เนื่องจากมีการโพสต์ดังนี้ ( เรื่องนานมาแล้ว แต่ตอนนี้จำเป็นต้องตั้งกระทู้นี้ เพราะจะได้ให้คนอ่านตระหนักให้ดีก่อนจะเชื่อข้อมูลใดๆ)
http://ppantip.com/topic/30370350
แต่ทว่าเหล่านี้นั้น เป็นการโพสต์ที่ คิดเองเออเอง แต่มีเหยื่อหลงเชื่อจำนวนมาก
ที่ท่านนี้ได้มีการระบุ ว่า
ไทยช่วงรัฐบาลทักษิณ ได้รื้อรั๊วที่ล้อมรอบตัวสาทออก เขมรก็เลยเข้ามาตั้งชุมชน
ทางทหารไทยจะเข้าจัดการชุมชนเขมร(ที่เข้ามาตั้งรกรากในพื้นที่พิพาท 4.6ตร.กม.)หลายหน
แต่นายกสมัยนั้น (ที่หนีคดีอยู่) (ทักษิณ)
ห้ามกองทัพเอาไว้กลัวจะกระทบความสัมพันธ์
?????????
แต่ทว่านี่มันไม่ใช่ความจริงเลย เสียเวลาสักนิดมาดูข้อมูลกัน
เพราะการกล่าวหามันแค่ประโยคสั้นๆ แต่ความจริงมันมักจะยาวหน่อย
"ข้อเท็จจริง" โดยผมยึดถือข้อมูลจากเวป
http://heritage.mod.go.th/nation/case/prawihan2.htm (บทสรุปสำหรับผู้บริหาร)
ยกบางส่วนมาจะปรากฏข้อมูลเป็นดังนี้
เหตุการณ์ช่วงรัฐบาล ชวน หลีกภัย
๓๐ มี.ค.๔๑ หลังเขมรแดงบนเขาพระวิหารแปรพักตร์ร่วมกับรัฐบาลได้มีความพยายามเปิดเขาพระวิหารอีกครั้ง โดย กกล.สุรนารีกับภูมิภาคทหารที่ ๔ ของ กพช. มีการย้ายชุมชน กพช.จำนวน ๗๖ ครอบครัว ๓๕๐ คน จากบริเวณโดยรอบปราสาทลงมาอยู่บริเวณทางขึ้นปราสาทพระวิหาร มีการขยายชุมชนบริเวณทางขึ้นปราสาทเพิ่มมากขึ้นและเมื่อฝ่ายไทยจะสร้างอาคารสถานที่เพื่อแสดงสิทธิ์ในพื้นที่ดังกล่าว ฝ่าย กพช.ได้ห้ามมิให้มีการดำเนินการ
๒๔ ก.ค.๔๑ ผบ.กกล.สุรนารี และผู้บัญชาการกองกำลังฝ่าย CPP ในพื้นที่ ซึ่งได้รับมอบอำนาจจาก พล.อ.เตีย บันห์ รมว.กห.ได้เจรจาตกลงร่วมทดลองเปิดจุดผ่านแดน ณ เขาพระวิหาร โดยอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ โดยฝ่ายกัมพูชาเก็บค่าผ่านแดนโดย กกล.สุรนารี ช่วยดำเนินการในเรื่องการเก็บกู้ระเบิด
๑ ส.ค.๔๑ ทดลองเปิดเขาพระวิหารเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม
๑๗ ก.ค.๔๑ ในการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการของ นรม.ไทยกับกัมพูชาได้ตกลงในหลักการที่จะร่วมพัฒนาเขาพระวิหารให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความปลอดภัยและสะดวกต่อการเดินทางเข้าถึง โดยแบ่งผลประโยชน์ร่วมกัน
พ.ศ.๒๕๔๒ มีการสร้างวัดบริเวณทางทิศตะวันตกของโคปุระหลังที่ ๑ อันเป็นส่วนหนึ่งของปราสาท พระวิหาร ห่างออกไปประมาณ ๓๐๐ เมตร เป็นบริเวณพื้นที่ที่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องเส้นเขตแดนฝ่ายไทยประท้วงแต่ฝ่ายกัมพูชาก็ไม่ได้หยุดดำเนินการ
มีการพัฒนาเส้นทางจากบ้านโกมุยขึ้นสู่เขาพระวิหาร เส้นทางดังกล่าวได้ล้ำเข้ามายังพื้นที่ที่ขัดแย้งเรื่อง เขตแดน
ข้อมูลอีกส่วนหนึ่ง จากเวปเดียวกันที่ผมเอามาลงข้างต้น
เรามาดูสมัย
รัฐบาลทักษิณกัน ว่าจริงๆแล้วได้ทำอะไรกับ พท. ทับซ้อน ที่อยู่รอบปราสาทบ้าง
