แชร์ประสบการณ์ 3วัน2คืน กับการใช้สิทธิบัตรทองผ่าตัดก้อนเนื้อที่หน้าอก (อายุ22เผื่อจะอยากรู้)

ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่านี่เป็นการผ่าตัดครั้งแรกของเรา เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางเดือนต.ค. ที่ผ่านมานี้เอง ฮี่ๆ ตอนนี้ก็อายุ 22 ปี สาเหตุที่ทำให้เกิดการผ่าตัดครั้งนี้ขึ้น ก็ต้อนย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว (ย้อนเยอะไปมั้ย)


ตอนนั้นเรียนอยู่ ป.6 วันหนึ่งคิดอะไรไม่รู้ ลองคลำหน้าอกดูว่าจะมีก้อนเนื้อไหม แล้วมันก็เจอ! ตอนนั้นตกใจมาก แต่ด้วยความที่เป็นเด็กยุคใหม่ เลยไม่บอกใคร แต่ลองค้นหาข้อมูลในเน็ตดูเองก่อนว่าก้อนที่เจอเนี่ยมันคืออะไร ตอนนั้นข้อมูลที่ค้นพบมันก็บอกว่า ถ้าอายุไม่เยอะก้อนที่เจอส่วนใหญ่เป็นก้อนเนื้อต่อมหน้าอกที่กำลังเติบโต เราก็เลยปลอบตัวเองแบบนั้น แล้วก็เมินเจ้าก้อนๆ นี้มาจนถึงปัจจุบัน


นั่นล่ะค่ะ ปัจจุบันก็เรียนอยู่ปี4 แล้ว ใกล้จบแล้ว ขณะอาบน้ำอยู่ๆ ก็เกิดคิดถึงเจ้าก้อนเนื้อในวัยเด็กขึ้นมา ก็เลยลองคลำดูอีกครั้ง ปรากฎว่า เฮ้ย!!! เหมือนว่าใหญ่ขึ้น!! ดูเป็นก้อนชัดเจนขึ้นแบบ  ไม่ใช่ก้อนต่อมหน้าอกแน่แท้ เพราะมีอยู่แค่ข้างเดียว จากนั้นก็เลยตัดสินใจบอกแม่ แล้วก็ใช้สิทธิบัตรทองกับโรงพยาบาลของมหาลัยที่เรียนอยู่


มีการตรวจมาเรื่อยๆ ทั้งให้หมอคลำธรรมดา ไปอัลตร้าซาวด์ เจาะชิ้นเนื้อไปตรวจ จนได้ผลสรุปจากหมอว่า ก้อนเนื้อที่มีเนี่ย ไม่ใช่เนื้อร้าย เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงไป


แต่ค่ะแต่ มันมีอยู่ประโยคหนึ่งที่เราได้ยินจากหมอที่เขาทำอัลตร้าซาวด์ให้เราว่า "น่าจะเป็นพวกก้อนฮอร์โมน ที่จะใหญ่ขึ้นตามการเติบโตของเรา" ซึ่งตอนที่ได้ยินครานั้นเราก็คิดเลยว่างี้ถ้าปล่อยไว้ในตัว มันก็จะโตขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุเราใช่ไหม? แต่ก็ไม่เคยถามหมอนะคำถามนี้


ย้อนกลับมาหลังจากฟังผลจากการเจาะก้อนเนื้อตรวจเรื่องมันไม่ใช่เนื้อร้าย เราก็นิ่งไปแปปนึง แล้วก็ถามหมอเพื่อความแน่ใจว่า "ก็คือไม่ต้องไปทำอะไรกับมันก็ได้ใช่ไหมคะ" หมอเขาก็เออออไปตามเรา ว่าใช่แล้ว (หมอที่ดูแลตรงส่วนนี้เป็นหมอที่ดูวัยรุ่นหน่อย น่าจะเป็นนักศึกษาแพทย์) สักพักเขาก็ขอตัวไปรายงานอาจารย์ (อันนี้เดาเอาเอง เพราะพอกลับมาเขาก็มีทางเรื่องมาเสนอให้เราเพิ่ม) นั่นล่ะ พอกลับมาคราวนี้หมอก็เสนอขึ้นมาว่า "หรือถ้าอยากจะเอาออกก็ได้นะ"


