นอกจากตำแหน่งกัปตันทีมของ เวนย์ รูนี่ย์ แล้ว ยังมีเหตุผลเบื้องลึกที่ทำให้ หลุยส์ ฟาน กัล ตัดสินใจเลือกให้เขาลงเล่นในตำแหน่งนักเตะหมายเลข 10 ของทีม”ปีศาจแดง” เหตุผลที่ว่าจะเป็นอย่างไรนั้น ขอเชิญทุกท่านติดตามบทวิเคราะห์นี้ที่มาพร้อมกับภาพประกอบในเกมกับ เวสต์แฮม ได้เลยครับ
เราต้องให้เครดิตกุนซือชาวดัตช์เสียด้วยซ้ำสำหรับการตัดสินใจดังกล่าว เพราะ รูนี่ย์ ทำหน้าที่ในบทบาทนี้ได้ดีทีเดียว ด้วยพละกำลังและความคล่องตัวของเขากับการเล่นในตำแหน่งนี้ เป็นไปอย่างที่ ฟาน กัล เคยพูดไว้ว่าเขาเป็นนักเตะ”ที่เล่นได้หลายตำแหน่ง”
ดาวเตะร่างตันพร้อมที่จะยืนตำแหน่งในพื้นที่ว่างตรงกลางเมื่อเปรียบเทียบกับ มาต้า และไม่ขึ้นไปทับตำแหน่งกับทั้ง ฟัลเกา หรือ ฟาน เพอร์ซี่ ในแดนหน้า นอกจากนี้เขายังทำให้การเชื่อมต่อระหว่างแดนกลางกับแดนหน้าดีขึ้น จึงทำให้ทรงการเล่นของทีมดูปะติดปะต่อเมื่อที่มีเขาอยู่ในสนาม ดังในภาพประกอบข้างล่างนี้
เริ่มจากจังหวะเริ่มขึ้นเกมของทีม ในภาพนี้ อันเดร์ เอร์เรร่า กำลังครองบอลอยู่
ในจังหวะต่อมา กองกลางชาวสแปนิชผ่านบอลออกมาทางริมเส้นฝั่งขวา
ราฟาเอล รับบอลมาจาก เอร์เรร่า
เอร์เรร่า ที่ผ่านบอลให้ ราฟาเอล เคลื่อนที่ขึ้นไปข้างหน้าเพื่อเปิดพื้นที่ว่างให้ ราฟาเอล ผ่านบอลในจังหวะต่อไป
เมื่อ เอร์เรร่า เคลื่อนที่ขึ้นไปข้างหน้าเพื่อดึงตัวประกบให้ตามไป บลินด์ ก็ลงมาตรงพื้นที่ว่างที่กองกลางชาวสแปนิชเปิดไว้ให้ เพื่อสนับสนุนการเล่นของ ราฟาเอล ตามที่ลูกศรชี้
ราฟาเอล ผ่านบอลให้ บลินด์ ที่ลงมาตรงพื้นที่ว่างที่ เอร์เรร่า เปิดไว้ให้
ภาพนี้จะเห็นว่า รูนี่ย์ เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมกับเกม ด้วยการเคลื่อนที่มาอยู่ในพื้นที่ว่างบริเวณวงกลมกลางสนาม
ดูในภาพนี้สิ!! จะเห็นว่าจากการยืนตำแหน่งของ รูนี่ย์ ทำให้เขากลายเป็นยอดของสามเหลี่ยมถึง 2 รูป ที่สูงขึ้นไปในแดนของคู่แข่ง ซึ่งการล้อมวงสร้างรูปสามเหลี่ยมจะทำให้เกิดช่องทางสำหรับผ่านบอลได้มากที่สุด
บลินด์ โยกดึงจังหวะหลอกคู่แข่งที่เข้ามาประกบ
ก่อนที่ดาวเตะทีมชาติฮอลแลนด์จะผ่านมาให้ เอร์เรร่า ทางฝั่งขวา
พอ เอร์เรร่า ได้ครองบอล เราจะเห็นว่าการยืนตำแหน่งของ รูนี่ย์ ทำให้เขาเป็นยอดของสามเหลี่ยม 2 รูปตามเดิม เมื่อรวมกับการที่ ฟาน เพอร์ซี่ ถอยตัวเองลงต่ำมาสนับสนุนการเล่นของทีม
