ถ้าหากใครได้อ่านเรื่องนี้ ขอได้โปรดช่วยหาทางออกให้กับดิฉันกับลูกๆด้วย เพราะตอนนี้ดิฉันแย่มากๆ ไม่รู้ว่าจะทำ ยังไงกับอนาคต จะทนอยู่แบบนี้หรือจะหนีไปตายเอาดาบหน้า
ดิฉันแต่งงานกับสามี (คนต่างชาติ) เป็นเวลา 5 ปี มีลูกสาวที่น่ารัก 2 คน คนโต 5 ขวบ คนเล็ก 2.6 ขวบ ตอนนี้พวกเราอาศัยอยู่ที่บาหลี อินโดนีเซีย เช่าอพาร์ทเม้นท์เล็กๆ จุดเริ่มต้นคือเมื่อดิฉันแต่งงาน มีลูก แฟนก็ให้ออกจากงาน เพราะเขารู้ว่าดิฉันเป็นคนบ้างาน กลัวไม่มีเวลาดูแลลูกอย่างเต็มที่ เราย้ายจากกรุงเทพฯ มาเช่าบ้านอยู่ที่พัทยา สามีทำอาชีพเขียนเว็บไซต์ เขาเป็นคนอารมณ์ร้อน ขี้โมโห ยิ่งเวลาตื่นนอนใหม่ๆเขาจะย่ิ่งอารมณ์เสียได้ง่ายมีหลายๆครั้งที่ทะเลาะกันถึงขั้นจะลงไม้ลงมือกันแต่ก็ยับยั้งไว้ได้ จนกระทั่งคลอดลูกคนแรกเราเริ่มมีปัญหาเรื่องเงิน ทำให้เขาเครียด โมโหง่าย โมโหได้ในทุกๆเรื่องในวันที่ดิฉันจะไปตัดไหมแผลผ่าตัดหลังคลอดเรามีเรื่องทะเลาะกันจนเขาลงมือกับดิฉันตบดิฉันจนล้มคว่ำลงไปที่เตียงเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งแผลผ่าตัดนี่คือครั้งแรกที่เขาลงมือกับดิฉันและอีกหลายๆครั้งตามมาที่เราทะเลาะกัน ตอนแรกดิฉันสู้แต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้ และเราเป็นฝ่ายเจ็บตัวทุกครั้ง เราทำได้แค่หยิกข่วน ตอนหลังๆเราไม่สู้เลย รายได้ของเขาไม่ค่อยดีเขาจึงหันมาสนใจทำธุรกิจซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และได้ชวนทางครอบครัวดิฉันมาร่วมลงหุ้นด้วยแต่สุดท้ายก็ขาดทุน
เราย้ายไปอยู่ที่ฝรั่งเศสเพราะเขาได้โปรเจ็คใหม่ทีนั่น ดิฉันแพ้ท้องลูกคนที่2 หนักมากและงานเขาเสร็จก็เลยตัดสินใจกลับมาที่ประเทศไทย กลับมาอยู่ที่บ้านดิฉัน แต่อยู่ได้ไม่นานเพราะแฟนเขากดดันเรื่องหาเงินทุนมาคืนพี่สาวของดิฉัน เพราะดิฉันอยู่บ้านเดียวกันกับพี่สาวคนรองคนที่เอาเงินมาทุนกับสามีของดิฉัน แฟนได้งานที่ประเทศอินโดนีเซียเราย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของ เจ้านายสามี แต่แล้วสามีก็มีปัญหากับเจ้านาย เพราะขัดผลประโยชน์อะไรกันบางอย่าง ดิฉันเครียดมากถึงขนาดเลือดออกทางช่องคลอด และปวดท้องมาก หมอตรวจพบว่าท่าของเด็กในท้องไม่ปกติ ต้องนอนพักน่ิ่งๆที่ รพ. ถ้าโชคดีเด็กจะค่อยๆกลับมาอยู่ในท่าปกติในช่วงที่อยู่ที่ รพ.เราก็ต้องดูแลตัวเอง และดูแลลูกคนโตด้วย สามีบอกว่าเราต้องกลับประเทศไทยเพราะมันมีเรื่องที่อันตรายถึงชีวิตได้ ตอนนั้นดิฉันกลัวมาก กลัวเจ้านายทำร้ายสามี กลัวว่าจะคลอดก่อนกำหนด โชคเข้าข้างเราเด็กในท้องกลับ มาอยู่ในท่าปกติ และเพื่อนของสามีพาเราไปซ่อนตัวที่โรงแรมจ้ิ้งหรีดแห่งหนึ่ง แต่สุดท้ายเจ้านายเขาก็ตามจนเจอ พวกเขาทะเลาะกันรุนแรงมาก แฟนได้ไปขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่เขารู้จักและค่อนข้างมีอิทธิพล ทำให้เราได้กระเป๋าบางส่วนคืน และส่งพวกเราไปขึ้นเครื่องกลับเมืองไทย โดยต้องไปขึ้นเครื่องที่อีกเมืองหนึ่งน่ั่งรถประมาณ 5 ช.ม.
