....
9 โรคอันตรายที่เข้าข่ายร้ายแรงที่สุด แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว
อาการปรากฏรุนแรง บางโรครักษาไม่หาย
แต่บางโรคถ้ารักษาไม่ทันก็อาจถึงตายได้อย่างสยอง
..“การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ” คือวลีเด็ดที่ใช้ได้ทุกยุค
แม้วิทยาการในปัจจุบันจะมีความก้าวหน้าไปมากแล้วก็ตาม
แต่สำหรับเรื่องโรคภัยบางชนิด โดยเฉพาะที่มีเชื้อโรคร้ายแรงนั้น
บางทีเราก็หลีกเลี่ยงได้ยากเหลือเกินเวลาที่มันระบาด
..วันนี้ ..จะพาคุณไปย้อนดูอีกครั้งว่า
ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์เรานี้ มีโรคชนิดไหนที่ทำร้ายเราอย่างสาหัสบ้าง
9.
โรคเอดส์ (AIDS)
เชื้อแพร่กระจาย : ไวรัส HIV
....คือโรคระบบ
ภูมิคุ้มกันบกพร่องโดยเชื้อไวรัส HIV นั้น
จะเป็นตัวทำให้ระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ ในร่างกายทำงานไม่สมบูรณ์
และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
โดยพบครั้งแรกในปี 1981 ประเทศสหรัฐอเมริกา
เกิดจากการใช้เข็มฉีดยา และการร่วมเพศ
จากนั้นก็พบกลุ่มคนที่ติดเชื้อนี้อยู่เรื่อยมา
ซึ่งสาเหตุของการติดเชื้อคือ การมีเพศสัมพันธ์ ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
การสัมผัสน้ำคัดหลั่งเช่น น้ำมูก น้ำลาย และการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก
....โดยโรคนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ระยะคือ
ระยะที่1 เมื่อได้รับเชื้อจะไม่เกิดอาการ ร่างกายสมบูรณ์ทุกประการ
แต่อาจเจ็บป่วยบ้างเล็กน้อย ซึ่งจะอยู่ในระยะนี้ 2-3 ปี บางรายอาจนานถึง 10 ปี
ก่อนเข้าสู่ระยะถัดไป
ถึงแม้จะไม่มีอาการแต่ผู้ติดเชื้อที่อยู่ในระยะนี้ก็จะสามารถแพร่เชื้อให้กับบุคคลอื่นได้
ระยะที่2 ผล
เลือดเป็นบวก มีอาการท้องเสียเรื้อรัง ต่อมน้ำเหลืองโต
เกิดฝ้าขาวในปากและลำคอ
และระยะที่3 ระยะสุดท้ายเป็นระยะเอดส์เต็มขั้น
เม็ดเลือดขาวถูกทำลายจนเกือบหมด
ทำให้เกิดการติดเชื้อซึ่งปกติไม่เป็น เรียกว่า โรคฉวยโอกาส
ซึ่งมีมากมายหลากหลายโรคแล้วแต่ว่าจะโดนสุ่มให้เป็นโรคอะไร
...การรักษาโรคดเอดส์ปัจจุบันไม่มีเซรุ่มรักษาโดยตรง
มีแต่การใช้ยาต้านไวรัสเท่านั้น
ส่วนใหญ่มักดื้อยาและใช้ไม่ได้ผล
แต่ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาจะมีเวลาให้หายใจได้แค่ 9-11 ปี เท่านั้น
ในปี 2012 มีการประเมินจำนวนผู้ติดเชื้อ HIV
ซึ่งมีมากถึง 35.3 ล้านคนจากทั่วโลกเลยทีเดียว
8.
