ปัญหานี้ ไม่ควรจะเป็นปัญหาเลย ถ้าหาก คนอย่าง ล็อกอิน cantona_z จะไม่เป็นคนที่มีอุปนิสัย "ย่ำแย่" ขนาดนั้น
ถามว่า ย่ำแย่ อย่างไร ?
ตอบว่า มันก็ แย่ จนถึงขั้นที่ว่า พูดภาษาคน ไม่รู้เรื่องกันแล้ว
ทั้งๆ ที่สมควรจะโต้แย้งกันด้วย ข้ออรรถข้อธรรม เพื่อนำไปสู่ ข้อเท็จจริง อันเป็นข้อยุติได้ว่า อะไร เป็นอะไร
แต่ปรากฏว่า คนพวกนี้ มิได้ ยึดถือเอา สัจจะความจริง เป็นที่ตั้งเสียแล้ว ด้วยเหตุที่พวกมันคิดแต่จะเอาชนะคะคาน แต่เพียงอย่างเดียว
ดังนั้น จึงไม่แปลกเลย หากท่านทั้งหลาย จะพบว่า ล็อกอิน cantona_z และพรรคพวกของเขา จะเป็นคนจำพวก
ไล่ถามผู้อื่นไปเรื่อยๆ โดยไม่ยอมจะตอบ หรือ อ้างอิงหลักฐานใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อถูกผู้อื่น "ย้อนถาม" หรือ "ทวงถาม" เอาบ้าง
และพฤติกรรม ที่คนพวกนี้ ทำกันจนเป็น "สันดาน" แล้วก็คือ เมื่อ จนแต้ม จนมุม หรือ อับจนปัญญา ในการโต้แย้ง
คนพวกนี้ ก็จะ มานั่ง "จับผิดจับถูก" อยู่กับ "ถ้อยคำ" หรือ "ข้อความ" ที่ไม่เป็นประโยชน์อะไรมากนัก ตัวอย่างเช่น ......
ผมกล่าว โดยอ้างอิงหลักฐานชั้นอรรถกถา ความว่า .......
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงคุณแห่ง อรูปฌาน ปรากฏว่า ปุกกุสาติ สามารถ "ละ" รูปราคะ ในรูปฌานนั้นได้
แต่กลับไปตั้งความปรารถนาใน อรูปฌาน แทนที่ ซึ่งความปรารถนา(ฉันทะ) ในอรูปฌาน นี้ก็คือ อรูปราคะ
ซึ่งเป็น สังโยชน์ ที่นำไปสู่การเกิดใน พรหมโลก หลังจากที่ท่าน ปุกกุสาติ ตายกายแตก นั่นเอง
แทนที่ ล็อกอิน cantona_z จะเกิดความสำเหนียกว่า อัตตโนมัติของตน ที่กล่าวอย่างโง่ๆ ว่า
อนาคามี ไปเกิดในพรหมโลกได้โดยไม่ต้องมีฌาน น่าจะผิด ....... แต่ก็เปล่า !
คนๆ นี้กลับพยายาม กล่าวตู่บิดเบือน "ความหมาย" ในข้อความของผม(จ้าวนครเมฆขาว) ให้กลายเป็น
ผมกล่าวว่า ปุกกุสาติ ละราคะในรูปฌาน ........... ด้วย ความปรารถน(ราคะ)ในอรูปฌาน !
ช่างน่าสมเพช ที่เมื่อมี สุภาพสตรีท่านหนึ่ง กล่าวทักท้วงว่า การกล่าวแบบสรุปความของนายนั่น ผิด
แทนที่จะรู้สึก ละอาย แต่มันกลับ แถกแถ ต่อไปอีกว่า การครอบงำความใคร่ จะเท่ากับ การละความใคร่ ได้อย่างไร ?
