เนื่องจากเป็นคนนึงที่ไปทำประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ (Pro Saving) กับเมืองไทยประกันชีวิตผ่านธนาคารกสิกรไทย แต่พึ่งจ่ายได้ปีเดียว อีกปีนึงกำลังจะถึงค่ะ กำลังตัดสินใจว่าจะทำต่อดี หรือว่าจะยกเลิก ไม่จ่ายต่ออีกค่ะ
เหตุผลที่ยกเลิกคือ หลังจากอ่านรายละเอียดแล้วพบว่า เงื่อนไขการรับผลประโยชน์คือต้องเสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือมีชีวิตอยู่จนครบระยะเอาประกันเท่านั้น จึงเกิดข้อสงสัยว่าถ้าผู้ทำประกันเสียชีวิตเพราะป่วย หรือเหตุทางธรรมชาติอื่นๆ จะสามารถได้รับผลประโยชน์เต็มจำนวน หรือบางส่วนหรือไม่ อย่างไร และต้องจ่ายไปแล้วกี่ปีถึงจะมีสิทธิ์ค่ะ (เนื่องจากสัญญาไม่ได้ระบุความหมายของการเสียชีวิตเอาไว้ แต่ระบุว่าถ้าเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุในขณะอยู่บนลิฟท์หรือยานพาหนะ หรืออาคารในกรณีเริ่มไฟไหม้ เป็นต้น แบบนี้เท่ากับถ้าเราป่วยตาย เขามีสิทธิ์อ้างว่าไม่อยู่ในเงื่อนไขเอาผลประโยชน์ใช่หรือไม่ค่ะ)
เหตุผลที่สองคือ เนื่องจากตัวแทนที่ทำประกันด้วยไม่มีความน่าเชื่อถือพอจะไว้วางใจมอบเงินออมของตัวเองให้ดูแลค่ะ เพราะตอนแรกที่คุยกันเบี้ยประกันที่จ่ายต่อปีอยู่ที่ 14,XXX บาท แต่พอจ่ายจริงเป็น 15,XXX บาท พอสอบถามก็ได้ความว่าเขาคำนวณเบี้ยเพิ่มตามอายุ ก็เลยไม่ได้เอะใจและจ่ายไป ตอนที่ได้รับสัญญามาก็ไม่มีเวลาอ่านเลยเก็บไว้ก่อน (ตอนนั้นคิดว่าจะทำแน่ๆ จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร) แต่ต่อมาก็ได้มีโอกาสได้อ่านสัญญาจริงจังและหาข้อมูลไปด้วย ถึงได้รู้ว่าระยะเวลาออมเงินกับระยะเวลาเอาประกันคนละเรื่องกัน และเบี้ยประกันที่ถูกให้จ่ายเพิ่มอีกพันกว่าบาทคือสัญญาเพิ่มเติม (ประกันภัยอะไรซักอย่าง) ค่ะ ซึ่งตอนที่รู้ก็ไปถามเขาว่าถ้างั้นเปลี่ยนสัญญาเพิ่มเติมนี่เป็นประกันสุขภาพแทนได้มั้ย เขาบอกว่าไม่ได้ ถ้าจะซื้อประกันสุขภาพต้องซื้อต่างหาก ซื้อรวมกันไม่ได้ แต่เท่าที่หาข้อมูลมันทำได้ค่ะ จนถึงตอนนี้ก็เลยเริ่มสงสัยว่าตั้งแต่แรกเขาไม่คิดอธิบายอะไรให้ลูกค้าเข้าใจ และยังมาตัดเงินโดยโกหกอีก แล้วยังควรจะเชื่อถือเขาต่อไปอีกหรือเปล่าค่ะ
ถ้าตายจากการป่วยแล้วไม่ได้รับผลประโยชน์ ก็คิดว่าจะไม่ทำต่อค่ะ หากจะยกเลิกหลังจ่ายไปแล้วปีเดียวจะมีเงื่อนไขอะไรมั้ยคะ ต้องเสียเงิน หรือได้รับเงินคืนเป็นจำนวนเท่าไร หรือว่าสูญเปล่าไปเลยคะ และแม้ว่าจะเอาเงินคืนไม่ได้แต่สามารถทำอย่างไรให้ตัวแทนพวกนี้ได้รับโทษจากการเอาเปรียบผู้บริโภคได้บ้างคะ
