ดอยแล้วครับ ดอยแล้วค่ะ
พอไปดูทุนที่ซื้อหุ้นกันสมมุติหุ้น Aซื้อมา10บาทลงไป20-30ตัง บอกว่า ดอยแล้ว
สมัยนี้อาจจะชอบใช้คำนี้กันเพราะมันดูน่ากลัวดี
ตอนผมลงสนามตลาดหุ้นเมื่อ4-5ปีคำว่าดอยคือ ซื้อ10บาทลงไป4-5บาทถึงรียกว่าดอย
คือเกินคำว่าคัทหรือถัวจนสุดกำลัง แต่หุ้นยังลงต่อคิดเป็นเปอร์เซนต์ลบเกิน40-50%
แต่ไม่ขายนั่งรอ คือเรียกว่าต้มน้ำกินมาม่าบนยอดดอย รอวันหุ้นกลับมาแต่ส่วนใหญ่ที่ถือเพราะหุ้น
มันยังมีอนาคตและพื้นฐานของธุรกิจดีอยู่
เช่นวันนี้สดๆคือsviที่โรงงานไฟไหม้หุ้นตกแบบสุดฟลอร์ ใครเข้าเมื่อวานเรียกว่า ดอยแท้ๆ
ต้องรออีกนานกว่าจะกลับมาใหม่ ทุกวันนี้ที่รายใหม่เข้าใหม่เล่นรายวันข้ามวันติด4-5ช่อง
แล้วบอกว่าดอย. พอเวลาขึ้นไปเลยทุน2-4ช่องแล้วขาย มีทั้งคัทเสียตัง,!ได้ตังบ้าง!
อย่าเรียกว่าดอยเลยครับ เรียกว่า วันนี้แทงเสียแทงถูก น่าจะดีกว่า
ตลาดหุ้นไม่มีใครปราณีใคร การแช่งหุ้นที่ตัวเองเคยเล่นแต่ขายไปแล้วมันไปตามก็แช่งกันไป
ตลาดแห่งนี้ ไม่มีคำว่าดอยแท้ๆ
ถ้ามันยังมีคนซื้อและขาย ทั้งรายวันรายเดือนรายปี.
แต่ช่วงนี้ส่วนใหญ่มักจะรายวัน.
ช่วงนี้เห็นรายย่อยชอบใช้คำว่า ดอย
พอไปดูทุนที่ซื้อหุ้นกันสมมุติหุ้น Aซื้อมา10บาทลงไป20-30ตัง บอกว่า ดอยแล้ว
สมัยนี้อาจจะชอบใช้คำนี้กันเพราะมันดูน่ากลัวดี
ตอนผมลงสนามตลาดหุ้นเมื่อ4-5ปีคำว่าดอยคือ ซื้อ10บาทลงไป4-5บาทถึงรียกว่าดอย
คือเกินคำว่าคัทหรือถัวจนสุดกำลัง แต่หุ้นยังลงต่อคิดเป็นเปอร์เซนต์ลบเกิน40-50%
แต่ไม่ขายนั่งรอ คือเรียกว่าต้มน้ำกินมาม่าบนยอดดอย รอวันหุ้นกลับมาแต่ส่วนใหญ่ที่ถือเพราะหุ้น
มันยังมีอนาคตและพื้นฐานของธุรกิจดีอยู่
เช่นวันนี้สดๆคือsviที่โรงงานไฟไหม้หุ้นตกแบบสุดฟลอร์ ใครเข้าเมื่อวานเรียกว่า ดอยแท้ๆ
ต้องรออีกนานกว่าจะกลับมาใหม่ ทุกวันนี้ที่รายใหม่เข้าใหม่เล่นรายวันข้ามวันติด4-5ช่อง
แล้วบอกว่าดอย. พอเวลาขึ้นไปเลยทุน2-4ช่องแล้วขาย มีทั้งคัทเสียตัง,!ได้ตังบ้าง!
อย่าเรียกว่าดอยเลยครับ เรียกว่า วันนี้แทงเสียแทงถูก น่าจะดีกว่า
ตลาดหุ้นไม่มีใครปราณีใคร การแช่งหุ้นที่ตัวเองเคยเล่นแต่ขายไปแล้วมันไปตามก็แช่งกันไป
ตลาดแห่งนี้ ไม่มีคำว่าดอยแท้ๆ
ถ้ามันยังมีคนซื้อและขาย ทั้งรายวันรายเดือนรายปี.
แต่ช่วงนี้ส่วนใหญ่มักจะรายวัน.