หนึ่งใจในแผ่นดิน ตอนที่ 32 (ลำดับตอนเลื่อนเพราะมีการรีไรท์ค่ะ)

กระทู้สนทนา
แจ้งให้ทราบค่ะ
เนื่องจากว่าผู้เขียนรีไรท์เรื่องราวโดยการตัดทอนความยาวแต่ละตอนให้กระชับ และมีการยกเนื้อหาไปขึ้นตอนถัดไป
ทำให้ลำดับตอนเลื่อนออกค่ะ ในตอนที่ 32 นี้เป็นตอนที่ต่อจากตอนที่ 21 (ก่อนรีไรท์)


สำหรับตอนที่ผ่านมา ลงลิงค์ใน คห ด้านล่างค่ะ


หนึ่งใจในแผ่นดิน
ตอนที่ 32



ช่างน้อยมองก้องปฐพีที่นิ่งเงียบมานานหลังเจ้าหนี้แจ้งผลการตรวจการก่อสร้าง ทุกเรือนผ่านยกเว้นเรือนพิเศษหลังนั้นที่ต้องรื้อถอนส่วนที่ต่อเติม เอกรัตน์

คงคิดไว้อยู่แล้วตั้งแต่แรก แต่เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนายนั่นถึงเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดต้องให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ

“ผมคงต้องบอกผู้ใหญ่ฯ และคุณป้าเจ้าของเรือนด้วยว่าผมและเจ้าหน้าที่นั้นทำตามหน้าที่ การต่อเติมผิดแบบอาจเกิดอันตรายกับผู้อยู่อาศัยได้ ดังนั้นผมขอ

ให้มีการรื้อถอนและให้ชลธารทำการยื่นแบบให้ผ่านเสียก่อนแล้วจึงทำใหม่” เอกรัตน์อธิบายด้วยใบหน้าเรียบ แต่แววตาที่ส่งผ่าเลนส์สายตาใสนั้นกลับแสดง

อารมณ์เย้ยให้เจ้าของงานเห็น

“มันก็ต้องทำตามกฎใช่ไหมล่ะพ่อเอก” ผู้ใหญ่บ้านไม่มีอะไรจะพูด แล้วหันไปมองทางหญิงเจ้าของเรือนที่ทำหน้าไม่สู้ดีนัก ชาวบ้านตาดำๆที่ไม่รู้กฎบท

กฎหมายอย่างเธอจะมีสิทธิ์เถียงอะไรกับเจ้าหน้าที่และนักการเมืองได้

“ตามจริงแล้ว ยังมีอีกหลายประเด็นที่เราต้องตรวจสอบ ทั้งเรื่องความถูกต้องของโครงสร้าง และถ้าจะให้ตรวจให้ละเอียดจริงก็ต้องตรวจไปถึงไม้ที่เอา

มาสร้างกันเลยครับ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเอ่ย

“แล้วตกลง จะยังไงกันล่ะฮะพ่อหนุ่ม” ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจแล้วถามกลับ

“ผมจะช่วยคุยกับทางหัวหน้าผู้รับผิดชอบให้ครับผู้ใหญ่” นักการเมืองท้องถิ่นออกตัวทันที แต่ผมเห็นว่าถ้าให้คนจากราชการมาทำงาน จะได้แบบที่ตรงตาม

มาตรฐานกว่า และก็ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบซ้ำ

เสียงแค่นหัวเราะดังจากชายหนุ่มร่างใหญ่ที่นั่งเงียบอยู่นาน “ถ้าสิ่งที่ผมทำมันต้องตรวจซ้ำ แต่หากพวกคุณทำเองไม่ต้องตรวจซ้ำ ผมว่ามันก็ไม่ยุติธรรม

สำหรับคนทำอาชีพแบบผม”

“ความยุติธรรมมันก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง !” เอกรัตน์เอ่ยแทรกทันที

“ความถูกต้องก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของอะไรล่ะครับ เอกสารที่ผมยื่นก็ยื่นกับพวกคุณ ผลการอนุมัติพวกคุณก็เป็นคนอนุมัติให้ผม ทุกอย่างทำถูกต้องตามขั้น

ตอน ผมอยากรู้นักว่าพวกคุณทำงานด้วยความถูกต้องหรือถูกใจกันแน่” ก้องปฐพีโต้ตอบกลับ

“พ่อหนุ่มหยุดเถอะ” ผู้ใหญ่บ้านเอามือมาวางบนหลังมือของชายหนุ่มที่กำลังร้อนด้วยอารมณ์

“จะถูกต้องหรือถูกใจก็แล้วแต่ ฉันแค่อยากรู้ว่าชาวบ้านจะเข้าไปอยู่อาศัยได้หรือเปล่า” ผู้ใหญ่บ้านขอพูดถึงความลำบากของลูกบ้านก่อนที่จะเกิดการถก

