อ่านคัมภีร์ไหนก็ว่าแต่เรื่องกิเลส เราเลยเข้าใจว่ากิเลสไปอยู่ในคัมภีร์นั้นๆ เสีย นั่นซีมันผิดน่ะ
อันหนึ่งความโลภ ความโกรธ ความหลง หรือกิเลสพันห้าตัณหาร้อยแปด อะไรทำนองนี้ เข้าใจว่ามันอยู่ในคัมภีร์
การอ่านชื่อกิเลสได้มากๆ เรียนจำได้มากๆ ก็ว่าตัวนี้รู้แหลมหลักนักปราชญ์ชาติกวีไปเสีย
แน่ะมันผิดไปแล้วนั่น มันผิดจากหลักธรรมและเจตนาของพระพุทธเจ้า ที่ทรงสั่งสอนเพื่อแก้กิเลสซึ่งมีอยู่กับตัว คืออยู่กับใจ
การเข้าใจดังที่ว่านั้น มันเป็นการสั่งสมกิเลสโดยไม่รู้สึกตัวเลย เช่นสำคัญว่ากิเลสอยู่ในคัมภีร์
ไปจำชื่อกิเลสนั้นแล้วก็ว่าตัวรู้ตัวเข้าใจตัวฉลาดเสีย แน่ะ!
ทั้งๆ ที่ไม่ได้ให้ใจแตะต้องหรือเขย่าพอให้กิเลสตกใจบ้างสักตัวเดียว หรือพอให้มันหนังถลอกไปบ้าง
กิเลสยังอยู่เต็มหัวใจ และมากกว่าที่ยังไม่ได้เรียนชื่อของมันเสียอีก ทั้งนี้มันผิดพระประสงค์ของพระพุทธเจ้า!
เพื่อถูกตามความเป็นไปของธรรม หรือนโยบายของพระพุทธเจ้า
กิเลสตัวใดก็ตาม เรียนรู้ชื่อมันอยู่ในคัมภีร์ใดก็ตาม นั่นเป็นชื่อของมัน
แต่กิเลสอยู่ภายในใจคน หัวใจสัตว์ ความโลภชื่อมันอยู่ในคัมภีร์ ตัวโลภอยู่ในใจคน
ความโกรธในคัมภีร์ไม่ได้โกรธ แต่หัวใจคนมันโกรธต่างหาก
ความลุ่มหลงคัมภีร์ไม่ได้ลุ่มหลง ชื่อของกิเลสไม่ได้ลุ่มหลง ตัวกิเลสที่อยู่ภายในตัวของเรานี้เอง เป็นตัวให้ลุ่มหลงต่างหาก
การแก้กิเลสจึงต้องแก้ที่นี่คือใจ แก้ที่อื่นไม่ถูกไม่เกิดผล
การแก้ถูกหลักถูกวิธี กิเลสจะค่อยเบาบางลงและหมดไปจากใจ
ผู้ปฏิบัติจิตตภาวนาจึงควรดูใจตัวเองและแก้กิเลสที่ใจเป็นสำคัญ
ดูภายนอกแล้วก็ย้อนทบทวนเข้าดูภายในจึงชื่อว่า
“เรียนธรรมปฏิบัติธรรม”
อย่าดูแบบโลกๆ ที่ดูไปรักไปชังไปเกลียดไปโกรธ อันเป็นการสั่งสมกิเลสให้มากมูนจนลืมเนื้อลืมตัว
ถ้าดูเข้ามาในตัวดูออกไปข้างนอก
เทียบเคียงเหตุเทียบเคียงผลเพื่อหาทางแก้ ย่อมมีส่วนที่จะลงกันและแก้กิเลสได้เป็นพักๆ ไป
ใจก็สบายและเบา
ไม่หนักอึ้งด้วยการแบกการหามกิเลสทั้งโคตรแซ่ปู่ย่าตาทวดดังที่เคยแบกหามมา
วันหนึ่ง ๆ ให้
พิจารณาทบทวนมากๆ ทบทวนเรื่องของตัว พิจารณาเรื่องของตัวให้มาก
ด้วยสติปัญญา
พิจารณาย้อนหน้าย้อนหลังเพื่อรู้ความจริง
เพราะวันเวลาหนึ่งๆ ใจผลิตความยุ่งเหยิงวุ่นวายขึ้นมาภายในตัวไม่ได้หยุดถ้าเราเผลอ
แม้แต่ไม่เผลอกิเลสมันยังโผล่ออกมาได้ซึ่งๆ หน้าอย่างกล้าหาญตามสันดานที่หยาบคายของมัน
บางทีมันยังแสดงลวดลายออกมาต่อหน้าต่อตาแก้มันไม่ได้ก็มี
เพราะกำลังของเราไม่เพียงพอ ขณะนั้นจำต้องยอมไปก่อน
อันไหนอยู่ในวิสัยก็พยายามแก้มันไป
----------------------
เนื้อหาบางส่วนจาก
กิเลสฝังในจิต - หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1549&CatID=1
อ่านชื่อกิเลสได้มากๆ เรียนจำได้มากๆ ก็ว่าตัวนี้รู้แหลมหลักนักปราชญ์ชาติกวีไปเสีย
อันหนึ่งความโลภ ความโกรธ ความหลง หรือกิเลสพันห้าตัณหาร้อยแปด อะไรทำนองนี้ เข้าใจว่ามันอยู่ในคัมภีร์
การอ่านชื่อกิเลสได้มากๆ เรียนจำได้มากๆ ก็ว่าตัวนี้รู้แหลมหลักนักปราชญ์ชาติกวีไปเสีย
แน่ะมันผิดไปแล้วนั่น มันผิดจากหลักธรรมและเจตนาของพระพุทธเจ้า ที่ทรงสั่งสอนเพื่อแก้กิเลสซึ่งมีอยู่กับตัว คืออยู่กับใจ
การเข้าใจดังที่ว่านั้น มันเป็นการสั่งสมกิเลสโดยไม่รู้สึกตัวเลย เช่นสำคัญว่ากิเลสอยู่ในคัมภีร์
ไปจำชื่อกิเลสนั้นแล้วก็ว่าตัวรู้ตัวเข้าใจตัวฉลาดเสีย แน่ะ!