จังหวะต่อมา เอร์เรร่า เลี้ยงบอลออกไปหาพื้นที่ทางฝั่งขวา
ก่อนที่ดาวเตะชาวสแปนิชจะผ่านบอลไปให้ ฟาน เพอร์ซี่
จะเห็นว่า รูนี่ย์(วงกลมสีแดง) ยืนตำแหน่งในพื้นที่ว่างตรงกลางซึ่งเป็นสิ่งเราไม่ได้เห็นจาก มาต้า
จากคอลัมส์ที่แล้วเราจะเห็นว่า มีหลายครั้งที่ มาต้า เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกันกับคู่กองหน้าของทีม ต่างจาก รูนี่ย์ ที่จะยืนตำแหน่งคุมพื้นที่ตรงกลางระหว่างไลน์ของเพื่อนร่วมทีม อย่างไรก็ตาม กัปตันทีมร่างตันก็ไม่ได้มีจังหวะลากบอลทะลุทลวงที่ดีพอสำหรับการเปิดพื้นที่ให้กับคู่กองหน้าของทีม ดังภาพประกอบด้านล่างนี้
รูนี่ย์ เป็นยอดของสามเหลี่ยม 2 รูป อีกเช่นเคย ในพื้นที่สุดท้าย
ดิ มาเรีย ส่งบอลไปให้ เวนย์ รูนี่ย์ ที่ยืนว่างอยู่
รูนี่ย์ ครองบอลโดยมีพื้นที่ว่างอยู่ตรงหน้า และมี ฟาน เพอร์ซี่ ที่เรียกบอลอยู่
แต่ รูนี่ย์ ไม่กล้าที่จะเลี้ยงบอลจี้เข้าหาคู่เซ็นเตอร์ของคู่แข่งเพื่อเปิดพื้นที่ให้ ฟาน เพอร์ซี่ และกำลังถูกคู่แข่งเข้ามาเพรสซิ่งทางด้านหลัง
สุดท้าย เมื่อโดนคู่แข่งรุมเพรสซิ่ง รูนี่ย์ ต้องผ่านบอลคืนไปให้เพื่อนร่วมทีมที่ยืนต่ำลงไป ซึ่งเป็นการเสียโอกาสทองไปโดยปริยาย
ภาพชุดต่อไปนี้แสดงให้เห็นว่า รูนี่ย์ ไม่สันทัดในการเล่นบอลทะลุช่องเพื่อให้มีการชิ่งบอลสั้นไป-มาอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นจุดบกพร่องของเขา ทั้งที่สิ่งนี้เป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของนักเตะหมายเลข 10 นั่นก็คือความสามารถในการสร้างสรรค์เกมและจ่ายบอลทะลุช่องในพื้นที่แคบ ๆ
ภาพนี้ รูนี่ย์ กำลังครองบอลในพื้นที่ ”กึ่งกลาง”
ภาพนี้จะเห็นว่านอกจากการผ่านบอลทะลุช่อง(ลูกศรสีฟ้า)เขามี 2 ตัวเลือก เพื่อเล่นชิ่งหนึ่ง-สอง อย่างรวดเร็ว หากเขาเลือกส่งให้ ฟัลเกา เขาอาจจะได้รับบอลจากการชิ่งให้ของกองหน้าชาวโคลอมเบียก่อนมีโอกาสได้ยิงประตู
แต่ รูนี่ย์ เลือกที่จะโยนบอลทะแยงมุมไปให้ ฟาน เพอร์ซี่ ที่เสาไกล
ผลจากการไม่เลือกจังหวะการเล่นที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมากกว่า แต่เลือกเล่นลูกยากทำให้ทีมต้องเสียโอกาสทองนี้ไปอีกครั้ง
และก็มีบางครั้งคราวที่การจับบอลแรกไม่ดี ของ รูนี่ย์ ทำให้เขาต้องเสียจังหวะในการเล่น ทำให้การเดินเกมของทีมต้องสะดุดไป ดังในภาพประกอบชุดข้างล่างนี้