กาฬโรค (Plague)
เชื้อแพร่กระจาย: เยอร์ซิเนีย เปสติส (Yersinia pestis)
....เป็นโรคที่ทำลายร้างมนุษย์มากที่สุดในประวัติศาสตร์
เกิดจาการติดเชื่อของแบคทีเรียเยอร์ซิเนีย เปสติส
พบครั้งแรกที่จีนแล้วแพร่ไปยังจักรวรรดิโรมันและฝรั่งเศส
ทำให้ประชากรทั่วโลกลดลงถึง 50%
และเริ่มระบาดอีกครั้งโดยเริ่มที่จีนอีกเช่นเคย
และลามไปสู่ทั่วประเทศในยุโรป คราวนี้ตายกันอีกหลายล้านคน
....กาฬโรคแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วโดยมีสัตว์จำพวกฟันแทะและหมัดเป็นพาหะนำโรค
ทั้งยังแพร่กระจายเชื้อได้ในทั้งอากาศและการสัมผัสโดยตรงหรือจากอาหาร และวัตถุที่ปนเปื้อน
ซึ่งความรุนแรงของโรคแบ่งออกเป็น 3 แบบคือ
1. ต่อมน้ำเหลืองโตพบตามบริเวณขาหนีบ รักแร้ อาจปวดมากจนขยับแขนขาไม่ได้
2. เป็นไข้ ช็อค มีเลือดออกตามปาก จมูก และก้น
3. เป็นไข้ ไอ อาเจียน เจ็บหน้าอก ดูเป็นแบบที่เบาที่สุด
แต่น่าเสียดาย เพราะกาฬโรคแบบที่ 3 นี้พบได้น้อยที่สุด
ปัจจุบันนี้กาฬโรครักษาให้หายได้ถ้าตรวจพบเร็ว
โดยใให้ยาปฏิชีวนะก็สามารถหายเป็นปกติได้
แต่ถ้าเป็นสมัยก่อนนะเหรอ ตายสถานเดียวเลยเพ่ !
7.
ฝีดาษ (Smallpox)
เชื้อแพร่กระจาย: วาริโอลา เมเจอร์ (Variola major) และ วาริโอลา ไมเนอร์ (Variola minor)
....ฝีดาษเกิดจากเชื้อที่มีชื่อน่ารักๆว่า วาริโอลา เมเจอร์ และวาริโอลา ไมเนอร์
แต่ความรุนแรงของมันไม่น่ารักเอาเสียเลย
เพราะเจ้าสองศรีพี่น้องเมเจอร์และไมเนอร์
คือตัวการที่ทำให้ฟาโรห์รามเสส ที่ 5 แห่งอียิปต์โบราณสวรรคต
ต่อมาเชื้อแพร่กระจายไปยังจีนและญี่ปุ่น
ทำให้คน 1 ใน 3 ของประเทศเสียชีวิต
ทั้งยังกระจายไปในอินเดียและทั่วทวีปยุโรปโดยเฉลี่ยตายปีละกว่า 400,000 คน
ฝีดาษสามารถติดต่อได้ทางน้ำมูก น้ำลาย และการสัมผัสกับผิวหนังที่เป็นแผลฝีดาษ
....อาการของโรคนี้จะเริ่มตั้งแต่การปวดตามกล้ามเนื้อ ไข้ขึ้นสูง อาเจียน
บางรายมีผื่นแดงขึ้นตามแขนและขา
จากนั้นเป็นระยะออกผื่นจะเกิดตุ่มขึ้นตามใบหน้า
ลามไปตามแขน หลัง และขา ตุ่มจะโตเรื่อยๆจนแห้งและตกสะเก็ด
เมื่อหายแล้วอาจเกิดแผลตามตัวและใบหน้าได้
โรคฝีดาษนี้ถูกยับยั้งด้วยการฉีดวัคซีนต้านตั้งแต่ทศวรรษที่ 19-20 จากองค์การอนามัยโลก
และประกาศว่าโรคฝีดาษได้หมดจากโลกใบนี้ไปแล้วในปี 1979 เฮ้อ ! โล่งกันไป
6.
อหิวาตกโรค (Cholera)
เชื้อแพร่กระจาย: ไวบริโอ คอเลอรา (Vibrio cholerae)
....โรคนี้คร่าชีวิตคนทั่วโลกไป 3-5 ล้านคน
เฉลี่ยเสียชีวิตประมาณ 100,000 - 130,000 คนต่อปี
โดยระบาดครั้งแรงที่ประเทศอินเดีย
แล้วแพร่สู่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, จีน, ญี่ปุ่น, ตะวันออกกลาง และรัสเซียตอนใต้ภายในปีเดียว
จากนั้นเกิดการระบาดครั้งใหญ่อีกครั้งในสหรัฐฯ และยุโรป
อหิวาตกโรคจึงกลายเป็นโรคระบาดที่อันตรายต่อมนุษย์มากที่สุดในศตวรรษที่ 19 คุณพระ!