ทั้งๆ ที่ไม่ได้ให้ใจแตะต้องหรือเขย่าพอให้กิเลสตกใจบ้างสักตัวเดียว หรือพอให้มันหนังถลอกไปบ้าง
กิเลสยังอยู่เต็มหัวใจ และมากกว่าที่ยังไม่ได้เรียนชื่อของมันเสียอีก ทั้งนี้มันผิดพระประสงค์ของพระพุทธเจ้า!
เพื่อถูกตามความเป็นไปของธรรม หรือนโยบายของพระพุทธเจ้า
กิเลสตัวใดก็ตาม เรียนรู้ชื่อมันอยู่ในคัมภีร์ใดก็ตาม นั่นเป็นชื่อของมัน
แต่กิเลสอยู่ภายในใจคน หัวใจสัตว์ ความโลภชื่อมันอยู่ในคัมภีร์ ตัวโลภอยู่ในใจคน
ความโกรธในคัมภีร์ไม่ได้โกรธ แต่หัวใจคนมันโกรธต่างหาก
ความลุ่มหลงคัมภีร์ไม่ได้ลุ่มหลง ชื่อของกิเลสไม่ได้ลุ่มหลง ตัวกิเลสที่อยู่ภายในตัวของเรานี้เอง เป็นตัวให้ลุ่มหลงต่างหาก
การแก้กิเลสจึงต้องแก้ที่นี่คือใจ แก้ที่อื่นไม่ถูกไม่เกิดผล การแก้ถูกหลักถูกวิธี กิเลสจะค่อยเบาบางลงและหมดไปจากใจ
ผู้ปฏิบัติจิตตภาวนาจึงควรดูใจตัวเองและแก้กิเลสที่ใจเป็นสำคัญ
ดูภายนอกแล้วก็ย้อนทบทวนเข้าดูภายในจึงชื่อว่า “เรียนธรรมปฏิบัติธรรม”
อย่าดูแบบโลกๆ ที่ดูไปรักไปชังไปเกลียดไปโกรธ อันเป็นการสั่งสมกิเลสให้มากมูนจนลืมเนื้อลืมตัว
ถ้าดูเข้ามาในตัวดูออกไปข้างนอก เทียบเคียงเหตุเทียบเคียงผลเพื่อหาทางแก้ ย่อมมีส่วนที่จะลงกันและแก้กิเลสได้เป็นพักๆ ไป
ใจก็สบายและเบา ไม่หนักอึ้งด้วยการแบกการหามกิเลสทั้งโคตรแซ่ปู่ย่าตาทวดดังที่เคยแบกหามมา
วันหนึ่ง ๆ ให้พิจารณาทบทวนมากๆ ทบทวนเรื่องของตัว พิจารณาเรื่องของตัวให้มาก
ด้วยสติปัญญาพิจารณาย้อนหน้าย้อนหลังเพื่อรู้ความจริง
เพราะวันเวลาหนึ่งๆ ใจผลิตความยุ่งเหยิงวุ่นวายขึ้นมาภายในตัวไม่ได้หยุดถ้าเราเผลอ
แม้แต่ไม่เผลอกิเลสมันยังโผล่ออกมาได้ซึ่งๆ หน้าอย่างกล้าหาญตามสันดานที่หยาบคายของมัน
บางทีมันยังแสดงลวดลายออกมาต่อหน้าต่อตาแก้มันไม่ได้ก็มี
เพราะกำลังของเราไม่เพียงพอ ขณะนั้นจำต้องยอมไปก่อน อันไหนอยู่ในวิสัยก็พยายามแก้มันไป
----------------------
เนื้อหาบางส่วนจาก
กิเลสฝังในจิต - หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1549&CatID=1