มองมุมต่าง แมนฯยู หลัง 3เกมแห่งความพ่ายแพ้ ...

##  คำเตือน.... กระทู้นี้ ยาวมากกกกกกก ##




2ปีเต็มๆ ที่ผม... หยุดเขียนกระทู้ถึงทีมของเรา.....   หลังจากความพ่ายแพ้ท้ายฤดูกาล 2013 ก่อนทีมเราเถลิงแชมป์อำลาป๋าเฟอกี้  




พอ เดวิด มอยส์ ก้าวมารับเผือก และเฝือกร้อนๆ  ผมก็ถอยกลับมาแอบในมุมเล็กๆเอาใจเชียร์ The Chosen One  ปล่อยให้นิวแมนเนเจอร์ได้มีโอกาสทำงานก่อนสักปี..  แล้วก็แค่1ปีจริงๆ


ล่วงมาถึงขรัวเฒ่า อาจารย์ หลุยส์ ฟาน กัล  ผมก็ยังคง หลบไปแอบเชียร์ และเป็นกำลังใจ  ปล่อยให้ท่าน ได้ทดลอง ได้สร้างทีมใหม่ ในแบบของท่านสัก1ฤดูกาล  แล้วค่อยมาว่ากันนะ.....



แต่... 0 คะแนน จาก 3นัดล่าสุด  มันมีอะไรให้พูดถึงมากมาย จริงๆครับ...  อารัยกัลล์  เต้นฟุตเวิร์ค ปล่อยหมัดแย็บทั้งเกม ทำไมยิ้ม “แพ้”




หลังเกมล่าสุดกับ เวสท์บรอมฯ... เด็กผี ต่างพร้อมใจกันร่วมประสานเสียง เก็ทเอาท์อัปเปหิ อาจารย์ หลุยส์ หรือ อ้วนรองทรง ฉายาที่เด็กผีถากถางให้ในวันไม่สบอารมณ์   ร้อนรนจนผมอดใจไม่ได้ อยากร่วมแจม เอ้ย! อยากออกมาร่วมพูดคุยกับเพื่อนๆบ้าง ถึง ทีมของเรา ในขณะนี้


ในมุมของผม...  เกมกับ เชลซี   ผมชื่นชมทีม และไม่ผิดหวังเลย แม้จะแพ้..  เพราะเราแพ้ให้กับทีมที่มีอาวุธ และพิษสงรอบตัวจัดจ้านระดับต้นๆของยุโรปทีมหนึ่ง  และที่สำคัญ ทีมเขาดีกว่าเราจริงๆ (ตารางคะแนนไม่เคยโกหกใคร...)  วันนั้น หากจ่ามู เปลี่ยนจากยุทธการรถบัส มาเป็นเดินหน้า ฆ่ามัน  เราอาจจะแผลเหวอะกว่านี้




เกมกับท็อฟฟี่  ผมมองเป็นอุบัติเหตุ  ลูกแรกที่เขาได้ ตั้งแต่ต้นเกม มันได้กำหนดผลของเกมนั้นแล้วโดยสิ้นเชิง ยิ่งเล่น และเร่งต้องการเอาคืน ยิ่งไปเข้าทาง   ทีมของ โรเบร์โต มาร์ตีเนซ เขามีลูกบู้ ลูกขยัน เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จอดรถบัสขวางให้เราดาหน้าบุก แล้วรอสวน  จังหวะบอลก็ดันเป็นใจ กระเด้ง กระดอน มาเข้าทางนักเตะท็อฟฟี่หมด  ทีมเวิร์คเขาขี้เหร่ซะที่ไหน ทีมใหญ่ๆหลายทีม ก็กระอักเลือดทุกครั้งเวลาเจอกัน โดยเฉพาะทีมเรา  หลังๆนี้ เล่นกับท็อฟฟี่ เราสะดุดล้มบ่อยมาก



แต่เกมเมื่อคืน... ผมถือว่า นักเตะเรา เล่นห่วยเอง จริงๆ  เล่นกดดันตัวเอง และกลัวพลาดมากกว่าความอยากเอาชนะ...  


เฮ้ย !! ก็ผู้จัดการทีมมันห่วยกว่า (มีเสียงตระโกน สวนมาจากกลุ่มเด็กห่าผี)  รู้ทั้งรู้ ว่า ทีมคู่แข่งจะมาใช้แผน จอดรถบัสขวางประตู  ก็ยังสั่งให้เล่นครองบอล ถ่ายไปมา สวนสนามอยู่นั่นแหล่ะ จะเอาคะแนนครองบอล ไปแลกเบนซ์ให้พ่องเมิงขับเหรอ???


เฮ้ยมั่ง !!   แต่ผมมองว่า ทรงทีม และทางของการเล่น ของทีมเรา มันมาถูกทางแล้วนา...  




