ตอนที่ผ่านมาอยู่ คห สุดท้ายค่ะ
แจ้งให้ทราบค่ะ
เนื่องจากว่าผู้เขียนรีไรท์เรื่องราวโดยการตัดทอนความยาวแต่ละตอนให้กระชับ และมีการยกเนื้อหาไปขึ้นตอนถัดไป
ทำให้ลำดับตอนเลื่อนออกค่ะ
หนึ่งใจในแผ่นดิน
ตอนที่ 33
อัชวินประหลาดใจกับข่าวที่กลางฝากตฤณมาบอกเรื่องการเสียชีวิตในเรือนจำของนายอำพันบิดาของเอื้อยนั้นอาจเป็นการฆาตกรรม แม้ว่าการตายของนัก
โทษจะเกิดขึ้นทุกวัน แต่ทุกครั้งจะมีการตรวจสอบการเสียชีวิตเพื่อความยุติธรรมของทุกฝ่าย แต่การตายของพ่อเด็กสาวที่แพทย์พิสูจน์ออกมาแล้วว่าเขา
หัวใจวายเพราะเสพยาเกินขนาดนั้นก็น่าสงสัยอยู่ไม่น้อย และหากมีการซื้อขายยาในเรือนจำจริงก็ต้องมีการเฝ้าจับตามองอย่างเข้มงวดและไม่มีทางรอดพ้น
สายจาผู้คุมไปได้เว้นเสียแต่...
“สารวัตรครับ ผมได้เอกสารข้อมูลประวัตินักโทษมาแล้วครับ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเคาะประตูแล้วเข้ามารายงานหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย อัชวินรับมา
อ่านโดยละเอียด ชื่อของนักโทษและรูปถ่ายที่โดนประทับตราเสียชีวิตคนนี้ถูกจับในข้อหาร่วมกระทำผิด ค้ายา ขายอาวุธ ลักพาตัว สารวัตรใหญ่ไล่ดูรูปถ่าย
ตำหนิทางร่างกาย หรือลักษณะเด่นของนักโทษชายคนนี้ทุกรูปทั้งรูปขณะที่ยังมีชีวิตและหลังเสียชีวิต จุดสังเกตที่เขามองเห็นตรงกับรูปพรรณสัณฐานที่
เด็กหนุ่มบอก
“แผลเป็นรูปดับเบิลยู” อัชวินเปรยพลางพลิกหน้าต่อไป
“นายอำพันถูกจับกุมที่เวสต์วูด...” เขาพลิกกลับไปดูรอยแผลเป็นนั้นอีกครั้ง รอยแผลเป็นที่ดูคล้ายรอยไหม้จากโดนของร้อน นี่อาจเป็นการคลายปมการ
ติดตามผู้ที่หลบหนีการจับกุมอีกหลายคนได้ อัชวินเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่ที่ได้รู้ว่าเขาจะสามารถกวาดล้างเชื้อเลวของนายพนาให้สิ้นซาก ที่แน่ๆก็ยังมีไอ้
คนที่เด็กหนุ่มนั่นบอกหนึ่งคน และเขาต้องการข้อมูลเพิ่มเพื่อให้มั่นใจมากขึ้น เขารีบสั่งการลูกน้องต่อทันที
“ผมต้องการประวัติของนักโทษที่ถูกจับกุมที่เวสต์วูดทั้งหมดทั้งที่ถูกจับเป็นและจับตาย”
“ทุกคนหรือครับ” เจ้าหน้าที่หนุ่มถามย้ำ
“ใช่ รวมถึงของนายพนาด้วยเช่นกัน และผมต้องการดูศพของนักโทษชายคนนี้ด้วย คุณติดต่อทางกรมทำเรื่องให้ผมขอเข้าไปดูร่างไร้วิญญาณของนายพนา
ให้ผมที”
********************
ทวีรัตน์มองไปรอบตัวที่หันไปทางไหนมีแต่ต้นไม้ใหญ่ พอหันหน้าตรงอีกทีก็เห็นแต่ไอ้คนที่จับตัวเขาไว้ จะร้องให้ใครช่วยกลางป่ากลางเขาแบบนี้ได้ ด้วย
มือที่ถูกมัดไพร่หลังด้วยเถาวัลย์แบบนี้หากจะวิ่งหนีก็คงตายในป่าได้เช่นกัน ความระบมของแผลที่เริ่มอักเสบกับขาที่ยังไม่แข็งแรงดีหลังอุบัติเหตุก็กลาย
