สวัสดีค่ะ
วันนี้ได้มีโอกาสไปทานที่ร้าน
Whales Belly มาด้วยค่ะ
ที่อยู่ร้าน
Whale’s Belly Restaurant & Bar
ซอยสุขุมวิท 39 อาคาร ชั้น 2, 39 Boulevard Tower A, ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
เบอร์ติดต่อ
02-1600333 / 087 441 9545 (24 hours)
เปิดทุกวัน เวลา 17.30 – 23.00 น.
http://www.whales-belly.com/
. ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` .
จริงๆตอนแรกที่ดูเมนูก็เลือกอยู่นาน ตัดสินใจไม่ได้ซักทีว่าจะเอาอะไร มันน่าทานหลายอย่างเลย พนักงานก็ดีนะ พยายามอธิบายตลอดว่าอะไรเด่นอะไรดี ชอบปลามั้ย มีปลาอันนี้ อบอย่างงี้ ใส่ไอ้นี่ ไอ้นั่น อร่อยแน่ๆ ก็พูดให้ฟังหลายเมนูเลย น่ารักมากค่ะ แค่นี้ก็รู้สึกได้ละว่าบริการตลอดมื้อน่าจะไม่พลาด
แต่ด้วยความลังเลของเราเอง เราเลยเลือกที่จะลอง tasting menu ซะเลย ได้ทานหลายอย่างดีด้วย
จานแรกของมื้อคือ amuse bouche คืออาหารเรียกน้ำย่อย complimentary จากทาง chef
เห็นว่าแต่ละวันจะต่างกันไป แล้วแต่เชฟจะสร้างสรรค์ค่ะ
ของวันนี้เป็น pomodoro salsa กับลูกดำๆนั้นจำไม่ได้ค่ะว่าคืออะไร แต่รสชาติก็ไม่ได้พิเศษอะไรนะ
จานที่ 2 คือ sweet n sour ค่ะ
ในจานนี้จะเป็น marinated bismarck herring, cape gooseberry, chicken paper and potato
เราว่าจานนี้อร่อยดีค่ะ ปลาที่หมักมามีรสเปรี้ยวนิดๆ gooseberry ก็เปรี้ยวๆหวานๆ ทานคู่กับหนังไก่กรอบบาง และมันบดที่มีกลิ่น herb (เหมือนมันบดจะเปรี้ยวนิดๆด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าเพราะลิ้นโดนทุกอย่างแล้วทำให้มันเปรี้ยวไปด้วยป่าว) มันบดก็นุ่ม ละมุนดีค่ะ โดยรวมอร่อยเลยค่ะ
จานที่ 3 blue fin tuna - blue crab meat, cold capellini, caviar and yuzu vinaigrette
ส่วนตัวเราว่าจานนี้อร่อยที่สุดในที่ทานทั้งคอร์สเลยนะ รสชาติออกเปรี้ยวนิดๆ เผ็ดด้วย แอบตกใจว่าทำไมเผ็ดขนาดนี้ แต่ทานไปก็อร่อยนะ ที่ร้านว่าซอส yuzu vinaigrette นั่นแหละที่มีพริก เส้นนุ่มๆหนึบๆ เข้ากับซอสและปลาที่นุ่มเกือบจะละลายได้ดีมาก จานนี้ประทับใจ
จานที่ 4 escargot and ricard - hand rolled ravioli, parsley, parmesan
หน้าตาจานนี้เราว่ายังไม่ค่อยโอเค แต่ที่ชอบคือฟองๆ มันเป็นซอสชีส parmesan ที่นำมาอัดเป็น foam แปลกดีนะ เราทานเปล่าๆ เค็ม หอม แล้วแบบ เอาเข้าปากแป๊ปเดียว มันจะละลายหายไปเร็วมาก เป็นความรู้สึกที่แปลกดีค่ะ hahaha
เมื่อทานคู่กันกับเกี๊ยว ravioli ที่สอดไส้ escagot หรือน้องหอยทากนั่นเอง และซอสครีม parsley ก็เข้ากันดีนะ แต่ส่วนตัวเราก็ไม่ได้ตื่นเต้นกับรสชาติโดยรวมมาก ก็ยังตื่นเต้นแต่รสฟองอยู่ haha
