1. บทเรียน ความหลัง และความเจ็บปวด
เริ่มต้นจากปีที่แล้ว ในงาน กรุงเทพมาราธอน 2013 (หรือเรียกอีกอย่างว่าบรมราชชนนีมาราธอน) ที่ลงวิ่งครั้งแรก
ก็เลือกกระยะ Full Marathon แบบไม่เจียมสังขาร สุดท้ายก็จบแบบเจ็บๆ ไปชนิดน้ำตาตกใน ระบมไปหมด
(ใครว่างจะกดจิ้มตามไปดูก็ตามนี้เลยครับ
http://ppantip.com/topic/31254569 ) โดยสถิติที่ได้จาก BIB ก็คือ 5 ชั่วโมง 54 นาที
จากนั้น ก็คิดไว้ว่า “ฝากไว้ก่อน แล้วจะกลับมาแก้แค้น ลูกผู้ชาย ล้างแค้น 10 ปี ยังไม่สาย”
แต่หลังจากงาน กรุงเทพมาราธอน 2013 ก็เป็นอันว่าปิดฉากการวิ่งของปี 2013 เลย ไม่ได้ลงงานวิ่งใด
ได้แต่ซ้อมเตาะแตะ 4 – 5 กม. ไปตามเรื่องตามราว
หลังจากเริ่มปี 2014 มา ก็พยายามซ้อมวิ่งมาเรื่อยๆ ตั้งใจว่าปีนี้ ต้องกลับมาลง กรุงเทพมาราธอน 2014
แล้วเข้าเส้นชัยแบบสวยๆ ไม่เจ็บ ไม่เปื่อย ให้ได้ ก็เลยซ้อมวิ่ง โดยยืนระยะที่ 8 – 10 กม. อยู่เป็นประจำ
สัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้งแล้วแต่ความสะดวก
อีกครั้ง กับ 42.195 มาราธอนเต็มพิกัด กรุงเทพมาราธอน 2014
เริ่มต้นจากปีที่แล้ว ในงาน กรุงเทพมาราธอน 2013 (หรือเรียกอีกอย่างว่าบรมราชชนนีมาราธอน) ที่ลงวิ่งครั้งแรก
ก็เลือกกระยะ Full Marathon แบบไม่เจียมสังขาร สุดท้ายก็จบแบบเจ็บๆ ไปชนิดน้ำตาตกใน ระบมไปหมด
(ใครว่างจะกดจิ้มตามไปดูก็ตามนี้เลยครับ http://ppantip.com/topic/31254569 ) โดยสถิติที่ได้จาก BIB ก็คือ 5 ชั่วโมง 54 นาที
จากนั้น ก็คิดไว้ว่า “ฝากไว้ก่อน แล้วจะกลับมาแก้แค้น ลูกผู้ชาย ล้างแค้น 10 ปี ยังไม่สาย”
แต่หลังจากงาน กรุงเทพมาราธอน 2013 ก็เป็นอันว่าปิดฉากการวิ่งของปี 2013 เลย ไม่ได้ลงงานวิ่งใด
ได้แต่ซ้อมเตาะแตะ 4 – 5 กม. ไปตามเรื่องตามราว
หลังจากเริ่มปี 2014 มา ก็พยายามซ้อมวิ่งมาเรื่อยๆ ตั้งใจว่าปีนี้ ต้องกลับมาลง กรุงเทพมาราธอน 2014
แล้วเข้าเส้นชัยแบบสวยๆ ไม่เจ็บ ไม่เปื่อย ให้ได้ ก็เลยซ้อมวิ่ง โดยยืนระยะที่ 8 – 10 กม. อยู่เป็นประจำ
สัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้งแล้วแต่ความสะดวก