พวกเรากลับมาอยู่ที่บ้านดิฉัน อีกครั้งเพราะดิฉันใกล้คลอดแล้ว ช่วงเวลานั้นสามีเริ่มเข้า กทม.บ่อยมากบอกว่าจะไปตามเรื่องเช็คของเงินทุนประกันบริษัทเก่าของเขา เราเชื่อเขาตลอด และมารู้ทีหลังว่าเขาไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ในวันที่ผ่าตัดคลอดลูกคนที่ 2 เขาโกหกว่าแม่ของเขามาเมืองไทยและประสบอุบัติเหตุต้องผ่าตัดด่วน เราเชื่อที่เขาพูดทุกอย่างเพราะเขามีเอกสารของแม่แสดงให้เราดูทุกอย่าง ดิฉันให้เขาไปดูแลแม่ ส่วนดิฉันก็เข้าห้องคลอดใช้เวลาในห้องคลอดประมาณ 1ช.ม กว่าๆ เพราะผังผืดเกาะเต็มหน้าท้อง ทำให้เอาเด็กออกไม่ได้และเด็กตัวใหญ่ด้วย 4 กิโลค่ะ หมอค่อยๆเลาะเอาผังผืดออก ยาชาก็เริ่มหมดฤทธิ์ ต้องจ้ิ้มมอร์ฟีนที่ท้องแขนทั้ง 2 ข้างจนพรุนไปหมด หลังจากนั้นแผลก็ติดเชื้อเนื่องจากเปิดแผลนาน ต้องเข้าห้องผ่าตัดเล็กอีก 3 ครั้งเพื่อเปิดแผล เอาหนองออก และขุดเนื้อตายออก ในช่วงเวลา 15วัน ที่ดิฉันอยู่ที่ รพ. สามีก็อยู่กับผู้หญิงอีกคนแต่เราคิดว่าเขาอยู่กับแม่ตลอด แต่พอเราจับได้ และรู้เรื่องทั้งหมดจากผู้หญิงของเขา เขาก็บอกว่าจะเลิก และขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น และขอให้เริ่มต้นกันใหม่ ดิฉันยอมเพราะทุกคนสามารถผิดพลาดกันได้ ทั้งๆที่เราเจ็บและเสียใจมาก แต่เมื่อบอกว่าให้อภัยคือให้อภัยจริงๆ ลืมเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดและดิฉันไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ กับเขาอีกเลยแม้แต่ตอนทะเลาะกัน
อยู่กับนำ้ตาทุกวันและอยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรีเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ลูก นี่หรือคือสิ่งที่เราเลือก
ดิฉันแต่งงานกับสามี (คนต่างชาติ) เป็นเวลา 5 ปี มีลูกสาวที่น่ารัก 2 คน คนโต 5 ขวบ คนเล็ก 2.6 ขวบ ตอนนี้พวกเราอาศัยอยู่ที่บาหลี อินโดนีเซีย เช่าอพาร์ทเม้นท์เล็กๆ จุดเริ่มต้นคือเมื่อดิฉันแต่งงาน มีลูก แฟนก็ให้ออกจากงาน เพราะเขารู้ว่าดิฉันเป็นคนบ้างาน กลัวไม่มีเวลาดูแลลูกอย่างเต็มที่ เราย้ายจากกรุงเทพฯ มาเช่าบ้านอยู่ที่พัทยา สามีทำอาชีพเขียนเว็บไซต์ เขาเป็นคนอารมณ์ร้อน ขี้โมโห ยิ่งเวลาตื่นนอนใหม่ๆเขาจะย่ิ่งอารมณ์เสียได้ง่ายมีหลายๆครั้งที่ทะเลาะกันถึงขั้นจะลงไม้ลงมือกันแต่ก็ยับยั้งไว้ได้ จนกระทั่งคลอดลูกคนแรกเราเริ่มมีปัญหาเรื่องเงิน ทำให้เขาเครียด โมโหง่าย โมโหได้ในทุกๆเรื่องในวันที่ดิฉันจะไปตัดไหมแผลผ่าตัดหลังคลอดเรามีเรื่องทะเลาะกันจนเขาลงมือกับดิฉันตบดิฉันจนล้มคว่ำลงไปที่เตียงเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งแผลผ่าตัดนี่คือครั้งแรกที่เขาลงมือกับดิฉันและอีกหลายๆครั้งตามมาที่เราทะเลาะกัน ตอนแรกดิฉันสู้แต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้ และเราเป็นฝ่ายเจ็บตัวทุกครั้ง เราทำได้แค่หยิกข่วน ตอนหลังๆเราไม่สู้เลย รายได้ของเขาไม่ค่อยดีเขาจึงหันมาสนใจทำธุรกิจซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และได้ชวนทางครอบครัวดิฉันมาร่วมลงหุ้นด้วยแต่สุดท้ายก็ขาดทุน