...อหิวาตกโรค..จะมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง
อุจจาระเหลวเป็นน้ำ มีอาการขาดน้ำบางรายถึงขั้นช๊อคได้
ซึ่งโรคนี้ติดต่อได้จากการกินน้ำหรืออาหารที่สุกๆดิบๆ ปนเปื้อน ไม่สะอาด
อหิวาตกโรคเคยเป็นภัยคุกคามต่อประเทศทั่วโลก
แต่ในปัจจุบันเป็นแทบจะไม่เป็นอันตรายเลย
เพราะเรามีคาถาสุดขลังคือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ โอมเพี้ยง !
5.
มะเร็ง (cancer)
เชื้อแพร่กระจาย: ไม่ระบุ
....เป็นโรคที่โคตะระน่ากลัวเพราะมันจะมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เดาใจมันไม่ถูก
แถมยัง
เป็นได้ทุกส่วนตั้งแต่สมองยันกระดูก
รวมถึงเซลล์ทุกเซลล์ที่มีอยู่ในร่างกาย
โดยมะเร็งที่พบในร่างกายมนุษย์มีมากกว่า 100 ชนิดด้วยกัน
โรคมะเร็งเกิดจาก
ความผิดปกติของ DNA หรือสารพันธุกรรม
ทำให้เซลล์แบ่งตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ
ทำให้
เกิดเนื้องอกตามอวัยวะต่างๆตามร่างกาย
เช่น ถ้ามีเนื้องอกที่ปอด ก็จะเรียกมะเร็งปอด
ซึ่งโรคนี้อาจเกิดจากเชื้อโรคบางชนิด สารเคมี หรือการดื่มเหล้าสูบบุหรี่
โดยเป็นเหมือนสไนเปอร์ซุ่มโจมตีตอนเราเผลอ
และไม่แสดงอาการในระยะเริ่มแรก
แต่ถ้าเริ่มรู้สึกป่วยมากแบบผิดปกติเมื่อไหร่นั่นแหละคือสัญญาณจากมัน
เพราะฉะนั้นอย่าได้เผลอเชียว!
4.
ไข้หวัดใหญ่ หรือไข้หวัดนก (Avian influenza or Bird flu)
เชื้อแพร่กระจาย: H5N1
....เป็นโรคติดเชื้อทางเดินระบบหายใจที่เกิดการระบาดครั้งใหญ่เกือบทั่วโลก
ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยและเพื่อนข้างเคียงที่โดนกันไปตามๆกัน
ซึ่งเชื่อไวรัสนี้จะพบในสัตว์ปีก
หากยังจำได้ ในตอนนั้นเกือบทั้งประเทศไม่มีใครกล้าแตะไก่หรือไข่แม้แต่นิดเดียว
เกษตรกรที่เลี้ยงแทบจะฆ่าไก่กันยกเล้า ...KFC ก็พลอยโดนหางเลข
ร้างคนไปตามๆกัน
โชคยังดีที่เชื้อแพร่จากไก่สู่คน ไม่แพร่ในคนสู่คน
แต่ถ้าหากเชื้อไวรัสนั้นกลายพันธุ์ เหอะๆ คนก็คนเถอะ เสร็จแน่ๆ
3.
โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (Severe Acute Respiratory syndrome: SARS)
เชื้อแพร่กระจาย: เชื้อไวรัสโคโรนา coronavirus (SARS-CoV)
....เป็นโรคที่เพิ่งเกิดใหม่ ซึ่งสถานที่แรกคลอดคือประเทศจีนปี พ.ศ.2545
สามารถติดต่อได้ง่ายจากการใกล้ชิดกับผู้ป่วย
การสัมผัสน้ำมูกน้ำลาย และการหายใจร่วมกัน
โดยคนที่เป็นโรคซาร์จะมีอาการไข้ขึ้นสูง หนาวสั่น ปวดศีรษะบางรายหายใจลำบากหรือหอบด้วย
โดยผู้ที่ติดเชื้อมีโอกาสเสียชีวิตสูงถึง 60%
แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการหลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยงในการติดเชื้อ
และลดโอกาสการติดเชื้อด้วยการสวมผ้าปิดปาก
ที่ฮิตจนถึงขั้นกลายเป็นแฟชั่นแพร่กระจายตามโลกซาร์สกันไป
ถึงแม้จะป่วยแต่ก็ขอสวยหน่อยเหอะน่า
2.