๘ ม.ค.๔๘ กระทรวงการต่างประเทศประท้วงต่อกัมพูชาเกี่ยวกับการก่อสร้างพัฒนาถนนจากบ้านโกมุยขึ้นสู่ปราสาทพระวิหาร ซึ่งมีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิประเทศในพื้นที่ ซึ่งทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นต่างในเรื่องเขตแดน
๘ มี.ค.๔๘ กัมพูชายื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก
๖ พ.ค.๔๘ นรม.(พ.ต.ท.ทักษิณ ฯ) ให้ฝ่ายไทยเตรียมประเด็นหารือกับกัมพูชาในการ เคลื่อนย้ายชุมชนกัมพูชา และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่บริเวณตลาดทางขึ้นปราสาทพระวิหาร เพื่อนำเข้าที่ประชุมหารือกับนายฮุนเซน นรม.กัมพูชา ใน ๑๓ - ๑๔ พ.ค.๔๘
๑๐ พ.ค.๔๘ ผบ.ทบ.ได้สั่งการในที่ประชุม ศปก.ทบ.เพื่อรองรับตามสั่งการของ นรม.ที่มีบัญชาให้ กต.เตรียมประเด็นหารือกับฝ่ายกัมพูชา เรื่องปัญหาเขตแดนบริเวณเขาพระวิหาร โดยขอ ให้ฝ่ายกัมพูชาเตรียมย้ายชุมชน รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและเส้นทางที่มีการก่อสร้างรุกล้ำเขตแดน และหากฝ่ายกัมพูชายังไม่ดำเนินการใด ๆ ฝ่ายไทยอาจใช้กำลังผลักดัน
๑๑ - ๑๖ พ.ค.๔๘ มีการเคลื่อนไหวเพิ่มเติมกำลังของทั้งสองฝ่าย โดยกัมพูชาได้ปิดประตูทางขึ้นปราสาทและอพยพครอบครัวของกำลังพลออกไปจากพื้นที่เดิม ๑๖๕ ครอบครัว คงเหลืออยู่ประมาณ ๒๐ ครอบครัว
ความจริงที่แท้มันเป็นยังไง วิเคราะห์กันดูเอาเองครับ
ไม่ได้อวย-ไม่ได้แก้ตัวให้ใคร แค่เอาความจริงมากางดูกันแค่นั้นเอง
สรุป เขมรมาตั้งชุมชนและสร้างถนนล้ำเข้ามาในเขตพิพาทและเขตไทยตั้งแต่ยุครัฐบาลชวน
รัฐบาลทักษิณไม่ได้เอื้อประโยชน์ใดๆให้เขมร หนำซ้ำจะเอาทหารผลักดัน และใช้ความสัมพันธ์อันดีเจรจา
จนชุมชนเขมรต้องย้ายออกไปจำนวนมาก
และสุดท้าย ผู้อ่าน อย่าตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อข้อมูลใดๆ ที่อ่านแล้วดูดีดูหล่อ หรือมาโพสต์ตอบบ่อยๆจนดูเหมือนเก่ง+น่าเชื่อ
ให้ยึดหลักกาลามสูตรเอาไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)
2.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)
3.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)
4.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)
5.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)
6.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)
7.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)
8.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)
9.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)
10.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)
ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น
