สมัยเมื่อยี่สิบปีก่อนผมเคยแยกนามรูปได้หรือแยกกายกับจิตออกจากกันนั้นเอง
ไม่ใช่แค่อาการพิจารณานามรูปแบบวัดมหาธาตุสอนกันแบบนั้นนะครับ
มันแยกกันออกปึ๋งออกมาเลย ไม่ใช่แยกแบบกายทิพย์นะครับที่รู้เพราะผมเคยมาทั้งสองแบบ
วิญญาณธาตุของผมตอนนั้นมีขนาดเป็นจุดที่เล็กมากๆร่างกายนี้ไม่ต่างไปจากจักรวาลเลย
มันแปลกมากๆเลยนะที่เรารู้สึกได้ว่าเรามีขนาดของความรู้สึกเพียงจุดเล็กๆในกายนี้
ตอนนั้นผมสามารถท่องไปได้ทุกส่วนของร่างกายทั้งภายในและภายนอกร่างกาย
เวลากินน้ำจะกำหนดให้มันมีรสชาติแบบไหนก็ได้เช่นเป็นน้ำมะนาวเป็นน้ำเป็ปซี่ก็ได้
ละลึกถึงสัญญาร้อนหนาวเย็นมันก็เกิดขึ้นได้หมด
ตอนนั้นคิดว่าสัญญาที่เราสามารถกำหนดได้เองเป็นแค่จิตปรุงแต่ง!
ต้องยอมรับว่าตอนนั้นไม่มีความรู้ด้านปริยัติดีพอจึงพลาดประเด็นไปอย่างน่าเสียดาย
จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลายี่สิบปีแล้วผมเพิ่งจะเข้าใจปรากฏการณ์นั้น
ว่าสัญญาและเวทนาที่เราสามารถกำหนดได้เองนั้นเป็นของจริง
ไอ้ของปลอมน่ะมันคือสิ่งที่ปรากฏอยู่ในอายตนะภายนอกซึ่งต้องอาศัยผัสสะของอายตนะภายในจึงเกิดขึ้น
เพราะเพิ่งมารู้ความจริงจากพระสูตรกำเนิดโลกว่าก่อนที่จะมีโลกของวัตถุและอายตนะจะเกิดขึ้น
มนุษย์ได้อาศัยอยู่ในโลกของวิญญาณธาตุมาก่อนเรียกแบบนี้เพราะนอกจากวิญญาตุธาตูแล้วก็มีแต่ความว่างเท่านั้น
ในโลกของวิญญาณธาตุทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจในพระสูตรบอกว่าโลกของวัตถุจริงจังสมบูรณ์แบบเหมือนทุกวันนี้
เป็นเพราะจิตมนุษย์เสื่อมลง เราจึงต้องเหนื่อยยากเที่ยวแสวงหาสัญญาต่างจากอายตนะภายนอก
ไม่สามารถหามาได้ด้วยใจเหมือนมนุษย์ยุคแรกๆ มาถึงตอนนี้หลายคนคงคิดถึงการทำงานของเวทมนต์คาถาได้แล้ว!?
..ตามมาทวง...สัญญา..
ไม่ใช่แค่อาการพิจารณานามรูปแบบวัดมหาธาตุสอนกันแบบนั้นนะครับ
มันแยกกันออกปึ๋งออกมาเลย ไม่ใช่แยกแบบกายทิพย์นะครับที่รู้เพราะผมเคยมาทั้งสองแบบ
วิญญาณธาตุของผมตอนนั้นมีขนาดเป็นจุดที่เล็กมากๆร่างกายนี้ไม่ต่างไปจากจักรวาลเลย
มันแปลกมากๆเลยนะที่เรารู้สึกได้ว่าเรามีขนาดของความรู้สึกเพียงจุดเล็กๆในกายนี้
ตอนนั้นผมสามารถท่องไปได้ทุกส่วนของร่างกายทั้งภายในและภายนอกร่างกาย
เวลากินน้ำจะกำหนดให้มันมีรสชาติแบบไหนก็ได้เช่นเป็นน้ำมะนาวเป็นน้ำเป็ปซี่ก็ได้
ละลึกถึงสัญญาร้อนหนาวเย็นมันก็เกิดขึ้นได้หมด
ตอนนั้นคิดว่าสัญญาที่เราสามารถกำหนดได้เองเป็นแค่จิตปรุงแต่ง!
ต้องยอมรับว่าตอนนั้นไม่มีความรู้ด้านปริยัติดีพอจึงพลาดประเด็นไปอย่างน่าเสียดาย
จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลายี่สิบปีแล้วผมเพิ่งจะเข้าใจปรากฏการณ์นั้น
ว่าสัญญาและเวทนาที่เราสามารถกำหนดได้เองนั้นเป็นของจริง
ไอ้ของปลอมน่ะมันคือสิ่งที่ปรากฏอยู่ในอายตนะภายนอกซึ่งต้องอาศัยผัสสะของอายตนะภายในจึงเกิดขึ้น
เพราะเพิ่งมารู้ความจริงจากพระสูตรกำเนิดโลกว่าก่อนที่จะมีโลกของวัตถุและอายตนะจะเกิดขึ้น
มนุษย์ได้อาศัยอยู่ในโลกของวิญญาณธาตุมาก่อนเรียกแบบนี้เพราะนอกจากวิญญาตุธาตูแล้วก็มีแต่ความว่างเท่านั้น
ในโลกของวิญญาณธาตุทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจในพระสูตรบอกว่าโลกของวัตถุจริงจังสมบูรณ์แบบเหมือนทุกวันนี้
เป็นเพราะจิตมนุษย์เสื่อมลง เราจึงต้องเหนื่อยยากเที่ยวแสวงหาสัญญาต่างจากอายตนะภายนอก
ไม่สามารถหามาได้ด้วยใจเหมือนมนุษย์ยุคแรกๆ มาถึงตอนนี้หลายคนคงคิดถึงการทำงานของเวทมนต์คาถาได้แล้ว!?