นั่นล่ะค่ะ ที่มาของบันทึกในวันนี้ แหม ถ้าเก็บไว้แล้วมันไม่สบายใจจะเก็บทำไม ถ้ามีโอกาสให้ตัดออกไปตั้งแต่ยังเป็นก้อนเล็กๆ ตอนเรายังมีเรี่ยวแรง มีคุณพ่อที่ช่วยอาสามาส่งมารับ อย่างไรมันก็ดีกว่าแก่แล้วต้องเดินทางมาโรงพยาบาลคนเดียว อย่างเปล่าเปลี่ยวเดียวดายจริงไหม


โดยบันทึกอันนี้เราพิมพ์ใส่ note ในมือถือ จะเป็นสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกถึงวันสุดท้าย ก็รับรองความสดได้เลย เพราะเกิดปุ๊บถ้ามือถืออยู่ใกล้ก็หยิบขึ้นมาพิมพ์ปั๊บ 5555


สำหรับคนที่อยากรู้เรื่องค่าใช้จ่าย ตั้งแต่ตรวจกระบวนการแรก จนโดนส่งไปอัลตร้าซาวด์ ได้ฟิล์มก้อนเนื้อบริเวณหน้าอกมา เจาะชิ้นเนื้อไปตรวจ การตรวจขั้นต้นก่อนวันผ่าตัด การเดินเรื่องจองเตียงสำหรับนอนค้างในวันผ่าตัด หรือแม้แต่การผ่าตัดเองเนี่ย ซึ่งกินเวลาหลายเดือนอยู่ (เริ่มไปตรวจครั้งแรกวันที่ 28 ก.ค. 57 วันผ่าคือวันที่ 21 ต.ค. 57) เสียเงินไปทั้งสิ้น 30 บาทถ้วน


โอ้วโหว ขนหน้าแข้งยังอยู่ครบเลยทีเดียว อิอิ


==========================


นอนรพ.วันแรก ได้นอนห้องรวม (หญิงล้วน) มีแอร์ด้วย ส่วนใหญ่สมาชิกเป็นคนสูงอายุซะเยอะ มีที่ยังผมดำรวมเราด้วยก็ 3คนเอง เข้าประจำที่เตียงปุ๊บ ก็โดนให้ไปใส่ชุดฟ้าของ รพ. กางเกงหลวมโพรกพรากมาก เหมือนกางเกงที่ไว้ใส่ตามค่ายของมหาลัย (เรียกว่าอะไรน้า นึกไม่ออก) เสื้อก็แบบผูกๆ ถามนางพยาบาลว่าต้องถอดชั้นในด้วยมั้ย ก็ได้รับคำตอบว่ายังไงก็ได้ เพราะยังไม่ได้ผ่าวันนี้ ก็เลยขอเก็บไส้ในไว้ก่อนเพราะห้องหนาวมาก เตียงที่อยู่แอร์ตกพอดี


พอขึ้นมานั่งบนเตียงปุ๊บ บรรยากาศชวนให้ล้มตัวนอนแบบสุดๆ (ตามประสาคนขาดนอน) แต่เกรงว่าคืนนี้จะนอนไม่หลับ ก็เลยหยิบ Maze Runner เล่ม 1 ขึ้นมาอ่านแทน อ่านไปได้ครู่นึงก็มีคนเอาอาหารมาเสิร์ฟ


อาหารมื้อแรกในรพ.!! เห่อมากขอถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึก ข้าวมันไก่พร้อมน้ำซุป มีของหวานเป็นข้าวเหนียวเปียกด้วย ชอบๆอร่อยดี กินหมดเกลี้ยงเลย (เว้นน้ำจิ้มที่เผ็ดเกินลิ้นของเราจะรับไหว) ส่วนข้าวเหนี่ยวเปียกรสชาติแอบเหมือนเอายาแก้ไอเด็กมาผสมหน่อย 5555 เหลวไปนิด แต่นั่นแหละ ชอบของหวานแนวเปียกๆนุ่มๆแบบนี้อยู่แล้ว ซัดเรียบเลย


บ่ายโมงกว่า ขณะที่กำลังกระดิกเท้าเล่นบนเตียง ก็มีนางพยาบาลเข็นรถเข็นใส่ของตักบาตรเข้ามา บอกพรุ่งนี้จะมีพระเข้ามาตักบาตรถึงเตียงรูปหนึ่งตอน 7โมงเช้า ใครสนใจสามารถซื้อของใส่บาตรได้ ประสบการณ์ตักบาตรในรพ.แบบนี้หายาก เลยจัดมาชุดนึง 50.- พอนางพยาบาลเข็นรถเข็นออกไป ข้างนอกที่ตอนแรกฟ้ามืดๆ ฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ แอร์ที่ว่าเย็นอยู่แล้วยิ่งหนาวเป็นขั้วโลกเหนือเลยทีเดียว เฮ้อ ปวดฉี่จัง 55555 แต่ขี้เกียจถอดกางเกง