เมิร์สคอฟ (Middle East respiratory syndrome corona virus: MERS-CoV)
เชื้อแพร่กระจาย: MERS-CoV หรือเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ตะวันออกกลาง
....โรคหวัดสายพันธุ์ใหม่ที่ใกล้เคียงกับซาร์สแต่รุนแรงกว่าและยังไม่มีทางรักษา
สรรรพคุณมาเต็มขนาดนี้ไม่ให้กลัวยังไงไหว
เชื้อไวรัสนี้ต้นกำเนิดอยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ไม่สามารถระบุให้ชัดเจนได้
ว่าเชื้อมันมาจากคนหรือสัตว์กันแน่
แต่เชื้อมีความใกล้เคียงกับไวรัสโครานาของค้างคาว
โดยองค์กรอนามัยโลก (World Health Organization : WHO)
ยืนยันจำนวนผู้ป่วยทั้งสิ้น 238 ราย เสียชีวิต 92 ราย
และพบผู้ป่วยเมิร์สคอฟอย่างต่อเนื่องใน 13 ประเทศ
ได้แก่ จอร์แดน, ซาอุดีอาระเบีย, กาตาร์, อังกฤษ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์,
ตูนีเซีย, เยอรมนี, อิตาลี, โอมาน, คูเวต, ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย
แต่โชคยังดีที่เชื้อไวรัสนี้ยังไม่หลุดรอดเข้ามาในไทย
แต่ยังไงก็เตรียมรั้วป้องกันให้แน่นหนากันไว้เลย
1.
อีโบลา (Ebola)
เชื้อแพร่กระจาย: EBOV VP30
...เมิร์สคอฟยังไม่ทันหายอีโบลาก็เข้ามาซ้ำเติม ซ้ำยังแรงกว่าและเร็วกว่าอีกด้วย
โดยอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 90 %
ถ้าติดเข้าไปแล้วมันมีชีวิตให้คุณอยู่รอดแค่10 วันเท่านั้น
อาการจะคล้ายไข้หวัดทั้งไอ จาม เจ็บคอ อาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย
บางรายเป็นหนักถึงขั้นตับ ไต หยุดทำงาน และมีเลือดออกทั้งในและนอกร่างกายด้วย
โดยจะเริ่มตั้งแต่ดวงตา แล้วขยายไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย
เชื้อนี้ยังพบแค่ 3 ประเทศในแอฟริกาตะวันตก คือ กินี, ไลบีเรีย และเซียร์รา ลีโอน
ถึงแม้จะระบาดแค่ใน 3 ประเทศแต่ความรวดเร็วในการแพร่เชื้อนั้นช่างน่าใจหาย
โดยพบผู้ป่วยถึง 759 ราย และในจำนวนนี้เสียชีวิตไปแล้ว 467 ราย
และยังไม่สามารถตรวจให้แน่ชัดได้ว่าเป็นเชื้อแบบไหนแต่คล้ายคลึงกับเชื้อเอดส์มาก
ซึ่งต้นเหตุของเชื้ออาจมาจากลิงที่ในแอฟริกานิยมบริโภค
ติดต่อจาการสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง การจามการไอ
หรือแตะต้องศพของผู้ป่วยโดยไม่ป้องกัน
และโชคดีอีกครั้งที่ยังไม่พบในประเทศไทยเหมือนกัน
แต่ก็แบบเดิมระวังๆกันไว้หน่อยก็ดีเนอะ
....เรื่องโรคภัยไข้เจ็บรู้ไว้ไม่เสียหลาย เป็นการรู้เท่าทันเอาไว้เพื่อป้องกัน
แต่ถ้ารู้แล้วไม่ไปปรับใช้หรือเมินเฉย โรคภัยพวกนั้นตามไปหาคุณอย่างแน่นอน!
