สแกนจุดบกพร่อง ว่าทำไม?? “ผี”ถึงแพ้”สวอนซี” 1.2 (แดนกลางและแดนหน้า)

ตอนต่อของการถกกันด้วยเรื่องของแท็กติกพร้อมภาพประกอบว่าเพราะอะไร แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงแพ้ สวอนซี ซิตี้ ในนัดเปิดสนาม ซึ่งในตอนที่แล้วเราพูดถึงปัญหาของทีม ที่ขั้นตอนการเริ่มสร้างจังหวะการเล่นของทีมจากแผงเซ็นเตอร์ฮาล์ฟทั้ง 3 คน และในตอนนี้เราจะพูดถึงปัญหาในแดนกลางจนถึงแดนหน้าของทีม




ในเกมที่พบกับ สวอนซี ซิตี้ ทีมเยือนเตรียมแท็กติกมาด้วยการเข้าบีบพื้นที่ป้องกันตรงกลางสนาม จุประสงค์ก็เพื่อทำลายการสร้างจังหวะการเล่นของนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งนักเตะในทีมจะต้องมีการเคลื่อนไหวที่มากพอที่จะสร้างพื้นที่ทะลายโซนรับของคู่แข่ง ควบคู่ไปกับการยืนตำแหน่งที่ดีเพื่อหาช่องตามพื้นที่นั้น ๆเพื่อเจาะแนวรับของคู่แข่ง แต่เห็นได้ชัดว่านี่คือสิ่งที่ขาดไปในเกมกับ สวอนซี

การเคลื่อนไหวที่มากพอจะเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ เมื่อนักเตะคนหนึ่งเคลื่อนที่ “รูปสามเหลี่ยม”ก็จะถูกย้ายมายังพื้นที่นั้น ซึ่งการเคลื่อนไหวมากพอนี้ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นฟุตบอลในสไตล์ ติกี้-ตาก้า ได้ในบางจังหวะของการเล่นระหว่างการทัวร์ปรีซีซั่นที่อเมริกา แต่เห็นได้ชัดว่า การเคลื่อนไหวลักษณะนั้นหายไปจากเกมนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ที่เล่นได้เข้าขั้นแย่ในเกมนี้ ในแง่ของการยืนตำแหน่งและมักเลือกผ่านบอลให้ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ ที่มีจุดอ่อนเรื่องความสามารถเฉพาะตัว และไม่ได้มีส่วนร่วมกับทีมมากพอ ทำให้เกมรุกของทีม”ปีศาจแดง”ไปได้ไม่ถึงพื้นที่สุดท้าย

ภาพประกอบชุดที่ 3 : นักเตะในทีมขาดการเคลื่อนไหวที่มากพอ



ภาพนี้หลังจาก เฟล็ทเชอร์ ผ่านบอลให้ โจนส์ เขาควรจะวิ่งขึ้นไปข้างหน้า เพื่อดึงคู่แข่งให้ตามไป(ลูกศรสีแดง) หากคู่แข่งไม่ได้มีสปีดที่เร็วพอ เฟล็ทเชอร์ ก็จะไปรับบอลในพื้นที่ด้านหน้าได้



ภาพนี้แสดงให้เห็นว่า ในขณะที่ เฟล็ทเชอร์(วงกลมสีแดง) ยืนประคองรอรับบอลจาก ฟิล โจนส์ เพื่อนร่วมทีมคนอื่นก็ก็สามารถรบกวนนักเตะของ สวอนซี ได้ โดย รูนี่ย์ ที่ยืนค้ำสูงอยู่สามารถดึงตัวเองลงต่ำมารับบอลในพื้นที่ว่างตรงนั้น และ มาต้า เคลื่อนที่ดันขึ้นสูงเพื่อดึงนักเตะ สวอนซี ออกไปจากตรงนั้น แต่มันก็ไม่ได้เกิดขึ้น


ภาพประกอบชุดที่ 4 : การยืนตำแหน่งที่ไม่ดีของ เฟล็ทเชอร์



ภาพนี้จะห็นการยืนตำแหน่งที่ไม่ดีนัก ของ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ทั้งที่มีความเป็นไปได้ถึง 2 ทาง หากเขาเคลื่อนที่ขึ้นไปพื้นที่ว่างข้างหน้า ซึ่งเราได้พูดถึงมาแล้วในตอนต้น หากนักเตะคู่แข่งวิ่งตามไปประกบเขา นั่นก็จะเป็นการเปิดช่องผ่านบอลให้กับ มาต้า ที่ดึงตัวเองลงต่ำมารับบอลในพื้นที่ตรงกลาง แต่ถ้านักเตะคู่แข่งไม่วิ่งตามไปประกบเขา เฟล็ทเชอร์ ก็จะเปิดช่องผ่านบอลให้ โจนส์ ผ่านบอลขึ้นไปข้างหน้าให้ตัวเขาที่วิ่งขึ้นไปรอรับบอล



