงลานกอร์ฟช้าง ซึ่งเป็นทางเดินลงไปยังจุดกางเต๊นท์ในหุบเล็กๆ ใกล้ๆ
หลังจากกางเต๊นท์ พักผ่อนกันพักนึง เราเดินขึ้นไปบนเนินกอร์ฟช้างอีกครั้ง แดดยังแรงมาก แต่ฟ้าใสแจ๋ว และอากาศเย็นสบาย ลมแรงพอประมาณ เดินเล่นถ่ายรูปกันอยู่บนนั้น รอจนพระอาทิตย์ตกดิน แล้วเดินกลับไปยังจุดกางเต๊นท์
หลังจากกลับที่พัก ทำอาหารกินกันสนุกสนาน เรานั่งล้อมวงรับไออุ่นจากกองไฟที่ลูกหาบก่อ ห่างออกไปไม่ไกลนักจากเต๊นท์ที่เรานอน
ฉันเข้านอนเร็วกว่าเพื่อน เพราะอยากตื่นเช้า ไปรอดูพระอาทิตย์ขึ้น
เกือบๆตีห้า เราตื่น สลัดตัวออกจากถุงนอน แล้วเดินไปยอดดอยหัวสิงห์ อากาศหนาว พอประมาณ (13องศา) เราเดินส่องไฟฉายไปตามสันเขา ที่ด้านหนึ่งเป็นหน้าผา และลมค่อนข้างแรงพอสมควรไปจนถึงยอดหัวสิงห์ ทันเวลา ที่จะได้ทักทาย ดวงอาทิตย์ที่กำลังเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า ต้อนรับวันใหม่
ฉันรักบรรยากาศแบบนี้จริงๆ จะกี่สิบครั้งกี่ร้อยครั้ง ก็ไม่เคยเบื่อที่จะได้เฝ้ารอดูพระอาทิตย์ขึ้นและตก ..ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม..(ชักจะเพ้อเจ้ออีกแล้วเรา อิอิ)
บนยอดหัวสิงห์ เราสามารถมองได้ 360องศา แต่ละด้าน สวยงามต่างกัน ขึ้นอยู่กับใครจะชอบมุมไหน เราเพลิดเพลินสนุกสนาน กับการถ่ายรูป จนได้เวลาอันสมควรก็เดินกลับเต๊นท์
หลังจากกลับถึงจุดกางเต๊นท์ เราทำอาหารเช้าง่ายๆกินกัน แล้วเก็บเต๊นท์เก็บกระเป๋าสัมภาระต่างๆ เดินลงจากเขาไปยังจุดเดิมที่รถมาส่ง
ใช้เวลาประมาณ ชั่งโมงกว่าๆเกือบๆสองชั่วโมง
รถกระบะมารอรับเราและพากลับไปส่งที่ศูนย์บริการ เราขึ้นรถตู้กลับ แวะกินข้าวที่เถิน แล้วเดินทางกลับถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพจ้า
อ้อ...ลืมบอกไป...สำหรับคนที่ต้องการจะไปเที่ยวดอยม่อนจอง ข้างบน ไม่มี น้ำ ไม่มีร้านค้า ไม่มีห้องน้ำ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ
อย่าลืมเตรียมของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น เช่น ไฟฉาย ทิชชู่แห้ง ทิชชู่เปียก ไปให้เรียบร้อยนะจ๊ะ
ดอยม่อนจอง ไม่ลอง ไม่รู้
ทริปนี้ไปมาเมื่อวันที่ 28-30 พย.2014 ที่ดอยม่อนจอง อมก๋อย เชียงใหม่
เราวางแผนการเดินทางอยู่ประมาณ 1 เดือน รวบรวมสมาชิกได้ 8 คน เต็ม 1 รถตู้พอดี ตอนแรกคิดว่าถ้าไปกันแค่ 4-5 คน ก็จะขับรถกันไปเองเพื่อเป็นการประหยัดค่าเดินทางค่ะ
เรานัดเจอกันที่เก่าเวลาเดิม คืนวันศุกร์ ที่ปั๊ม ปตท. วิภาวดี ล้อหมุน สองทุ่มตรง มุ่งหน้าขึ้นเหนือ แวะรับรุ่นพี่กับรุ่นน้องอีกสองคนที่เถิน แล้วเดินทางต่อสู่เชียงใหม่ ด้วยเส้นทาง ลี้ ฮอด ออบหลวง เข้าสู่ อมก๋อย ( เส้นทางนี้ คดเคี้ยวกว่า แต่ร่นระยะทางไปได้เป็นร้อยกิโลค่ะ สำหรับคนที่จะเช่ารถตู้ไป แนะนำให้หารถที่คุ้นเคยเส้นทางนะคะ เพราะ ทางชัน คดเคี้ยว วกไปวนมา พอสมควร)
เราถึงอมก๋อยกันเวลาประมาณ หกโมงเช้านิดๆ แวะกินกาแฟ อาหารเช้า และซื้อข้าวห่อสำหรับมื้อเที่ยงที่นี่
ตรงนี้มี 7-11 ซึ่งเป็น เซเว่นสุดท้ายแล้วก่อนเข้าไปที่เขตรักษาพันธุ์ ใครลืมซื้ออะไร หรือจะซื้ออะไร จัดด่วนค่ะ
ของเปรี้ยวๆ บ๊วย มะว่วงสามรส ลูกอม หรือ ช๊อกโกแล๊ต ไว้กินเพิ่มพลังระหว่างเดิน จะดีมาก ^_^
หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จ เราเริ่มเดินทางต่อไปอีกประมาณ 60 กิโลกว่าๆ เห็นข้างทางสวยดี แวะถ่าย ปุ๊ปนึง