และนี่ก็คือ ที่มาของกระทู้นี้ นั่นเอง
********************************************************************************
ก็ถ้า ล็อกอิน cantona_z เป็นคนที่สามารถพูดภาษาคนได้รู้เรื่องอย่างคนทั่วไปจริงๆ ผมก็คงไม่ต้องมาเสียเวลา อธิบายเพิ่ม นะครับ
และที่น่าสมเพช ก็คือ กรณี การครอบงำความใคร่ นี้ย่อมมิใช่ประเด็นที่ใคร จะนำมาใช้เป็นข้อโต้แย้งผมได้เลย ถ้าเป็นคนที่พูดภาษาคนรู้เรื่อง
ทั้งนี้ ก็เพราะ คำว่า ครอบงำ(อภิภุยย) มีความหมายในภาษาคนว่า (๑) การข่ม (๒) การทำลาย (๓) การก้าวล่วง หรือ (๔) การละ
เช่นว่า "ชื่อว่า ครอบงำ(อภิภุยย) วัตถุกามทั้งหลายเที่ยวไป เพราะ "ละ" วัตถุกามเหล่านั้นได้แล้ว ฯลฯ" เป็นต้น
ดังนั้น ปัญหาของคนอย่าง ล็อกอิน cantona_z ก็คือ
นายคนนี้ เขาไม่ทราบว่า ภาษาพระ สำนวนเก่า คำว่า ครอบงำ หมายถึง ข่ม ทำลาย ก้าวล่วง หรือ ละ(ทิ้ง)
แต่อาศัยความเข้าใจทางภาษาแบบผิดๆ ตามความเข้าใจแบบมิจฉาทิฐิของตน แล้วมาโต้แย้งผมด้วย เหตุผลโง่ๆ แบบนี้
มันจะใช้ได้หรือครับ ?
.
.
.
ดูที่ภาษาไทยกันก่อน .............
คำว่า ครอบงำ ในภาษาไทย หมายถึง มีอำนาจเหนือ (สามารถ)บังคับให้เป็นไปตาม (อ้างจาก พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน)
ดังนั้น ถ้าพิจารณาตามความหมายในภาษาไทยตามปกติ ก็จะได้ความว่า "ครอบงำ" ความใคร่ในรูปาวจรฌาน" หมายถึง
(๑) "มีอำนาจเหนือ" ความใคร่ในรูปาวจรฌาน และ (๒) สามารถ "บังคับ" ความใคร่ในรูปาวจรฌาน ให้เป็นไปตามได้
การมีอำนาจเหนือ หรือ สามารถบังคับ ความใคร่(ราคะ) ในรูปาวจรฌาน นั้นมีอยู่ ๒ กรณี คือ
(๑) การกดข่ม ด้วยอำนาจฌานที่เหนือกว่า ประณีตกว่า
(๒) การก้าวล่วง หรือ การละ ด้วยอำนาจแห่งวิปัสสนาญาณ
ซึ่งไม่ว่าจะเป็น การกดข่ม การก้าวล่วง หรือ การละ ทั้งหมดนี้เป็นความหมายของ คำว่า ครอบงำ(อภิภุยย) ทั้งสิ้น
แต่ในกรณีของ ปุกกุสาติ มิใช่การกดข่มด้วยฌาน หากแต่เป็นการละด้วยวิปัสสนาญาณ
ทั้งนี้ หากท่านทั้งหลายพิจารณาความจากอรรถกถาอย่างละเอียด ซึ่งมีอยู่อย่างยืดยาว(มากๆ)
โดยมิใช่เพียงแค่การ "ด้นเดา" และ "ตีความ" เอาเองจากหลักฐานที่ถูกตัดมาเพียงสั้นๆ
ก็ย่อมสามารถเข้าใจได้โดยไม่ยากว่า ข้อความดังกล่าว หมายถึง การละ ราคะ ในรูปาวจรฌาน(ด้วยวิปัสสนาญาณ) จริง
โดยมิได้หมายถึงแค่เพียง การกดข่ม ราคะในรูปวจรฌาน ด้วยอำนาจแห่ง อรูปฌาน
และยิ่งมิใช่การ ละราคะในรูปฌาน ด้วยราคะในอรูปฌาน อย่างที่ใครบางคนพยายามสรุปความอย่างโง่ๆ นั้นเลย !
