ต้องขอกบอก่อนเลยว่า ไม่ได้ต้องการจะโจมตีหรืออะไรทั้งสิ้น แค่อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเฉยๆ
สืบเนื่องจาก มีวันนึงตัวผมสนใจที่จะเข้าไปอ่านเกี่ยวกับ เบื้องลึกเบื้องหลังพวกการทำงานผ่านเน็ต ว่ามันเป็นอย่างไร มีผลกระทบอย่างไร ผู้ที่เข้าไปทำแล้ว เจออะไรบ้าง ก็อ่านๆไปประดับความรู้ทั้งด้านดีและไม่ดี
แต่เผอิญได้สังเกตเห็นถึงความคิดเห็นของหลายๆที่ได้เข้าไปทำงานตรงจุดนั้น พูดถึงหนังสือ "พ่อร๊วยๆรวยๆสอนบุตรชาย" (นามสมมุตินะ ขำๆ) ในการอ้างอิงและเชิญชวนให้คนเข้าไปทำธุรกิจประเภทนี้บ่อยๆ ชวนให้รู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้มันมีผลต่อการเปลี่ยนความคิดของเราจริงๆนะ
ตัวผมเองก็เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ เนื้อหาจะเกี่ยวกับ คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทำงานเกี่ยวกับการลงทุน มองเรื่องมุมมองของคนรวย การลงทุน การอยู่ในตำแหน่ง เจ้าของกิจการตัวเอง ลูกจ้าง ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ บลาๆ ส่วนนึงจะพูดถึง การมีกระแสเงินสด คือการลงทุนที่ทำงานแล้วได้เงิน หลังจากนั้นก็ให้เงินทำงานแทนเรา เราก็เหมือนไม่ต้องทำงานอีก ความรู้เรื่องเงินเป็นสิ่งสำคัญ การก้มหน้าก้มตาเรียนๆไป จบปริญญา หางานทำ เป็นลูกจ้าง หรือไปเรียนต่อ เป็นวงจรที่ไม่สามารถทำให้เรารวยได้ พูดถึงความสำคัญของความรู้ทางการเงิน
อ่านแล้ว โอ้โหวววว แทบจะไม่อยากเรียนหนังสือต่อ แล้วไปทำธุรกิจตัวเองเลย มีโอกาสอ่านตอนช่วงใกล้จบ ม.6 และไปเอ็นเข้ามหาลัย จากที่เรียนสายวิย์-คณิต์ก็ ทำให้อยากเลือกเรียนพวกสายการเงินไปเลย แล้วก็ได้เรียนในสายนั้นจริงๆ แต่โชคดีตรงที่ว่า เรียนไปแล้วมันใช่ตัวเราจริงๆ และมีโอกาสมองกลับมาตอนที่กำลังโดนเนื้อหาในหนังสือล้างสมองว่า การออกมาศึกษาเองสำคัญกว่า ก็รู้สึกขำๆดี 55+
แต่ทว่า ช่วงปิดเทอมตอน ปี 1 ก็มีโอกาสได้มาเจอเพื่อนเก่าคนนึง เจอกันเค้าก็เล่าๆๆๆ พูดๆให้ฟัง ว่าเค้าไปเจอข้อมูลดีๆว่า การทำธุรกิจเลย ไม่ต้องเรียนดีกว่าการเข้าสู่ระบบเดิมๆ บลาๆ ฟังแล้วก็ เอ๊ะ! ทำไมมันดูคุ้นๆจังฟะ คุยไปคุยมาก็เลยรู้ว่า เค้าก็อ่านหนังสือเล่มนี้อยู่เหมือนกัน แล้วตอนนี้ เค้าก็ออกจากมหาลัยที่เค้ากำลังเรียนอยู่แล้ว เพราะหนังสือเล่มนี้ !!! 0.0!! เอาจริงแบบสุดๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรกัน เพราะถือเป็นสิทธิของเค้า
ทำให้รู้สึกว่า เนื้อหาในหนังสือนี้มันดีจริงๆนั่นแหละ มันให้มุมมองที่แตกต่างดีในการคิด แต่ก็น่าจะใจเย็นๆมีสติคิดดีๆก่อนจะทำอะไรเพียงเพราะได้รับแรงกระตุ้นแค่นี้ โดยส่วนตัวหนังสือเหมือนจะบอกให้เราออกจากกรอบเดิมๆที่สังคมเป็นอยู่ เรื่องความเชื่อว่าเรียนสูงๆแล้วก็หางานทำเป็นอะไรที่ผิด สู้ออกมาศึกษาเอง เอาแต่ที่จำเป็นแล้วลงทุนธุรกิจไปเลยเสียดีกว่า ถูกนะ จากเนื้อหา แต่ก็คงไม่ถูกทั้งหมด เหมือนพอมองกลับไปยังเพื่อนคนนั้นที่พยายามที่จะกระตือรือร้นที่จะเริ่มธุรกิจของตัวเอง