เรียนเชิญ ปวงพี่น้อง เรียมเอย
มวลมิตร ผู้เหมือนเคย ร่วมเหย้า
เยือนห้อง เพื่อร่วมเปรย หลากเรื่อง ราวนา
น้ำปั่น เสริฟแทนเหล้า จากแก้ว กลางใจ
เรียนเชิญรื่นเริงจิต ปวงญาติมิตรเคยชิดใกล้
หรรษาร่าเริงใจ ร่วมกันในห้องน้ำปั่น
ปั่นใจให้เป็นหนึ่ง ให้ไปถึงฟากฟ้าฝัน
ปั่นถ้อยร้อยเรียงกัน ร่วมแบ่งปันสรรสาระ
"สามก๊ง" ตอน Lost in Chiangmai
ความเดิมตอนที่แล้ว
วันที่ 5 เดือน 5 ปีมะเมีย คริสต์ราชที่ 2014 เวลา 18.08 น.
ท้องฟ้าดำทะมึนไปด้วยก้อนเมฆ เสียงแผ่นดินเลื่อนลั่น บริเวณเขตอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ตอนเหนือของประเทศไทย
ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำ แผ่นดินที่ปริออก ปรากฏร่างนักรบในชุดเกราะสีเงิน ที่กำลังปีนป่ายออกมาจากรอยแตกของแผ่นดิน
ชั่วอึดใจใบหน้าอันสง่างาม ร่างกายอันกำยำประดุจขุนพลเอก ก็ขึ้นมายืนเป็นสง่าอยู่บนขอบถนน ใบหน้าอันเรียบเฉย มีหยดน้ำ
หลั่งเป็นสายจากขอบหมวกโลหะ ซึ่งมิอาจจำแนกได้ว่าเป็นเหงื่อ หรือหยาดฝน
เสียงจั๊กจั่นดังระงม ฝนที่ยังคงกระหน่ำลงมา ท่ามกลางตะวันโพล้เพล้ ไม่ปรากฏเงาผู้คน และรถที่เคยสัญจรไปมา
ชายหนุ่มในชุดเกราะเงินพึมพำกับตัวเองเบาๆ "นี่มันที่ใดกันแน่ ฮูหยินและองค์ชายน้อย พวกท่านอยู่ที่ใด ข้าขี่ม้าศึกโลดแล่นมายังกลางวงล้อมข้าศึก ยังเห็นพวกท่านอยู่เมื่อครู่ เหตุไฉนพอมีอสนีบาตฟาด ข้าก็มาปรากฏกายอยู่ ณ ที่นี่ หรือว่าขุนพลแซ่เตียวเช่นข้า ต้องมาสู่ปรโลกเสียแล้ว"
ครุ่นคิดด้วยความงุนงง ฉับพลันโสตประสาทของชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังเข้ามาใกล้ ดวงไฟสองดวงอันสว่างจ้ากำลังมุ่งตรงมายังเขา ชายหนุ่มรีบกระโดดเข้าพงหญ้าข้างทาง พร้อมครุ่นคิด "ประหลาดแท้ ม้ายนต์ของที่นี่ช่างวิ่งได้เร็วนัก แถมยังมีรูปร่างใหญ่โต
และมีดวงตาที่สว่างจ้า ส่องทางให้เห็นได้อย่างชัดเจนราวกับกลางวัน ม้ายนต์แลโคยนต์ ของท่านขงเบ้ง ยังมิอาจวิ่งได้เร็วเช่นม้าของที่นี่ "
ขณะคิดไปด้วยความฉงน ก็ปรากฏโคมไฟของม้ายนต์อีกตัวปรากฏขึ้น "ประหลาดแท้ ม้ายนต์ตัวนี้มีที่ใส่ของด้านท้ายด้วย"