สูตรนี้ในบาลีเรียกว่า เกสปุตติสูตร ที่ชื่อกาลามสูตร เพราะทรงแสดงแก่ชนเผ่ากาละมะ แห่งวรรณะกษัตริย์ ที่ชื่อเกสปุตติยสูตร เพราะพวกกาละมะนั้นเป็นชาวเกสปุตตะนิคม ในแคว้นโกศล ไม่ให้เชื่องมงายไร้เหตุผลตามหลัก 10 ข้อ
ตัวอย่าง
1.อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา ประเภท "เขาว่า" "ได้ยินมาว่า" ทั้งหลาย
2.อย่าได้ยึดถือถ้อยคำสืบๆกันมา ประเภท "ใครๆว่า" "โบราณว่า" ตามกระแส
3.อย่าได้ยึดถือโดยความตื่นข่าวว่า เข่าว่าอย่างนี้ ประเภทข่าวลือ ข่าวโคมลอย ทั้งหลาย
4.อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา อย่าไปตามตำรามากนัก ตำราว่าอย่างนั้น ต้องออกมาเป็นอย่างนั้น เท่านั้น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะอย่าลืมว่า ตำราบางเล่ม คนแต่งก็มั่วมาบ้าง เขียนไม่ครบบ้าง ใส่ไข่เอาเองบ้าง คนมีกิเลสไปแก้ไขตำรา คนมีผลประโยขน์ ไม่แก้ไขตำราเท่ากับเราโดนหลอก
5.อย่าได้ยึดถือโดยนึกเดาเอาเอง เช่น เข้าใจเอาเอง หรือข้อมูลไม่พอ ใจร้อนเดาสุ่มเอา มั่วๆ เอา
6.อย่าได้ยึดถือโดยการคาดคะเน การคาดการณ์ตามประวัติศาสตร์ ตามสถิติ ความน่าจะเป็น ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ เพราะเห็นแค่ร้อย อย่าเหมาว่าที่ร้อยเอ็ดจะเป็นไปด้วย
7.อย่าได้ยึดถือตรึงตามอาการ อย่าเห็นว่าอาการแบบนี้ น่าจะเป็นแบบนี้ ให้คิดเผื่อๆไว้ด้วย เช่น เห็นคนไข้เป็นแบบที่เคยรักษาคนอื่นๆมาก่อน อย่าไปตรึกเอาเองว่าเป็นแบบนั้น เห็นเงาก็จ่ายยาได้ เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า อย่าเข้าข้างตนเอง นั่งสมาธิเห็นโน่น เห็นนี้ อย่านึกว่าเป็นจริง เพราะอาจจะเป็นจิตหลอกจิต
8.อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่า ต้องกันกับทิฐิของตัว อย่าเอาความเห็นของตนเป็นใหญ่ อะไรที่ตรงกับที่ตนคิดไว้เท่านั้นที่เชื่อได้ คนคิดแบบนี้ ดื้อตายชัก
9. อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ ระวังจะโดนหลอก อย่าลืมว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง
10.อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา การยึดอาจารย์ของตนเองมากไป ก็ไม่ดี ควรทำตาม ทดสอบดู ถ้าผิดพลาดก็ไม่ต้องเชื่อ ถ้าทำแล้วดีขึ้นก็แสดงว่าเชื่อได้
เตือนไปยังทุกท่านและตัวผมเองครับ
ระวังอย่าหลงเชื่อการโพสต์ข้อมูลมั่วๆ คิดเองเออเอง โดยไม่มีที่มาที่ไป นำพาให้ความจริงถูกบิดเบือนไปยังอนาคต
http://ppantip.com/topic/30370350
แต่ทว่าเหล่านี้นั้น เป็นการโพสต์ที่ คิดเองเออเอง แต่มีเหยื่อหลงเชื่อจำนวนมาก
ที่ท่านนี้ได้มีการระบุ ว่า
ไทยช่วงรัฐบาลทักษิณ ได้รื้อรั๊วที่ล้อมรอบตัวสาทออก เขมรก็เลยเข้ามาตั้งชุมชน
ทางทหารไทยจะเข้าจัดการชุมชนเขมร(ที่เข้ามาตั้งรกรากในพื้นที่พิพาท 4.6ตร.กม.)หลายหน
แต่นายกสมัยนั้น (ที่หนีคดีอยู่) (ทักษิณ) ห้ามกองทัพเอาไว้กลัวจะกระทบความสัมพันธ์
?????????