อธิบายอย่างนี้ ชัดเจนมากพอไหมครับ ?
********************************************************************************
ผม(จ้าวนครเมฆขาว) ขออนุญาตกล่าวตามตรงว่า ไม่เคยพบเห็นอะไรที่ "น่าทุเรศ" ไปกว่านี้อีกแล้ว
ทั้งๆ ที่เป็น ล็อกอิน cantona_z เองแท้ๆ ที่ไม่สามารถยกพระบาลีพุทธพจน์ ขึ้นมาแสดงเพื่อเป็นการพิสูจน์ข้อเท็จจริง
ได้เลยว่า อนาคามี ผู้ไม่ได้ฌาน เมื่อตายกายแตก ไปเกิดในพรหมโลกชั้นสุทธาวาส ได้อย่างไร ?
ความเป็น ชาวพุทธเถรวาท มีเงื่อนไขเพียงประการเดียวครับว่า .........
สามารถแสดงให้เห็นได้หรือไม่ว่า พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ๆ จริง ตามหลักฐานจากพระสูตรนี้ๆ
พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ไม่เคยมีพื้นที่สำหรับการอ้าง อัตตโนมัติใดๆ ทั้งสิ้น
ดังนั้น เพื่อพิสูจน์ว่า ถ้อยคำที่ตนกล่าวเป็นความจริง สามารถทำได้ด้วยการอ้างพระบาลีพุทธพจน์
ว่า พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้จริง โดยมีหลักฐานจากพระสูตรพระวินัย ไม่ใช่ "การตีความ" อย่างที่ ล็อกอิน cantona_z ทำอยู่
เรื่องภาษาคน นี่ก็น่าตลกปนสมเพช
ทั้งๆ ที่ ล็อกอิน cantona_z อีกนั่นแหละ ที่เป็นคนที่พูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง
ไม่รู้ และ ไม่เข้าใจ อย่างถ่องแท้ว่า การครอบงำ(อภิภุยย) มีความหมายใน ภาษาคน และ ภาษาธรรม อย่างไร ?
อีกทั้งยังไม่รู้ ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่า หลักการ กระบวนการ และ ขั้นตอน ในภาคปฏิบัติ นั้นเป็นเช่นไร ?
แต่กลับมาพูดจา หมิ่นประมาท ปรามาส ผู้อื่นอย่างโง่ๆ โดยก่นด่า เปรียบเทียบเป็นหมูเป็นหมา อย่างไม่สมเหตุผล
ผมเป็นหมูเป็นหมา อย่างที่ ล็อกอิน cantona_z กล่าวประณาม ไม่ได้หรอกครับ
เพราะผมสามารถพิสูจน์ตนเอง ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า สามารถ ฟัง พูด อ่าน และ เขียน "ภาษาคน" ได้อย่างถูกต้อง ตามปกติมนุษย์
ดังนั้น สิ่งที่พึงพิจารณาอย่างรอบคอบ ก็คือ เป็นไปได้ไหมว่า ผู้ที่ไม่สามารถ ฟัง พูด อ่าน และ เขียน "ภาษาคน"
ให้ "รู้เรื่อง" และ "เข้าใจ" ได้อย่างถูกต้องนั่นแหละ ที่มี สภาวะความเป็นหมูเป็นหมา บ้าใบ้ เสียยิ่งกว่าที่ไป ก่นด่าประณามผู้อื่น อย่างไร้สติ
ล็อกอิน cantona_z พอจะเข้าใจในสิ่งที่ผม(จ้าวนครเมฆขาว) พยายามจะ "สื่อสาร" ไหมครับ ?
.
.
.