แยกประเด็นกับการเล่นห่วยในเกมเมื่อคืนนะ  ผมกำลังพูดถึง การสร้างแมนยู ยุคใหม่ ที่มีการพาสซิ่ง มีการครองบอล ในแบบบอลวินเนอร์  
เมื่อเราครองบอลไว้กับทีมตลอด คู่แข่งก็ยากจะทำอันตรายเรา เพราะลูกบอลอยู่กับเรา (ยกเว้น เราจะเฟอะฟะและฟายกันเอง แบบหลายๆครั้งที่ผ่านมา).... ตอนนี้ รอแค่เวลา ในการปรับจูนความเข้าใจ ระหว่าง นักเตะใหม่ กับนักเตะเก่ามากกว่านี้....


ผมว่า มันไม่ง่ายนะ ที่จะให้นักเตะทำชิ่ง 1-2 อย่างรู้ใจ  หรือจะแทงบอลตามช่อง แล้วมีเพื่อนวิ่งสอดมารับเข้าไปยิง ในจังหวะที่ลงตัวเหมาะเหม็ง  ยิ่งเจอกับคู่ต่อสู้ ยืนซ้อนเป็นกำแพง2ชั้น แถมยืนรับต่ำ เหลือพื้นที่ระหว่างกองหลัง ถึงหน้าประตูเพียงไม่กี่หลาแบบ2เกมหลังนี้    มันเลยเป็นเหตุให้ได้แต่เล่นขวางบอลไปมา เพื่อถ่างแนวนับเขา  แต่ความที่ นักเตะไม่กล้าเล่นเพลย์แอคชั่น ในช่วงที่กองหลังเริ่มเปิดช่องกันเองนี่แหล่ะ  จะเพราะกลัวเสียบอล จะกลัวเขาตัดบอลได้ เลยได้แต่ถ่ายบอลแมคชัวร์ มันถึงแพ้อนาจตาแบบนี้


หลายคนอาจจะโบ้ยว่า ก็ทำไมผู้จัดการทีม ไม่สั่งให้เล่นตามช่องเอง…  




กรณีนี้ ผมเชื่อว่า มีการฝึกในช่วงเทรนนิ่งเดย์อยู่แล้ว  เพราะดูได้จากหลายๆเกมก่อนหน้ามาเจอเชลซี  เราจะเห็น เอร์เรร่า แทงบอลทะลุช่องกับเพื่อนบ่อยๆ แม้แต่รูนีย์เอง ก็เคยจ่ายบอลทะลุตามช่อง (แม้จะเห็นมันโยนข้ามฝากบ่อยกว่า) จังหวะชิ่ง 1-2 หน้าเขตก็เล่นกัน   แต่ทำไมเกมหลังๆ (พวก) ไม่ทำ




ก่อนเขียน ผมไปเพลย์ดูคลิปเต็มเกม ของเกมเมื่อคืน  แล้วหยุดดูจังหวะเข้าทำของทีมเรา  เนื่องจากกองหลังเวสบรอมฯ ใช้วิธีตั้งรับลึก แล้วมาร์คติด กองหน้าตัวเป้าของเรา คือ ฟาน เพอซี่ แล้วมีรอซ้อนอีกคน พอมีใครฝากบอลไปที่ ฟาน เพอซี่  กองหลังจะรุมบีบ เบียด กอดรัดฟัดรั้ง จนพลิกตัวแทบไม่ได้  พอบอลส่งมาฝาก ก็เลยได้แต่แปะคืนหลังบ้าง ถูกตัดไปกินบ้าง  ครึ่งหลัง ฟาน กัล จึงสลับ เฟไลนี่ ไปเป็นหน้าเป้าแทน  เพราะน่าจะมีความแข็งแกร่ง ในการเบียดปะทะกับกองหลังคู่แข่ง และอาศัยความสูงในการโหม่งชง  แล้วใช้ ฟาน เพอซี่ ถอยต่ำลงมาต่อบอลกับกลาง แล้ววิ่งทะลุขึ้นไปแทน  เป็นการแก้หมากเวลากองหน้า ถูกมาร์คตาย สมัยก่อน ก็เห็นป๋า แก้เกมแบบนี้บ่อยๆ


และด้วยความที่ ผู้เล่น เวสบรอมฯ ตั้งรับ2ชั้นลึก  โอกาสจะแทงทะลุตามช่องก็ยิ่งยาก เพราะเหลือพื้นที่เล่น หลังแนวกองหลังน้อยมาก  แต่จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่า ทีมเราไม่เล่นกันเลยนะ  ตอนมาย้อนดูคลิป ก็เห็นจังหวะหลุดทะลุตามช่องแบบเข้าตา 2-3 ครั้ง แต่ไปยิงนกตกปลา หรือไม่ ก็เงื้อง่าเสียเวลากันไปเอง