แต่ทว่านี่มันไม่ใช่ความจริงเลย เสียเวลาสักนิดมาดูข้อมูลกัน
เพราะการกล่าวหามันแค่ประโยคสั้นๆ แต่ความจริงมันมักจะยาวหน่อย
"ข้อเท็จจริง" โดยผมยึดถือข้อมูลจากเวป http://heritage.mod.go.th/nation/case/prawihan2.htm (บทสรุปสำหรับผู้บริหาร)
ยกบางส่วนมาจะปรากฏข้อมูลเป็นดังนี้
เหตุการณ์ช่วงรัฐบาล ชวน หลีกภัย
๓๐ มี.ค.๔๑ หลังเขมรแดงบนเขาพระวิหารแปรพักตร์ร่วมกับรัฐบาลได้มีความพยายามเปิดเขาพระวิหารอีกครั้ง โดย กกล.สุรนารีกับภูมิภาคทหารที่ ๔ ของ กพช. มีการย้ายชุมชน กพช.จำนวน ๗๖ ครอบครัว ๓๕๐ คน จากบริเวณโดยรอบปราสาทลงมาอยู่บริเวณทางขึ้นปราสาทพระวิหาร มีการขยายชุมชนบริเวณทางขึ้นปราสาทเพิ่มมากขึ้นและเมื่อฝ่ายไทยจะสร้างอาคารสถานที่เพื่อแสดงสิทธิ์ในพื้นที่ดังกล่าว ฝ่าย กพช.ได้ห้ามมิให้มีการดำเนินการ
๒๔ ก.ค.๔๑ ผบ.กกล.สุรนารี และผู้บัญชาการกองกำลังฝ่าย CPP ในพื้นที่ ซึ่งได้รับมอบอำนาจจาก พล.อ.เตีย บันห์ รมว.กห.ได้เจรจาตกลงร่วมทดลองเปิดจุดผ่านแดน ณ เขาพระวิหาร โดยอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ โดยฝ่ายกัมพูชาเก็บค่าผ่านแดนโดย กกล.สุรนารี ช่วยดำเนินการในเรื่องการเก็บกู้ระเบิด
๑ ส.ค.๔๑ ทดลองเปิดเขาพระวิหารเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม
๑๗ ก.ค.๔๑ ในการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการของ นรม.ไทยกับกัมพูชาได้ตกลงในหลักการที่จะร่วมพัฒนาเขาพระวิหารให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความปลอดภัยและสะดวกต่อการเดินทางเข้าถึง โดยแบ่งผลประโยชน์ร่วมกัน
พ.ศ.๒๕๔๒ มีการสร้างวัดบริเวณทางทิศตะวันตกของโคปุระหลังที่ ๑ อันเป็นส่วนหนึ่งของปราสาท พระวิหาร ห่างออกไปประมาณ ๓๐๐ เมตร เป็นบริเวณพื้นที่ที่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องเส้นเขตแดนฝ่ายไทยประท้วงแต่ฝ่ายกัมพูชาก็ไม่ได้หยุดดำเนินการ
มีการพัฒนาเส้นทางจากบ้านโกมุยขึ้นสู่เขาพระวิหาร เส้นทางดังกล่าวได้ล้ำเข้ามายังพื้นที่ที่ขัดแย้งเรื่อง เขตแดน
ข้อมูลอีกส่วนหนึ่ง จากเวปเดียวกันที่ผมเอามาลงข้างต้น