ออกจากเรียนและพยายามออกนอกกรอบเหมือนอย่างเค้า แต่ความคิดเห็นส่วนตัวของผมก็รู้สึกว่า ก่อนที่เราจะออกนอกกรอบกันไป เราควรทำความรู้จักกับกรอบสังคมเหล่านี้กันก่อนดีไหม ว่ามันเป็นอย่างไร มีขอบเขตถึงไหน ให้อะไรเราได้บ้าง และในเจ่ากรอบสังคมที่ในหนังสือกล่าวอ้างนี้ มีวิธี่ที่จะไปสู่ความสำเร็จได้เหมือนกัน และอย่างไรบ้าง เมื่อเรารู้และเข้าใจมันเป็นอย่างดี จึงค่อยริเริ่มสร้างหนทางเดินของตัวเองขึ้นมาใหม่ แล้วก็ออกเดินต่ออย่างมั่นใจได้ ก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร
ในใจรู้สึกเสียดายแทนเพื่อนที่เค้าออกจากการเรียนเพราะหนังสือเล่มเดียว เพราะหลายๆคนอยากเรียนแต่ก็ไม่มีโอกาส ออกไปก็เคว้งคว้าง ยังไม่มีอะไรตอบได้ว่าเค้าจะประสบความสำเร็จอย่างคนเขียนหนังสือนั้น เพราะเค้าก็เป็นแค่คนส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จแต่ยังมีอีกหลายคนที่เดินไปทางเดียวกันแต่ก็อาจไม่ได้ดีเหมือนเค้า เพราะแต่ละคนก็มีต้นทุนชีวิตที่ไม่เท่ากัน ถึงจะอยากออกนอกกรอบ ทำธุรกิจหรือลุยงานเองดูบ้าง อย่างน้อยถ้าไม่ได้ทิ้งการเรียนไป ก็ยังพอแบ่งเวลามาศึกษาเรื่องพวกนี้ได้อยุ่ดี
เอามาเล่าให้ได้ฟังกันครับ มีใครเคยอ่านหนังสือเล่มนี้บ้าง ขอแชร์ประสบการณ์หน่อย 555+
ปล. ขอย้ำนะครับ ว่าไม่ได้ต้องการโจมตีหนังสือแต่อย่างใด เจตนาคือต้องการจะทำอะไรก็ขอให้มีสติก่อน โดยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังกันเฉยๆ ขอบคุรครับ
หนังสือล้างสมอง เตือนสติตัวเองดีๆ
สืบเนื่องจาก มีวันนึงตัวผมสนใจที่จะเข้าไปอ่านเกี่ยวกับ เบื้องลึกเบื้องหลังพวกการทำงานผ่านเน็ต ว่ามันเป็นอย่างไร มีผลกระทบอย่างไร ผู้ที่เข้าไปทำแล้ว เจออะไรบ้าง ก็อ่านๆไปประดับความรู้ทั้งด้านดีและไม่ดี
แต่เผอิญได้สังเกตเห็นถึงความคิดเห็นของหลายๆที่ได้เข้าไปทำงานตรงจุดนั้น พูดถึงหนังสือ "พ่อร๊วยๆรวยๆสอนบุตรชาย" (นามสมมุตินะ ขำๆ) ในการอ้างอิงและเชิญชวนให้คนเข้าไปทำธุรกิจประเภทนี้บ่อยๆ ชวนให้รู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้มันมีผลต่อการเปลี่ยนความคิดของเราจริงๆนะ
ตัวผมเองก็เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ เนื้อหาจะเกี่ยวกับ คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทำงานเกี่ยวกับการลงทุน มองเรื่องมุมมองของคนรวย การลงทุน การอยู่ในตำแหน่ง เจ้าของกิจการตัวเอง ลูกจ้าง ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ บลาๆ ส่วนนึงจะพูดถึง การมีกระแสเงินสด คือการลงทุนที่ทำงานแล้วได้เงิน หลังจากนั้นก็ให้เงินทำงานแทนเรา เราก็เหมือนไม่ต้องทำงานอีก ความรู้เรื่องเงินเป็นสิ่งสำคัญ การก้มหน้าก้มตาเรียนๆไป จบปริญญา หางานทำ เป็นลูกจ้าง หรือไปเรียนต่อ เป็นวงจรที่ไม่สามารถทำให้เรารวยได้ พูดถึงความสำคัญของความรู้ทางการเงิน