เป็นตัวถ่วง อย่าว่าหนีจากไอ้นี่ให้พ้นเลย เขาไม่รู้ว่าไอ้คนที่พ่อจ้างมาจะตามมาปลิดชีพเขาก่อนที่จะได้บอกมันเรื่องที่เขาเป็นลูกนายทรงชัยหรือเปล่า
“อีกนานไหมวะกว่าจะถึงที่ๆเราจะไป” ทวีรัตน์ตะโกนถามคนที่นั่งดูดน้ำจากรอยบากของเถาวัลย์แต่ไม่มีคำตอบนอกจากการชายตามอง แต่เขาก็ต้องสะดุ้ง
เมื่อมันลุกพรวดพราดแล้วเดินมาทางเขาพร้อมกับเถาวัลย์และมีดพกราคาแพงในมือ
“อ้าปาก” เพลงพิณออกคำสั่ง
“อะไร แกเอาอะไรให้ข้ากิน”
“น้ำ จะกินไหมล่ะ ในป่าแบบนี้ใช่ว่าจะหาน้ำได้ง่ายๆ” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็น
ทวีรัตน์มองด้วยสายตาไม่ไว้ใจแต่เขาก็หิวน้ำเต็มที ในมือของมันคือเถาวัลย์ชนิดเดียวกับที่เขาเห็นมันใช้ปากดูดน้ำเมื่อกี้ เขายอมแหงนหน้าอ้าปากรับน้ำ
จากคนที่เขาคิดจะเอาชีวิตแลกความชอบกับพ่อ
หยาดน้ำไหลมาเป็นสายจากรอยบากของปลายมีดที่กรีดบนเถาวัลย์อุ้มน้ำนั้น ความเย็นมาพร้อมกับความสดชื่น เขาได้ลิ้มรสรสหวานของแร่ธาตุที่ถูกดูดซึม
จากดินสู่ลำต้นของมันจนนึกขอบคุณธรรมชาติที่ไม่โหดร้ายต่อสิ่งมีชีวิต
“ทำไมพอแกถึงต้องให้คนมาเอาชีวิตข้าถึงสองคน” เด็กหนุ่มใช้เท้าเกลี่ยใบไม้แห้งปกปิดร่องรอยของพวกเขาแล้วฉุดทวีรัตน์ให้ลุกขึ้นแล้วเดินต่อ หากอยู่ที่
นี่นาน เขาเกรงว่าชายคนนั้นจะตามมาพบ
“ข้าแส่เอง” ทวีรัตน์ตอบพลางเร่งก้าวให้ทันตามการฉุดลาก
“แส่” เพลงพิณทวนคำแล้วหัวเราะลั่นป่า “แส่จนได้เรื่องเลยสิท่า”
“แล้วทำไมพ่อแกต้องฆ่าข้าด้วย” เด็กหนุ่มตั้งคำถามอีกแต่ไม่มีคำตอบจากตัวประกัน วิธีการขู่แบบเดิมยังคงใช้ได้ดีกับทวีรัตน์ที่กลัวรูหูจะใหญ่กว้างไปกว่านี้
เมื่อเพลงพิณยกปลายมีดขึ้นขู่
“ข้า...ข้าไม่รู้ รู้แต่ว่ามีคนสั่งพ่อข้ามาอีกที”
“มันเป็นใคร !”
“ไม่รู้ ข้าไม่รู้จริงๆ” ทวีรัตน์เหล่ตามองปลายมีดอย่างเสียวไส้ เพลงพิณลดมีดลงมองปากสั่นๆของตัวประกันของเขา ดูเหมือนว่ามันคงไม่รู้จริงๆ แต่เขาไม่
ลดละเพียงแค่นี้ เขาก็ต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร เพราะหากการมีชีวิตของมันหนักหัวใครสักคนหนึ่งล่ะก็เขาคงจะบอกให้มันไปตัดหัวจากบ่าเสีย เพราะเขาจะ
ไม่มีวันให้ตัวเองตายก่อนที่จะได้ทดแทนคุณแม่
“แกต้องรู้มากกว่าที่ปากเอ็งพูด หรือถ้าเอ็งปิดปากเงียบนักแล้วถ้าข้าเกิดหมั่นไส้อาจแล่เนื้อเถือหนังเอ็งเป็นอาหารสัตว์แถวนี้” เสียงขู่ที่น่ากลัวของเขาทำ
ให้ทวีรัตน์ขนลุกขนชัน
“แกมันโหดมาเกิดหรือไงวะ !” เขากระถดตัวให้ห่างจากคนที่มีแผลเป็นตรงหางคิ้ว
“แกมันก็ห่วยมาเกิด !”