ภาพนี้แสดงให้เราเห็นอีกครั้งถึงการยืนตำแหน่งที่ไม่ดีของ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์  เขา(วงกลมสีแดง)ยืนอยู่ใกล้กับ แบล็คเก็ตต์ มากเกินไป ทั้งที่สามารถวิ่งขึ้นไปรอรับบอลในพื้นที่ข้างหน้าที่ว่างอยู่(ลูกศรชี้)



หาก เฟล็ทเชอร์ เคลื่อนที่ไปพื้นที่ตรงนั้น มาต้า จะได้เล่นชิ่งสั้น ๆกับเขาหลังจากวิ่งลงต่ำมารับบอลจาก แบล็คเก็ตต์ ซึ่งจะทำให้การครองบอลของทีมรุกคืบเจาะเข้าไปในโซนรับของ สวอนซี



เฟล็ทเชอร์(วงกลมสีแดง) เลือกยืนตำแหน่งอยู่ในพื้นที่ที่แออัด ซึ่งมันไม่ได้เป็นตัวเลือกที่ดีในการผ่านบอลของ แบล็คเก็ตต์ เลย เช่นเดียกับ รูนี่ย์(วงกลมสีแดง) ที่ยืนอยู่ใกล้กับ ชิชาริโต้ จนเกินไป ทั้งที่เขาน่าจะดึงตัวเองลงต่ำมายังพื้นที่ว่างที่ต่ำลงมา เพื่อเพิ่มทางเลือกในการผ่านบอลและรบกวนโซนรับของ สวอนซี

ภาพประกอบชุดที่ 5: ความต่างของการเลือกจังหวะเล่นที่ดี-แย่



ภาพนี้เป็นตัวอย่างของการเลือกจังหวะเล่นที่ดีของนักเตะทั้งทีม เมื่อ เฟล็ทเชอร์ รับบอลจาก เอร์เรร่า มาต้า ที่ยืนอยู่ตำแหน่งที่สูงกว่าก็ลงต่ำมารับบอลทำให้กองหลัง สวอนซี วิ่งตามมาประกบเขา ทำให้ ลินการ์ด ที่อยู่ริมเส้นหลุดจากการประกบไปรับบอลยังที่ว่างตรงพื้นที่“กึ่งกลาง”



ด้วยการที่ เอร์เรร่า วิ่งดึงนักเตะสวอนซีออกไปจากพื้นที่ตรงนั้น เพื่อเปิดช่องผ่านบอลสำหรับ มาต้า ที่วิ่งลงต่ำมา แต่แทนที่ เฟล็ทเชอร์ จะผ่านไปที่ว่างตรงนั้น เขากลับเลือกผ่านบอลยาวทะแยงมุมไปให้ ลินการ์ด ที่อยู่ริมเส้นด้านขวา เป็นผลให้นักเตะสวอนซีมีเวลามากพอที่จะกลับมาซ้อนตำแหน่งคุมพื้นที่ตรงนั้น เนื่องจากการเดินทางของบอลในการผ่านบอลยาวนั้นจะใช้เวลาค่อนข้างมาก



หากจังหวะนี้ เฟล็ทเชอร์ ผ่านบอลไปให้ มาต้า นักเตะของสวอนซีก็จะต้องตามเข้ามาประกบเขา ซึ่งจะทำให้ ลินการ์ด มีพื้นที่ว่างที่ริมเส้นด้านขวา และเมื่อ มาต้า รับบอลจาก เฟล็ทเชอร์ แล้ว เขาสามารถดึงจังหวะแล้วจ่ายบอลให้ ลินการ์ด ที่วิ่งเติมเกมขึ้นไปข้างหน้าหลุดเข้าไปในพื้นที่“กึ่งกลาง”และจะมีโอกาสยิงประตู นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมการเล่นแบบ”ใช้สมอง”ด้วยการผ่านบอลสั้นไปตามช่องของพื้นที่จะถูกเน้นย้ำจาก ฟาน กัล มาโดยตลอด

ภาพประกอบชุดที่ 6 : เฟล็ทเชอร์ ควรวิ่งเติมเกมขึ้นไปมากกว่านี้


ภาพนี้ มาต้า ลงต่ำมาประคองรอรับบอลจาก ลินการ์ด ที่กำลังได้ครองบอล ในขณะที่ เฟล็ทเชอร์(วงกลมสีแดง) มีพื้นที่เป็นเส้นทางในการวิ่งสอดตรงกลาง(ตามลูกศรชี้)


ภาพนี้จะเห็นว่า ชิชาริโต้ และ รูนี่ย์ ที่กำลังวิ่งหาพื้นที่ว่างในแดนหน้าทำให้ช่องว่างในพื้นที่ตรงกลางถูกเปิดขึ้น


จากการที่ มาต้า ลงต่ำมาเพื่อประคองรอรับบอลซึ่งมันจะเป็นการดึงนักเตะสวอนซีตามมาประกบเขาด้วย เฟล็ทเชอร์(วงกลมสีแดง) ควรจะเคลื่อนที่ไปยังที่ว่างที่ มาต้า สร้างไว้ แต่เขากลับยืนอยู่ต่ำรักษาตำแหน่งของเขา ทำให้ทีมไม่ได้ประโยชน์จากพื้นที่ว่างขนาดใหญ่บริเวณหน้ากรอบเขตโทษสวอนซี