อ่านแล้ว โอ้โหวววว แทบจะไม่อยากเรียนหนังสือต่อ แล้วไปทำธุรกิจตัวเองเลย มีโอกาสอ่านตอนช่วงใกล้จบ ม.6 และไปเอ็นเข้ามหาลัย จากที่เรียนสายวิย์-คณิต์ก็ ทำให้อยากเลือกเรียนพวกสายการเงินไปเลย แล้วก็ได้เรียนในสายนั้นจริงๆ แต่โชคดีตรงที่ว่า เรียนไปแล้วมันใช่ตัวเราจริงๆ และมีโอกาสมองกลับมาตอนที่กำลังโดนเนื้อหาในหนังสือล้างสมองว่า การออกมาศึกษาเองสำคัญกว่า ก็รู้สึกขำๆดี 55+
แต่ทว่า ช่วงปิดเทอมตอน ปี 1 ก็มีโอกาสได้มาเจอเพื่อนเก่าคนนึง เจอกันเค้าก็เล่าๆๆๆ พูดๆให้ฟัง ว่าเค้าไปเจอข้อมูลดีๆว่า การทำธุรกิจเลย ไม่ต้องเรียนดีกว่าการเข้าสู่ระบบเดิมๆ บลาๆ ฟังแล้วก็ เอ๊ะ! ทำไมมันดูคุ้นๆจังฟะ คุยไปคุยมาก็เลยรู้ว่า เค้าก็อ่านหนังสือเล่มนี้อยู่เหมือนกัน แล้วตอนนี้ เค้าก็ออกจากมหาลัยที่เค้ากำลังเรียนอยู่แล้ว เพราะหนังสือเล่มนี้ !!! 0.0!! เอาจริงแบบสุดๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรกัน เพราะถือเป็นสิทธิของเค้า
ทำให้รู้สึกว่า เนื้อหาในหนังสือนี้มันดีจริงๆนั่นแหละ มันให้มุมมองที่แตกต่างดีในการคิด แต่ก็น่าจะใจเย็นๆมีสติคิดดีๆก่อนจะทำอะไรเพียงเพราะได้รับแรงกระตุ้นแค่นี้ โดยส่วนตัวหนังสือเหมือนจะบอกให้เราออกจากกรอบเดิมๆที่สังคมเป็นอยู่ เรื่องความเชื่อว่าเรียนสูงๆแล้วก็หางานทำเป็นอะไรที่ผิด สู้ออกมาศึกษาเอง เอาแต่ที่จำเป็นแล้วลงทุนธุรกิจไปเลยเสียดีกว่า ถูกนะ จากเนื้อหา แต่ก็คงไม่ถูกทั้งหมด เหมือนพอมองกลับไปยังเพื่อนคนนั้นที่พยายามที่จะกระตือรือร้นที่จะเริ่มธุรกิจของตัวเอง ออกจากเรียนและพยายามออกนอกกรอบเหมือนอย่างเค้า แต่ความคิดเห็นส่วนตัวของผมก็รู้สึกว่า ก่อนที่เราจะออกนอกกรอบกันไป เราควรทำความรู้จักกับกรอบสังคมเหล่านี้กันก่อนดีไหม ว่ามันเป็นอย่างไร มีขอบเขตถึงไหน ให้อะไรเราได้บ้าง และในเจ่ากรอบสังคมที่ในหนังสือกล่าวอ้างนี้ มีวิธี่ที่จะไปสู่ความสำเร็จได้เหมือนกัน และอย่างไรบ้าง เมื่อเรารู้และเข้าใจมันเป็นอย่างดี จึงค่อยริเริ่มสร้างหนทางเดินของตัวเองขึ้นมาใหม่ แล้วก็ออกเดินต่ออย่างมั่นใจได้ ก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร
ในใจรู้สึกเสียดายแทนเพื่อนที่เค้าออกจากการเรียนเพราะหนังสือเล่มเดียว เพราะหลายๆคนอยากเรียนแต่ก็ไม่มีโอกาส ออกไปก็เคว้งคว้าง ยังไม่มีอะไรตอบได้ว่าเค้าจะประสบความสำเร็จอย่างคนเขียนหนังสือนั้น เพราะเค้าก็เป็นแค่คนส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จแต่ยังมีอีกหลายคนที่เดินไปทางเดียวกันแต่ก็อาจไม่ได้ดีเหมือนเค้า เพราะแต่ละคนก็มีต้นทุนชีวิตที่ไม่เท่ากัน ถึงจะอยากออกนอกกรอบ ทำธุรกิจหรือลุยงานเองดูบ้าง อย่างน้อยถ้าไม่ได้ทิ้งการเรียนไป ก็ยังพอแบ่งเวลามาศึกษาเรื่องพวกนี้ได้อยุ่ดี
เอามาเล่าให้ได้ฟังกันครับ มีใครเคยอ่านหนังสือเล่มนี้บ้าง ขอแชร์ประสบการณ์หน่อย 555+
ปล. ขอย้ำนะครับ ว่าไม่ได้ต้องการโจมตีหนังสือแต่อย่างใด เจตนาคือต้องการจะทำอะไรก็ขอให้มีสติก่อน โดยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังกันเฉยๆ ขอบคุรครับ