“เดินไปได้แล้ว !” เพลงพิณสั่งพร้อมกับการผลักหลัง แต่ในจังหวะนั้นเขาได้ยินเสียงรถเครื่องดังสนั่นทั่วป่า กับเสียงคนจำนวนมาก เด็กหนุ่มรีบเอามือปิด
ปากตัวประกันแล้วจับมันลากมาหลบหลังพุ่มไม้เพื่อมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น
“เจอไหมวะ !”
“ไม่เจอ ไม่มีร่องรอยคนเดินเท้าเลยด้วย !”
“คุณโท คุณโทครับ !”
“พ่อเอ็งส่งคนมารับกลับไปกินนมว่ะ” เด็กหนุ่มกระซิบกับตัวประกันที่พยายามส่งเสียงผ่านการปิดปาก แต่ก็ต้องหยุดเมื่อปลายมีดแหลมคมสะกิดเข้าที่แก้ม
“คุณโท !”
เสียงเรียกลูกชายเจ้านายยังดังต่อเนื่องสลับกับเสียงเครื่องยนต์ และหนึ่งในก๊วนนั้นทำให้เพลงพิณถึงกับอยากหยุดหายใจ ชายมือสังหารที่เขาหนีรอดมาได้
กำลังเดินลงจากยานพาหนะสองล้อแล้วกลาดสายตาไปทั่วบริเวณ
“ไหนแกบอกว่ามันน่าจะโดนงูกัดตายไปแล้วไงวะ” เสียงหนึ่งในนั้นตะโกนถาม
“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ หรือว่าเอ็งอยากให้ลูกนายทรงชัยตายห่าไปด้วย” มันตอบกลับโดยไม่เกรงกลัวใคร
“เฮ้ย ! ทำงานพลาดแล้วยังปากดี ระวังไวเถอะ ถ้างานนี้ไม่สำเร็จ แกจะเดือดร้อน”
“หึ ข้าล่ะสงสัยนัก กะอีแค่เด็กผู้ชายคนเดียว นายทรงชัยถึงกับต้องลงทุนสร้างอุบัติเหตุหลอกๆให้รถคนงานคว่ำขนาดนั้น ข้าว่าข้าคงต้องขอขึ้นค่าตอบแทน
เสียแล้วล่ะ”
“ที่มันพูดจริงหรือเปล่า !” เพลงพิณกระซิบเสียงเหี้ยม
“จริงหรือเปล่า !” ปลายมีดกดลึกจนเลือดไหลซึมออกจากใบหน้าของตัวประกันที่พยักหน้าช้าๆ
“แกอย่าพูดเสียงดังไป ในป่าแบบนี้ไม่รู้มีใครอยู่บ้าง” หนึ่งในนั้นพูดเตือน
“จะมีก็แต่เจ้าป่าเจ้าเขาล่ะโว้ย แต่จะทำอะไรข้าได้”
เด็กหนุ่มนึกแค้นใจนัก คนงานชลธารหลายคนต้องมาบาดเจ็บเพียงเพราะเขาคนเดียวอย่างนั้นหรือ การเอาชีวิตเขาคนเดียวยังไม่พอ พวกมันถึงขนาดต้อง
ลากเอาชีวิตคนอื่นมาเกี่ยวข้องด้วยแบบนี้เขาเกินจะทน เขาต้องรีบหาทางส่งข่าวที่ได้รับรู้นี้กับนายน้อยให้เร็วที่สุดแต่ในสภาวะกลางป่า และไร้เครื่องการ
ติดต่อสื่อสารแบบนี้เขาจะทำอย่างไร เป้าหมายที่จะหาทางเดินเท้ากลับไปยังหมู่บ้านช้างก็คงหนักเอาการ และถ้าย้อนกลับไปรังแต่จะสร้างความเดือดร้อน
ให้กับนายน้อย ซึ่งเขาไม่ต้องการให้ใครต้องมาเดือดร้อนอีก
หนึ่งใจในแผ่นดิน ตอนที่ 33
เนื่องจากว่าผู้เขียนรีไรท์เรื่องราวโดยการตัดทอนความยาวแต่ละตอนให้กระชับ และมีการยกเนื้อหาไปขึ้นตอนถัดไป
ทำให้ลำดับตอนเลื่อนออกค่ะ
ตอนที่ 33