จนถึงตอนนี้ทั้ง ราดาเมล ฟัลเกา และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ยังไม่อาจแสดงศักยภาพที่เขามีออกมาได้อย่างเต็มที่ หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า ฟาน เพอร์ซี่ สมควรที่จะได้รับประกันตำแหน่งตัวจริงอีกอยู่หรือไม่ แต่หลายคนก็มองข้ามรายละเอียดของกองหน้าชาวดัตช์ คือการครองบอลและการเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบกับนักเตะคนอื่น อีกทั้งมีการเคลื่อนที่ที่ดีไปตามช่องของแนวรับคู่แข่ง ซึ่งจากการที่ทีมยังไม่มีนักเตะหมายเลข 10 ที่ช่ำชองในการผ่านบอลทะลุช่องให้กับเขา ทำให้กองหน้าวัย 31 ปี ยังไม่ได้แสดงจุดแข็งของตนออกมาให้ทุกคนเห็น เพราะหากเราให้ความเป็นธรรมกับ ฟาน เพอร์ซี่ ด้วยวัยขนาดนี้เขาคงไม่มีพละกำลังมากพอที่จะวิ่งมีส่วนร่วมกับทีมตลอดทั้งเกม
“หาก เวนย์ รูนี่ย์ เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก เขาจะต้องน่ใจว่า ฟาน เพอร์ซี่ กำลังเคลื่อนที่อยู่ เพื่อหาจังหวะจบสกอร์ โรบิน เป็นในสิ่งที่ผมอยากให้เขาเป็น” – เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กล่าวในหนังสืออัตตชีวะประวัติของตน
ส่วนในประเด็นที่ว่า ทำไม หลุยส์ ฟาน กัล ถึงปล่อย ชินจิ คากาวะ ออกจากทีม โดยส่วนตัวผมคิดว่า ในตอนนั้น น่าจะเป็นเพราะ ฟาน กัล มองว่ามีนักเตะที่ทำได้ดีกว่าเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติญี่ปุ่นในตำแหน่งนี้ ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดโอกาสให้ คากาวะ ย้ายทีม ซึ่งเป็นไปตามที่กุนซือชาวดัตช์เคยบอกตั้งแต่ตอนที่เข้ามาคุมทีมทัวร์ที่อเมริกา ว่าจะไม่ปิดกั้นโอกาสพัฒนาฝีเท้าของนักเตะด้วยการรั้งเขาไว้อยู่กับทีมทั้งที่ไม่ได้คิดจะใช้งาน แต่อย่างน้อย ฟาน กัล ก็พยายามทดลองใช้งาน คากาวะ ด้วยการปรับให้เขาเล่นตำแหน่งกองกลางในระหว่างการทัวร์ปรีซีซั่น และส่งลงสนามในช่วงทัวร์หลายนัด เราจึงไม่ได้เห็นคำพูดตัดพ้อถึงการตัดสินใจของกุนซือรายนี้ออกมาจากปากของ คากาวะ เลย
จากที่เราพูดมาทั้งหมดนี้จะเห็นว่า เวนย์ รูนี่ย์ เป็นนักเตะหมายเลข 10 ในระบบ ”ไดม่อนด์” ที่ดีกว่า ฆวน มาต้า แต่กัปตันทีมร่างตันก็ยังไม่ใช่นักเตะหมายเลข 10 ที่ดีที่สุดของทีม ซึ่งในคอลัมส์ต่อไป เราจะมาพูดถึงนักเตะคนนี้ บอกใบ้ให้นิดนึงว่าเขาเคยถูกกุนซือชาวดัตช์ส่งลงสนามในตำแหน่งนี้มาแล้ว รอติดตามอ่านกันนะค๊าาา