หลังจากพ่ายแพ้ต่อกระเพาะปัสสาวะ ก็นั่งเล่นชิวๆ ดื่มด่ำกับกลิ่นดินกลิ่นฝน (ประเด็นคือง่วงละอยากนอน แต่รออาหารย่อยก่อน) มีเบอร์มือถือไม่รู้จักโทรเข้ามา ตอนแรกนึกว่าคงเป็นช่างจากบริษัท Autobot ที่เราติดต่อไปว่าของมีปัญหา ที่ไหนได้กดรับปุ๊บเพลงริงโทนดังลั่นหูเลยจ้า สลัดผักมาก! กดบล็อกแ-่งเลย


แอบนอนไปชม.กว่า ตื่นขึ้นมามีพี่นางพยาบาลเข้ามาวัดความดัน อุณหภูมิ แล้วก็เอาเครื่องอะไรไม่รู้มาหนีบนิ้วชี้เพื่อวัดค่าบางอย่าง หรือถามว่าตั้งแต่เช้าฉี่กี่ครั้งเป็นต้น ให้กับคนไข้ทุกเตียง (รวมเราแล้วมี10คน) และบริการเสริมอื่นๆ ในบางเตียง


เสร็จตอนประมาณสี่โมงกว่า มีนางพยาบาลมาตรวจความเรียบร้อยของคนไข้อื่น พร้อมกับแวะบอกเราด้วยว่าอีกสักครู่หมอจะลงมาดู จากนั้นข้าวมือเย็นก็ทยอยเข้ามาเสิร์ฟ เมนูตามอาการของแต่ละคน ของเราพอเห็นถาดข้าวปุ๊บแอบทุกข์เล็กน้อย เพราะมีปลาผักพริกที่ดูเผ็ด (กินแล้วก็เผ็ดจริงๆ) ชีวิตเศร้าไปเลยเพราะกินเผ็ดไม่เป็น แต่ก็อดทนยัดเข้าไปเพราะไม่อยากเป็นคนเรื่องมาก (แต่สุดท้ายก็กินปลาไม่หมด ขอโทษค่า TwT)


ระหว่างกินมีหมอแวะมาหา2รอบ รอบแรกเป็นกลุ่มหมอมาสอบถามอาการ+ตรวจเช็ค พร้อมให้เราเซ็นยินยอมผ่าตัด รอบสองคือหมอที่ดูแลด้านการรมยาสลบ เหตุที่ใช้วิธีรมยาไม่ใช้บล็อคหลัง เพราะเราผ่าที่อกมันบล็อคยาก มีการซักประวัติก่อน จากนั้นก็อธิบายให้ฟังว่าจะต้องมีต่อท่อลงทางปาก ถ้ามีใส่ฟันปลอมถอดได้ก็ให้ถอดก่อน ซึ่งของเรามีจัดฟันอยู่ หมอได้ยินก็ทำหน้าลำบากใจเพราะมันถอดไม่ได้แล้วก็ให้เราลองแลบลิ้นอ้าปากกว้างๆ หันซ้ายสุด ขวาสุด ก้มหน้าสุด เงยสุด เพื่อทดสอบซึ่งก็ดูไม่น่ามีปัญหา แล้วก็ให้เซ็นยินยอมการรมยา


หลังหมอไป กินข้าวเสร็จก็ไปแปรงฟันเตรียมตัวนอน ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีอะไรต่อหรือเปล่า...


OMG มันมีจริงๆ หนูโดนสวนก้นค่า!! ฮืออออ ประเด็นคือ มันหลอนมากตอนที่นางพยาบาลเข็นรถเข็นเข้ามา แจ้งให้คุณยายที่อยู่ริมสุดทราบว่าต้องสวนก้น เพื่อให้เอาของเสียออกมาให้หมด เพราะไม่รู้ว่าตอนที่คุณยายโดนวางยาสลบมันจะออกมาหรือเปล่า เราก็เริ่มหูผึ่งละ ว่าเฮ้ย งานจะเข้าป่าววะ? สวนเตียงที่หนึ่งเสร็จ ป้าที่อยู่ข้างเราก็โดนไปอีกดอกเช่นกัน มองไปที่รถเข็นมีกล่องเขียว ที่ใส่อุปกรณ์การสวนก้นเหลืออีก1อัน มันขำที่ไม่รู้จะฮาหรือร้องไห้ดี ที่คนทั้งห้องมองมาที่เราแบบรู้ว่าโดนสวนก้นรายต่อไปแน่ๆ ฮือออ