ภาพประกอบชุดที่ 7 :  มาต้า ละสายตาจากคู่ประกบของเขา

ประตูแรกของ สวอนซี นั้น เป็นผลมาจากการที่ มาต้า ตามประกบ กี ซุง ยอง ซึ่งเป็นคู่ประกบของเขาไม่ถึงพื้นที่อันตรายของทีม และภาพประกอบชุดนี้แสดงให้เห็นจังหวะดังกล่าวทีละช็อต


ภาพแรก มาต้า ยังประกบ กี ซุง ยอง ที่บริเวณกลางสนาม


มาต้า ตัดสินใจวิ่งเข้าไปหวังช่วยเพรสซิ่งนักเตะสวอนซีที่ได้ครองบอลอยู่ที่บริเวณริมเส้น ซึ่งนี่คือการตัดสินใจที่ผิด เพราะหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าบริเวณนั้นมีเพื่อนร่วมทีมที่เป็นคู่ประกบนักเตะสวอนซีอยู่แล้ว


เป็นผลให้ กี ซุง ยอง(วงกลมสีแดง) ยืนว่างไร้คู่ประกบอยู่พื้นที่ตรงกลางสนาม


จังหวะต่อมา มาต้า(วงกลมสีแดง) ไม่ได้วิ่งลงมาตามประกบ กี ซุง ยอง ที่กำลังจะวิ่งเข้าสู่พื้นที่อันตรายของทีม

อีก 3 ภาพต่อไปนี้ แสดงให้เห็นว่า กี ซุง ยอง ที่หลุดจากการประกบของ มาต้า มีพื้นที่ว่างมากมายก่อนที่จะยิงประตู แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างสบาย ๆ







ในช่วงครึ่งหลัง ด้วยการที่นักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่ ฟาน กัล ต้องการให้พวกเขาเล่น (รวมทั้งอาการบาดเจ็บของ ลินการ์ด) ทำให้กุนซือชาวดัตช์ต้องเปลี่ยนระบบการเล่นมาเป็น 4-4-1-1 โดยให้ อั๊ดนาน ยานาไซ และ นานี่ เล่นในตำแหน่งปีก และให้ทีมเล่นด้วยสปีดบอลที่เร็วมากขึ้นเพื่อพยายามยิงประตูตีเสมอ

แม้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะตีเสมอได้สำเร็จซึ่งมาจากลูกตั้งเตะ แต่พวกเขาก็ไม่อาจสร้างโอกาสในการทำประตูที่ดีพอ นักเตะอย่าง อั๊ดนาน ยานาไซ ก็เล่นอยู่ด้านกว้างเกินกว่าจะสร้างอันตรายให้กับ สวอนซี แม้เขาจะแสดงให้เห็นถึงทักษะและความเร็วในการเอาชนะคู่แข่งที่เข้าประกบเขาได้หลายครั้ง แต่ก็อยู่ในพื้นที่ที่ไกลเกินกว่าที่จะสร้างโอกาสให้เพื่อนหรือยิงประตูด้วยตัวเอง

“มันไม่ได้เป็นเพราะเราใช้ระบบการเล่นอื่น มันเป็นเพราะลูกเตะมุมต่างหากล่ะ” ฟาน กัล กล่าว หลังถูกถามว่าเพราะการเปลี่ยนระบบทำให้ทีมได้ประตูตีเสมอหรือไม่

ผมเชื่อว่า ฟาน กัล จะไม่เปลี่ยนแปลงระบบการเล่น เพราะเขาบอกว่า เหตุผลที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ ไม่ได้มาจากระบบการเล่นแต่มันเป็นเพราะนักเตะไม่ได้เล่นเป็นทีม ซึ่งการที่จะเล่นเป็นทีมนั้น นักเตะทุกคนในทีมต้องเล่นด้วยการใช้”สมอง”ให้มากขึ้น ตามที่เขาได้พูดถึงมาโดยตลอด ซึ่งมันต้องใช้เวลาให้นักเตะปรับตัวให้เข้ากับปรัชญาการเล่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟุตบอลในสไตล์ที่ ฟาน กัล กำลังพยายามที่จะให้ทีมเล่น เหมือนกับที่อดีตโค้ชกรีฑาชาวดัตช์ของสหราชอาณาจักรกล่าวถึงผู้จัดการทีมเพื่อนร่วมชาติว่า


“ผมคาดว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเสียแต้มไปบ้างในช่วงก่อนวันคริสมาสต์ เช่นเดียวกับที่ บาเยิร์น มิวนิค ภายใต้การคุมของเขา ตอนที่ หลุยส์ เริ่มงานที่นั่น แต่เมื่อพวกเขาเริ่มติดเครื่องแล้ว มันก็เป็นเรื่องยากที่จะหยุดพวกเขา” – ชารล์ ฟาน คอมเมนนี


ขอบคุณภาพประกอบจาก : LiveLiveUnited
Cr. AJ44@แมนยูคลับ.com

ภาค1.1 ค่าาา >> http://ppantip.com/topic/32481660
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่