จานที่ 5 ใส่ชามไม้มาสวยงาม จานนี้มีชื่อว่า 62c onsen egg ค่ะ - shiitake and bacon ragu, chive, beurre blanc
เป็นไข่ที่ต้มมาด้วยอุณหภูมิ 62 เซลเซียส เป็นเวลา 2.5 ช.ม เลย ไข่มีรสสัมพัสที่นุ่มมาก เนียนมากด้วย
ที่ทานคู่กับไข่ก็มีซอส beurre blanc ที่มีความเข้มข้น มัน และเปรี้ยวนิดๆทิ้งท้าย และก็มีเห็ด shiitake นุ่มๆ เบค่อน และโรยด้วยสาหร่ายบนหน้าค่ะ แล้วเรารู้สึกเหมือนมีผงโรยข้าวญี่ปุ่นด้วยอ่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าอันเดียวกันป่าว
ก่อนจะไปต่อกันที่เมนูหลักของมื้อ เราก็มาพักลิ้นโดยทาน refresher ซึ่งของวันนี้จะเป็นเยลลี่ดอกอัญชัญ เชอร์เบทพีช และโฟมมิ้นท์ ก็หอมสดชื่นดีค่ะ
ล้างปากเรียบร้อยก็ต่อกันเลย!
จานที่ 7 ของเราเป็น sous vide halibut ค่ะ เป็นปลา halibut ที่ผ่านการปรุงโดยการต้มในน้ำที่อุณหภูมิต่ำเป็นเวลานาน ข้างบนดำๆนั่นคือหมึกดำนะคะ แล้วข้างล่างก็มีเห็ดบดๆที่มีกลิ่นของ truffle หอมเลยค่ะ ราดซอส ..เราคิดว่าเป็นซอส beurre blanc เหมือนจานไข่นะ เมนูปลานี้ไม่ได้อยู่ในเมนูค่ะ เป็นจานนี้ต้องจ่ายเพิ่มอีก 600 บาท นอกเหนือจากคอร์ส พนักงานแนะนำมา เลยลองดู ฟังดูน่าทานดี
ปลาเนื้อนุ่มมาก ไม่คาว เข้ากับซอสและเห็ดได้ดีมากๆเลย แต่เราไม่ค่อยเห็นประโยชน์ของหมึกดำข้างบนเท่าไหร่นะ เพราะไม่ได้กลิ่นไม่ได้รสอะไรเลย ซอสกับกลิ่นเห็ดทรัฟเฟิลมันกลบไปหมดแล้ว หรือว่านั่นเป็นขั้นตอนในการ sousvide ปลาก็ไม่รู้นะ.. และอีกอย่าง เราไม่รู้ว่าเราเริ่มอิ่มแล้วพาลรึเปล่านะ hahaha แต่จานนี้มันใหญ่เกินอ่ะ คือทานเยอะๆแล้วแอบเลี่ยนมาก ไม่มีรสอื่นมาตัดเลย มันๆเลี่ยนๆtruffleๆ วนอยู่อย่างงี้ คำแรกๆก็อร่อยมากๆอยู่ ซักพักเริ่ม เอิ่มมมม ไม่ไหวละ > <
จานที่ 8 ของหวานแล้ว
raspberry panna cotta - mix berries, sorbet, cocoa
สีสันสวยงามค่ะ แต่ส่วนตัวเราว่าของหวานที่นี่ไม่ค่อยโอเค เนื้อ panna cotta ยังไม่นุ่มเนียนเท่าที่ควร (อันนี้ไม่ได้พารอิ่มละนะ haha) คือจริงๆ panna cotta มันต้องดึ๋งๆนิดๆไม่ใช่เหรอ อันนี้ไม่เลยอ่ะ รส sorbet ก็อร่อยดีค่ะ แต่ไม่ชอบก้อนๆผงๆ โกโก้ข้างล่าง มันแข็งเคี้ยวไม้ได้ แล้วไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นอ่ะ
จานที่ 9 จบมื้อ
mocha with marshmallows
อันนี้ทานแต่ marshmallowsนุ่มๆ นะ เราไปทานข้าวเย็น แล้วไม่อยากดื่มกาแฟตอนกลางคืนค่ะ
. ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` .