อัชวินประหลาดใจกับข่าวที่กลางฝากตฤณมาบอกเรื่องการเสียชีวิตในเรือนจำของนายอำพันบิดาของเอื้อยนั้นอาจเป็นการฆาตกรรม แม้ว่าการตายของนัก
โทษจะเกิดขึ้นทุกวัน แต่ทุกครั้งจะมีการตรวจสอบการเสียชีวิตเพื่อความยุติธรรมของทุกฝ่าย แต่การตายของพ่อเด็กสาวที่แพทย์พิสูจน์ออกมาแล้วว่าเขา
หัวใจวายเพราะเสพยาเกินขนาดนั้นก็น่าสงสัยอยู่ไม่น้อย และหากมีการซื้อขายยาในเรือนจำจริงก็ต้องมีการเฝ้าจับตามองอย่างเข้มงวดและไม่มีทางรอดพ้น
สายจาผู้คุมไปได้เว้นเสียแต่...
“สารวัตรครับ ผมได้เอกสารข้อมูลประวัตินักโทษมาแล้วครับ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเคาะประตูแล้วเข้ามารายงานหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย อัชวินรับมา
อ่านโดยละเอียด ชื่อของนักโทษและรูปถ่ายที่โดนประทับตราเสียชีวิตคนนี้ถูกจับในข้อหาร่วมกระทำผิด ค้ายา ขายอาวุธ ลักพาตัว สารวัตรใหญ่ไล่ดูรูปถ่าย
ตำหนิทางร่างกาย หรือลักษณะเด่นของนักโทษชายคนนี้ทุกรูปทั้งรูปขณะที่ยังมีชีวิตและหลังเสียชีวิต จุดสังเกตที่เขามองเห็นตรงกับรูปพรรณสัณฐานที่
เด็กหนุ่มบอก
“แผลเป็นรูปดับเบิลยู” อัชวินเปรยพลางพลิกหน้าต่อไป
“นายอำพันถูกจับกุมที่เวสต์วูด...” เขาพลิกกลับไปดูรอยแผลเป็นนั้นอีกครั้ง รอยแผลเป็นที่ดูคล้ายรอยไหม้จากโดนของร้อน นี่อาจเป็นการคลายปมการ
ติดตามผู้ที่หลบหนีการจับกุมอีกหลายคนได้ อัชวินเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่ที่ได้รู้ว่าเขาจะสามารถกวาดล้างเชื้อเลวของนายพนาให้สิ้นซาก ที่แน่ๆก็ยังมีไอ้
คนที่เด็กหนุ่มนั่นบอกหนึ่งคน และเขาต้องการข้อมูลเพิ่มเพื่อให้มั่นใจมากขึ้น เขารีบสั่งการลูกน้องต่อทันที
“ผมต้องการประวัติของนักโทษที่ถูกจับกุมที่เวสต์วูดทั้งหมดทั้งที่ถูกจับเป็นและจับตาย”
“ทุกคนหรือครับ” เจ้าหน้าที่หนุ่มถามย้ำ
“ใช่ รวมถึงของนายพนาด้วยเช่นกัน และผมต้องการดูศพของนักโทษชายคนนี้ด้วย คุณติดต่อทางกรมทำเรื่องให้ผมขอเข้าไปดูร่างไร้วิญญาณของนายพนา
ให้ผมที”
********************
ทวีรัตน์มองไปรอบตัวที่หันไปทางไหนมีแต่ต้นไม้ใหญ่ พอหันหน้าตรงอีกทีก็เห็นแต่ไอ้คนที่จับตัวเขาไว้ จะร้องให้ใครช่วยกลางป่ากลางเขาแบบนี้ได้ ด้วย
มือที่ถูกมัดไพร่หลังด้วยเถาวัลย์แบบนี้หากจะวิ่งหนีก็คงตายในป่าได้เช่นกัน ความระบมของแผลที่เริ่มอักเสบกับขาที่ยังไม่แข็งแรงดีหลังอุบัติเหตุก็กลาย