ข้อมูลอ้างอิง :
www.nci.go.th
www.th.wikipedia.org
www.haamor.com
www.thairath.co.th/content/420164
www.thairath.co.th/content/433953
www.vcharkarn.com/varticle/59745
www.boe.moph.go.th/fact/Ebola.htm
www.stock2morrow.com/showthread.php?t=57200
www.suchakree.hellothailand.org/health/hiv_04.php
www.m.matichon.co.th/readnews.php?newsid=1397995297&grpid=03&catid=
www.siamhealth.net/public_html/Disease/infectious
lms.thaicyberu.go.th/officialtcu/main/advcourse/presentstu/course/bm521/pantipa09_1/Virus/sar.htm
....9 โรคมรณะ คร่าชีวิตมนุษย์มากที่สุดในประวัติศาสตร์
อาการปรากฏรุนแรง บางโรครักษาไม่หาย
แต่บางโรคถ้ารักษาไม่ทันก็อาจถึงตายได้อย่างสยอง
..“การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ” คือวลีเด็ดที่ใช้ได้ทุกยุค
แม้วิทยาการในปัจจุบันจะมีความก้าวหน้าไปมากแล้วก็ตาม
แต่สำหรับเรื่องโรคภัยบางชนิด โดยเฉพาะที่มีเชื้อโรคร้ายแรงนั้น
บางทีเราก็หลีกเลี่ยงได้ยากเหลือเกินเวลาที่มันระบาด
..วันนี้ ..จะพาคุณไปย้อนดูอีกครั้งว่า
ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์เรานี้ มีโรคชนิดไหนที่ทำร้ายเราอย่างสาหัสบ้าง
9. โรคเอดส์ (AIDS)
เชื้อแพร่กระจาย : ไวรัส HIV
....คือโรคระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องโดยเชื้อไวรัส HIV นั้น
จะเป็นตัวทำให้ระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ ในร่างกายทำงานไม่สมบูรณ์
และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
โดยพบครั้งแรกในปี 1981 ประเทศสหรัฐอเมริกา
เกิดจากการใช้เข็มฉีดยา และการร่วมเพศ
จากนั้นก็พบกลุ่มคนที่ติดเชื้อนี้อยู่เรื่อยมา
ซึ่งสาเหตุของการติดเชื้อคือ การมีเพศสัมพันธ์ ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
การสัมผัสน้ำคัดหลั่งเช่น น้ำมูก น้ำลาย และการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก
....โดยโรคนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ระยะคือ
ระยะที่1 เมื่อได้รับเชื้อจะไม่เกิดอาการ ร่างกายสมบูรณ์ทุกประการ
แต่อาจเจ็บป่วยบ้างเล็กน้อย ซึ่งจะอยู่ในระยะนี้ 2-3 ปี บางรายอาจนานถึง 10 ปี
ก่อนเข้าสู่ระยะถัดไป
ถึงแม้จะไม่มีอาการแต่ผู้ติดเชื้อที่อยู่ในระยะนี้ก็จะสามารถแพร่เชื้อให้กับบุคคลอื่นได้
ระยะที่2 ผลเลือดเป็นบวก มีอาการท้องเสียเรื้อรัง ต่อมน้ำเหลืองโต
เกิดฝ้าขาวในปากและลำคอ
และระยะที่3 ระยะสุดท้ายเป็นระยะเอดส์เต็มขั้น
เม็ดเลือดขาวถูกทำลายจนเกือบหมด
ทำให้เกิดการติดเชื้อซึ่งปกติไม่เป็น เรียกว่า โรคฉวยโอกาส
ซึ่งมีมากมายหลากหลายโรคแล้วแต่ว่าจะโดนสุ่มให้เป็นโรคอะไร
...การรักษาโรคดเอดส์ปัจจุบันไม่มีเซรุ่มรักษาโดยตรง
มีแต่การใช้ยาต้านไวรัสเท่านั้น
ส่วนใหญ่มักดื้อยาและใช้ไม่ได้ผล
แต่ถ้าหากไม่ได้รับการรักษาจะมีเวลาให้หายใจได้แค่ 9-11 ปี เท่านั้น
ในปี 2012 มีการประเมินจำนวนผู้ติดเชื้อ HIV
ซึ่งมีมากถึง 35.3 ล้านคนจากทั่วโลกเลยทีเดียว
8. กาฬโรค (Plague)
เชื้อแพร่กระจาย: เยอร์ซิเนีย เปสติส (Yersinia pestis)
....เป็นโรคที่ทำลายร้างมนุษย์มากที่สุดในประวัติศาสตร์
เกิดจาการติดเชื่อของแบคทีเรียเยอร์ซิเนีย เปสติส
พบครั้งแรกที่จีนแล้วแพร่ไปยังจักรวรรดิโรมันและฝรั่งเศส
ทำให้ประชากรทั่วโลกลดลงถึง 50%
และเริ่มระบาดอีกครั้งโดยเริ่มที่จีนอีกเช่นเคย
และลามไปสู่ทั่วประเทศในยุโรป คราวนี้ตายกันอีกหลายล้านคน
....กาฬโรคแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วโดยมีสัตว์จำพวกฟันแทะและหมัดเป็นพาหะนำโรค
ทั้งยังแพร่กระจายเชื้อได้ในทั้งอากาศและการสัมผัสโดยตรงหรือจากอาหาร และวัตถุที่ปนเปื้อน
ซึ่งความรุนแรงของโรคแบ่งออกเป็น 3 แบบคือ
1. ต่อมน้ำเหลืองโตพบตามบริเวณขาหนีบ รักแร้ อาจปวดมากจนขยับแขนขาไม่ได้
2. เป็นไข้ ช็อค มีเลือดออกตามปาก จมูก และก้น
3. เป็นไข้ ไอ อาเจียน เจ็บหน้าอก ดูเป็นแบบที่เบาที่สุด
แต่น่าเสียดาย เพราะกาฬโรคแบบที่ 3 นี้พบได้น้อยที่สุด
ปัจจุบันนี้กาฬโรครักษาให้หายได้ถ้าตรวจพบเร็ว
โดยใให้ยาปฏิชีวนะก็สามารถหายเป็นปกติได้
แต่ถ้าเป็นสมัยก่อนนะเหรอ ตายสถานเดียวเลยเพ่ !