จานนี้เป็นจาน main ของที่พี่เราสั่งค่ะ พี่เราไม่ได้ทาน tasting menu เหมือนเรา จานนี้คือเหมือนกับ cold tuna capellini ที่เราทานไปในคอร์สเลย แต่เปลี่ยนจากทูนาเป็นลอบสเตอร์ค่ะ พี่เราบอกว่าเนื้อกุ้งทำมาแบบไม่สุกมาก เนื้อนุ่มหวานมากเลย อร่อย! แต่ก็ยังคิดว่าจานนี้เผ็ดไปเหมือนเราเลย ยังคิดว่าชาวต่างชาติที่มาทานนี่ทนไหวเหรอเนี่ย! (ตอนเราไปมีชาวต่างชาติอยู่หลายโต๊ะเลยค่ะ)
บิลมื้อนี้ค่ะ
อื่มมากๆๆๆๆๆๆ
ราคาสูงแต่เราว่าก็คุ้มกันกับสิ่งที่ได้รับนะคะ เรื่องบริการก็ดีมาก
มื้อนี้ดีเลยค่ะ ถ้าไม่นับของหวานอ่ะนะะะะ
. ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` .
จบรีวิวร้าน whales belly แค่นี้นะคะ
บายๆๆๆๆๆๆๆๆ
[CR] . ` . ` . ชิม 9 course tasting menu ที่ WHALES BELLY! . ` . ` .
สวัสดีค่ะ
วันนี้ได้มีโอกาสไปทานที่ร้าน Whales Belly มาด้วยค่ะ
ที่อยู่ร้าน
Whale’s Belly Restaurant & Bar
ซอยสุขุมวิท 39 อาคาร ชั้น 2, 39 Boulevard Tower A, ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
เบอร์ติดต่อ
02-1600333 / 087 441 9545 (24 hours)
เปิดทุกวัน เวลา 17.30 – 23.00 น.
http://www.whales-belly.com/
. ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` .
จริงๆตอนแรกที่ดูเมนูก็เลือกอยู่นาน ตัดสินใจไม่ได้ซักทีว่าจะเอาอะไร มันน่าทานหลายอย่างเลย พนักงานก็ดีนะ พยายามอธิบายตลอดว่าอะไรเด่นอะไรดี ชอบปลามั้ย มีปลาอันนี้ อบอย่างงี้ ใส่ไอ้นี่ ไอ้นั่น อร่อยแน่ๆ ก็พูดให้ฟังหลายเมนูเลย น่ารักมากค่ะ แค่นี้ก็รู้สึกได้ละว่าบริการตลอดมื้อน่าจะไม่พลาด
แต่ด้วยความลังเลของเราเอง เราเลยเลือกที่จะลอง tasting menu ซะเลย ได้ทานหลายอย่างดีด้วย
จานแรกของมื้อคือ amuse bouche คืออาหารเรียกน้ำย่อย complimentary จากทาง chef
เห็นว่าแต่ละวันจะต่างกันไป แล้วแต่เชฟจะสร้างสรรค์ค่ะ
ของวันนี้เป็น pomodoro salsa กับลูกดำๆนั้นจำไม่ได้ค่ะว่าคืออะไร แต่รสชาติก็ไม่ได้พิเศษอะไรนะ
จานที่ 2 คือ sweet n sour ค่ะ
ในจานนี้จะเป็น marinated bismarck herring, cape gooseberry, chicken paper and potato