ขอบคุณค่ะ
สอบถามเงื่อนไขการรับประโยชน์เมื่อทำประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ค่ะ (รบกวนขอความรู้กฎหมายค่ะ)
เหตุผลที่ยกเลิกคือ หลังจากอ่านรายละเอียดแล้วพบว่า เงื่อนไขการรับผลประโยชน์คือต้องเสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือมีชีวิตอยู่จนครบระยะเอาประกันเท่านั้น จึงเกิดข้อสงสัยว่าถ้าผู้ทำประกันเสียชีวิตเพราะป่วย หรือเหตุทางธรรมชาติอื่นๆ จะสามารถได้รับผลประโยชน์เต็มจำนวน หรือบางส่วนหรือไม่ อย่างไร และต้องจ่ายไปแล้วกี่ปีถึงจะมีสิทธิ์ค่ะ (เนื่องจากสัญญาไม่ได้ระบุความหมายของการเสียชีวิตเอาไว้ แต่ระบุว่าถ้าเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุในขณะอยู่บนลิฟท์หรือยานพาหนะ หรืออาคารในกรณีเริ่มไฟไหม้ เป็นต้น แบบนี้เท่ากับถ้าเราป่วยตาย เขามีสิทธิ์อ้างว่าไม่อยู่ในเงื่อนไขเอาผลประโยชน์ใช่หรือไม่ค่ะ)
เหตุผลที่สองคือ เนื่องจากตัวแทนที่ทำประกันด้วยไม่มีความน่าเชื่อถือพอจะไว้วางใจมอบเงินออมของตัวเองให้ดูแลค่ะ เพราะตอนแรกที่คุยกันเบี้ยประกันที่จ่ายต่อปีอยู่ที่ 14,XXX บาท แต่พอจ่ายจริงเป็น 15,XXX บาท พอสอบถามก็ได้ความว่าเขาคำนวณเบี้ยเพิ่มตามอายุ ก็เลยไม่ได้เอะใจและจ่ายไป ตอนที่ได้รับสัญญามาก็ไม่มีเวลาอ่านเลยเก็บไว้ก่อน (ตอนนั้นคิดว่าจะทำแน่ๆ จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร) แต่ต่อมาก็ได้มีโอกาสได้อ่านสัญญาจริงจังและหาข้อมูลไปด้วย ถึงได้รู้ว่าระยะเวลาออมเงินกับระยะเวลาเอาประกันคนละเรื่องกัน และเบี้ยประกันที่ถูกให้จ่ายเพิ่มอีกพันกว่าบาทคือสัญญาเพิ่มเติม (ประกันภัยอะไรซักอย่าง) ค่ะ ซึ่งตอนที่รู้ก็ไปถามเขาว่าถ้างั้นเปลี่ยนสัญญาเพิ่มเติมนี่เป็นประกันสุขภาพแทนได้มั้ย เขาบอกว่าไม่ได้ ถ้าจะซื้อประกันสุขภาพต้องซื้อต่างหาก ซื้อรวมกันไม่ได้ แต่เท่าที่หาข้อมูลมันทำได้ค่ะ จนถึงตอนนี้ก็เลยเริ่มสงสัยว่าตั้งแต่แรกเขาไม่คิดอธิบายอะไรให้ลูกค้าเข้าใจ และยังมาตัดเงินโดยโกหกอีก แล้วยังควรจะเชื่อถือเขาต่อไปอีกหรือเปล่าค่ะ
ถ้าตายจากการป่วยแล้วไม่ได้รับผลประโยชน์ ก็คิดว่าจะไม่ทำต่อค่ะ หากจะยกเลิกหลังจ่ายไปแล้วปีเดียวจะมีเงื่อนไขอะไรมั้ยคะ ต้องเสียเงิน หรือได้รับเงินคืนเป็นจำนวนเท่าไร หรือว่าสูญเปล่าไปเลยคะ และแม้ว่าจะเอาเงินคืนไม่ได้แต่สามารถทำอย่างไรให้ตัวแทนพวกนี้ได้รับโทษจากการเอาเปรียบผู้บริโภคได้บ้างคะ
ขอบคุณค่ะ