แน่นอนว่าไม่รอด พอพยาบาลอธิบายเสร็จก็ดึงผ้าปิดรอบเตียง เราถอดเกง+เกงในเสร็จ คุณเธอก็สวนเลยจ้า รู้สึกได้ถึงน้ำเย็นๆ ที่พุ่งเข้ามาทางประตูหลัง (18+ มั้ย) เสียบเสร็จเขาบอกอีก 15นาที จะปวดก็ให้ไปเข้าห้องน้ำ ที่ไหนได้ ไม่ถึงนาทีก็ปวดค่า!! แทบกลั้นใจรอป้าเตียงข้างๆกลับมาจากห้องน้ำไม่ทัน หมดไปก็อกหนึ่ง นี่ไม่รู้ว่าจะมีก็อกสองไหม หวังว่าจะไม่มี T T


ขณะนี้2ทุ่มยี่สิบ ทุกเตียงนอนยกเว้นเรา โถ่ ปกตินอนตี1ตี2 เอาเถอะลองนอนดูก่อนก็ได้


กว่าจะปิดไฟทั้งห้องก็สี่ทุ่มกว่า ตอนตี1 มีคนไข้เตียงตรงข้ามมานอนเพิ่มอีกคนมีหมอตามมาด้วย ไม่รู้เพิ่งเสร็จจากการผ่าตัดหรือเปล่า


ตื่นเช้ามาตอนตี4 นางพยาบาลเริ่มทำงานอีกครั้ง มีคนเอาชุดคนไข้ใหม่มาให้ ยายกับป้าข้างๆลุกไปอาบน้ำ เราเลยรอจนทั้งคู่กลับมาแล้วไปอาบบ้าง (มีน้ำอุ่นด้วยล่ะ) กลับมาเจอนางพยาบาลรอเราอยู่คนเดียว (วัดไข้/ความดัน/กับหนีบนิ้ว) ได้ความว่าจะมีการวัดตอนตี5 วันหลังให้รอก่อน (ขอโทษค่ะหนูไม่รู้จริงๆ)


ตอนนี้คอแห้งผากหิวน้ำมาก เพราะโดนให้งดน้ำมาตั้งแต่เที่ยงคืน ฮือออ เอาเถอะ ตอนนี้สิ่งที่กลัวหลังผ่าตัดอย่างเดียว คือเดินไปเข้าห้องน้ำเองไม่ได้ แล้วต้องให้คนอื่นช่วยนี่แหละ


ก่อนที่จะสวนก้นคืนก่อน นางพยาบาลมีอธิบายว่านอกจากตื่นมาแล้วเจอท่อต่อเข้าไปในปากเพื่อช่วยหายใจแล้ว เราอาจจะต้องมีเจาะสายเอาของเสียเช่นเลือดกับน้ำหนองออกด้วย ฟังแล้วก็ อื้ม...เอาเถอะ จะโดนอะไรก็ต้องโดนแล้วล่ะนาทีนี้ /อ้อ ขณะนี้หกโมงสิบนาที ฟ้าเริ่มสว่าง นกเริ่มร้องแล้ว


ตอนเจ็ดโมงมีพระมาตักบาตรถึงเตียงของทุกคน เป็นพิธีการที่เรียบง่ายแต่ก็ทำให้รู้สึกดีนะ


7.35 มีหมอแวะมาทักทายคนที่ต้องผ่าตัดวันนี้ (ในห้องมี3คน) พูดให้คลายกังวล ตื่นเต้นนิดหน่อย แต่หมอก็บอกว่าของเราไม่ต้องกังวลเพราะผ่าแผลเล็กนิดเดียว


7.48 อ่าน Maze Runner ไปเกินครึ่งเล่มละ เริ่มเบื่อ อยากล้มตัวนอนฆ่าเวลามาก แต่พอคิดว่าเดี๋ยวก็ต้องหลับเพราะยาสลบอยู่ดี ก็เลยเกรงว่านอนเยอะๆ แล้วตัวจะเปื่อย (อันนี้คิดเอาเอง 555) ว่าแล้วก็อ่านนิยายต่อดีกว่า