เราว่าจานนี้อร่อยดีค่ะ ปลาที่หมักมามีรสเปรี้ยวนิดๆ gooseberry ก็เปรี้ยวๆหวานๆ ทานคู่กับหนังไก่กรอบบาง และมันบดที่มีกลิ่น herb (เหมือนมันบดจะเปรี้ยวนิดๆด้วย แต่ไม่แน่ใจว่าเพราะลิ้นโดนทุกอย่างแล้วทำให้มันเปรี้ยวไปด้วยป่าว) มันบดก็นุ่ม ละมุนดีค่ะ โดยรวมอร่อยเลยค่ะ
จานที่ 3 blue fin tuna - blue crab meat, cold capellini, caviar and yuzu vinaigrette
ส่วนตัวเราว่าจานนี้อร่อยที่สุดในที่ทานทั้งคอร์สเลยนะ รสชาติออกเปรี้ยวนิดๆ เผ็ดด้วย แอบตกใจว่าทำไมเผ็ดขนาดนี้ แต่ทานไปก็อร่อยนะ ที่ร้านว่าซอส yuzu vinaigrette นั่นแหละที่มีพริก เส้นนุ่มๆหนึบๆ เข้ากับซอสและปลาที่นุ่มเกือบจะละลายได้ดีมาก จานนี้ประทับใจ
จานที่ 4 escargot and ricard - hand rolled ravioli, parsley, parmesan
หน้าตาจานนี้เราว่ายังไม่ค่อยโอเค แต่ที่ชอบคือฟองๆ มันเป็นซอสชีส parmesan ที่นำมาอัดเป็น foam แปลกดีนะ เราทานเปล่าๆ เค็ม หอม แล้วแบบ เอาเข้าปากแป๊ปเดียว มันจะละลายหายไปเร็วมาก เป็นความรู้สึกที่แปลกดีค่ะ hahaha
เมื่อทานคู่กันกับเกี๊ยว ravioli ที่สอดไส้ escagot หรือน้องหอยทากนั่นเอง และซอสครีม parsley ก็เข้ากันดีนะ แต่ส่วนตัวเราก็ไม่ได้ตื่นเต้นกับรสชาติโดยรวมมาก ก็ยังตื่นเต้นแต่รสฟองอยู่ haha
จานที่ 5 ใส่ชามไม้มาสวยงาม จานนี้มีชื่อว่า 62c onsen egg ค่ะ - shiitake and bacon ragu, chive, beurre blanc
เป็นไข่ที่ต้มมาด้วยอุณหภูมิ 62 เซลเซียส เป็นเวลา 2.5 ช.ม เลย ไข่มีรสสัมพัสที่นุ่มมาก เนียนมากด้วย
ที่ทานคู่กับไข่ก็มีซอส beurre blanc ที่มีความเข้มข้น มัน และเปรี้ยวนิดๆทิ้งท้าย และก็มีเห็ด shiitake นุ่มๆ เบค่อน และโรยด้วยสาหร่ายบนหน้าค่ะ แล้วเรารู้สึกเหมือนมีผงโรยข้าวญี่ปุ่นด้วยอ่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าอันเดียวกันป่าว
ก่อนจะไปต่อกันที่เมนูหลักของมื้อ เราก็มาพักลิ้นโดยทาน refresher ซึ่งของวันนี้จะเป็นเยลลี่ดอกอัญชัญ เชอร์เบทพีช และโฟมมิ้นท์ ก็หอมสดชื่นดีค่ะ
ล้างปากเรียบร้อยก็ต่อกันเลย!