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้เห็น "ความรับผิดชอบ" อย่างที่ "ลูกผู้ชายชาวพุทธ" พึงกระทำ นะครับ
สวัสดี
ปัญหาของการถกธรรมด้วยภาษาคน (กรณี ครอบงำ = การละ)
ถามว่า ย่ำแย่ อย่างไร ?
ตอบว่า มันก็ แย่ จนถึงขั้นที่ว่า พูดภาษาคน ไม่รู้เรื่องกันแล้ว
ทั้งๆ ที่สมควรจะโต้แย้งกันด้วย ข้ออรรถข้อธรรม เพื่อนำไปสู่ ข้อเท็จจริง อันเป็นข้อยุติได้ว่า อะไร เป็นอะไร
แต่ปรากฏว่า คนพวกนี้ มิได้ ยึดถือเอา สัจจะความจริง เป็นที่ตั้งเสียแล้ว ด้วยเหตุที่พวกมันคิดแต่จะเอาชนะคะคาน แต่เพียงอย่างเดียว
ดังนั้น จึงไม่แปลกเลย หากท่านทั้งหลาย จะพบว่า ล็อกอิน cantona_z และพรรคพวกของเขา จะเป็นคนจำพวก
ไล่ถามผู้อื่นไปเรื่อยๆ โดยไม่ยอมจะตอบ หรือ อ้างอิงหลักฐานใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อถูกผู้อื่น "ย้อนถาม" หรือ "ทวงถาม" เอาบ้าง
และพฤติกรรม ที่คนพวกนี้ ทำกันจนเป็น "สันดาน" แล้วก็คือ เมื่อ จนแต้ม จนมุม หรือ อับจนปัญญา ในการโต้แย้ง
คนพวกนี้ ก็จะ มานั่ง "จับผิดจับถูก" อยู่กับ "ถ้อยคำ" หรือ "ข้อความ" ที่ไม่เป็นประโยชน์อะไรมากนัก ตัวอย่างเช่น ......
ผมกล่าว โดยอ้างอิงหลักฐานชั้นอรรถกถา ความว่า .......
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงคุณแห่ง อรูปฌาน ปรากฏว่า ปุกกุสาติ สามารถ "ละ" รูปราคะ ในรูปฌานนั้นได้
แต่กลับไปตั้งความปรารถนาใน อรูปฌาน แทนที่ ซึ่งความปรารถนา(ฉันทะ) ในอรูปฌาน นี้ก็คือ อรูปราคะ
ซึ่งเป็น สังโยชน์ ที่นำไปสู่การเกิดใน พรหมโลก หลังจากที่ท่าน ปุกกุสาติ ตายกายแตก นั่นเอง
แทนที่ ล็อกอิน cantona_z จะเกิดความสำเหนียกว่า อัตตโนมัติของตน ที่กล่าวอย่างโง่ๆ ว่า
อนาคามี ไปเกิดในพรหมโลกได้โดยไม่ต้องมีฌาน น่าจะผิด ....... แต่ก็เปล่า !
คนๆ นี้กลับพยายาม กล่าวตู่บิดเบือน "ความหมาย" ในข้อความของผม(จ้าวนครเมฆขาว) ให้กลายเป็น
ผมกล่าวว่า ปุกกุสาติ ละราคะในรูปฌาน ........... ด้วย ความปรารถน(ราคะ)ในอรูปฌาน !
ช่างน่าสมเพช ที่เมื่อมี สุภาพสตรีท่านหนึ่ง กล่าวทักท้วงว่า การกล่าวแบบสรุปความของนายนั่น ผิด
แทนที่จะรู้สึก ละอาย แต่มันกลับ แถกแถ ต่อไปอีกว่า การครอบงำความใคร่ จะเท่ากับ การละความใคร่ ได้อย่างไร ?