คิดมาถึงตอนนี้สายตาของชายหนุ่มเริ่มพร่ามัว หวนคิดถึง 3 วัน ที่ข้าวน้ำมิได้ตกถึงท้อง
ทั้งวันทั้งคืนเฝ้าแต่ขับม้าเข้าปะทะกับข้าศึก สายตาสอดส่ายหาจอมนางแลทายาทของท่านเล่าปี่
ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกว่าศีรษะของตนหนักขึ้นทุกทีๆ สองขาที่เคยยืนแกร่งทรนง บัดนี้เริ่มงอลงที่ละน้อย
ก่อนที่จะทรุดตัวและล้มลง ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงการมาของม้ายนต์อีกตัว เสียงม้ายนต์สงบลงข้างตัวเขา
เสียงผู้คนที่อาศัยมากับม้ายนต์ตัวนี้ ดังจอกแจกจอแจ ฉับพลันอัศวินหนุ่มในชุดเกราะก็สิ้นสติลง
"เฮ้ยใครตัวใหญ่ๆ ช่วยมายกไอ้หนุ่มนี่หน่อย สงสัยจะเป็นลมว่ะ เอาขึ้นวางตอนหน้าของรถตู้ แล้วหายาดมให้ดมก่อน " เสียงเฮียปุ้น เจ้าของคณะงิ้ว "ดอกงิ้วสีแดง" สั่งลูกน้องขึงขัง
"รูปร่างอ้ายหนุ่มคนนี้มันกำยำ สูงใหญ่ดี ใส่ชุดเกราะอย่างดีซะด้วย ไม่รู้ว่าอยู่งิ้วคณะไหน และไปไงมาไง ถึงมานอนเป็นลมอยู่ข้างทางในเวลาจะมืดจะค่ำอย่างนี้" เสียงเฮียปุ้นกึ่งพึมพำ กึ่งบอกกับคนใกล้ตัว
คงต้องลองถามมันดู ตอนมันฟื้นดีแล้ว ไม่รู้ว่ามันจะสนใจเป็นตัวงิ้วในโรงงิ้วข้าหรือเปล่า
หน้าตาแบบนี้ หุ่นแบบนี้ มาเป็นพระเอกงิ้ว ในโรงงิ้วข้า มีหวังเรทติ้งกระฉูด แม่ยกคงเต็มโรงงิ้วบานตะไท อิอิ"
เฮียปุ้นพูดด้วยน้ำเสียง และประกายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง
"ที่นี้ลูกข้า ' น้องแพน ' ก็คงไม่ต้องบ่นอีกแล้วว่า พระเอกโรงงิ้ว ดอกงิ้วสีแดง มีแต่ตัวผอมๆเตี้ยๆ ไม่สมกับหล่อน ฮ่าฮ่า คิดแล้วมันมีความสุขจริงโว้ย จู่ๆก็ได้พระเอกงิ้วมาเสริมทีม" เฮียปุ้นพึมพำเบาๆ
ห้องน้ำปั่น ปันความฝัน ปั่นความคิด มิตรผองเพื่อน 10 พย. 2557
เรียนเชิญ ปวงพี่น้อง เรียมเอย
มวลมิตร ผู้เหมือนเคย ร่วมเหย้า
เยือนห้อง เพื่อร่วมเปรย หลากเรื่อง ราวนา
น้ำปั่น เสริฟแทนเหล้า จากแก้ว กลางใจ
เรียนเชิญรื่นเริงจิต ปวงญาติมิตรเคยชิดใกล้
หรรษาร่าเริงใจ ร่วมกันในห้องน้ำปั่น
ปั่นใจให้เป็นหนึ่ง ให้ไปถึงฟากฟ้าฝัน
ปั่นถ้อยร้อยเรียงกัน ร่วมแบ่งปันสรรสาระ
"สามก๊ง" ตอน Lost in Chiangmai
ความเดิมตอนที่แล้ว
วันที่ 5 เดือน 5 ปีมะเมีย คริสต์ราชที่ 2014 เวลา 18.08 น.