7. ฝีดาษ (Smallpox)
เชื้อแพร่กระจาย: วาริโอลา เมเจอร์ (Variola major) และ วาริโอลา ไมเนอร์ (Variola minor)
....ฝีดาษเกิดจากเชื้อที่มีชื่อน่ารักๆว่า วาริโอลา เมเจอร์ และวาริโอลา ไมเนอร์
แต่ความรุนแรงของมันไม่น่ารักเอาเสียเลย
เพราะเจ้าสองศรีพี่น้องเมเจอร์และไมเนอร์
คือตัวการที่ทำให้ฟาโรห์รามเสส ที่ 5 แห่งอียิปต์โบราณสวรรคต
ต่อมาเชื้อแพร่กระจายไปยังจีนและญี่ปุ่น
ทำให้คน 1 ใน 3 ของประเทศเสียชีวิต
ทั้งยังกระจายไปในอินเดียและทั่วทวีปยุโรปโดยเฉลี่ยตายปีละกว่า 400,000 คน
ฝีดาษสามารถติดต่อได้ทางน้ำมูก น้ำลาย และการสัมผัสกับผิวหนังที่เป็นแผลฝีดาษ
....อาการของโรคนี้จะเริ่มตั้งแต่การปวดตามกล้ามเนื้อ ไข้ขึ้นสูง อาเจียน
บางรายมีผื่นแดงขึ้นตามแขนและขา
จากนั้นเป็นระยะออกผื่นจะเกิดตุ่มขึ้นตามใบหน้า
ลามไปตามแขน หลัง และขา ตุ่มจะโตเรื่อยๆจนแห้งและตกสะเก็ด
เมื่อหายแล้วอาจเกิดแผลตามตัวและใบหน้าได้
โรคฝีดาษนี้ถูกยับยั้งด้วยการฉีดวัคซีนต้านตั้งแต่ทศวรรษที่ 19-20 จากองค์การอนามัยโลก
และประกาศว่าโรคฝีดาษได้หมดจากโลกใบนี้ไปแล้วในปี 1979 เฮ้อ ! โล่งกันไป
6. อหิวาตกโรค (Cholera)
เชื้อแพร่กระจาย: ไวบริโอ คอเลอรา (Vibrio cholerae)
....โรคนี้คร่าชีวิตคนทั่วโลกไป 3-5 ล้านคน
เฉลี่ยเสียชีวิตประมาณ 100,000 - 130,000 คนต่อปี
โดยระบาดครั้งแรงที่ประเทศอินเดีย
แล้วแพร่สู่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, จีน, ญี่ปุ่น, ตะวันออกกลาง และรัสเซียตอนใต้ภายในปีเดียว
จากนั้นเกิดการระบาดครั้งใหญ่อีกครั้งในสหรัฐฯ และยุโรป
อหิวาตกโรคจึงกลายเป็นโรคระบาดที่อันตรายต่อมนุษย์มากที่สุดในศตวรรษที่ 19 คุณพระ!