และนี่ก็คือ ที่มาของกระทู้นี้ นั่นเอง
********************************************************************************
ก็ถ้า ล็อกอิน cantona_z เป็นคนที่สามารถพูดภาษาคนได้รู้เรื่องอย่างคนทั่วไปจริงๆ ผมก็คงไม่ต้องมาเสียเวลา อธิบายเพิ่ม นะครับ
และที่น่าสมเพช ก็คือ กรณี การครอบงำความใคร่ นี้ย่อมมิใช่ประเด็นที่ใคร จะนำมาใช้เป็นข้อโต้แย้งผมได้เลย ถ้าเป็นคนที่พูดภาษาคนรู้เรื่อง
ทั้งนี้ ก็เพราะ คำว่า ครอบงำ(อภิภุยย) มีความหมายในภาษาคนว่า (๑) การข่ม (๒) การทำลาย (๓) การก้าวล่วง หรือ (๔) การละ
เช่นว่า "ชื่อว่า ครอบงำ(อภิภุยย) วัตถุกามทั้งหลายเที่ยวไป เพราะ "ละ" วัตถุกามเหล่านั้นได้แล้ว ฯลฯ" เป็นต้น
ดังนั้น ปัญหาของคนอย่าง ล็อกอิน cantona_z ก็คือ
นายคนนี้ เขาไม่ทราบว่า ภาษาพระ สำนวนเก่า คำว่า ครอบงำ หมายถึง ข่ม ทำลาย ก้าวล่วง หรือ ละ(ทิ้ง)
แต่อาศัยความเข้าใจทางภาษาแบบผิดๆ ตามความเข้าใจแบบมิจฉาทิฐิของตน แล้วมาโต้แย้งผมด้วย เหตุผลโง่ๆ แบบนี้
มันจะใช้ได้หรือครับ ?
.
.
.
ดูที่ภาษาไทยกันก่อน .............
คำว่า ครอบงำ ในภาษาไทย หมายถึง มีอำนาจเหนือ (สามารถ)บังคับให้เป็นไปตาม (อ้างจาก พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน)
ดังนั้น ถ้าพิจารณาตามความหมายในภาษาไทยตามปกติ ก็จะได้ความว่า "ครอบงำ" ความใคร่ในรูปาวจรฌาน" หมายถึง
(๑) "มีอำนาจเหนือ" ความใคร่ในรูปาวจรฌาน และ (๒) สามารถ "บังคับ" ความใคร่ในรูปาวจรฌาน ให้เป็นไปตามได้
การมีอำนาจเหนือ หรือ สามารถบังคับ ความใคร่(ราคะ) ในรูปาวจรฌาน นั้นมีอยู่ ๒ กรณี คือ
(๑) การกดข่ม ด้วยอำนาจฌานที่เหนือกว่า ประณีตกว่า
(๒) การก้าวล่วง หรือ การละ ด้วยอำนาจแห่งวิปัสสนาญาณ
ซึ่งไม่ว่าจะเป็น การกดข่ม การก้าวล่วง หรือ การละ ทั้งหมดนี้เป็นความหมายของ คำว่า ครอบงำ(อภิภุยย) ทั้งสิ้น
แต่ในกรณีของ ปุกกุสาติ มิใช่การกดข่มด้วยฌาน หากแต่เป็นการละด้วยวิปัสสนาญาณ
ทั้งนี้ หากท่านทั้งหลายพิจารณาความจากอรรถกถาอย่างละเอียด ซึ่งมีอยู่อย่างยืดยาว(มากๆ)
โดยมิใช่เพียงแค่การ "ด้นเดา" และ "ตีความ" เอาเองจากหลักฐานที่ถูกตัดมาเพียงสั้นๆ
ก็ย่อมสามารถเข้าใจได้โดยไม่ยากว่า ข้อความดังกล่าว หมายถึง การละ ราคะ ในรูปาวจรฌาน(ด้วยวิปัสสนาญาณ) จริง
โดยมิได้หมายถึงแค่เพียง การกดข่ม ราคะในรูปวจรฌาน ด้วยอำนาจแห่ง อรูปฌาน
และยิ่งมิใช่การ ละราคะในรูปฌาน ด้วยราคะในอรูปฌาน อย่างที่ใครบางคนพยายามสรุปความอย่างโง่ๆ นั้นเลย !