จากนั้นเดินทางต่อไปอีกไม่ไกลก็ถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่บริหารจัดการโดย โรงเรียน และผู้นำชุมชน
ที่นี่เองเราต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถ 4wd เพื่อขึ้นดอยคร่ะ
ใครที่มีรถกระบะอยากเอารถลองขึ้นเองก็แล้วแต่นะคะ แต่บอกเลย ว่าทางขึ้นโหดจริงจัง ต้องใช้ความชำนาญมากพอสมควร แนะนำให้เหมารถกระบะพื้นที่จะดีที่สุด
( ติดต่อ 086-1822477 คุณครูหนึ่ง หรือ 089-8523061 ผู้ใหญ่บ้านจะพือ ได้เลยค่ะ) ส่วนเรื่องลูกหาบและคนนำทางก็ติดต่อที่นี่เช่นกันค่ะ แต่สำหรับที่นี่ลูกหาบจะเป็นคนนำทางไปในตัวเลย ไม่ได้แยกกัน
ค่ารถ ประมาณ 2500-3000 บาท ตามจำนวนผู้โดยสาร ถ้าจำไม่ผิด ไม่เกิน5 คน 2500บาท 6-9คน 3000บาท
ส่วนค่าจ้างลูกหาบคนละ 300บาทต่อวันค่ะ
หลังจากทำภาระกิจส่วนตัวเรียบร้อย เราขึ้นรถกระบะจากศูนย์บริการไปอีก ประมาณ 16กิโลเมตร ใช้เวลาราวๆ 1ชั่วโมงก็จะถึงจุดเริ่มเดินขึ้นดอย
ด้วยระยะทาง 6.5 กิโลเมตร และทริปเรามีแต่วัยรุ่น แรงน้อย เราใช้เวลาเดินกันประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆ(รวมแวะพัก ถ่ายรูป กินข้าวเที่ยง) ก็ถึงลานกอร์ฟช้าง ซึ่งเป็นทางเดินลงไปยังจุดกางเต๊นท์ในหุบเล็กๆ ใกล้ๆ
หลังจากกางเต๊นท์ พักผ่อนกันพักนึง เราเดินขึ้นไปบนเนินกอร์ฟช้างอีกครั้ง แดดยังแรงมาก แต่ฟ้าใสแจ๋ว และอากาศเย็นสบาย ลมแรงพอประมาณ เดินเล่นถ่ายรูปกันอยู่บนนั้น รอจนพระอาทิตย์ตกดิน แล้วเดินกลับไปยังจุดกางเต๊นท์
หลังจากกลับที่พัก ทำอาหารกินกันสนุกสนาน เรานั่งล้อมวงรับไออุ่นจากกองไฟที่ลูกหาบก่อ ห่างออกไปไม่ไกลนักจากเต๊นท์ที่เรานอน
ฉันเข้านอนเร็วกว่าเพื่อน เพราะอยากตื่นเช้า ไปรอดูพระอาทิตย์ขึ้น
เกือบๆตีห้า เราตื่น สลัดตัวออกจากถุงนอน แล้วเดินไปยอดดอยหัวสิงห์ อากาศหนาว พอประมาณ (13องศา) เราเดินส่องไฟฉายไปตามสันเขา ที่ด้านหนึ่งเป็นหน้าผา และลมค่อนข้างแรงพอสมควรไปจนถึงยอดหัวสิงห์ ทันเวลา ที่จะได้ทักทาย ดวงอาทิตย์ที่กำลังเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า ต้อนรับวันใหม่
ฉันรักบรรยากาศแบบนี้จริงๆ จะกี่สิบครั้งกี่ร้อยครั้ง ก็ไม่เคยเบื่อที่จะได้เฝ้ารอดูพระอาทิตย์ขึ้นและตก ..ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม..(ชักจะเพ้อเจ้ออีกแล้วเรา อิอิ)
บนยอดหัวสิงห์ เราสามารถมองได้ 360องศา แต่ละด้าน สวยงามต่างกัน ขึ้นอยู่กับใครจะชอบมุมไหน เราเพลิดเพลินสนุกสนาน กับการถ่ายรูป จนได้เวลาอันสมควรก็เดินกลับเต๊นท์
หลังจากกลับถึงจุดกางเต๊นท์ เราทำอาหารเช้าง่ายๆกินกัน แล้วเก็บเต๊นท์เก็บกระเป๋าสัมภาระต่างๆ เดินลงจากเขาไปยังจุดเดิมที่รถมาส่ง
ใช้เวลาประมาณ ชั่งโมงกว่าๆเกือบๆสองชั่วโมง
รถกระบะมารอรับเราและพากลับไปส่งที่ศูนย์บริการ เราขึ้นรถตู้กลับ แวะกินข้าวที่เถิน แล้วเดินทางกลับถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพจ้า
อ้อ...ลืมบอกไป...สำหรับคนที่ต้องการจะไปเที่ยวดอยม่อนจอง ข้างบน ไม่มี น้ำ ไม่มีร้านค้า ไม่มีห้องน้ำ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ
อย่าลืมเตรียมของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น เช่น ไฟฉาย ทิชชู่แห้ง ทิชชู่เปียก ไปให้เรียบร้อยนะจ๊ะ