เราย้ายไปอยู่ที่ฝรั่งเศสเพราะเขาได้โปรเจ็คใหม่ทีนั่น ดิฉันแพ้ท้องลูกคนที่2 หนักมากและงานเขาเสร็จก็เลยตัดสินใจกลับมาที่ประเทศไทย กลับมาอยู่ที่บ้านดิฉัน แต่อยู่ได้ไม่นานเพราะแฟนเขากดดันเรื่องหาเงินทุนมาคืนพี่สาวของดิฉัน เพราะดิฉันอยู่บ้านเดียวกันกับพี่สาวคนรองคนที่เอาเงินมาทุนกับสามีของดิฉัน แฟนได้งานที่ประเทศอินโดนีเซียเราย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของ เจ้านายสามี แต่แล้วสามีก็มีปัญหากับเจ้านาย เพราะขัดผลประโยชน์อะไรกันบางอย่าง ดิฉันเครียดมากถึงขนาดเลือดออกทางช่องคลอด และปวดท้องมาก หมอตรวจพบว่าท่าของเด็กในท้องไม่ปกติ ต้องนอนพักน่ิ่งๆที่ รพ. ถ้าโชคดีเด็กจะค่อยๆกลับมาอยู่ในท่าปกติในช่วงที่อยู่ที่ รพ.เราก็ต้องดูแลตัวเอง และดูแลลูกคนโตด้วย สามีบอกว่าเราต้องกลับประเทศไทยเพราะมันมีเรื่องที่อันตรายถึงชีวิตได้ ตอนนั้นดิฉันกลัวมาก กลัวเจ้านายทำร้ายสามี กลัวว่าจะคลอดก่อนกำหนด โชคเข้าข้างเราเด็กในท้องกลับ มาอยู่ในท่าปกติ และเพื่อนของสามีพาเราไปซ่อนตัวที่โรงแรมจ้ิ้งหรีดแห่งหนึ่ง แต่สุดท้ายเจ้านายเขาก็ตามจนเจอ พวกเขาทะเลาะกันรุนแรงมาก แฟนได้ไปขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่เขารู้จักและค่อนข้างมีอิทธิพล ทำให้เราได้กระเป๋าบางส่วนคืน และส่งพวกเราไปขึ้นเครื่องกลับเมืองไทย โดยต้องไปขึ้นเครื่องที่อีกเมืองหนึ่งน่ั่งรถประมาณ 5 ช.ม.
พวกเรากลับมาอยู่ที่บ้านดิฉัน อีกครั้งเพราะดิฉันใกล้คลอดแล้ว ช่วงเวลานั้นสามีเริ่มเข้า กทม.บ่อยมากบอกว่าจะไปตามเรื่องเช็คของเงินทุนประกันบริษัทเก่าของเขา เราเชื่อเขาตลอด และมารู้ทีหลังว่าเขาไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ในวันที่ผ่าตัดคลอดลูกคนที่ 2 เขาโกหกว่าแม่ของเขามาเมืองไทยและประสบอุบัติเหตุต้องผ่าตัดด่วน เราเชื่อที่เขาพูดทุกอย่างเพราะเขามีเอกสารของแม่แสดงให้เราดูทุกอย่าง ดิฉันให้เขาไปดูแลแม่ ส่วนดิฉันก็เข้าห้องคลอดใช้เวลาในห้องคลอดประมาณ 1ช.ม กว่าๆ เพราะผังผืดเกาะเต็มหน้าท้อง ทำให้เอาเด็กออกไม่ได้และเด็กตัวใหญ่ด้วย 4 กิโลค่ะ หมอค่อยๆเลาะเอาผังผืดออก ยาชาก็เริ่มหมดฤทธิ์ ต้องจ้ิ้มมอร์ฟีนที่ท้องแขนทั้ง 2 ข้างจนพรุนไปหมด หลังจากนั้นแผลก็ติดเชื้อเนื่องจากเปิดแผลนาน ต้องเข้าห้องผ่าตัดเล็กอีก 3 ครั้งเพื่อเปิดแผล เอาหนองออก และขุดเนื้อตายออก ในช่วงเวลา 15วัน ที่ดิฉันอยู่ที่ รพ. สามีก็อยู่กับผู้หญิงอีกคนแต่เราคิดว่าเขาอยู่กับแม่ตลอด แต่พอเราจับได้ และรู้เรื่องทั้งหมดจากผู้หญิงของเขา เขาก็บอกว่าจะเลิก และขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น และขอให้เริ่มต้นกันใหม่ ดิฉันยอมเพราะทุกคนสามารถผิดพลาดกันได้ ทั้งๆที่เราเจ็บและเสียใจมาก แต่เมื่อบอกว่าให้อภัยคือให้อภัยจริงๆ ลืมเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดและดิฉันไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ กับเขาอีกเลยแม้แต่ตอนทะเลาะกัน