เรามาดูสมัยรัฐบาลทักษิณกัน ว่าจริงๆแล้วได้ทำอะไรกับ พท. ทับซ้อน ที่อยู่รอบปราสาทบ้าง
๘ ม.ค.๔๘ กระทรวงการต่างประเทศประท้วงต่อกัมพูชาเกี่ยวกับการก่อสร้างพัฒนาถนนจากบ้านโกมุยขึ้นสู่ปราสาทพระวิหาร ซึ่งมีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิประเทศในพื้นที่ ซึ่งทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นต่างในเรื่องเขตแดน
๘ มี.ค.๔๘ กัมพูชายื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก
๖ พ.ค.๔๘ นรม.(พ.ต.ท.ทักษิณ ฯ) ให้ฝ่ายไทยเตรียมประเด็นหารือกับกัมพูชาในการ เคลื่อนย้ายชุมชนกัมพูชา และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่บริเวณตลาดทางขึ้นปราสาทพระวิหาร เพื่อนำเข้าที่ประชุมหารือกับนายฮุนเซน นรม.กัมพูชา ใน ๑๓ - ๑๔ พ.ค.๔๘
๑๐ พ.ค.๔๘ ผบ.ทบ.ได้สั่งการในที่ประชุม ศปก.ทบ.เพื่อรองรับตามสั่งการของ นรม.ที่มีบัญชาให้ กต.เตรียมประเด็นหารือกับฝ่ายกัมพูชา เรื่องปัญหาเขตแดนบริเวณเขาพระวิหาร โดยขอ ให้ฝ่ายกัมพูชาเตรียมย้ายชุมชน รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและเส้นทางที่มีการก่อสร้างรุกล้ำเขตแดน และหากฝ่ายกัมพูชายังไม่ดำเนินการใด ๆ ฝ่ายไทยอาจใช้กำลังผลักดัน
๑๑ - ๑๖ พ.ค.๔๘ มีการเคลื่อนไหวเพิ่มเติมกำลังของทั้งสองฝ่าย โดยกัมพูชาได้ปิดประตูทางขึ้นปราสาทและอพยพครอบครัวของกำลังพลออกไปจากพื้นที่เดิม ๑๖๕ ครอบครัว คงเหลืออยู่ประมาณ ๒๐ ครอบครัว
ความจริงที่แท้มันเป็นยังไง วิเคราะห์กันดูเอาเองครับ
ไม่ได้อวย-ไม่ได้แก้ตัวให้ใคร แค่เอาความจริงมากางดูกันแค่นั้นเอง
สรุป เขมรมาตั้งชุมชนและสร้างถนนล้ำเข้ามาในเขตพิพาทและเขตไทยตั้งแต่ยุครัฐบาลชวน
รัฐบาลทักษิณไม่ได้เอื้อประโยชน์ใดๆให้เขมร หนำซ้ำจะเอาทหารผลักดัน และใช้ความสัมพันธ์อันดีเจรจา
จนชุมชนเขมรต้องย้ายออกไปจำนวนมาก
และสุดท้าย ผู้อ่าน อย่าตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อข้อมูลใดๆ ที่อ่านแล้วดูดีดูหล่อ หรือมาโพสต์ตอบบ่อยๆจนดูเหมือนเก่ง+น่าเชื่อ
ให้ยึดหลักกาลามสูตรเอาไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เตือนไปยังทุกท่านและตัวผมเองครับ