เถียงกัน

“ผมคงต้องให้ชาวบ้านย้ายไปพักที่เทศบาลชั่วคราว จนกว่าเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเสร็จ”

เสียงฮือฮาดังขึ้นที่ด้านนอกเรือนผู้ใหญ่ ชาวบ้านหลายคนที่นั่งฟังการเจรจาต่างไม่พอใจคำพูดของชายหนุ่ม

“ใจเย็นๆครับ ทุกครับ ผมจะจัดสถานที่ให้ทุกคนอาศัยที่นั่นชั่วคราวเหมือนกับอยู่บ้านเลยครับ” เอกรัตน์เอ่ย

“บ้านข้าอยู่ที่นี่ !” ควาญช้างคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงโมโห

“ข้ายอมนอนตากน้ำค้างที่นี่ดีกว่าไปนอนที่อื่น !”     

“มันอาจไม่ใช่ทุกหลังที่ห้ามอยู่อาศัยนะครับ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งแก้ข้อมูล “แต่ถ้าจะให้เร็ว เรือนที่เหลือควรจะให้คนของทางการมาทำตั้งแต่เขียนแบบสร้าง

ป้องกันการเกิดเหตุซ้ำจะดีมาก”

“ดูเหมือนว่า พวกคุณอยากเข้ามาทำจนเนื้อตัวสั่น” เสียงประชดประชันของก้องปฐพีเรียกแววตารังเกียจจากเอกรัตน์ได้อีกครั้ง

“หึ ในเมื่อแกก็รู้สึกแบบนั้น ทำไมแกไม่ขนคนของแกกลับไป พวกเราจะได้ทำงานกันเลย” ชายสี่ตามีหรือจะยอมถูกพูดฝ่ายเดียว หากสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมานั้น

ตรงประเด็นเสียจนเขาไม่อยากอ้อมค้อมให้เสียเวลาเช่นกัน

“เอาตามจริงแล้ว ผมมาด้วยความสมัครใจ และหากผมจะไปผมก็ต้องสมัครใจไปเช่นกัน แต่ถ้าคุณสมัครใจจะมาทำแทนชลธาร คุณก็ต้องสมัครใจเสียค่าใช้

จ่ายทั้งหมดเอง หวังว่าคุณคงรู้ข้อนี้ดีอยู่ก่อนแล้วนะครับ”

“ถ้าคุณก้องไม่อยู่ แล้วใครจะทำบ้านของฉันล่ะ” คุณป้าเจ้าของเรือนพิเศษพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า

“ผมยินดีทำให้ตลอดเวลา หากคุณป้าต้องการให้ผมทำให้” ชายหนุ่มพูดปลอบใจ “เอาเป็นว่าตอนนี้ผมขอหยุดงานของชลธารจนกว่าเราจะรู้ข้อสรุปจากคุณ

เจ้าหน้าที่และคุณเอกรัตน์”

“หรือถ้าใครต้องการคุยกับผมส่วนตัว แบบตัวต่อตัวผมก็ยินดีให้ข้อมูลทั้งเพื่อประโยชน์ส่วนรวมหรือส่วนตัว” ก้องปฐพีหันไปมองอีกฝ่าย

“แกหมายความว่าไง !” เป็นเขาอีกครั้งที่ทนการพูดเหน็บแนมไม่ได้

“ก็หมายความตามที่พูด !”

“ข้าทำเพื่อส่วนรวม ไม่ได้ทำเพื่อส่วนตัว !”

“นั่นน่ะสิครับ ผมก็พูดเพื่อส่วนรวมไม่ได้พูดเพื่อส่วนตัว !”

“เอ้อ...นี่มันก็เรือนผู้ใหญ่บ้านเป็นที่ส่วนรวม ถ้าอยากคุยกันเป็นการส่วนตัว เชิญข้างล่าง !” ผู้ใหญ่บ้านเริ่มเหลืออดกับสองหนุ่มเสียแล้ว เห็นหน้ากันไม่ได้

เป็นต้องมีเรื่องกันทุกครั้งไป

ก้องปฐพีเบะปากใส่อย่างน่าหมั่นไส้ แต่เอกรัตน์กลับต้องเก็บท่าทีไว้หลังรู้ตัวว่าแสดงอารมณ์ต่อหน้าคนอื่นมากเกินไป การเป็นนักการเมืองที่ต้องรักษาภาพ

พจน์แบบนี้ทำให้อึดอัดนัก ถ้าไม่ติดว่าจะมีผลต่อภาพพจน์ เขาจะลุกขึ้นไปท้ามันต่อยตอนนี้เสียให้ได้