เพราะอะไร "LVG" ถึงเลือกรูนี่ย์เล่นในตำแหน่งนักเตะหมายเลข 10
เราต้องให้เครดิตกุนซือชาวดัตช์เสียด้วยซ้ำสำหรับการตัดสินใจดังกล่าว เพราะ รูนี่ย์ ทำหน้าที่ในบทบาทนี้ได้ดีทีเดียว ด้วยพละกำลังและความคล่องตัวของเขากับการเล่นในตำแหน่งนี้ เป็นไปอย่างที่ ฟาน กัล เคยพูดไว้ว่าเขาเป็นนักเตะ”ที่เล่นได้หลายตำแหน่ง”
ดาวเตะร่างตันพร้อมที่จะยืนตำแหน่งในพื้นที่ว่างตรงกลางเมื่อเปรียบเทียบกับ มาต้า และไม่ขึ้นไปทับตำแหน่งกับทั้ง ฟัลเกา หรือ ฟาน เพอร์ซี่ ในแดนหน้า นอกจากนี้เขายังทำให้การเชื่อมต่อระหว่างแดนกลางกับแดนหน้าดีขึ้น จึงทำให้ทรงการเล่นของทีมดูปะติดปะต่อเมื่อที่มีเขาอยู่ในสนาม ดังในภาพประกอบข้างล่างนี้
เริ่มจากจังหวะเริ่มขึ้นเกมของทีม ในภาพนี้ อันเดร์ เอร์เรร่า กำลังครองบอลอยู่
ในจังหวะต่อมา กองกลางชาวสแปนิชผ่านบอลออกมาทางริมเส้นฝั่งขวา
ราฟาเอล รับบอลมาจาก เอร์เรร่า
เอร์เรร่า ที่ผ่านบอลให้ ราฟาเอล เคลื่อนที่ขึ้นไปข้างหน้าเพื่อเปิดพื้นที่ว่างให้ ราฟาเอล ผ่านบอลในจังหวะต่อไป
เมื่อ เอร์เรร่า เคลื่อนที่ขึ้นไปข้างหน้าเพื่อดึงตัวประกบให้ตามไป บลินด์ ก็ลงมาตรงพื้นที่ว่างที่กองกลางชาวสแปนิชเปิดไว้ให้ เพื่อสนับสนุนการเล่นของ ราฟาเอล ตามที่ลูกศรชี้
ราฟาเอล ผ่านบอลให้ บลินด์ ที่ลงมาตรงพื้นที่ว่างที่ เอร์เรร่า เปิดไว้ให้
ภาพนี้จะเห็นว่า รูนี่ย์ เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมกับเกม ด้วยการเคลื่อนที่มาอยู่ในพื้นที่ว่างบริเวณวงกลมกลางสนาม
ดูในภาพนี้สิ!! จะเห็นว่าจากการยืนตำแหน่งของ รูนี่ย์ ทำให้เขากลายเป็นยอดของสามเหลี่ยมถึง 2 รูป ที่สูงขึ้นไปในแดนของคู่แข่ง ซึ่งการล้อมวงสร้างรูปสามเหลี่ยมจะทำให้เกิดช่องทางสำหรับผ่านบอลได้มากที่สุด
บลินด์ โยกดึงจังหวะหลอกคู่แข่งที่เข้ามาประกบ
ก่อนที่ดาวเตะทีมชาติฮอลแลนด์จะผ่านมาให้ เอร์เรร่า ทางฝั่งขวา
พอ เอร์เรร่า ได้ครองบอล เราจะเห็นว่าการยืนตำแหน่งของ รูนี่ย์ ทำให้เขาเป็นยอดของสามเหลี่ยม 2 รูปตามเดิม เมื่อรวมกับการที่ ฟาน เพอร์ซี่ ถอยตัวเองลงต่ำมาสนับสนุนการเล่นของทีม
จังหวะต่อมา เอร์เรร่า เลี้ยงบอลออกไปหาพื้นที่ทางฝั่งขวา
ก่อนที่ดาวเตะชาวสแปนิชจะผ่านบอลไปให้ ฟาน เพอร์ซี่