ท้องฟ้าดำทะมึนไปด้วยก้อนเมฆ เสียงแผ่นดินเลื่อนลั่น บริเวณเขตอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ตอนเหนือของประเทศไทย
ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำ แผ่นดินที่ปริออก ปรากฏร่างนักรบในชุดเกราะสีเงิน ที่กำลังปีนป่ายออกมาจากรอยแตกของแผ่นดิน
ชั่วอึดใจใบหน้าอันสง่างาม ร่างกายอันกำยำประดุจขุนพลเอก ก็ขึ้นมายืนเป็นสง่าอยู่บนขอบถนน ใบหน้าอันเรียบเฉย มีหยดน้ำ
หลั่งเป็นสายจากขอบหมวกโลหะ ซึ่งมิอาจจำแนกได้ว่าเป็นเหงื่อ หรือหยาดฝน
เสียงจั๊กจั่นดังระงม ฝนที่ยังคงกระหน่ำลงมา ท่ามกลางตะวันโพล้เพล้ ไม่ปรากฏเงาผู้คน และรถที่เคยสัญจรไปมา
ชายหนุ่มในชุดเกราะเงินพึมพำกับตัวเองเบาๆ "นี่มันที่ใดกันแน่ ฮูหยินและองค์ชายน้อย พวกท่านอยู่ที่ใด ข้าขี่ม้าศึกโลดแล่นมายังกลางวงล้อมข้าศึก ยังเห็นพวกท่านอยู่เมื่อครู่ เหตุไฉนพอมีอสนีบาตฟาด ข้าก็มาปรากฏกายอยู่ ณ ที่นี่ หรือว่าขุนพลแซ่เตียวเช่นข้า ต้องมาสู่ปรโลกเสียแล้ว"
ครุ่นคิดด้วยความงุนงง ฉับพลันโสตประสาทของชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังเข้ามาใกล้ ดวงไฟสองดวงอันสว่างจ้ากำลังมุ่งตรงมายังเขา ชายหนุ่มรีบกระโดดเข้าพงหญ้าข้างทาง พร้อมครุ่นคิด "ประหลาดแท้ ม้ายนต์ของที่นี่ช่างวิ่งได้เร็วนัก แถมยังมีรูปร่างใหญ่โต
และมีดวงตาที่สว่างจ้า ส่องทางให้เห็นได้อย่างชัดเจนราวกับกลางวัน ม้ายนต์แลโคยนต์ ของท่านขงเบ้ง ยังมิอาจวิ่งได้เร็วเช่นม้าของที่นี่ "
ขณะคิดไปด้วยความฉงน ก็ปรากฏโคมไฟของม้ายนต์อีกตัวปรากฏขึ้น "ประหลาดแท้ ม้ายนต์ตัวนี้มีที่ใส่ของด้านท้ายด้วย"
คิดมาถึงตอนนี้สายตาของชายหนุ่มเริ่มพร่ามัว หวนคิดถึง 3 วัน ที่ข้าวน้ำมิได้ตกถึงท้อง
ทั้งวันทั้งคืนเฝ้าแต่ขับม้าเข้าปะทะกับข้าศึก สายตาสอดส่ายหาจอมนางแลทายาทของท่านเล่าปี่
ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกว่าศีรษะของตนหนักขึ้นทุกทีๆ สองขาที่เคยยืนแกร่งทรนง บัดนี้เริ่มงอลงที่ละน้อย
ก่อนที่จะทรุดตัวและล้มลง ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงการมาของม้ายนต์อีกตัว เสียงม้ายนต์สงบลงข้างตัวเขา
เสียงผู้คนที่อาศัยมากับม้ายนต์ตัวนี้ ดังจอกแจกจอแจ ฉับพลันอัศวินหนุ่มในชุดเกราะก็สิ้นสติลง
"เฮ้ยใครตัวใหญ่ๆ ช่วยมายกไอ้หนุ่มนี่หน่อย สงสัยจะเป็นลมว่ะ เอาขึ้นวางตอนหน้าของรถตู้ แล้วหายาดมให้ดมก่อน " เสียงเฮียปุ้น เจ้าของคณะงิ้ว "ดอกงิ้วสีแดง" สั่งลูกน้องขึงขัง
"รูปร่างอ้ายหนุ่มคนนี้มันกำยำ สูงใหญ่ดี ใส่ชุดเกราะอย่างดีซะด้วย ไม่รู้ว่าอยู่งิ้วคณะไหน และไปไงมาไง ถึงมานอนเป็นลมอยู่ข้างทางในเวลาจะมืดจะค่ำอย่างนี้" เสียงเฮียปุ้นกึ่งพึมพำ กึ่งบอกกับคนใกล้ตัว
คงต้องลองถามมันดู ตอนมันฟื้นดีแล้ว ไม่รู้ว่ามันจะสนใจเป็นตัวงิ้วในโรงงิ้วข้าหรือเปล่า
หน้าตาแบบนี้ หุ่นแบบนี้ มาเป็นพระเอกงิ้ว ในโรงงิ้วข้า มีหวังเรทติ้งกระฉูด แม่ยกคงเต็มโรงงิ้วบานตะไท อิอิ"
เฮียปุ้นพูดด้วยน้ำเสียง และประกายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง
"ที่นี้ลูกข้า ' น้องแพน ' ก็คงไม่ต้องบ่นอีกแล้วว่า พระเอกโรงงิ้ว ดอกงิ้วสีแดง มีแต่ตัวผอมๆเตี้ยๆ ไม่สมกับหล่อน ฮ่าฮ่า คิดแล้วมันมีความสุขจริงโว้ย จู่ๆก็ได้พระเอกงิ้วมาเสริมทีม" เฮียปุ้นพึมพำเบาๆ