...อหิวาตกโรค..จะมีอาการท้องเสียอย่างรุนแรง
อุจจาระเหลวเป็นน้ำ มีอาการขาดน้ำบางรายถึงขั้นช๊อคได้
ซึ่งโรคนี้ติดต่อได้จากการกินน้ำหรืออาหารที่สุกๆดิบๆ ปนเปื้อน ไม่สะอาด
อหิวาตกโรคเคยเป็นภัยคุกคามต่อประเทศทั่วโลก
แต่ในปัจจุบันเป็นแทบจะไม่เป็นอันตรายเลย
เพราะเรามีคาถาสุดขลังคือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ โอมเพี้ยง !
5. มะเร็ง (cancer)
เชื้อแพร่กระจาย: ไม่ระบุ
....เป็นโรคที่โคตะระน่ากลัวเพราะมันจะมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้เดาใจมันไม่ถูก
แถมยังเป็นได้ทุกส่วนตั้งแต่สมองยันกระดูก
รวมถึงเซลล์ทุกเซลล์ที่มีอยู่ในร่างกาย
โดยมะเร็งที่พบในร่างกายมนุษย์มีมากกว่า 100 ชนิดด้วยกัน
โรคมะเร็งเกิดจากความผิดปกติของ DNA หรือสารพันธุกรรม
ทำให้เซลล์แบ่งตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ
ทำให้เกิดเนื้องอกตามอวัยวะต่างๆตามร่างกาย
เช่น ถ้ามีเนื้องอกที่ปอด ก็จะเรียกมะเร็งปอด
ซึ่งโรคนี้อาจเกิดจากเชื้อโรคบางชนิด สารเคมี หรือการดื่มเหล้าสูบบุหรี่
โดยเป็นเหมือนสไนเปอร์ซุ่มโจมตีตอนเราเผลอ
และไม่แสดงอาการในระยะเริ่มแรก
แต่ถ้าเริ่มรู้สึกป่วยมากแบบผิดปกติเมื่อไหร่นั่นแหละคือสัญญาณจากมัน
เพราะฉะนั้นอย่าได้เผลอเชียว!
4. ไข้หวัดใหญ่ หรือไข้หวัดนก (Avian influenza or Bird flu)
เชื้อแพร่กระจาย: H5N1
....เป็นโรคติดเชื้อทางเดินระบบหายใจที่เกิดการระบาดครั้งใหญ่เกือบทั่วโลก
ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยและเพื่อนข้างเคียงที่โดนกันไปตามๆกัน
ซึ่งเชื่อไวรัสนี้จะพบในสัตว์ปีก
หากยังจำได้ ในตอนนั้นเกือบทั้งประเทศไม่มีใครกล้าแตะไก่หรือไข่แม้แต่นิดเดียว
เกษตรกรที่เลี้ยงแทบจะฆ่าไก่กันยกเล้า ...KFC ก็พลอยโดนหางเลข
ร้างคนไปตามๆกัน
โชคยังดีที่เชื้อแพร่จากไก่สู่คน ไม่แพร่ในคนสู่คน
แต่ถ้าหากเชื้อไวรัสนั้นกลายพันธุ์ เหอะๆ คนก็คนเถอะ เสร็จแน่ๆ
3. โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (Severe Acute Respiratory syndrome: SARS)
เชื้อแพร่กระจาย: เชื้อไวรัสโคโรนา coronavirus (SARS-CoV)
....เป็นโรคที่เพิ่งเกิดใหม่ ซึ่งสถานที่แรกคลอดคือประเทศจีนปี พ.ศ.2545
สามารถติดต่อได้ง่ายจากการใกล้ชิดกับผู้ป่วย
การสัมผัสน้ำมูกน้ำลาย และการหายใจร่วมกัน
โดยคนที่เป็นโรคซาร์จะมีอาการไข้ขึ้นสูง หนาวสั่น ปวดศีรษะบางรายหายใจลำบากหรือหอบด้วย
โดยผู้ที่ติดเชื้อมีโอกาสเสียชีวิตสูงถึง 60%
แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการหลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยงในการติดเชื้อ
และลดโอกาสการติดเชื้อด้วยการสวมผ้าปิดปาก
ที่ฮิตจนถึงขั้นกลายเป็นแฟชั่นแพร่กระจายตามโลกซาร์สกันไป
ถึงแม้จะป่วยแต่ก็ขอสวยหน่อยเหอะน่า
2. เมิร์สคอฟ (Middle East respiratory syndrome corona virus: MERS-CoV)
เชื้อแพร่กระจาย: MERS-CoV หรือเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ตะวันออกกลาง