จะเห็นว่า รูนี่ย์(วงกลมสีแดง) ยืนตำแหน่งในพื้นที่ว่างตรงกลางซึ่งเป็นสิ่งเราไม่ได้เห็นจาก มาต้า
จากคอลัมส์ที่แล้วเราจะเห็นว่า มีหลายครั้งที่ มาต้า เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกันกับคู่กองหน้าของทีม ต่างจาก รูนี่ย์ ที่จะยืนตำแหน่งคุมพื้นที่ตรงกลางระหว่างไลน์ของเพื่อนร่วมทีม อย่างไรก็ตาม กัปตันทีมร่างตันก็ไม่ได้มีจังหวะลากบอลทะลุทลวงที่ดีพอสำหรับการเปิดพื้นที่ให้กับคู่กองหน้าของทีม ดังภาพประกอบด้านล่างนี้
รูนี่ย์ เป็นยอดของสามเหลี่ยม 2 รูป อีกเช่นเคย ในพื้นที่สุดท้าย
ดิ มาเรีย ส่งบอลไปให้ เวนย์ รูนี่ย์ ที่ยืนว่างอยู่
รูนี่ย์ ครองบอลโดยมีพื้นที่ว่างอยู่ตรงหน้า และมี ฟาน เพอร์ซี่ ที่เรียกบอลอยู่
แต่ รูนี่ย์ ไม่กล้าที่จะเลี้ยงบอลจี้เข้าหาคู่เซ็นเตอร์ของคู่แข่งเพื่อเปิดพื้นที่ให้ ฟาน เพอร์ซี่ และกำลังถูกคู่แข่งเข้ามาเพรสซิ่งทางด้านหลัง
สุดท้าย เมื่อโดนคู่แข่งรุมเพรสซิ่ง รูนี่ย์ ต้องผ่านบอลคืนไปให้เพื่อนร่วมทีมที่ยืนต่ำลงไป ซึ่งเป็นการเสียโอกาสทองไปโดยปริยาย
ภาพชุดต่อไปนี้แสดงให้เห็นว่า รูนี่ย์ ไม่สันทัดในการเล่นบอลทะลุช่องเพื่อให้มีการชิ่งบอลสั้นไป-มาอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นจุดบกพร่องของเขา ทั้งที่สิ่งนี้เป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของนักเตะหมายเลข 10 นั่นก็คือความสามารถในการสร้างสรรค์เกมและจ่ายบอลทะลุช่องในพื้นที่แคบ ๆ
ภาพนี้ รูนี่ย์ กำลังครองบอลในพื้นที่ ”กึ่งกลาง”
ภาพนี้จะเห็นว่านอกจากการผ่านบอลทะลุช่อง(ลูกศรสีฟ้า)เขามี 2 ตัวเลือก เพื่อเล่นชิ่งหนึ่ง-สอง อย่างรวดเร็ว หากเขาเลือกส่งให้ ฟัลเกา เขาอาจจะได้รับบอลจากการชิ่งให้ของกองหน้าชาวโคลอมเบียก่อนมีโอกาสได้ยิงประตู
แต่ รูนี่ย์ เลือกที่จะโยนบอลทะแยงมุมไปให้ ฟาน เพอร์ซี่ ที่เสาไกล
ผลจากการไม่เลือกจังหวะการเล่นที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมากกว่า แต่เลือกเล่นลูกยากทำให้ทีมต้องเสียโอกาสทองนี้ไปอีกครั้ง
และก็มีบางครั้งคราวที่การจับบอลแรกไม่ดี ของ รูนี่ย์ ทำให้เขาต้องเสียจังหวะในการเล่น ทำให้การเดินเกมของทีมต้องสะดุดไป ดังในภาพประกอบชุดข้างล่างนี้