แทคติก ของพูลิส ให้ลูกทีมไปยืนกองในเขตโทษ  ยอมให้แมนยู ขึ้นบอลทางปีกได้ ให้โยนได้  เพราะเหมือนรู้ว่า “ไม่แม่น”  แต่พอจะเลื้อยเข้าใกล้เขตโทษ จะมีนักเตะเวสบรอมฯ 2-3 ตัวเข้าบล็อกตลอด เวลาผ่านบอลเข้าไปได้  จึงเหมือนเตะอัดกำแพงตลอด  ยิ่งเวลาเราได้ยิงแถวสอง จะเห็นว่า มีนักเตะเสื้อสีขาว ยืนขวางทางหลายคนมาก  ที่แย่กว่านั้นคือ ตะบันผ่านกองหลังเขาได้ ดันมีพวกเดียวกัน มาบังขวางทางซะอีก !!


ในความคิดของผม..  เกมที่คู่แข่งขับรถบัสมาขวาง  น่าจะเหมาะกับ ดิมาเรีย มากกว่า...





หลายๆคนอาจยังเคืองๆปีกหมายเลข7รายนี้ไม่หาย ที่เกมเมื่อคืน  ตั้งแต่เปลี่ยนตัวลงมา เล่นได้เฮียมากๆ เปิดไม่แม่น เลี้ยงติดๆขัดๆ ซักพัก ก็ไปเกะกะ ไปทับตำแหน่งคนอื่นอีก


จริงๆ มันเกิดจากความกดดัน ที่ ฟาน กัล กับ ดิมาเรีย ต้องมาเป็นแพะรับมากกว่า....  

การมารับไม้ต่อจากผลงานของ ป๋า เฟอร์กี้  มันทำให้ ไม่มีเวลาพอให้คุณล้มเหลวได้  สมัยป๋า มารับงาน เขามีเวลา 4-5 ปี ในการสร้างทีมในแบบของเขา  แต่ ฟาน กัล แค่ลองทำเพียง 4 เดือนแรก ก็แทบจะถูกแฟนบอลเอา3ง่ามเสียบประจานแล้ว




สมัยป๋า เอา โรนัลโด้ เข้าสู่ทีมใหม่ๆ  มันวิ่งสับขาหลอกคู่แข่ง จนกระทั่งหลอกเพื่อนร่วมทีมไปด้วย  บางทีช่วงที่กำลังขึ้นเกมมาดีๆ บอลไปอยู่ที่ไอ้โด้ เป็นพังทันที  ประชาชนตระโกนด่าแล้วด่าเล่า ป๋า ก็ยังเข็นมันลงอย่างต่อเนื่อง จนมันกลายเป็นเทพเจ้าในอีก 2ปีถัดมา  


แต่ความกดดันจากแฟนบอล ทำให้ ดิมาเรีย ไม่มีโอกาสแก้ตัว  ไม่มีโอกาสได้ลงเล่นจริงๆกับเพื่อนร่วมทีม ความเข้าขา ความเข้าใจจึงไม่มี  ยิ่งถูกดรอปบ่อยๆ ความมั่นใจก็หดหายไปเรื่อยๆ พอได้ลงมา เลยจ่ายคิลเลอร์พาสคอตัวเองตายตลอด




กับเกมที่คู่แข่งตั้งรับลึกในเขตโทษ  ถ้าเจอกับ ดิมาเรีย ยุครุ่งเรือง  เลี้ยงจี้เข้าเขตโทษบ่อยๆ เดี๋ยวต้องมีได้เห็นจุดโทษทั้งนอกเขต ในเขตกันแน่นอน  หรือได้โยนบอลด้วยเท้าชั่งทอง เหมือนที่เคยเห็นในลาลีกาหลายๆครั้ง  มันต้องมีสักครั้งที่เป็นประตู  ดีกว่าไปฝืนให้ วาเลนเซีย วิ่งขึ้นลงลิ้นห้อยไปเปิดบอล ที่ไม่เคยแม่นเลยสักครั้ง


เพียงแต่.... แฟนบอลจะอดทนไหวมั้ย กับการทนดู ดิมาเรีย ทำเสียซ้ำแล้วซ้ำอีกในทุกๆเกม กว่าเขาจะจูนกับเพื่อนร่วมทีมติด ได้เหมือนที่ โรนัลโด้ เคยได้โอกาส


ถ้าเอา ดิมาเรีย มา  แล้ว มาต้า จะไปอยู่ไหน?




