เสียงพิณทำให้พระองค์ตื่นจากสมาบัติ!?
จริง ๆ แล้วผมคิดว่าข้อความในเพลงรักจากพระไตรปิฏกท่อนนึง ของเสฐียรพงษ์ วรรณปก
มีท่อนนึงที่กล่าวผิดพลาดไว้เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า คือการออกจากสมาบัติ ถ้าภาษาธรรมในสมัยพุทธกาล
สามารถใช้คำว่ากล่าวตู่ได้เลยทีเดียว แท้จริงแล้วก่อนเข้าสมาบัตินั้นพระองค์กำกนดเวลาไว้เป็นต้นว่า
30 นาที, 1 ชั่วโมง 3 วัน 7 วันเป็นต้น อันนี้พูดให้เห็นภาพนะครับ ดังอรรถกถาที่ยกมา
อรรถกถาเรื่อง สักกปัญหสูตร จากพระไตรปิฏก ฉบับ 91 เล่ม มหามกุฏราชวิทยาลัย
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 156
http://www.tripitaka91.com/91book/book14/151_200.htm#153
ในคำว่า ออกจากสมาธินั้นเพราะเสียงล้อและดุมรถ นี้ ไม่ต้องพูดว่า
ทรงเข้าสมาบัติแล้วทรงได้ยินเสียง. ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ยังตรัสกับ
ท้าวสักกะ ผู้จอมทวยเทพว่า อีกประการหนึ่ง อาตมภาพออกจากสมาธินั้น
ก็เพราะเสียงล้อและดุมรถของมหาบพิตร มิใช่หรือ. ตอบว่า เสียงดุมรถยกไว้
เถิด
ธรรมดาผู้เข้าสมาบัติ ในภายในสมาบัติ ต่อให้ใครเอาคู่สังข์มาเป่าใส่
ใกล้ ๆ กกหูก็ดีฟ้าผ่าเปรี้ยงก็ดี ก็ย่อมไม่ได้ยินเสียง. ส่วนพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงกำหนดว่า ตลอดเวลาเท่านี้ เราจะยังไม่ให้โอกาสแก่ท้าวสักกะ จึงทรง
เข้าผลสมาบัติด้วยอำนาจเวลา. ท้าวสักกะทรงคิดว่า บัดนี้ พระศาสดายังไม่
ประทานโอกาสแก่เรา จึงทรงทำประทักษิณพระคันธกุฎี แล้วให้กลับรถบ่าย
พระพักตร์สู่เทวโลก. บริเวณพระคันธกุฎี ก็มีสนั่นเพราะเสียงรถ เหมือนดนตรี
มีองค์ห้า. เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงออกจากสมาบัติตามอำนาจเวลาที่ได้ทรง
กำหนดไว้แล้ว จิตที่ทำหน้าที่พิจารณาอารมณ์ดวงแรกก็เกิดขึ้น ฉะนั้น พระ-
องค์จึงตรัสอย่างนั้น.
เพลงรักในพระไตรปิฎก O Glory-of-the-Sun! ของท่านเสฐียรพงษ์ วรรณปก
จริง ๆ แล้วผมคิดว่าข้อความในเพลงรักจากพระไตรปิฏกท่อนนึง ของเสฐียรพงษ์ วรรณปก
มีท่อนนึงที่กล่าวผิดพลาดไว้เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า คือการออกจากสมาบัติ ถ้าภาษาธรรมในสมัยพุทธกาล
สามารถใช้คำว่ากล่าวตู่ได้เลยทีเดียว แท้จริงแล้วก่อนเข้าสมาบัตินั้นพระองค์กำกนดเวลาไว้เป็นต้นว่า
30 นาที, 1 ชั่วโมง 3 วัน 7 วันเป็นต้น อันนี้พูดให้เห็นภาพนะครับ ดังอรรถกถาที่ยกมา
อรรถกถาเรื่อง สักกปัญหสูตร จากพระไตรปิฏก ฉบับ 91 เล่ม มหามกุฏราชวิทยาลัย
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 156
http://www.tripitaka91.com/91book/book14/151_200.htm#153
ในคำว่า ออกจากสมาธินั้นเพราะเสียงล้อและดุมรถ นี้ ไม่ต้องพูดว่า
ทรงเข้าสมาบัติแล้วทรงได้ยินเสียง. ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ยังตรัสกับ
ท้าวสักกะ ผู้จอมทวยเทพว่า อีกประการหนึ่ง อาตมภาพออกจากสมาธินั้น
ก็เพราะเสียงล้อและดุมรถของมหาบพิตร มิใช่หรือ. ตอบว่า เสียงดุมรถยกไว้
เถิด ธรรมดาผู้เข้าสมาบัติ ในภายในสมาบัติ ต่อให้ใครเอาคู่สังข์มาเป่าใส่
ใกล้ ๆ กกหูก็ดีฟ้าผ่าเปรี้ยงก็ดี ก็ย่อมไม่ได้ยินเสียง. ส่วนพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงกำหนดว่า ตลอดเวลาเท่านี้ เราจะยังไม่ให้โอกาสแก่ท้าวสักกะ จึงทรง
เข้าผลสมาบัติด้วยอำนาจเวลา. ท้าวสักกะทรงคิดว่า บัดนี้ พระศาสดายังไม่
ประทานโอกาสแก่เรา จึงทรงทำประทักษิณพระคันธกุฎี แล้วให้กลับรถบ่าย
พระพักตร์สู่เทวโลก. บริเวณพระคันธกุฎี ก็มีสนั่นเพราะเสียงรถ เหมือนดนตรี
มีองค์ห้า. เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงออกจากสมาบัติตามอำนาจเวลาที่ได้ทรง
กำหนดไว้แล้ว จิตที่ทำหน้าที่พิจารณาอารมณ์ดวงแรกก็เกิดขึ้น ฉะนั้น พระ-
องค์จึงตรัสอย่างนั้น.