เป็นตัวถ่วง อย่าว่าหนีจากไอ้นี่ให้พ้นเลย เขาไม่รู้ว่าไอ้คนที่พ่อจ้างมาจะตามมาปลิดชีพเขาก่อนที่จะได้บอกมันเรื่องที่เขาเป็นลูกนายทรงชัยหรือเปล่า
“อีกนานไหมวะกว่าจะถึงที่ๆเราจะไป” ทวีรัตน์ตะโกนถามคนที่นั่งดูดน้ำจากรอยบากของเถาวัลย์แต่ไม่มีคำตอบนอกจากการชายตามอง แต่เขาก็ต้องสะดุ้ง
เมื่อมันลุกพรวดพราดแล้วเดินมาทางเขาพร้อมกับเถาวัลย์และมีดพกราคาแพงในมือ
“อ้าปาก” เพลงพิณออกคำสั่ง
“อะไร แกเอาอะไรให้ข้ากิน”
“น้ำ จะกินไหมล่ะ ในป่าแบบนี้ใช่ว่าจะหาน้ำได้ง่ายๆ” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็น
ทวีรัตน์มองด้วยสายตาไม่ไว้ใจแต่เขาก็หิวน้ำเต็มที ในมือของมันคือเถาวัลย์ชนิดเดียวกับที่เขาเห็นมันใช้ปากดูดน้ำเมื่อกี้ เขายอมแหงนหน้าอ้าปากรับน้ำ
จากคนที่เขาคิดจะเอาชีวิตแลกความชอบกับพ่อ
หยาดน้ำไหลมาเป็นสายจากรอยบากของปลายมีดที่กรีดบนเถาวัลย์อุ้มน้ำนั้น ความเย็นมาพร้อมกับความสดชื่น เขาได้ลิ้มรสรสหวานของแร่ธาตุที่ถูกดูดซึม
จากดินสู่ลำต้นของมันจนนึกขอบคุณธรรมชาติที่ไม่โหดร้ายต่อสิ่งมีชีวิต
“ทำไมพอแกถึงต้องให้คนมาเอาชีวิตข้าถึงสองคน” เด็กหนุ่มใช้เท้าเกลี่ยใบไม้แห้งปกปิดร่องรอยของพวกเขาแล้วฉุดทวีรัตน์ให้ลุกขึ้นแล้วเดินต่อ หากอยู่ที่
นี่นาน เขาเกรงว่าชายคนนั้นจะตามมาพบ
“ข้าแส่เอง” ทวีรัตน์ตอบพลางเร่งก้าวให้ทันตามการฉุดลาก
“แส่” เพลงพิณทวนคำแล้วหัวเราะลั่นป่า “แส่จนได้เรื่องเลยสิท่า”
“แล้วทำไมพ่อแกต้องฆ่าข้าด้วย” เด็กหนุ่มตั้งคำถามอีกแต่ไม่มีคำตอบจากตัวประกัน วิธีการขู่แบบเดิมยังคงใช้ได้ดีกับทวีรัตน์ที่กลัวรูหูจะใหญ่กว้างไปกว่านี้
เมื่อเพลงพิณยกปลายมีดขึ้นขู่
“ข้า...ข้าไม่รู้ รู้แต่ว่ามีคนสั่งพ่อข้ามาอีกที”
“มันเป็นใคร !”
“ไม่รู้ ข้าไม่รู้จริงๆ” ทวีรัตน์เหล่ตามองปลายมีดอย่างเสียวไส้ เพลงพิณลดมีดลงมองปากสั่นๆของตัวประกันของเขา ดูเหมือนว่ามันคงไม่รู้จริงๆ แต่เขาไม่
ลดละเพียงแค่นี้ เขาก็ต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร เพราะหากการมีชีวิตของมันหนักหัวใครสักคนหนึ่งล่ะก็เขาคงจะบอกให้มันไปตัดหัวจากบ่าเสีย เพราะเขาจะ
ไม่มีวันให้ตัวเองตายก่อนที่จะได้ทดแทนคุณแม่
“แกต้องรู้มากกว่าที่ปากเอ็งพูด หรือถ้าเอ็งปิดปากเงียบนักแล้วถ้าข้าเกิดหมั่นไส้อาจแล่เนื้อเถือหนังเอ็งเป็นอาหารสัตว์แถวนี้” เสียงขู่ที่น่ากลัวของเขาทำ
ให้ทวีรัตน์ขนลุกขนชัน
“แกมันโหดมาเกิดหรือไงวะ !” เขากระถดตัวให้ห่างจากคนที่มีแผลเป็นตรงหางคิ้ว
“แกมันก็ห่วยมาเกิด !”