....โรคหวัดสายพันธุ์ใหม่ที่ใกล้เคียงกับซาร์สแต่รุนแรงกว่าและยังไม่มีทางรักษา
สรรรพคุณมาเต็มขนาดนี้ไม่ให้กลัวยังไงไหว
เชื้อไวรัสนี้ต้นกำเนิดอยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ไม่สามารถระบุให้ชัดเจนได้
ว่าเชื้อมันมาจากคนหรือสัตว์กันแน่
แต่เชื้อมีความใกล้เคียงกับไวรัสโครานาของค้างคาว
โดยองค์กรอนามัยโลก (World Health Organization : WHO)
ยืนยันจำนวนผู้ป่วยทั้งสิ้น 238 ราย เสียชีวิต 92 ราย
และพบผู้ป่วยเมิร์สคอฟอย่างต่อเนื่องใน 13 ประเทศ
ได้แก่ จอร์แดน, ซาอุดีอาระเบีย, กาตาร์, อังกฤษ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์,
ตูนีเซีย, เยอรมนี, อิตาลี, โอมาน, คูเวต, ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย
แต่โชคยังดีที่เชื้อไวรัสนี้ยังไม่หลุดรอดเข้ามาในไทย
แต่ยังไงก็เตรียมรั้วป้องกันให้แน่นหนากันไว้เลย
1. อีโบลา (Ebola)
เชื้อแพร่กระจาย: EBOV VP30
...เมิร์สคอฟยังไม่ทันหายอีโบลาก็เข้ามาซ้ำเติม ซ้ำยังแรงกว่าและเร็วกว่าอีกด้วย
โดยอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 90 %
ถ้าติดเข้าไปแล้วมันมีชีวิตให้คุณอยู่รอดแค่10 วันเท่านั้น
อาการจะคล้ายไข้หวัดทั้งไอ จาม เจ็บคอ อาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย
บางรายเป็นหนักถึงขั้นตับ ไต หยุดทำงาน และมีเลือดออกทั้งในและนอกร่างกายด้วย
โดยจะเริ่มตั้งแต่ดวงตา แล้วขยายไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย
เชื้อนี้ยังพบแค่ 3 ประเทศในแอฟริกาตะวันตก คือ กินี, ไลบีเรีย และเซียร์รา ลีโอน
ถึงแม้จะระบาดแค่ใน 3 ประเทศแต่ความรวดเร็วในการแพร่เชื้อนั้นช่างน่าใจหาย
โดยพบผู้ป่วยถึง 759 ราย และในจำนวนนี้เสียชีวิตไปแล้ว 467 ราย
และยังไม่สามารถตรวจให้แน่ชัดได้ว่าเป็นเชื้อแบบไหนแต่คล้ายคลึงกับเชื้อเอดส์มาก
ซึ่งต้นเหตุของเชื้ออาจมาจากลิงที่ในแอฟริกานิยมบริโภค
ติดต่อจาการสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง การจามการไอ
หรือแตะต้องศพของผู้ป่วยโดยไม่ป้องกัน
และโชคดีอีกครั้งที่ยังไม่พบในประเทศไทยเหมือนกัน
แต่ก็แบบเดิมระวังๆกันไว้หน่อยก็ดีเนอะ
....เรื่องโรคภัยไข้เจ็บรู้ไว้ไม่เสียหลาย เป็นการรู้เท่าทันเอาไว้เพื่อป้องกัน
แต่ถ้ารู้แล้วไม่ไปปรับใช้หรือเมินเฉย โรคภัยพวกนั้นตามไปหาคุณอย่างแน่นอน!
ข้อมูลอ้างอิง :
www.nci.go.th
www.th.wikipedia.org
www.haamor.com
www.thairath.co.th/content/420164
www.thairath.co.th/content/433953
www.vcharkarn.com/varticle/59745
www.boe.moph.go.th/fact/Ebola.htm
www.stock2morrow.com/showthread.php?t=57200
www.suchakree.hellothailand.org/health/hiv_04.php
www.m.matichon.co.th/readnews.php?newsid=1397995297&grpid=03&catid=
www.siamhealth.net/public_html/Disease/infectious
lms.thaicyberu.go.th/officialtcu/main/advcourse/presentstu/course/bm521/pantipa09_1/Virus/sar.htm