จนถึงตอนนี้ทั้ง ราดาเมล ฟัลเกา และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ยังไม่อาจแสดงศักยภาพที่เขามีออกมาได้อย่างเต็มที่ หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า ฟาน เพอร์ซี่ สมควรที่จะได้รับประกันตำแหน่งตัวจริงอีกอยู่หรือไม่ แต่หลายคนก็มองข้ามรายละเอียดของกองหน้าชาวดัตช์ คือการครองบอลและการเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบกับนักเตะคนอื่น อีกทั้งมีการเคลื่อนที่ที่ดีไปตามช่องของแนวรับคู่แข่ง ซึ่งจากการที่ทีมยังไม่มีนักเตะหมายเลข 10 ที่ช่ำชองในการผ่านบอลทะลุช่องให้กับเขา ทำให้กองหน้าวัย 31 ปี ยังไม่ได้แสดงจุดแข็งของตนออกมาให้ทุกคนเห็น เพราะหากเราให้ความเป็นธรรมกับ ฟาน เพอร์ซี่ ด้วยวัยขนาดนี้เขาคงไม่มีพละกำลังมากพอที่จะวิ่งมีส่วนร่วมกับทีมตลอดทั้งเกม
“หาก เวนย์ รูนี่ย์ เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก เขาจะต้องน่ใจว่า ฟาน เพอร์ซี่ กำลังเคลื่อนที่อยู่ เพื่อหาจังหวะจบสกอร์ โรบิน เป็นในสิ่งที่ผมอยากให้เขาเป็น” – เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กล่าวในหนังสืออัตตชีวะประวัติของตน
ส่วนในประเด็นที่ว่า ทำไม หลุยส์ ฟาน กัล ถึงปล่อย ชินจิ คากาวะ ออกจากทีม โดยส่วนตัวผมคิดว่า ในตอนนั้น น่าจะเป็นเพราะ ฟาน กัล มองว่ามีนักเตะที่ทำได้ดีกว่าเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติญี่ปุ่นในตำแหน่งนี้ ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดโอกาสให้ คากาวะ ย้ายทีม ซึ่งเป็นไปตามที่กุนซือชาวดัตช์เคยบอกตั้งแต่ตอนที่เข้ามาคุมทีมทัวร์ที่อเมริกา ว่าจะไม่ปิดกั้นโอกาสพัฒนาฝีเท้าของนักเตะด้วยการรั้งเขาไว้อยู่กับทีมทั้งที่ไม่ได้คิดจะใช้งาน แต่อย่างน้อย ฟาน กัล ก็พยายามทดลองใช้งาน คากาวะ ด้วยการปรับให้เขาเล่นตำแหน่งกองกลางในระหว่างการทัวร์ปรีซีซั่น และส่งลงสนามในช่วงทัวร์หลายนัด เราจึงไม่ได้เห็นคำพูดตัดพ้อถึงการตัดสินใจของกุนซือรายนี้ออกมาจากปากของ คากาวะ เลย
จากที่เราพูดมาทั้งหมดนี้จะเห็นว่า เวนย์ รูนี่ย์ เป็นนักเตะหมายเลข 10 ในระบบ ”ไดม่อนด์” ที่ดีกว่า ฆวน มาต้า แต่กัปตันทีมร่างตันก็ยังไม่ใช่นักเตะหมายเลข 10 ที่ดีที่สุดของทีม ซึ่งในคอลัมส์ต่อไป เราจะมาพูดถึงนักเตะคนนี้ บอกใบ้ให้นิดนึงว่าเขาเคยถูกกุนซือชาวดัตช์ส่งลงสนามในตำแหน่งนี้มาแล้ว รอติดตามอ่านกันนะค๊าาา
ขอบคุณบทความและภาพประกอบจาก : LiveLiveunited
AJ44@แมนยูคลับ.com