ในที่สุด โครงการอภิมหาเมกะโปรเจกต์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ (เวอร์ชั่น คสช.) ก็ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ครม. อย่างสะดวกโยธิน
สรุปแบบย่อๆ สั้นๆ คือเอาโครงการเมกะโปรเจกต์ 2 ล้านล้านบาท ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ (ที่โดนศาลรัฐธรรมนูญเจาะไข่แดง) ไปทำศัลยกรรมแปลงโฉมใหม่ให้อึ๋มกว่าเดิม
จากนั้นก็แปะโลโก้ คสช. ทับไปอีกที
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าความแตกต่างที่เห็นชัดคือโครงการเมกะโปรเจกต์ของ “เจ๊ปู” ใช้เงินลงทุน 2 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี
ส่วนโครงการเมกะโปรเจกต์ของ “บิ๊กตู่” ใช้เงินลงทุน 3 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 8 ปี
อัดฉีดเงินลงทุนเพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาท โดยประมาณ
ถามว่า เหตุใดเงินลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศบานขึ้นอีกก้อนโต??
ตอบแบบกำปั้นทุบดินคือโครงการโตขึ้น เงินลงทุนก็ต้องเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
อย่างไรก็ตาม “แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยที่รัฐบาล คสช. จะสานต่อนโยบายรัฐบาลก่อน เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานประเทศครบวงจร
เพราะถ้ารัฐบาลไม่ตัดสินใจเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงสร้างประเทศครั้งใหญ่ ศักยภาพการแข่งขันด้านเศรษฐกิจของไทยจะโดนประเทศคู่แข่งแซงหน้าไปอีกหลายช่วงตัว
“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าโครงการเมกะโปรเจกต์ 3 ล้านล้านบาท จะเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีก้างขวางคอ
พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยคัดค้านโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาท สุดลิ่มทิ่มประตู
วันนี้ก็ไม่ได้อาละวาดชักดิ้นชักงออย่างที่ผ่านมา
เครือข่ายต่อต้านทุจริต ซึ่งเคยเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการ 2 ล้านล้านบาท กันอึกทึกครึกโครม
วันนี้ ท่านทั้งหลายก็เงียบเป็นเป่าสากไม่หือไม่อือ
แม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเคยวินิจฉัย “พ.ร.บ. ลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ 2 ล้านล้านบาท” ว่าขัดรัฐธรรมนูญ
ทำให้ลูกหลานไทยต้องแบกหนี้ 50 ปี
วันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีรัฐธรรมนูญ ให้ตีความ
ไม่ต้องห่วงว่าลูกหลานไทยที่ต้องแบกหนี้เยอะกว่าเดิม
จึงเป็นโอกาสทองที่รัฐบาล คสช. จะโยกเกียร์ห้าเดินหน้าลุยโครงการนี้ให้เกิดผลสำเร็จภายในเวลา 8 ปี
อ้อ...ลืมไป “แม่ลูกจันทร์” ยังไม่ได้กราบเรียนให้ทราบว่าโครงการอภิมหาเมกะโปรเจกต์ของ คสช. เพื่อคืนความสุขให้ประชาชนมีอะไรน่าสนใจ?
แต่ถ้าให้จาระไนรายละเอียดทั้งหมดคงต้องใช้เวลา 7 วัน 7 คืน
สรุปสั้นๆบรรทัดเดียวว่า เป็นโครงการลงทุนพัฒนาเครือข่ายขนส่งคมนาคมทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอาการครบวงจร
ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก และทำให้เศรษฐกิจประเทศขยายตัวไม่ต่ำกว่า 4 เปอร์เซ็นต์
“แม่ลูกจันทร์” เชื่อมั่น “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี เป็นคนสุจริต ซื่อตรง
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ เร่งเดินหน้าโครงการอภิมหาเมกะโปรเจกต์ที่ใช้เม็ดเงินลงทุนมโหฬารมหาศาลที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทยก็เพื่อสร้างอนาคต ให้ลูกหลานไทยในระยะยาว
แต่...แต่หลังจากเม็ดเงิน (3 ล้านล้านบาท) กระจายลงไปในแต่ละโครงการย่อมมีโอกาส “รั่วไหล” ได้ทุกขั้นตอน
จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องวางระบบป้องกัน “ระบอบเก๋าเจี๊ยะ” เอาไว้ให้รัดกุม
เพราะยิ่งเงินเยอะ เก๋าเจี๊ยะก็ยิ่ง คำโต
ขอย้ำว่า เงิน 3 ล้านล้านบาท ถ้าหายไปแค่ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ก็บานแห้วแล้วนะโยม.
แม่ลูกจันทร์
โอ้โยมเอ๋ย....เพื่อนผม พรรคประชาธิปัตย์ ,เพื่อนสลิ่ม,ท่านศาล,องค์กรณ์อิสสระ,เหล่าดารานกหวีด ช่วยด้วยครับ
เอาความรักชาติของท่านคืนมา เอาการวิจัยแบบสุขเอาเผากินคืนมา เอาการชี้มูลความผิดแบบเอียงเพื่อชาติคืนมา
เอาการค้านแบบหัวชนฝาท่านคืนมา และเอาการชุนนุมแบบปิดนั่น ทำลายนี่ คืนมาครับ เพราะเงิน 3 ล้านล้านบาท หนี้สินมันมากกว่า
50 ปี ที่พวกท่านกลัวนะครับบบบ..