อธิบายอย่างนี้ ชัดเจนมากพอไหมครับ ?
********************************************************************************
ผม(จ้าวนครเมฆขาว) ขออนุญาตกล่าวตามตรงว่า ไม่เคยพบเห็นอะไรที่ "น่าทุเรศ" ไปกว่านี้อีกแล้ว
ทั้งๆ ที่เป็น ล็อกอิน cantona_z เองแท้ๆ ที่ไม่สามารถยกพระบาลีพุทธพจน์ ขึ้นมาแสดงเพื่อเป็นการพิสูจน์ข้อเท็จจริง
ได้เลยว่า อนาคามี ผู้ไม่ได้ฌาน เมื่อตายกายแตก ไปเกิดในพรหมโลกชั้นสุทธาวาส ได้อย่างไร ?
ความเป็น ชาวพุทธเถรวาท มีเงื่อนไขเพียงประการเดียวครับว่า .........
สามารถแสดงให้เห็นได้หรือไม่ว่า พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ๆ จริง ตามหลักฐานจากพระสูตรนี้ๆ
พระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ไม่เคยมีพื้นที่สำหรับการอ้าง อัตตโนมัติใดๆ ทั้งสิ้น
ดังนั้น เพื่อพิสูจน์ว่า ถ้อยคำที่ตนกล่าวเป็นความจริง สามารถทำได้ด้วยการอ้างพระบาลีพุทธพจน์
ว่า พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้จริง โดยมีหลักฐานจากพระสูตรพระวินัย ไม่ใช่ "การตีความ" อย่างที่ ล็อกอิน cantona_z ทำอยู่
เรื่องภาษาคน นี่ก็น่าตลกปนสมเพช
ทั้งๆ ที่ ล็อกอิน cantona_z อีกนั่นแหละ ที่เป็นคนที่พูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง
ไม่รู้ และ ไม่เข้าใจ อย่างถ่องแท้ว่า การครอบงำ(อภิภุยย) มีความหมายใน ภาษาคน และ ภาษาธรรม อย่างไร ?
อีกทั้งยังไม่รู้ ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่า หลักการ กระบวนการ และ ขั้นตอน ในภาคปฏิบัติ นั้นเป็นเช่นไร ?
แต่กลับมาพูดจา หมิ่นประมาท ปรามาส ผู้อื่นอย่างโง่ๆ โดยก่นด่า เปรียบเทียบเป็นหมูเป็นหมา อย่างไม่สมเหตุผล
ผมเป็นหมูเป็นหมา อย่างที่ ล็อกอิน cantona_z กล่าวประณาม ไม่ได้หรอกครับ
เพราะผมสามารถพิสูจน์ตนเอง ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า สามารถ ฟัง พูด อ่าน และ เขียน "ภาษาคน" ได้อย่างถูกต้อง ตามปกติมนุษย์
ดังนั้น สิ่งที่พึงพิจารณาอย่างรอบคอบ ก็คือ เป็นไปได้ไหมว่า ผู้ที่ไม่สามารถ ฟัง พูด อ่าน และ เขียน "ภาษาคน"
ให้ "รู้เรื่อง" และ "เข้าใจ" ได้อย่างถูกต้องนั่นแหละ ที่มี สภาวะความเป็นหมูเป็นหมา บ้าใบ้ เสียยิ่งกว่าที่ไป ก่นด่าประณามผู้อื่น อย่างไร้สติ
ล็อกอิน cantona_z พอจะเข้าใจในสิ่งที่ผม(จ้าวนครเมฆขาว) พยายามจะ "สื่อสาร" ไหมครับ ?
.
.
.
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้เห็น "ความรับผิดชอบ" อย่างที่ "ลูกผู้ชายชาวพุทธ" พึงกระทำ นะครับ
สวัสดี