ก็ไปยืนกลางรุก หรือหน้าต่ำ เล่นคู่กับ ฟาน เพอซี่ หรือเป็นรูนีย์ คนใดคนนึง สิครับ เอาไปยืนปีกแล้วเสียของชะมัด


ยิ่งเห็น ฟาน เพอซี่ เล่นเป็นหน้าเป้าเมื่อคืนแล้ว ผมมองว่า มีพิษสงมากกว่า ตอนรูนีย์เล่นซะอีก  เพราะขนาดโดนล็อกตาย ยังมีโอกสยิงได้ตลอด  แล้วถ้ามี มาต้า ยืนต่ำลงมา คอยป้อนให้ หรือมี เฟลไลนี่ สลับไปช่วย  ผมว่า คงไม่ออกมาแพ้ แบบเมื่อคืนนี้


รูนีย์ เหมาะกับเกมที่ต้องรับบทกองหน้าทะลุทะลวง พูดง่ายๆคือ เกมเปิดแลกสู้ สวนกลับไปมาทั้ง2ทีม  เพราะรูน จะแข็งเกร่ง ควบตะบึงขึ้นลง ได้ดีกว่า  ฟาน เพอซี่ ที่ออกจะหง่อม ไม่มีเรี่ยวแรงวิ่งห้อได้มากแล้ว  ในแต่ละเกม จึงต้องเลือกเพียงคนใดคนหนึ่ง ที่เหมาะสมกับสถานการณ์  


คนเขาก็เห็นกันทั้งโลกแล้วว่า  รูนีย์ ไม่เหมาะกับตำแหน่งมิดฟิลด์  แต่ อาจารย์ หลุยส์ ก็ส่งมันลงอยู่นั่นแหล่ะ   ทำไมล่ะ?? มันเป็นลูกรักเหรอไง?




ในมุมมองผม  ผมเชื่อว่า  รูนีย์จะเล่นดี เล่นห่วย หากไม่เจ็บ ไม่ตาย เขาก็ยังต้องส่ง รูนีย์ลง  เพราะหมูมันเป็นมากกว่า กัปตัน ของทีมไปแล้ว  เพราะมัน เป็นยิ่งกว่า ศูนย์รวมของทีม !!


ฟาน กัล ถูกแรงกดดันของแฟนบอล ที่ต้องการเห็นความสำเร็จในทันที  เขาจึงไม่สามารถผ่าตัดสร้างทีมใหม่ ในแบบไม่แคร์ ไม่ง้อใครได้  เขาก็รู้พอๆกับป๋ารู้  รูนีย์ คือนักเตะที่พร้อมสู้เพื่อทีม แต่ขณะเดียวกัน ก็มีอีโก้ หลงตัวเอง พอๆกับโรนัลโด้  หากมันถูกดรอปจากทีม ทั้งๆที่มันไม่เจ็บ ไม่จน มันก็พร้อมจะกลายเป็นระเบิดเวลา ที่จะทำลายทีมสปิริตได้ทันที แม้กระทั่ง ข่าวร้าวฉานนอกสนาม


การมีรูนีย์อยู่ในทีม  ก็เหมือนคราวที่ทีมมี รอย คีน หรือ พอล อินซ์  ที่พร้อมจะเป็นพี่ใหญ่ พาน้องๆไปไล่เตะคู่แข่งทุกราย  แม้ที่ผ่านๆมา หมู จะโหดไม่จริง  แต่ถ้ามองไปที่คนอื่นๆ ก็ยิ่งไม่มีใครที่ดีพอจะแบกทีมได้เท่าเขา




แต่ ถ้ารู้ประวัติ หลุยส์ ฟาน กัล  คงจะทราบดีว่า นี่ก็หนึ่งใน ผจก ทีมขาโหด ที่พร้อมเชือดทุกคนทิ้ง ไม่ว่า หน้าอินทร์หน้าพรหม  แต่การที่เขายังเก็บรูนีย์ไว้  ก็เพื่อทีม เพื่อขจัดปัญหาอื่นๆ ที่จะมากวนใจเขา ในขณะที่ต้องแก้ปัญหาเครียดๆในทุกๆวันอยู่แล้ว  เขาคุยภาษาเดียวกับ ฟาน เพอซี่  การดรอปศิษย์เอก ยังง่ายกว่า ดรอปรูนีย์


แต่วันใด ที่ ฟาน กัล ได้ ศูนย์หน้า ได้มิดฟิลด์  ได้11ตัวจริง ในแบบที่เขาต้องการ เมื่อไร  เราคงได้เห็นวันที่ รูนีย์เดินจากทีมไป  เหมือนคราวที่ ป๋า ปล่อยพวกนักเตะอีโก้สูง อย่าง รอย คีน,  ฟาน นิสเตลรอย, เดวิด เบ็คแฮม ออกจากทีม....


.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่