ต้องระวัง โดย"แม่ลูกจันทร์" กลัว แต่ เพื่อนสลิ่มผม เงียบเป็นเป่าสาก เลยครับ.
สรุปแบบย่อๆ สั้นๆ คือเอาโครงการเมกะโปรเจกต์ 2 ล้านล้านบาท ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ (ที่โดนศาลรัฐธรรมนูญเจาะไข่แดง) ไปทำศัลยกรรมแปลงโฉมใหม่ให้อึ๋มกว่าเดิม
จากนั้นก็แปะโลโก้ คสช. ทับไปอีกที
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าความแตกต่างที่เห็นชัดคือโครงการเมกะโปรเจกต์ของ “เจ๊ปู” ใช้เงินลงทุน 2 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี
ส่วนโครงการเมกะโปรเจกต์ของ “บิ๊กตู่” ใช้เงินลงทุน 3 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 8 ปี
อัดฉีดเงินลงทุนเพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาท โดยประมาณ
ถามว่า เหตุใดเงินลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศบานขึ้นอีกก้อนโต??
ตอบแบบกำปั้นทุบดินคือโครงการโตขึ้น เงินลงทุนก็ต้องเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
อย่างไรก็ตาม “แม่ลูกจันทร์” เห็นด้วยที่รัฐบาล คสช. จะสานต่อนโยบายรัฐบาลก่อน เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานประเทศครบวงจร
เพราะถ้ารัฐบาลไม่ตัดสินใจเดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงสร้างประเทศครั้งใหญ่ ศักยภาพการแข่งขันด้านเศรษฐกิจของไทยจะโดนประเทศคู่แข่งแซงหน้าไปอีกหลายช่วงตัว
“แม่ลูกจันทร์” เชื่อว่าโครงการเมกะโปรเจกต์ 3 ล้านล้านบาท จะเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีก้างขวางคอ
พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยคัดค้านโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาท สุดลิ่มทิ่มประตู
วันนี้ก็ไม่ได้อาละวาดชักดิ้นชักงออย่างที่ผ่านมา
เครือข่ายต่อต้านทุจริต ซึ่งเคยเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการ 2 ล้านล้านบาท กันอึกทึกครึกโครม
วันนี้ ท่านทั้งหลายก็เงียบเป็นเป่าสากไม่หือไม่อือ
แม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเคยวินิจฉัย “พ.ร.บ. ลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ 2 ล้านล้านบาท” ว่าขัดรัฐธรรมนูญ
ทำให้ลูกหลานไทยต้องแบกหนี้ 50 ปี
วันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีรัฐธรรมนูญ ให้ตีความ
ไม่ต้องห่วงว่าลูกหลานไทยที่ต้องแบกหนี้เยอะกว่าเดิม
จึงเป็นโอกาสทองที่รัฐบาล คสช. จะโยกเกียร์ห้าเดินหน้าลุยโครงการนี้ให้เกิดผลสำเร็จภายในเวลา 8 ปี
อ้อ...ลืมไป “แม่ลูกจันทร์” ยังไม่ได้กราบเรียนให้ทราบว่าโครงการอภิมหาเมกะโปรเจกต์ของ คสช. เพื่อคืนความสุขให้ประชาชนมีอะไรน่าสนใจ?
แต่ถ้าให้จาระไนรายละเอียดทั้งหมดคงต้องใช้เวลา 7 วัน 7 คืน
สรุปสั้นๆบรรทัดเดียวว่า เป็นโครงการลงทุนพัฒนาเครือข่ายขนส่งคมนาคมทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอาการครบวงจร
ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงานจำนวนมาก และทำให้เศรษฐกิจประเทศขยายตัวไม่ต่ำกว่า 4 เปอร์เซ็นต์
“แม่ลูกจันทร์” เชื่อมั่น “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี เป็นคนสุจริต ซื่อตรง
การที่ พล.อ.ประยุทธ์ เร่งเดินหน้าโครงการอภิมหาเมกะโปรเจกต์ที่ใช้เม็ดเงินลงทุนมโหฬารมหาศาลที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทยก็เพื่อสร้างอนาคต ให้ลูกหลานไทยในระยะยาว
แต่...แต่หลังจากเม็ดเงิน (3 ล้านล้านบาท) กระจายลงไปในแต่ละโครงการย่อมมีโอกาส “รั่วไหล” ได้ทุกขั้นตอน
จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องวางระบบป้องกัน “ระบอบเก๋าเจี๊ยะ” เอาไว้ให้รัดกุม
เพราะยิ่งเงินเยอะ เก๋าเจี๊ยะก็ยิ่ง คำโต
ขอย้ำว่า เงิน 3 ล้านล้านบาท ถ้าหายไปแค่ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ก็บานแห้วแล้วนะโยม.
แม่ลูกจันทร์
โอ้โยมเอ๋ย....เพื่อนผม พรรคประชาธิปัตย์ ,เพื่อนสลิ่ม,ท่านศาล,องค์กรณ์อิสสระ,เหล่าดารานกหวีด ช่วยด้วยครับ
เอาความรักชาติของท่านคืนมา เอาการวิจัยแบบสุขเอาเผากินคืนมา เอาการชี้มูลความผิดแบบเอียงเพื่อชาติคืนมา
เอาการค้านแบบหัวชนฝาท่านคืนมา และเอาการชุนนุมแบบปิดนั่น ทำลายนี่ คืนมาครับ เพราะเงิน 3 ล้านล้านบาท หนี้สินมันมากกว่า
50 ปี ที่พวกท่านกลัวนะครับบบบ..