“เดินไปได้แล้ว !” เพลงพิณสั่งพร้อมกับการผลักหลัง แต่ในจังหวะนั้นเขาได้ยินเสียงรถเครื่องดังสนั่นทั่วป่า กับเสียงคนจำนวนมาก เด็กหนุ่มรีบเอามือปิด
ปากตัวประกันแล้วจับมันลากมาหลบหลังพุ่มไม้เพื่อมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น
“เจอไหมวะ !”
“ไม่เจอ ไม่มีร่องรอยคนเดินเท้าเลยด้วย !”
“คุณโท คุณโทครับ !”
“พ่อเอ็งส่งคนมารับกลับไปกินนมว่ะ” เด็กหนุ่มกระซิบกับตัวประกันที่พยายามส่งเสียงผ่านการปิดปาก แต่ก็ต้องหยุดเมื่อปลายมีดแหลมคมสะกิดเข้าที่แก้ม
“คุณโท !”
เสียงเรียกลูกชายเจ้านายยังดังต่อเนื่องสลับกับเสียงเครื่องยนต์ และหนึ่งในก๊วนนั้นทำให้เพลงพิณถึงกับอยากหยุดหายใจ ชายมือสังหารที่เขาหนีรอดมาได้
กำลังเดินลงจากยานพาหนะสองล้อแล้วกลาดสายตาไปทั่วบริเวณ
“ไหนแกบอกว่ามันน่าจะโดนงูกัดตายไปแล้วไงวะ” เสียงหนึ่งในนั้นตะโกนถาม
“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ หรือว่าเอ็งอยากให้ลูกนายทรงชัยตายห่าไปด้วย” มันตอบกลับโดยไม่เกรงกลัวใคร
“เฮ้ย ! ทำงานพลาดแล้วยังปากดี ระวังไวเถอะ ถ้างานนี้ไม่สำเร็จ แกจะเดือดร้อน”
“หึ ข้าล่ะสงสัยนัก กะอีแค่เด็กผู้ชายคนเดียว นายทรงชัยถึงกับต้องลงทุนสร้างอุบัติเหตุหลอกๆให้รถคนงานคว่ำขนาดนั้น ข้าว่าข้าคงต้องขอขึ้นค่าตอบแทน
เสียแล้วล่ะ”
“ที่มันพูดจริงหรือเปล่า !” เพลงพิณกระซิบเสียงเหี้ยม
“จริงหรือเปล่า !” ปลายมีดกดลึกจนเลือดไหลซึมออกจากใบหน้าของตัวประกันที่พยักหน้าช้าๆ
“แกอย่าพูดเสียงดังไป ในป่าแบบนี้ไม่รู้มีใครอยู่บ้าง” หนึ่งในนั้นพูดเตือน
“จะมีก็แต่เจ้าป่าเจ้าเขาล่ะโว้ย แต่จะทำอะไรข้าได้”
เด็กหนุ่มนึกแค้นใจนัก คนงานชลธารหลายคนต้องมาบาดเจ็บเพียงเพราะเขาคนเดียวอย่างนั้นหรือ การเอาชีวิตเขาคนเดียวยังไม่พอ พวกมันถึงขนาดต้อง
ลากเอาชีวิตคนอื่นมาเกี่ยวข้องด้วยแบบนี้เขาเกินจะทน เขาต้องรีบหาทางส่งข่าวที่ได้รับรู้นี้กับนายน้อยให้เร็วที่สุดแต่ในสภาวะกลางป่า และไร้เครื่องการ
ติดต่อสื่อสารแบบนี้เขาจะทำอย่างไร เป้าหมายที่จะหาทางเดินเท้ากลับไปยังหมู่บ้านช้างก็คงหนักเอาการ และถ้าย้อนกลับไปรังแต่จะสร้างความเดือดร้อน
ให้กับนายน้อย ซึ่งเขาไม่ต้องการให้ใครต้องมาเดือดร้อนอีก