จานที่ 7 ของเราเป็น sous vide halibut ค่ะ เป็นปลา halibut ที่ผ่านการปรุงโดยการต้มในน้ำที่อุณหภูมิต่ำเป็นเวลานาน ข้างบนดำๆนั่นคือหมึกดำนะคะ แล้วข้างล่างก็มีเห็ดบดๆที่มีกลิ่นของ truffle หอมเลยค่ะ ราดซอส ..เราคิดว่าเป็นซอส beurre blanc เหมือนจานไข่นะ เมนูปลานี้ไม่ได้อยู่ในเมนูค่ะ เป็นจานนี้ต้องจ่ายเพิ่มอีก 600 บาท นอกเหนือจากคอร์ส พนักงานแนะนำมา เลยลองดู ฟังดูน่าทานดี
ปลาเนื้อนุ่มมาก ไม่คาว เข้ากับซอสและเห็ดได้ดีมากๆเลย แต่เราไม่ค่อยเห็นประโยชน์ของหมึกดำข้างบนเท่าไหร่นะ เพราะไม่ได้กลิ่นไม่ได้รสอะไรเลย ซอสกับกลิ่นเห็ดทรัฟเฟิลมันกลบไปหมดแล้ว หรือว่านั่นเป็นขั้นตอนในการ sousvide ปลาก็ไม่รู้นะ.. และอีกอย่าง เราไม่รู้ว่าเราเริ่มอิ่มแล้วพาลรึเปล่านะ hahaha แต่จานนี้มันใหญ่เกินอ่ะ คือทานเยอะๆแล้วแอบเลี่ยนมาก ไม่มีรสอื่นมาตัดเลย มันๆเลี่ยนๆtruffleๆ วนอยู่อย่างงี้ คำแรกๆก็อร่อยมากๆอยู่ ซักพักเริ่ม เอิ่มมมม ไม่ไหวละ > <
จานที่ 8 ของหวานแล้ว
raspberry panna cotta - mix berries, sorbet, cocoa
สีสันสวยงามค่ะ แต่ส่วนตัวเราว่าของหวานที่นี่ไม่ค่อยโอเค เนื้อ panna cotta ยังไม่นุ่มเนียนเท่าที่ควร (อันนี้ไม่ได้พารอิ่มละนะ haha) คือจริงๆ panna cotta มันต้องดึ๋งๆนิดๆไม่ใช่เหรอ อันนี้ไม่เลยอ่ะ รส sorbet ก็อร่อยดีค่ะ แต่ไม่ชอบก้อนๆผงๆ โกโก้ข้างล่าง มันแข็งเคี้ยวไม้ได้ แล้วไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นอ่ะ
จานที่ 9 จบมื้อ
mocha with marshmallows
อันนี้ทานแต่ marshmallowsนุ่มๆ นะ เราไปทานข้าวเย็น แล้วไม่อยากดื่มกาแฟตอนกลางคืนค่ะ
. ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` .
จานนี้เป็นจาน main ของที่พี่เราสั่งค่ะ พี่เราไม่ได้ทาน tasting menu เหมือนเรา จานนี้คือเหมือนกับ cold tuna capellini ที่เราทานไปในคอร์สเลย แต่เปลี่ยนจากทูนาเป็นลอบสเตอร์ค่ะ พี่เราบอกว่าเนื้อกุ้งทำมาแบบไม่สุกมาก เนื้อนุ่มหวานมากเลย อร่อย! แต่ก็ยังคิดว่าจานนี้เผ็ดไปเหมือนเราเลย ยังคิดว่าชาวต่างชาติที่มาทานนี่ทนไหวเหรอเนี่ย! (ตอนเราไปมีชาวต่างชาติอยู่หลายโต๊ะเลยค่ะ)
บิลมื้อนี้ค่ะ
อื่มมากๆๆๆๆๆๆ
ราคาสูงแต่เราว่าก็คุ้มกันกับสิ่งที่ได้รับนะคะ เรื่องบริการก็ดีมาก
มื้อนี้ดีเลยค่ะ ถ้าไม่นับของหวานอ่ะนะะะะ
. ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` . ` .
จบรีวิวร้าน whales belly แค่นี้นะคะ
บายๆๆๆๆๆๆๆๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น