8.27 ย๊าา ตื่นเต้นจัง เมื่อกี้มีคนมาพาป้าข้างๆ ไปผ่าตัดแล้วววว


9.10 เมื่อกี้คนไข้ที่สามารถลุกเดินได้โดนไล่ออกไปอยู่นอกห้องหมด เพราะนางพยาบาลจะทำความสะอาดเตียง เพิ่งได้กลับเข้ามา เจอผ้าห่มพับเรียบร้อยที่ปลายเตียง สังเกตเห็นว่าบนเตียงของคนที่มีนัดผ่าวันนี้ มีผ้าปูกันเลอะ พาดอยู่ตรงช่วงกลางเตียงเพิ่มขึ้นมาด้วย ในส่วนของเตียงเราผ้าแอบมีเปื้อนแต้มดวงใหญ่สีเหลืองอยู่ ไม่รู้ว่ามาจากเลือด น้ำเหลือง หรือของเสียอันอื่น ซึ่งไม่เป็นไรเพราะถือว่าผ่านการทำความสะอาดฆ่าเชื้อมาแล้ว ว่าแต่จะนอนดีไหมหนอ นอนแล้วนอนอีกจะเป็นไรไหมน้า


9.32 แอบเจ็บแปลบๆ นิดๆ ตรงบริเวณก้อนที่จะผ่า สงสัยจะรู้ตัวนะเนี่ย ไม่ได้เกลียดนะ แต่คิดว่าเราแยกกันอยู่ดีกว่า


9.39 เอาล่ะเบื่อจะรอ นอนดีกว่า


9.55 เคลิ้มๆ จะหลับ ก็มีนางพยาบาลมาวัดอุณหภูมิ กับความดัน และหนีบนิ้ว (สรุปมันคืออะไรก็ยังไม่รู้) พร้อมกับแจ้งให้คุณยายทราบว่าถึงคิวมีรถเข็นมารับแล้ว ฮู่ววว ตอนแรกเฉยๆเลยตื่นเต้นขึ้นมาเลย


โอเค ตอนนี้สามทุ่ม พยาบาลปิดไฟห้องพักละ สรุปตอนประมาณ 10โมงกว่า ก็มีคนมารับตัวใช้วิธีนอนบนรถเข็นไป รู้สึกแปลกดีไม่เคยมีใครมาเข็นเตียงแบบนี้ให้ 555 ไปถึงชั้นบนหน้าห้องผ่าตัด มีนางพยาบาลมาวัดค่าอีกครั้งพร้อมซักประวัติคร่าวๆ จากนั้นก็รอยาวเลย นางพยาบาลบอกหลับรอไปก่อนก็ได้เพราะหมอบอกจะเข้าเที่ยง


เราก็เอ่อะ โอเคนอนรอละกัน เพราะตอนนั้นไม่ได้ใส่แว่น โลกเลยเบลอๆ รออยู่ครู่ใหญ่ จนทุกเตียงที่รออยู่ข้างๆโดนเข็นเข้าไปหมดนานมากแล้ว ก็ถึงคิวเราสักที


ตอนที่กำลังเข็นเข้าห้องผ่าตัดนางพยาบาลก็บอกให้แกะเชือกที่ผูกปิดเสื้อออกได้เลย พอเข้าไปถึงในห้องผ่าตัดปุ๊บแอร์เย็นมาก ลักษณะเป็นกำแพงเหลี่ยมๆ ปูกระเบื้องขาวเหมือนอยู่ในห้องน้ำ มีคนรออยู่เยอะทีเดียว เท่าที่ฟังน่าจะเป็นนิสิตแพทย์เกือบหมด


หลังจากเปลี่ยนไปนอนบนเตียงผ่าตัดแทน ก็โดนจัดท่าทางใหม่ มีการเอาเส้นมารัดขาไว้ มีที่สำหรับวางแขนกางออกมา 2 ข้างให้เหยียดออกได้ มองเงาสะท้อนตัวเองในหลอดไฟข้างบนแล้วเหมือนพระเยซูตอนอยู่บนไม้กางเขนเลย (แค่จะเปรียบให้เห็นภาพเฉยๆ ไม่ได้ลบหลู่นะ)


(ต่อที่ คห.1)

ไม่รู้ว่าฝากเพจได้ไหม แต่ก็ขอฝากเพจหน่อยละกัน เพิ่งสร้างเมื่อไม่นานมานี้เอง 555+
https://www.facebook.com/asamask92
มีเขียนบันทึกเหตุการณ์ที่น่าสนใจต่างๆ ที่เจอมา สำหรับแพลนต่อไป ก็จะมี ==> รีวิวท่องเที่ยวลาวช่วงเดือน ม.ค. ฯลฯ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่