“ผมไม่มีอะไรต้องพูดกับคนอย่างนั้นแล้ว” เอกรัตน์หันไปทางผู้ใหญ่  “เพราะธุระของผมคือการพาเจ้าหน้าที่มาตรวจงานที่นี่ ส่วนผลการตรวจเจ้าหน้าที่

จะแจ้งให้ทราบเอง”  

นักการเมืองหนุ่มและเจ้าหน้าบอกลาผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านที่ยังคงทำสีหน้าไม่พอใจ แม้เอกรัตน์จะรู้สึกแย่เพียงใดแต่ถ้าสิ่งไหนที่ทำให้ก้องปฐพีขยับ

ออกห่างหญิงคนรักเขาก็จะทำ

“ถ้ายังไงก็รีบแจ้งผลมาไวหน่อย อย่าช้านัก” ผู้ใหญ่บ้านออกปากกับเอกรัตน์

“ไม่ต้องห่วงครับ ถ้าทุกอย่างถูกต้องอะไรๆมันก็เร็ว” เขาบอกผู้นำชุมชนอาวุโส

“จะถูกหรือผิดก็ขอให้เร็ว เพราะถ้าเรารู้ผลแล้วจะได้รีบแก้ไขถ้ามันผิดจริง” นายน้อยของชลธารพูดทันที

เอกรัตน์มองหน้าผู้พูดอย่างเย้ยหยันก่อนเอ่ยตอบวาจา “ผิดก็คือผิด จะแก้ไขให้มันถูกหรือสร้างใหม่ทดแทนมันก็ยังมีภาพความผิดหลงเหลืออยู่”

รอยยิ้มร้ายที่มุมปากส่งให้กับอริหัวใจโดยเฉพาะก่อนขยับแว่นกรอบสีทอง แววตาแข็งกล้าของสองชายหนุ่มประสานกันอย่างไม่มีใครยอมกัน

“แหม แต่พอดีเป็นคนชอบลองผิดลองถูกเสียด้วยสิ โดยเฉพาะความผิดที่ไม่มีใครเขาทำกันอย่างเช่น...ผิดศีลนี่ของถนัด”

วาจาจากก้องปฐพีที่ปนน้ำเสียงยียวนได้ใจเรียกความเครียดให้กับเจ้าของสถานที่ส่วนรวมแห่งนี้ได้ดีนัก แน่นอนว่าผู้ถูกกระทบกระเทียบก็รู้สึกถึงการกวน

ประสาทในคำพูดนั้นได้เป็นอย่างดี เอกรัตน์กำหมัดแน่นเพื่อข่มใจตัวเองไว้ไม่ให้อารมณ์ที่มันพลุ่งพล่านมาทำลายชื่อเสียงและเกียรติของตัวเอง การโต้

ตอบกับมันคนนี้คงไม่จบง่ายๆเพียงแค่คำพูดเชือดเฉียด และเขาต้องการโต้ตอบมันให้เจ็บมากกว่านั้น ให้เจ็บราวกับหัวใจโดนบีบเค้นเหมือนกับเขาที่เป็น

อยู่ ณ วินาทีนี้

“ผู้ใหญ่ฯ ผมขอลาเพียงแค่นี้” เอกรัตน์เอ่ยโดยไม่มองหน้าผู้ถูกกล่าวลาเพราะไม่อยากหันไปพบกับต้นเหตุแห่งความเจ็บปวด

นักการเมืองหนุ่มเดินลงจากเรือนกล่าวลาเจ้าหน้าทุกคนก่อนเคลื่อนรถออกจากหมู่บ้านแห่งนี้ทันทีโดยไม่แวะเวียนไปหาหญิงสาวเหมือนทุกครั้งยามที่เขา

มาที่นี่ นับจากวันนั้นเขาก็ไม่ได้ไปพบเธออีก ชายหนุ่มยังคงทำใจไม่ได้และเกรงกลัวอารมณ์ร้ายของตัวเองจะทำทุกอย่างพังลงเป็นหนที่สอง  

เสียงสายเรียกข้าวของโทรศัพท์หยุดความคิดฟุ้งซ่านของเขาได้ชั่วครู่ เอกรัตน์มองดูชื่อสายเรียกเข้าแล้วรับสายนั้นทันที

“สวัสดีครับคุณดารา”

“ได้ครับผมไม่มีธุระที่ไหน”

“ที่เดิมนะครับ แล้วพบกันครับ” เขาวางสายนั้นแล้วเหยียบคันเร่งบึ่งไปตามถนนสายชนบท นัดของเขากับหญิงงามที่เพิ่งเกิดอาจช่วยบรรเทาความขุ่นมัวใน

ใจไปได้บ้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่